การบริหารเวลา: เคล็ดลับการบริหารเวลา การบริหารเวลา: การบริหารเวลา การบริหารเวลาเป็นเส้นทางสู่ความสำเร็จที่มีประสิทธิภาพ
ประสิทธิภาพส่วนบุคคลเป็นความลับหลักของความสำเร็จในทุกเรื่อง และขึ้นอยู่กับความสามารถในการกระจายทรัพยากรเวลาอย่างถูกต้อง การบริหารเวลาสามารถศึกษาและวางแผนได้ทางวิทยาศาสตร์ มีเทคนิคพิเศษที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดสรรเวลาได้อย่างถูกต้องเพื่อให้มีเพียงพอสำหรับทุกสิ่ง
แนวคิดการจัดการเวลา
เมื่อแรกเกิดบุคคลจะได้รับทรัพยากร - เวลาที่ไม่เหมือนใครและไม่สามารถถูกทดแทนได้ ความสำเร็จในธุรกิจและประสิทธิผลของบุคคลมักขึ้นอยู่กับวิธีจัดการธุรกิจ การบริหารเวลาหรือการบริหารเวลาเป็นกระบวนการหลายขั้นตอนซึ่งรวมถึงทักษะการวางแผน การวิเคราะห์ และการจัดกระบวนการ
แนวคิดเรื่องการบริหารเวลาไม่ใช่เรื่องใหม่เลย ย้อนกลับไปในปีแรกของยุคของเรา เซเนกา นักปรัชญาชาวโรมันเขียนว่าเวลาต้องมีทัศนคติที่พิเศษ และกำหนดกฎข้อแรกของการบริหารเวลา: คุณต้องจดบันทึกเวลาไว้ คุณต้องประเมินว่าเวลาที่ใช้ไปมีประโยชน์อย่างไร และช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ ต่อมานักปรัชญาคิดมากกว่าหนึ่งครั้งเกี่ยวกับวิธีการยึดมั่นกับเวลาที่ไหลลื่นหยิบยกทฤษฎีและคิดค้นวิธีการในการอนุรักษ์และใช้จ่ายอย่างมีเหตุผล
แต่แนวทางทางวิทยาศาสตร์ในการจัดการทรัพยากรนี้ปรากฏเฉพาะในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 19 และ 20 เท่านั้น เฟรเดอริก เทย์เลอร์ วิศวกรชาวอเมริกัน เสนอแนวคิดเรื่องการบริหารเวลาของพนักงาน และเชื่อมโยงกระบวนการนี้เข้ากับแรงจูงใจและการตั้งเป้าหมาย นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ได้สร้างทิศทางทั้งหมดที่เรียกว่า "องค์กรแรงงานทางวิทยาศาสตร์" และวางรากฐานที่สำคัญสำหรับทฤษฎีการจัดการเวลาสมัยใหม่ คำว่า "การบริหารเวลา" ปรากฏเฉพาะในทศวรรษที่ 70 ของศตวรรษที่ 20 และเมื่อต้นศตวรรษที่ 21 อุตสาหกรรมนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดและได้รับการพัฒนาอย่างดีของการจัดการ
ประเภทของเวลา
เพื่อที่จะจัดการบางสิ่งบางอย่าง คุณต้องเข้าใจแก่นแท้ของวัตถุ เวลาเป็นเป้าหมายหนึ่งของการจัดการ เพื่อที่จะใช้มันอย่างชาญฉลาด มันคุ้มค่าที่จะแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ การจำแนกประเภทแรกขึ้นอยู่กับแนวคิดเรื่องการทำงานและการพักผ่อน ในกรณีนี้ เวลาจะแบ่งออกเป็นการทำงานและการพักผ่อน หรือเวลาว่าง การจัดการฤดูกาลทำให้คุณสามารถแยกแยะประเภทต่างๆ เช่น เวลาตามฤดูกาล: ฤดูกาลสูงและต่ำของการใช้เวลา
คุณยังสามารถจัดประเภททรัพยากรเวลาโดยขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทรัพยากรนั้นทุ่มเท จากนั้นจึงจัดสรรเวลาทำงาน เวลาส่วนตัว และทางสังคม เวลาทำงานใช้เวลาในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ การวางแผน เวลาส่วนตัว ได้แก่ การพักผ่อน การศึกษา ความบันเทิง และเวลาทางสังคมใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูง และการติดต่อสื่อสารต่างๆ เมื่อพูดถึงการวางแผนมักจะคำนึงถึงเวลาทำงานด้วยแม้ว่าแน่นอนว่าจำเป็นต้องใช้ทักษะที่ได้รับจากการใช้เวลาอย่างประหยัดกับเวลาทุกประเภท
ฟังก์ชั่นการจัดการเวลา
ฝ่ายบริหารใด ๆ ทำหน้าที่หลัก - การใช้ทรัพยากรอย่างมีเหตุผล หน้าที่ของการบริหารเวลาคือการวางแผน แจกจ่าย และใช้ทรัพยากรที่ไม่หมุนเวียนนี้ การบริหารเวลาเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้การใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานของบุคคลหรือพนักงาน หน้าที่หลักของการบริหารเวลาคือการวางแผนการใช้เวลา การจัดกระบวนการใช้เวลา ติดตามการปฏิบัติตามหลักการ และบันทึกรายจ่ายด้านเวลา
ประโยชน์ของการใช้การบริหารเวลา
การบริหารเวลามีประโยชน์เชิงบวกหลายประการ เพื่อให้บรรลุความสำเร็จในกิจกรรมใด ๆ คุณต้องเรียนรู้วิธีใช้เวลาอย่างถูกต้อง ผู้ที่เชี่ยวชาญเทคโนโลยีการจัดการเวลาจะได้รับประโยชน์ดังต่อไปนี้:
- บรรลุเป้าหมายเร็วขึ้นและบ่อยขึ้น
- เขาสร้างสถานการณ์ในชีวิตของเขาและสามารถควบคุมมันได้
- สามารถบรรลุเป้าหมายและความสำเร็จในทุกกิจกรรม
- ประสบกับความรู้สึกประหม่าน้อยลงเนื่องจากชีวิตของเขาไม่มีที่สำหรับความยุ่งยากและความเร่งรีบ
- มีเวลาเพียงพอในการศึกษาตนเองและการพัฒนาจิตวิญญาณ
- มีแผนปฏิบัติการทุกวัน มีระเบียบวินัย และรวบรวมมากขึ้น
- พักผ่อนมากขึ้น จึงรู้สึกร่าเริงและมีสุขภาพดี มีโอกาสมากขึ้นในการสื่อสารกับเพื่อนและครอบครัว และทำงานอดิเรก
- มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำงาน
- ในที่สุดบุคคลนั้นก็จะมั่นใจและมีความสุขมากขึ้น
โครงสร้างกระบวนการบริหารเวลา
ระบบการบริหารเวลาประกอบด้วยกระบวนการพื้นฐานหลายประการ:
- การวิเคราะห์ - เพื่อที่จะย้ายไปที่ไหนสักแห่งคุณต้องรู้ว่าคุณต้องการอะไรและคุณมีทรัพยากรอะไรบ้าง
- การวางแผนเชิงกลยุทธ์
- การกำหนดเป้าหมาย
- การวางแผนทางยุทธวิธีและการปฏิบัติการ
- ความสำเร็จของเป้าหมาย;
- การควบคุมการใช้จ่ายทรัพยากรและการบรรลุเป้าหมาย
มีแนวทางอื่นในการกำหนดโครงสร้างการบริหารเวลา โดยระบุ 4 ด้านของการพัฒนาความรู้ ทักษะ และนิสัย ได้แก่
- การตั้งเป้าหมายการเรียนรู้เทคนิคการตั้งเป้าหมาย
- ความสามารถในการจัดลำดับความสำคัญ
- ความสามารถในการใช้เครื่องมือการวางแผนและการประยุกต์ใช้ที่มีความสามารถ
- การพัฒนา การรวม และการประยุกต์ใช้ทักษะการบริหารเวลา
ประเภทของการบริหารเวลา
เช่นเดียวกับการจัดการอื่นๆ การจัดการเวลาขั้นพื้นฐานสามารถแบ่งออกเป็นการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการปฏิบัติงาน การจัดการทรัพยากรนี้สามารถแบ่งออกได้เป็นประเภทตามเวลา: ระยะยาวและระยะสั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วเป็นการทำซ้ำการจำแนกประเภทแรก
การวางแผนเชิงกลยุทธ์เกี่ยวข้องกับการบรรลุเป้าหมายระดับโลกในระยะยาว โดยมีการกระจายเวลามากกว่าหนึ่งปีหรือมากกว่านั้น มันเกี่ยวข้องกับการพยากรณ์และอยู่บนพื้นฐานของการวิเคราะห์สถานการณ์เชิงลึก
การจัดการเวลาปัจจุบันเกี่ยวข้องกับการบรรลุเป้าหมายในช่วงเวลาสั้น ๆ ตั้งแต่หนึ่งเดือนถึงหกเดือน มันถูกสร้างไว้ในแผนยุทธศาสตร์ แต่ครอบคลุมเฉพาะส่วนที่เร่งด่วนเท่านั้น
การกระจายเวลาปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับการจัดทำแผนรายสัปดาห์และรายวัน การกระจายทรัพยากรทางยุทธวิธีสัมพันธ์กับสถานการณ์จริงในปัจจุบันซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนสถานการณ์ได้
หลักการทั่วไปของการบริหารเวลา
กระบวนการบริหารเวลาเป็นไปตามหลักการสำคัญ ได้แก่
- การตั้งเป้าหมายที่ถูกต้อง ความสำเร็จและแรงจูงใจในการบรรลุเป้าหมายขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ มีเทคนิคการตั้งเป้าหมายต่างๆ มากมาย ที่มีชื่อเสียงและได้ผลที่สุดคือรุ่น SMART
- แรงจูงใจ. การประหยัดเวลาจะต้องคำนึงถึงและเกี่ยวข้องกับการตอบสนองความต้องการที่สำคัญบางประการ ไม่เช่นนั้นการบริหารเวลาจะไม่สามารถคาดหวังความสำเร็จได้
- ประหยัด. การบริหารเวลาเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อขจัดหรือลดแรงกดดันด้านเวลาและเพิ่มผลผลิตในช่วงเวลาเดียวกัน
วิธีการจัดการเวลา
ปัจจุบันเราทราบกลยุทธ์และเทคนิคต่างๆ ในการกระจายและใช้เวลา วิธีบริหารเวลาที่มีชื่อเสียงที่สุดมีดังนี้:
ไอเซนฮาวร์เมทริกซ์ วิธีการนี้ประกอบด้วยการกรอกเมทริกซ์ตามลักษณะ 4 ประการ คือ สำคัญ-ไม่สำคัญ เร่งด่วน-ไม่เร่งด่วน งานทั้งหมดตามระยะเวลาที่วางแผนไว้ได้รับการประเมินในระดับนี้และจัดอันดับเพื่อนำไปปฏิบัติ งานเร่งด่วนและสำคัญจะต้องทำให้เสร็จก่อน งานเร่งด่วนและสำคัญน้อยกว่าจะถูกเลื่อนไปอยู่ในลำดับความสำคัญรอง สิ่งสำคัญคืออย่าชะลอการดำเนินการเพื่อไม่ให้ย้ายไปอยู่ในประเภทแรก หากเป็นไปได้ ควรมอบหมายงานเร่งด่วนและสำคัญน้อยกว่าให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา งานที่ไม่เร่งด่วนและไม่สำคัญไม่ควรสะสม ดังนั้น ควรมอบหมายหรือไม่ดำเนินการเลย และแยกออกจากแผน
พีระมิดแห่งบี. แฟรงคลิน แบบจำลองอย่างละเอียดนี้ต้องมีการเตรียมการจำนวนมากในครั้งแรก จากนั้นจึงใช้งานง่าย ฐานของปิรามิดคือเป้าหมายระดับโลกและคุณค่าชีวิตของบุคคล ระดับที่ 2 เป็นเป้าหมายระยะยาว 10-20 ปี ประการที่สามคือแผนยุทธศาสตร์การตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการบรรลุเป้าหมายระดับโลก ต่อไปคือแผนสำหรับปีหน้า และแผนระยะสั้น ด้านบนคือแผนสำหรับวันนั้น ปิรามิดดังกล่าวจะต้องได้รับการปรับปรุงและปรับปรุงเป็นระยะ
มีเทคนิคการบริหารเวลาอื่นๆ อีก แต่ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถในการแยกสิ่งสำคัญออกจากสิ่งที่ไม่สำคัญ ทักษะในการกำหนดเป้าหมายที่ถูกต้องและบรรลุได้ และแรงจูงใจในการประหยัดเวลา
การจัดการเวลาทำงาน: เทคนิคและกฎพื้นฐาน
การกระจายเวลาทำงานอย่างมีเหตุผลเป็นงานที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ วิธีการจัดการเวลาและการจัดการมีวัตถุประสงค์เพื่อขจัดปัญหาการขาดแคลนเวลาทำงาน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องวางแผนวันทำงานของคุณตามหลักการต่อไปนี้:
- มีความจำเป็นต้องรับรองความสามารถในการบันทึกเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติงานต่างๆ
- เมื่อจัดทำแผนคุณต้องอุทิศเวลา 60% ให้กับงานที่วางแผนไว้ 20% สำหรับงานที่ไม่คาดฝัน 20% สำหรับงานที่เกิดขึ้นเอง
- จำเป็นต้องระบุ "เวลาจม" และกำจัดมันให้มากที่สุด
- คุณต้องจัดอันดับงานตามความเร่งด่วนและความสำคัญ
- การวางแผนเวลาต้องเป็นระบบ สม่ำเสมอ และสมเหตุสมผล
ในการจัดการเวลาในองค์กร มักใช้วิธี ABC ซึ่งช่วยให้คุณสามารถจำแนกทรัพยากรของบริษัทตามระดับความสำคัญได้ สร้างขึ้นจากหลักการ 3 ประการ คือ
- ผู้จัดการทำงานที่สำคัญที่สุดเขาใช้เวลา 15% กับงานเหล่านั้น
- งานที่มีความสำคัญปานกลางจะถูกมอบหมายให้กับผู้จัดการโดยจัดสรรเวลาทำงาน 20%
- งานที่มีความสำคัญน้อยกว่าจะถูกมอบหมายให้กับนักแสดงซึ่งใช้เวลา 65%
การบริหารเวลาในองค์กร
การบริหารเวลาในบริษัทเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยประหยัดเวลาการทำงานของผู้เชี่ยวชาญได้มากถึง 30% ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใส่ใจกับสิ่งนี้ การจัดการเวลาในองค์กรตกอยู่ภายใต้ไหล่ของผู้จัดการที่จัดทำแผนการปฏิบัติงานและระยะกลางสำหรับนักแสดง ปัจจุบันมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์มากมายที่ให้คุณวางแผนชั่วโมงการทำงานของพนักงานตลอดจนติดตามความสมบูรณ์ของงานและเวลาที่ใช้ไป ตัวอย่างเช่น Toggl, Bitrix “ทีม” และ “โครงการ” มีสามกลยุทธ์หลักในการจัดการเวลา:
- การเร่งความเร็ว จำเป็นต้องลดเวลาที่ใช้ในงานทั่วไปให้เหลือน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานที่ทำซ้ำๆ
- การสะสม. จำเป็นต้องระบุปริมาณสำรองและลำดับความสำคัญในแต่ละขั้นตอนการผลิต และสร้างเวลาสำรองเพื่อทำงานที่ไม่คาดคิดให้เสร็จสิ้น
- การสั่งซื้อ จำเป็นต้องมีระบบที่มีประสิทธิภาพในการวางแผนและติดตามการใช้เวลา
การบริหารเวลาว่าง
ใครก็ตามมักจะรู้สึกขาดเวลาว่างและจำเป็นต้องวางแผนอย่างรอบคอบพอๆ กับเวลาทำงาน ในการทำเช่นนี้ คุณต้องเรียนรู้ที่จะแยกงานออกจากการพักผ่อนอย่างเคร่งครัด เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาฟื้นฟูประสิทธิภาพของคุณ ในช่วงวันหยุด คุณต้องจำกัดตัวเองจากการโทรและข้อความเกี่ยวกับงานเพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่ คุณต้องเรียนรู้วิธีจัดระเบียบงานบ้านโดยประหยัดเวลาสูงสุด คุณต้องพัฒนาทักษะในการระบุงานที่สำคัญที่สุดเพื่อให้คุณมีเวลาเพียงพอไม่เพียง แต่สำหรับการพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังเพื่อการพัฒนาตนเองด้วย นอกจากนี้คุณควรเรียนรู้ที่จะละทิ้งงานเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นกิจวัตรที่ไม่มีใครต้องการ โดยเหลือเวลาสูงสุดไว้เพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญ
ทักทายแขกทุกท่านและผู้อ่านประจำ ในบทความนี้ฉันจะแบ่งปันความลับของวิธีจัดการทุกอย่างและการจัดการเวลาที่บ้านโดยทั่วไป ท้ายที่สุดแล้ว หลายๆ คนคงเบื่อหน่ายกับงานเร่งรีบที่ไม่มีวันจบสิ้นแล้ว
ในเวลาเดียวกันความเมื่อยล้าทั่วไปสะสมซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปขู่ว่าจะพัฒนาไปสู่ภาวะซึมเศร้าอย่างรุนแรง วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีทำทุกอย่างโดยไม่รู้สึกเหมือนเป็น "ม้าที่ถูกล่า"
ทำไมคุณต้องมีการวางแผนบ้าน?
แน่นอนว่าเป้าหมายของทุกคนแตกต่างกัน มีคนต้องการยกเลิกการโหลดตารางเวลาเพื่อให้มีเวลาสื่อสารกับคนที่คุณรัก ผ่อนคลาย และทำงานอดิเรก มีคนยุ่งอยู่กับการทำความสะอาด ทำอาหาร และซักผ้าอยู่ตลอดเวลา และเพราะเหตุนี้จึงไปทำงานสาย บางคนเบื่อหน่ายกับ "วันกราวด์ฮอก" ที่มีอยู่ตลอดเวลา
นี่คือสถานะที่ทุกวันคล้ายกับสถานะก่อนหน้า แต่ในขณะเดียวกันคุณก็ไม่ได้รับผลตอบแทนใด ๆ และไม่บรรลุเป้าหมาย ระบบการจัดการบ้านจะช่วยให้คุณจัดเวลาได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพเพื่อทำทุกอย่างให้สำเร็จ!
เทคนิคการบริหารเวลาที่สำคัญและมีประสิทธิภาพอีกประการหนึ่งไม่เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด แต่ยังรวมถึงการวิเคราะห์สิ่งที่คุณได้ทำไปแล้วด้วย นี่เป็นสิ่งสำคัญมากในการเสริมสร้างแรงจูงใจของคุณเองและทำความเข้าใจว่าคุณมาถูกทางแล้ว
การขจัดงานบ้านทั้งหมดเมื่อสิ้นสุดสัปดาห์อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ วิเคราะห์รายการโดยแบ่งจิตใจออกเป็น 3 กลุ่ม:
- ฉันจะสรรเสริญตัวเองเพื่ออะไร?
- ฉันทำอะไรล้มเหลวและทำไม?
- สัปดาห์หน้าฉันควรเน้นเรื่องอะไร?
การบริหารเวลามีหลายประเภท แต่ทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวคือ “บรรลุมากขึ้นและเหนื่อยน้อยลง!”
กฎทองสำหรับการวางแผนบ้าน
- คุณไม่จำเป็นต้องเขียนรายการสิ่งที่ต้องทำจำนวนมากซึ่งคุณจะไม่มีทางทำให้เสร็จได้ใน 1 วัน นี่เป็นการบริหารเวลาที่ไม่มีประสิทธิภาพและจะทำให้สูญเสียแรงจูงใจ คุณมีแนวโน้มที่จะละทิ้งระบบควบคุมเวลาทั้งหมดโดยสูญเสียศรัทธาในระบบนั้น นั่นคืองานของการจัดการเวลาที่มีประสิทธิผลนั้นขึ้นอยู่กับการกระจายเวลาอย่างมีเหตุผล ซึ่งหมายความว่าเมื่อกำหนดงาน คุณจะต้องเข้าใจอย่างชัดเจนว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะเสร็จสิ้น อย่าหลอกตัวเองและอย่า "ทุ่ม" มากเกินไปแล้วคุณจะไม่มีเวลาทำอะไรอย่างแน่นอน
- จัดอันดับงานบ้านตามความสำคัญอย่างชัดเจน
- แบ่งงานใหญ่ๆ ที่ไม่ได้สำเร็จมาหลายเดือนหรือหลายปีออกเป็นส่วนเล็กๆ อาจเป็นการเคลื่อนย้าย การปรับปรุง ทำความสะอาดทั่วไป ฯลฯ
- รวมหลายสิ่งหลายอย่างพร้อมกัน (มีประโยชน์ + มีประโยชน์อย่างยิ่ง น่าพอใจ + มีประโยชน์ น่าพอใจ + น่าพอใจ). ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงคนหนึ่งขาดระหว่างการรีดผ้า การทำความสะอาด ความจำเป็นในการเตรียมตัวเองให้เรียบร้อยก่อนไปงาน และความปรารถนาที่จะผ่อนคลายขณะดูละครทีวีเรื่องโปรดของเธอ ทำไมไม่จัดวันของคุณในแบบที่คุณควรรีดตั้งแต่ 12-13 ในขณะที่คุณสามารถเปิดละครโทรทัศน์หรือรายการโปรดของคุณจากนั้นใช้มาส์กบนใบหน้าของคุณและในขณะเดียวกันก็ทำความสะอาดเล็กน้อย
- ระบุผู้เสียเวลาของคุณ อะไรทำให้คุณเสียสมาธิมากขึ้นจากการทำงานให้เสร็จ (ทีวี โซเชียลเน็ตเวิร์ก สนทนาทางโทรศัพท์) ไม่จำเป็นต้องแยกพวกเขาออกจากชีวิตของคุณตลอดไป หากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดนี้ทำให้คุณมีความสุข ก็ควรจัดสรรเวลาที่ชัดเจนไว้สำหรับสิ่งเหล่านั้น บางทีกฎนี้อาจเหมาะกับคำพูดที่ว่า “ถ้าคุณทำงานเสร็จแล้ว ไปเดินเล่น!”
- จัดสรรเวลาเล็กน้อยสำหรับงานบ้าน กฎนี้ใช้กับคนที่มีงานยุ่งมากและหายตัวไปจากที่ทำงานเป็นเวลา 10-12 ชั่วโมง ในกรณีนี้ไม่ว่าคุณจะวางแผนวันอย่างไร ก็มีเวลาไม่ถึง 3-4 ชั่วโมงในการทำความสะอาด ทำอาหาร ซักผ้า และรีดผ้า ดังนั้นอย่าทรมานตัวเองและจัดสรรเวลาไว้เพียง 30 นาที กำหนดว่าวันจันทร์คุณใช้เวลา 30 นาทีในห้องน้ำ วันอังคารคุณรีด 30 นาทีพอดี? เวลานี้ไม่เพียงพอ - โอนการรีดผ้าอีก 30 นาทีไปยังวันอื่นของสัปดาห์ ฯลฯ สิ่งนี้ดีกว่าวันหยุดวันเดียวมาก โดยเอาลิ้นวางบนบ่า ทำความสะอาดบ้านทั่วโลก ซักผ้า รีดผ้า และทำอาหารไปพร้อมๆ กันตลอดทั้งสัปดาห์ คุณจะได้อะไรเมื่อสิ้นสุดวันหยุดเช่นนี้? อาการซึมเศร้าและความเมื่อยล้าสาหัส!
ผู้หญิงหลายคนบ่นว่าการทำอาหารใช้เวลานานมาก แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็มีความตื่นตระหนกในการทำงานทุกวันจนครอบครัวจะไม่มีอะไรกินในตอนเย็น! นี่แสดงว่าคุณไม่มีประสิทธิภาพในการจัดการเวลาและจัดเวลาไม่ถูกต้อง
มีการจัดการเวลาประเภทหนึ่งเช่นการจัดอาหารที่บ้าน กล่าวโดยสรุป คุณควรสร้างเมนูประจำสัปดาห์เสมอ จากนี้ ให้ซื้อของชำ + คิดให้มากที่สุดในช่วงสุดสัปดาห์ว่าคุณจะเตรียมอะไรจากเมนูนี้ได้บ้าง และเพื่อไม่ให้รู้สึกเหมือนเป็น "เหยื่อของชีวิตที่บ้าน" คุณสามารถรวมการทำอาหารวันอาทิตย์ประจำสัปดาห์เข้าด้วยกันได้
ฉันจัดการได้ทุกอย่าง!
หลายคนที่พบกับแนวคิดใหม่ในต่างประเทศเรื่อง "การบริหารเวลา" เป็นครั้งแรก จะปฏิเสธระบบการบริหารเวลาดังกล่าวโดยอัตโนมัติ เช่น ทำไมฉันถึงต้องการระบบทั้งหมดนี้ ฉันมีเวลาสำหรับทุกสิ่งอยู่แล้ว!
บางที แต่ลองคิดดูว่าคุณสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพียงใด คุณสามารถเรียนรู้ธุรกิจใหม่ เรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เชี่ยวชาญเฉพาะทางหรืออ่านหนังสือที่น่าสนใจ เข้าร่วมกิจกรรมทางวัฒนธรรม
ใช่ คุณอาจทำได้ทุกอย่างจริงๆ แต่ต้องแลกมาด้วยราคาเท่าไหร่ล่ะ? คุณเหนื่อยและกลับบ้านโดยคิดว่าจะนอนหรือเปล่า? คุณพอใจกับตัวเองคุณทำทุกอย่างด้วยวิธีนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่มีช่วงเวลาที่น่าสนใจและสดใสในวันของคุณ
อย่าจำกัดชีวิตของคุณไว้แค่งานบ้านเท่านั้น ระบบบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้ชีวิตสดใสขึ้นและช่วยคุณจากความเหนื่อยล้าทั่วไป!
อย่าลืมพักผ่อน!
นี่เป็นกฎที่สำคัญมากที่หลายคนอาจลืมหรือไม่ใส่ใจ ฉันไม่ได้หมายถึงความฝันเมื่อคุณเหนื่อยและโดยอัตโนมัติพาร่างกายไปที่เตียงและตั้งนาฬิกาปลุกอย่างสุดกำลัง
ตอนนี้ฉันกำลังพูดถึงการพักผ่อนอย่างเหมาะสม การบริหารเวลาที่บ้านอย่างมีประสิทธิภาพประเภทหนึ่งจะช่วยให้คุณจัดสรรเวลาได้
- เมื่อวางแผนในแต่ละวัน อย่าลืมนึกถึงทรัพยากรเวลาที่จะใช้ในการทำงานให้สำเร็จ
- กำหนดเวลา “ทำงาน” และเวลาพักให้ชัดเจน
- เขียนประเภทวันหยุดที่เหมาะกับคุณ นี่อาจเป็นการไปดูหนัง โรงละคร นิทรรศการ อ่านหนังสือ (ซึ่งคุณอยากอ่านมาหนึ่งปีแล้ว) ดูทีวีกับคนที่คุณรัก ทานอาหารเย็นในร้านกาแฟ เดินเล่นในสวนสาธารณะ เยี่ยมชมจากแขก เหตุใดจึงสำคัญมากที่จะต้องเขียนสิ่งนี้ลงไป? เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกแบบเดียวกันของ "วันกราวด์ฮอก" อันโด่งดัง และเพื่อให้คุณเห็นได้อย่างชัดเจนว่าชีวิตของคุณจะมีความหลากหลาย สดใสยิ่งขึ้น และสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพียงใด
- ตอนนี้คุณได้เขียนวิธีผ่อนคลายแล้ว ให้จัดทำแผนระยะสั้น ทิ้งเวลาไว้ในตารางงานของคุณทุกวันเพื่อทำสิ่งที่คุณรัก สำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้รวมผู้ที่ต้องใช้เวลามากขึ้น (โรงละคร โรงภาพยนตร์ เดินเล่น ปิกนิก) และทุกเย็นแบ่งเวลาไว้พักผ่อน 1-2 ชั่วโมง (ดูหนัง หนังสือ ชากับคนที่คุณรัก ฯลฯ)
ที่ปรึกษาทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จซึ่งสอนพื้นฐานของการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพอ้างว่าไม่มีศัตรูที่เลวร้ายยิ่งกว่าความเหนื่อยล้าเรื้อรังสำหรับตัวคุณเอง! ไม่มีสิ่งใดมาลดกำลังใจ ลดประสิทธิภาพของเรา และขัดขวางไม่ให้เราบรรลุเป้าหมาย เช่น ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง ดังนั้นระบบการบริหารเวลาจึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อขจัดความรู้สึกนี้ออกไป
โดยทั่วไปแล้วเราสามารถพูดถึงการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพได้เป็นเวลานานๆ แต่จะดีกว่าถ้าไปเยี่ยมเยียน การฝึกอบรมการบริหารเวลา แล้วคุณจะเห็นว่าชีวิตคุณดีขึ้นได้แค่ไหน
แบ่งปันความคิดเห็นว่าคุณวางแผนงานบ้านอย่างไร และระบบที่คล้ายกันช่วยคุณในชีวิตของคุณหรือไม่? สมัครสมาชิก หากคุณยังไม่ได้ดำเนินการ แล้วพบกันใหม่ครั้งหน้า!
สวัสดีเพื่อนๆ! Dmitry Shaposhnikov กำลังติดต่ออยู่
ในการสังเกตของฉัน คนที่ประสบความสำเร็จยุคใหม่ต้องเผชิญกับแนวคิดเรื่อง "การบริหารเวลา" อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกคนรู้สึกถึงการไม่มีเวลา ความกดดันเรื่องกำหนดเวลา และความเครียดจากการบังคับเร่งรีบ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
หลังจากอ่านบทความนี้ คุณจะได้เรียนรู้สิ่งสำคัญที่สุดเกี่ยวกับการบริหารเวลา และทำความคุ้นเคยกับแนวคิดพื้นฐานของการบริหารเวลาให้ประสบความสำเร็จ ทั้งหมดนี้มาพร้อมกับตัวอย่างและความคิดเห็นของฉัน ฉันหวังว่าคุณจะพบว่าหัวข้อนี้มีประโยชน์ น่าสนใจ และสนุกสนาน!
เริ่มกันเลยเพื่อน!
1. การบริหารเวลาคืออะไร - คำจำกัดความและประวัติ
การแปลโดยตรงของคำนี้ " การบริหารเวลา"จากภาษาอังกฤษ -" การจัดการเวลา- เห็นได้ชัดว่าการบริหารเวลาตามความหมายที่แท้จริงนั้นเป็นไปไม่ได้ หน้าที่ที่แท้จริงของการบริหารเวลาคือการใช้เวลาในชีวิตของคุณอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
คำจำกัดความที่ถูกต้องที่สุดของการบริหารเวลาคือ:
การบริหารเวลา- นี่คือการบัญชี การกระจาย และการวางแผนการปฏิบัติงานของทรัพยากรเวลาของคุณเอง
ความหมายอื่น.
การบริหารเวลาเป็นแนวทางทางวิทยาศาสตร์ในการจัดระเบียบเวลาและเพิ่มผลของการใช้
คำขวัญของผู้จัดการเวลามืออาชีพ:
งาน น้อย, มีเวลา มากกว่า!
คนที่รู้วิธีจัดการเวลาของตนเองอย่างมีประสิทธิผลจะมีชีวิตที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และทำงานโดยใช้เวลาน้อยที่สุด
การบริหารเวลาทำให้เรามีพื้นที่อยู่อาศัยมากขึ้น โอกาสที่จะทำสิ่งที่เราชอบจะกลายเป็นจริงมากขึ้น
เมื่อพิจารณาถึงความกดดันที่ผู้คนยุคใหม่อาศัยอยู่ ปัญหาของการจัดการทรัพยากรเวลามีความเกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่สำคัญอย่างยิ่ง ทักษะการบริหารเวลาที่พัฒนาแล้วจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพส่วนบุคคลได้อย่างมาก ฉันตระหนักเรื่องนี้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว
การบริหารเวลาทำให้คุณสามารถจัดระเบียบงานและเวลาส่วนตัวได้ตลอดทั้งวัน (สัปดาห์ เดือน) เพื่อให้มีเวลาทำสิ่งที่สำคัญและจำเป็นทั้งหมดโดยไม่ถูกรบกวนจากปัญหารองหรือปัญหาภายนอก
การวางแผนที่มีประสิทธิภาพช่วยให้คุณมีทรัพยากรเวลามหาศาลเพื่อชีวิตที่อุดมสมบูรณ์และเติมเต็ม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญระบุ ขนาดของทรัพยากรดังกล่าวคำนวณเป็นปีหรือหลายทศวรรษ
ประวัติความเป็นมาของการบริหารเวลา
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการจัดระเบียบเวลาไม่ใช่ปัญหาใหม่ ประวัติศาสตร์การบริหารเวลาย้อนกลับไปไกลมาก
แม้แต่เมื่อ 2,000 ปีก่อนในกรุงโรมโบราณ นักคิดชื่อดังเซเนกาเสนอให้แบ่งเวลาทั้งหมดออกเป็นการใช้จ่ายอย่างมีประโยชน์ กล่าวคือ ดี เป็นเวลาชั่ว และไร้ประโยชน์
เซเนกาก็เริ่มเก็บบันทึกเวลาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างต่อเนื่อง นักคิดกล่าวว่าเมื่อมีชีวิตอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งจำเป็นต้องประเมินจากความสมบูรณ์ของมัน
ในประวัติศาสตร์การบริหารเวลาในเวลาต่อมา แนวคิดเหล่านี้เป็นพื้นฐานของแนวคิดเรื่อง "ประสิทธิผลส่วนบุคคล"
อัลแบร์ตี นักเขียนและนักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีที่มีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 15 กล่าวว่าผู้ที่รู้วิธีบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิผลจะประสบความสำเร็จเสมอ
ในการดำเนินการนี้ เขาเสนอให้ใช้กฎสองข้อ:
- ทำรายการสิ่งที่ต้องทำทุกเช้า
- จัดเรียงสิ่งต่าง ๆ ตามลำดับความสำคัญที่ลดลง
เป็นเวลาหลายศตวรรษแล้วที่หลักการทั้งหมดเหล่านี้มีอยู่ในรูปแบบทางทฤษฎีเท่านั้นและตั้งแต่ทศวรรษที่ 80 ของศตวรรษที่ผ่านมาหัวข้อนี้เริ่มเปลี่ยนจากทฤษฎีไปสู่การปฏิบัติ
การบริหารเวลาไม่เพียงแต่จำเป็นสำหรับผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจเท่านั้น แต่เราแต่ละคนจะต้องสามารถจัดการทรัพย์สินของตนเองได้เพื่อที่จะเพลิดเพลินไปกับกระบวนการของชีวิตได้อย่างเต็มที่
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการการจัดการเวลา หากบุคคลไม่มีอะไรทำในชีวิตและงานหลักของเขาคือ "ฆ่าเวลา" การบริหารเวลาสำหรับบุคคลดังกล่าวก็ถือเป็นวินัยที่ไม่เกี่ยวข้องและไม่จำเป็น
กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณต้องตัดสินใจว่าคุณมีเวลาไม่เพียงพอจริง ๆ หรือไม่ และคุณต้องการใช้เวลาว่างกี่นาที ชั่วโมง และวันที่เวลาเหล่านั้นปรากฏขึ้นที่ใด
การบริหารเวลาประกอบด้วยองค์ประกอบหลายประการ:
- การติดตามเวลาที่เข้มงวด
- การเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรเวลา
- การวางแผนวัน (สัปดาห์ เดือน หรือช่วงเวลาอื่น)
- องค์กรของแรงจูงใจ
การบริหารเวลามีความสำคัญไม่เพียงแต่สำหรับการทำงานเท่านั้น แต่ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านศิลปะการบริหารเวลาจะมีความร่าเริง มีสุขภาพดี และประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัว
การจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพช่วยให้คุณเข้าใจการกระทำและการตัดสินใจทั้งหมดของคุณจากมุมมองของความเหมาะสมในการพัฒนาและปรับปรุงของคุณเอง
2. ตำนานเกี่ยวกับการบริหารเวลา – 3 ความเข้าใจผิดหลัก
มีทัศนคติแบบเหมารวมและความเข้าใจผิดทางสังคมหลายประการเกี่ยวกับการบริหารเวลา
บางคนเชื่อว่าการบริหารเวลาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานเท่านั้น ในรัสเซียวินัยนี้ไม่ได้ผลเนื่องจากลักษณะเฉพาะของความคิดของชาติ ชีวิตที่เคร่งครัดตามแผนจะเปลี่ยนบุคคลให้กลายเป็นหุ่นยนต์และกีดกันเขาจากเจตจำนงเสรี
ตำนานทั้งหมดนี้ไม่มีมูลความจริง: ฉันจะพยายามหักล้างสิ่งเหล่านี้ให้หมดด้านล่าง
ตำนานที่ 1 ไม่มีใครจัดการเวลาได้
ข้อความมีรูปแบบถูกต้อง แต่มีเนื้อหาผิดพลาด การบริหารเวลาเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ (เว้นแต่คุณจะเป็นผู้ประดิษฐ์ไทม์แมชชีน) ไม่มีใครสามารถชะลอความก้าวหน้าตามวัตถุประสงค์ เร่งความเร็ว หรือหยุดมันได้แม้แต่ชั่วขณะหนึ่ง
แต่บุคคลสามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้ : จัดการตัวเอง การตัดสินใจและการกระทำของคุณเมื่อเวลาผ่านไป และยังมีส่วนร่วมในการกำหนดลำดับความสำคัญอีกด้วย นี่คือสิ่งที่ผู้ปฏิบัติงานด้านการบริหารเวลาพูดถึง – เกี่ยวกับการจัดการชีวิตของคุณเอง
การใช้แนวทางที่ชาญฉลาดและเน้นการปฏิบัติในการกระทำของคุณคือการบริหารเวลา คุณจะแปลกใจว่ามีเวลาเหลือกี่นาทีและชั่วโมงเมื่อคุณเริ่มกระทำอย่างตั้งใจและมีสติมากขึ้น
โปรดจำไว้ว่าคนที่ประสบความสำเร็จทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะทำกิจกรรมประเภทใดก็ตาม จะต้องวางแผนกิจการและดำเนินการอย่างมีประสิทธิผลสูงสุด ในขณะเดียวกัน พวกเขาทำงานด้วยเวลาพอๆ กับคนทั่วไป แต่พวกเขาก็สามารถทำอะไรได้มากกว่านั้นเสมอ
ความลับของพวกเขาคือพวกเขาสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้นต่อหน่วยเวลา ซึ่งท้ายที่สุดจะส่งผลต่อผลลัพธ์ในชีวิตของพวกเขา
เรื่องที่ 2: การบริหารเวลาจะทำให้ฉันทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ
การทำงานหนักและเหนื่อยล้า การละเลยการพักผ่อนเป็นหนทางโดยตรงสู่การทำงานหนักและภาวะซึมเศร้า มีความจำเป็นต้องพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณงานในขณะที่เพิ่มผลผลิต วิธีการทำเช่นนี้? กล่าวโดยสรุปคือปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัดและสามารถแยกรองออกจากหลักได้
การใช้เทคนิคการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิผลไม่ได้หมายความว่าจะต้องเพิ่มผลผลิตหรือเพิ่มผลผลิตด้วยการทำให้สิ่งต่างๆ เสร็จเร็วขึ้น
เรากำลังพูดถึงการเพิ่มผลผลิตส่วนบุคคลโดยขจัดงานที่ไม่จำเป็น และกำจัดสิ่งที่เรียกว่า "การเสียเวลา" หรือ "โครโนฟาจ"
หมวดหมู่ของ chronophages รวมถึงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไร้ความหมายที่เราทำในระหว่างวันโดยไม่ต้องคำนึงถึงความสะดวก: การเช็คอีเมลบ่อยครั้ง การสื่อสารและการดูข่าวบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก การสนทนาที่ไร้ความหมายกับเพื่อนร่วมงาน
ความมุ่งมั่นของบุคคลในเรื่องที่ฟุ้งซ่านไปจากงานหลักนั้นอธิบายได้บางส่วนโดยการผัดวันประกันพรุ่ง - ความปรารถนาที่จะเลื่อนเหตุการณ์สำคัญและจำเป็นออกไป "จนกว่าจะถึงเวลาที่ดีกว่า"
อย่างไรก็ตาม หากคุณละทิ้งการไตร่ตรองและรับรู้ถึงความสำคัญและความสำคัญของงานปัจจุบันของคุณ คุณจะไม่มีความเข้มแข็งหรือความปรารถนาที่จะถูกรบกวนจากเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง
เรื่องที่ 3 การใช้การบริหารเวลาทำให้ฉันกลายเป็นหุ่นยนต์ที่จะทำทุกอย่างตามกำหนดเวลา ทำให้ฉันขาดอิสรภาพและทางเลือก
ผู้คนกลัวที่จะกลายร่างเป็นหุ่นยนต์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขากลัวที่จะกลายมาเป็นหุ่นยนต์แล้ว และยังเป็นทาสของนิสัยและรูปแบบพฤติกรรมทางจิตด้วย
การบริหารเวลาไม่ได้จำกัดอิสรภาพของเรา แต่กลับสร้างมันขึ้นมา
การบริหารเวลาไม่เพียงแต่จำเป็นสำหรับพนักงานออฟฟิศ ผู้บริหาร และผู้จัดการเท่านั้น แต่การจัดการทรัพยากรหลักของชีวิต - เวลาของตัวเอง - เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนที่รับผิดชอบและจริงจัง
เกณฑ์ในทางปฏิบัติสำหรับความจำเป็นในการใช้หลักการบริหารเวลาในชีวิตคือการมีอยู่ 4 กรณีขึ้นไปในแผนสำหรับวันปัจจุบัน (ไม่เพียงแต่คำนึงถึงความเป็นมืออาชีพเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงเรื่องส่วนตัวด้วย) นักธุรกิจ ศิลปินอิสระ และแม่บ้านต้องการสิ่งนี้
คุณอาจสังเกตเห็นว่าพวกเราส่วนใหญ่มีภาระงานและความกังวลส่วนตัวมากเกินไปจนเราไม่รู้ว่าจะออกจากสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างไรและจะจัดการทุกอย่างอย่างไร!
เราประสบกับความเครียดทางอารมณ์ ความตื่นตระหนก ความรู้สึกไม่สบาย ซึ่งนำไปสู่ความง่วงและอารมณ์หดหู่ เมื่อทุกอย่างหลุดมือและเราไม่ต้องการทำอะไรเลย!
หากคุณไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อของภาวะซึมเศร้า คุณต้องเรียนรู้วิธีการวางแผนเวลาอย่างเหมาะสม กล่าวคือ ทำ การบริหารเวลา!
นักจิตวิทยาเชื่อว่ามีวิธีออกจากสถานการณ์ "การไม่มีเวลาอย่างหายนะ" สิ่งสำคัญคือคุณมีความปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเล็กน้อยและยังเปลี่ยนทัศนคติของคุณต่อเวลาส่วนตัวด้วย
จุดประสงค์ของการบริหารเวลาคืออะไร?
การบริหารเวลาคือความสามารถในการจัดการและควบคุมเวลาส่วนตัวของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ!
นี่คือความสามารถในการแยกแยะว่าอะไรคือสิ่งสำคัญสำหรับคุณในขณะนี้ และสิ่งใดเป็นรอง อะไรคือสิ่งแรกที่คุณควรทำ และสิ่งใดที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า
ทันทีที่บุคคลเริ่มตระหนักถึงทั้งหมดนี้ ความวุ่นวายที่ไม่มีเวลาก็จะหายไปทันที
คุณอาจคิดว่าการจัดการเวลาของคุณค่อนข้างยาก - ไม่ใช่เลย!
สิ่งสำคัญคือคุณต้องตัดสินใจโดยเฉพาะเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำและเมื่อใด!
เคล็ดลับการบริหารเวลาที่ดีที่สุด คือการมองข้ามคนโง่...
- คำพูดที่ดี ใครคือผู้เขียน?
- จินตนาการว่ามันไม่มีอยู่จริง...
- แล้วใครเป็นผู้เขียน?
- และทำสิ่งที่คุณทำต่อไป...
หลายคนมั่นใจว่าคนเหล่านั้นที่ใช้การบริหารเวลาอย่างแข็งขันสามารถจัดการสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นและเร็วขึ้น! นี่เป็นความเห็นที่ผิด...
การบริหารเวลาช่วยให้เราเพิ่มผลผลิตได้อย่างมาก และยังสอนให้เราทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นทั้งหมดลงถังขยะอีกด้วย เวลาเพิ่มเติมปรากฏขึ้น - และขึ้นอยู่กับคุณว่าคุณจะใช้มันไปที่ไหน!
คนที่ได้เรียนรู้ที่จะจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ - พวกเขาสามารถช่วยชีวิตหนึ่งในสามได้! น่าทึ่งใช่มั้ยล่ะ?
กฎพื้นฐานของการบริหารเวลา!
การบริหารเวลา: ลองจินตนาการว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของคุณ
กฎนี้อาจดูไร้สาระสำหรับคุณ แต่ก็ยัง...
จากคำถามนี้ ฉันตื่นขึ้นมาอย่างเข้มแข็งทุกเช้าและเริ่มต้นอย่างชาญฉลาด
และนี่คือคำถามของฉัน: “ถ้าฉันรู้ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ฉันจะทำอย่างไรและฉันจะประพฤติตนอย่างไรในวันนี้” คำแนะนำของฉันตอนนี้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งแล้วตอบตรงไปตรงมา คำถามสำหรับตัวคุณเอง
ฉันคิดว่าคุณจะพบว่าสิ่งนี้น่าสนใจ!
การบริหารเวลา: วางแผน
คนเหล่านั้นที่สามารถบรรลุการยอมรับและความสำเร็จในชีวิตจะต้องวางแผนอย่างต่อเนื่อง
การวางแผนรายวันเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพของคุณตลอดทั้งวัน
วางแผนงานเฉพาะในสมุดบันทึกของคุณเสมอ!
จำไว้ว่าถ้าเป้าหมายของคุณไม่ได้อยู่บนกระดาษ มันก็ไม่มีอยู่จริง!
เมื่อคุณทำงานกับรายการงานที่วางแผนไว้ คุณจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและประสิทธิผลของเวลาของคุณเพิ่มขึ้น 25% ทันที
ทำให้เป็นนิสัยในตอนเย็น (ก่อนเข้านอน) เพื่อเขียนแผนงานของคุณสำหรับวันพรุ่งนี้!
ทันทีที่คุณมาทำงาน คุณจะรู้ได้อย่างชัดเจนว่าจะเริ่มจากตรงไหน
ทำงานกับรายการนี้ตลอดทั้งวัน: ทันทีที่มีงานใหม่ปรากฏขึ้น ให้รวมงานนั้นไว้ในรายการเดียวกัน โดยคำนึงถึงลำดับความสำคัญเมื่อเทียบกับงานที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้
ทันทีที่คุณทำภารกิจใดงานหนึ่งสำเร็จ อย่าลืมขีดฆ่างานนั้นออกจากรายการ!
ด้วยวิธีนี้คุณจะพอใจกับงานที่ทำเสร็จและคุณจะภูมิใจในตัวเองที่ไม่เสียเวลา!
งานที่ซับซ้อนจะต้องแบ่งออกเป็นงานย่อยหลายงาน - อย่าทำทั้งหมด (เฉพาะคนที่ไม่มีเหตุผลเท่านั้นที่ทำสิ่งนี้หรืออีกนัยหนึ่งคือผู้แพ้)
การบริหารเวลา: กรองข้อมูล
เพื่อไม่ให้สมองของคุณมากเกินไปด้วยข้อมูลที่ไม่จำเป็นจำนวนมากและไม่ต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับมัน เรียนรู้ที่จะเลือกสิ่งที่จำเป็น มีประโยชน์ที่สุด และกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป!
เรียนรู้ที่จะศึกษาและอ่านหน้าต่างๆ ของเวิลด์ไวด์เว็บอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องอ่านทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ
หยุดและจำเฉพาะสิ่งที่สำคัญ
การบริหารเวลา: กำจัด “การเสียเวลา” ออกไปจากชีวิตของคุณ!
นี่อาจเป็นปัญหาแรกสุดที่ทำให้เราทุกคนไม่สามารถจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล!
ด้วยการตรวจสอบอีเมล การสื่อสารบน ICQ และบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก (VKontakte, Facebook) - เราขโมยและฆ่าเวลาของเรา เราเสียเวลา!
ฉันคิดว่าทุกคนคงเคยได้ยินว่า Evgeny Popov คือใครและเขาเลือกเส้นทางอะไร: จากคนทำความสะอาดธรรมดาไปจนถึงนักธุรกิจอินเทอร์เน็ตที่ประสบความสำเร็จ
Evgeniy สร้างสคริปต์การจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยให้คุณกำหนดวันของคุณในรูปแบบที่สะดวก สามารถติดตั้งได้ทั้งบนโทรศัพท์และบนคอมพิวเตอร์เพื่อวางแผนวันของคุณอย่างมีประสิทธิผล!
ด้วยความช่วยเหลือของหลักสูตร "เจ้าแห่งกาลเวลา" จาก Evgeny Popov หลายคนเปลี่ยนแปลงชีวิตอย่างรุนแรงและใช้สคริปต์พิเศษทุกวัน (ติดตั้งบนโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์) เพื่อวางแผนวันของพวกเขา!
จัดการให้ทำในหนึ่งวันสิ่งที่คุณสะสมได้ในหนึ่งสัปดาห์แล้วคุณจะเห็นว่าชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างมาก!
หยุดเป็นผักซะ! กระตือรือร้น! ใช้ชีวิตให้มีสีสัน!
ป.ล. ฉันซื้อหลักสูตร "Master of Time" จาก E. Popov เป็นการส่วนตัวทันทีในวันที่ 5 หลังจากเปิดตัว! ดังนั้นฉันแนะนำทุกคนอย่างไม่ต้องสงสัย: ซื้อและเรียนรู้ที่จะจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิผล!
การบริหารเวลาสอนเราทุกคนให้จัดการชีวิตอย่างมีประสิทธิผล สนุกกับทุกช่วงเวลาที่เป็นอยู่ตอนนี้ หาเวลาให้กับครอบครัวและเพื่อนฝูง หาเวลาในการพัฒนาตนเอง - ชีวิตจะเริ่มมีสีสันที่สดใสและน่าสนใจยิ่งขึ้น!
บทความที่เป็นประโยชน์? อย่าพลาดใหม่!
กรอกอีเมลของคุณและรับบทความใหม่ทางอีเมล
บ่อยครั้งที่ผู้ที่ใส่ใจในการพัฒนาอาชีพของตนมากขึ้นต้องเผชิญกับปัญหาร้ายแรง: ความรับผิดชอบในงานทั้งหมดของพวกเขามีไม่ถึง 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันด้วยซ้ำ
เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถช่วยรับมือกับเรื่องนี้ได้ เทคโนโลยีการจัดการเวลาซึ่งช่วยให้คุณจัดเวลาทำงานของคุณได้อย่างเหมาะสมและเพิ่มประสิทธิภาพทางวิชาชีพ
การบริหารเวลา - ศาสตร์แห่งเวลา
การบริหารเวลา(แปลจากภาษาอังกฤษ - "การบริหารเวลา") - ศาสตร์แห่งวิธีการกำหนดสิ่งที่สำคัญต่อบุคคลและควรใช้เวลาใดเป็นอันดับแรก ต้นกำเนิดของมันมีอายุย้อนกลับไปในยุค 60 ของศตวรรษที่ 20
จากนั้น ในประเทศตะวันตก ต้องขอบคุณการพัฒนาธุรกิจ ทำให้ชีวิตก้าวไปอย่างรวดเร็ว ปริมาณงานของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มประสบปัญหาการขาดทั้งงานและเวลาว่างเรื้อรัง กระบวนการนี้ค่อยๆ แพร่กระจายไปยังพนักงานประเภทอื่นๆ
ความยุ่งมากเกินไป การสูญเสียประสิทธิภาพการทำงาน และความเครียดที่เพิ่มขึ้นในหมู่คนจำนวนมาก ได้นำไปสู่การเกิดขึ้นของวิทยาศาสตร์ใหม่ - การจัดการเวลาซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับความปรารถนาที่จะทำทุกสิ่งในคราวเดียว แต่อยู่บนหลักการของการบรรลุผลลัพธ์สูงสุดในเวลาอันสั้น เครื่องมือหลักสำหรับเรื่องนี้คือการวางแผน
แผนงานที่มีประสิทธิภาพ - การกำหนดเป้าหมาย
เพื่อเขียน แผนที่มีประสิทธิภาพคุณต้องมีเป้าหมาย ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการบรรลุ จากนั้นกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน: เวลาที่คุณวางแผนที่จะบรรลุเป้าหมายที่คุณต้องการ การบริหารเวลาแยกแยะระหว่างเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว จะพิจารณาจากระยะเวลาการดำเนินการ หากสิ่งแรกสามารถมีอยู่บนกระดาษในรูปแบบของงานปัจจุบันสำหรับวันนั้น เช่น เพื่อโทรหาลูกค้า 10 ราย งานอย่างหลังก็สามารถมีได้ล่วงหน้าหนึ่งปีหรือมากกว่านั้น เช่น เพื่อเลื่อนระดับอาชีพขึ้นไป
Brian Tracy ที่ปรึกษาทางธุรกิจและผู้แต่งหนังสือขายดีเกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานส่วนบุคคล กล่าวว่า หากการแก้ปัญหาใช้เวลานานเกินไปในการจัดการกับมันในคราวเดียว มันก็คุ้มค่าที่จะแบ่งมันออกเป็นหลายขั้นตอน และในทางกลับกัน ขั้นตอนย่อย แต่ละคนต้องใช้เวลา จากนั้นจะมีการร่างแผนขึ้นและคุณจะย้ายจากงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่งตามแผน และสิ่งที่คุณทำจะทำให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายที่คุณรักมากขึ้นทีละก้าว
เมื่อกำหนดเป้าหมายระยะยาวแล้ว ทุกขั้นตอนและขั้นตอนย่อยแล้ว ให้เริ่มบันทึกแผนในแต่ละวัน เพื่อให้แน่ใจว่าเอกสารที่เขียนไม่ได้เป็นเพียงรายการสิ่งที่ต้องทำที่ไร้ประโยชน์ แต่ก็คุ้มค่าที่จะมุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ ตัวอย่างเช่น เขียนในรายการไม่ใช่ "รวบรวมรายงาน" แต่เป็น "รายงานเสร็จสิ้นแล้ว" เพื่อว่าเมื่อสิ้นสุดกระบวนการ คุณสามารถทำเครื่องหมายที่ตัวหนาถัดจากรายการได้ นี่คือแรงจูงใจที่แข็งแกร่ง กำหนดผลลัพธ์ที่คุณต้องการบรรลุอย่างชัดเจนเมื่อแก้ไขปัญหา
หลักการพาเรโต – 20 ต่อ 80
บางครั้งรายการงานมีมากมายจนคุณเสี่ยงไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 8 ชั่วโมง ดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าที่จะจัดสิ่งต่าง ๆ ตามลำดับความเร่งด่วนและความสำคัญ หากมีเรื่องเร่งด่วนให้เลื่อนการทำงานประจำออกไป การบริหารเวลาแบบคลาสสิกเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไปไม่ถึงจุดสูงสุดในอาชีพ ไม่ใช่เพราะมีความสามารถน้อยกว่า แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะเน้นสิ่งสำคัญอย่างไร
แนวคิดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนโดยกฎที่ได้รับจากนักเศรษฐศาสตร์และนักสังคมวิทยาชาวอิตาลี วิลเฟรโด ปาเรโต: “ความพยายาม 20% ให้ผลลัพธ์ 80% และความพยายาม 80% ที่เหลือให้ผลลัพธ์เพียง 20%” ดังนั้นจึงขอแนะนำให้เน้น 20% ของสิ่งที่ให้ผลสูงสุดและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยสิ่งเหล่านั้น
อย่าลืมแสดงแผนของคุณให้ฝ่ายบริหารเห็น แม้ว่าผู้จัดการของคุณจะไม่กระตือรือร้นเรื่องการบริหารเวลาเหมือนคุณ แต่เขาจะรู้ว่างานไหนที่เร่งด่วนที่สุดที่คุณทำก่อน และงานไหนที่คุณเลื่อนออกไป นอกจากนี้ยังสามารถมีอิทธิพลต่อแผนและช่วยคุณตัดสินใจเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของคุณ ด้วยเหตุนี้การทำงานจึงไม่มีความไม่สอดคล้องกัน
เมทริกซ์การวางแผนของไอเซนฮาวร์
หากต้องการจัดทำแผนที่มีประสิทธิผลสำหรับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของคุณ ให้ใช้เมทริกซ์การวางแผนของดไวต์ ไอเซนฮาวร์ ประธานาธิบดีคนที่ 34 ของสหรัฐอเมริกา เขาดำรงตำแหน่งนี้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 ถึง พ.ศ. 2504 โดยมีตัวเลือกสี่ตัวเลือกสำหรับการรวมกันตามพารามิเตอร์: เร่งด่วน, ไม่เร่งด่วน, สำคัญ, ไม่สำคัญ
จัดทำรายการสัญลักษณ์เหล่านี้ไว้ข้างแต่ละกรณี และประมาณเวลาที่ต้องใช้จึงจะแล้วเสร็จ จัดเรียงสิ่งต่างๆ ตามความสำคัญ และจัดโต๊ะไว้ต่อหน้าต่อตาคุณเพื่อมุ่งความสนใจไปที่สิ่งสำคัญ
ปล่อยให้มี "เวลาว่าง"
ตาม Gleb Arkhangelsky การบริหารเวลาแบบคลาสสิกของรัสเซียเมื่อวางแผนวันคุณต้องคำนวณไม่เกิน 60% ของเวลาและ 40% - ที่เรียกว่าเขตกันชน - ควรทิ้งไว้ในกรณีที่มีงานเร่งด่วนและไม่คาดฝัน เกิดขึ้น มีเหตุสุดวิสัยอยู่เสมอซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาด้วย และคุณไม่ควรวางแผนวันต่อนาที เพราะแผนดังกล่าวใช้ไม่ได้ผลอยู่แล้ว
หากไม่มีงานที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ให้ยุ่งกับการทำเรื่องสำคัญแต่ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ตัวอย่างเช่น จัดเรียงเอกสารบนโต๊ะของคุณ - หากคุณไม่ต้องการสัญญากับลูกค้าในวันนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าสัญญาเหล่านั้นจะไม่มีประโยชน์ในเร็วๆ นี้ วิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนและต้องใช้เวลาในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมที่สุด
หากวิธีนี้ไม่อนุญาตให้คุณหลีกเลี่ยงเหตุสุดวิสัย (เช่นคุณต้องไปประชุมด่วนซึ่งจะใช้เวลาครึ่งวันทำการ) คุณควร:
- มอบหมายงานที่วางแผนไว้บางส่วนให้กับพนักงานคนอื่นหากคุณมีผู้ช่วย
- ย้ายสิ่งต่าง ๆ ไปยังวันหลัง (ทั้งหมดหรือบางส่วน)
- ปฏิเสธงาน
เมื่อสร้างแผน ให้จัดลำดับความสำคัญของงาน "ยาก" ที่ต้องทำให้เสร็จในเวลาที่กำหนด เช่น การประชุม
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้กำหนดเวลาไว้อย่างเคร่งครัด โดยไม่มีช่วงเวลา คู่รักหรือลูกค้าของคุณอาจมาสาย การประชุมอาจล่าช้า และสิ่งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในงานอื่นๆ ทั้งหมด
การจัดเวลาของผู้จัดการ
การจัดวันทำงานสำหรับผู้จัดการมีลักษณะเฉพาะของตนเอง: การสื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชา การกำหนดงาน การควบคุมและการแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างพนักงาน
ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ คุณต้องให้ความสำคัญกับปัญหาและแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ การบริหารเวลาแบบคลาสสิกให้คำแนะนำสี่ประการในเรื่องนี้:
- อย่ากำหนดเวลาการประชุมเกินสี่ครั้งต่อวัน ไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะมีประสิทธิภาพน้อยลง
- ผู้รับมอบสิทธิ์: หากคุณทำงานที่คนอื่นในแผนกของคุณสามารถทำได้ และเวลาของพวกเขามีค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงน้อยกว่าคุณ คุณกำลังสิ้นเปลืองเงินของบริษัทโดยเปล่าประโยชน์
- ตั้งเวลาแผนกต้อนรับรายสัปดาห์สำหรับผู้ใต้บังคับบัญชา - นโยบายเปิดประตูกีดกันพนักงานจากการเป็นอิสระและนำไปสู่การเสียเวลาอย่างไม่มีเหตุผล
- เมื่อวางแผนวันทำงานของคุณ ให้สร้างเงื่อนไขเพื่อมุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อยสองถึงสามชั่วโมง
วิธีแห่งความโกลาหลที่ถูกผูกไว้
ตามกฎแล้วเมื่อดำเนินการตามแผนที่มีเป้าหมายระยะสั้น แต่ในระยะยาวอาจเกิดปัญหาขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีโครงการดังกล่าวหลายโครงการ เป็นการยากที่จะเก็บรายละเอียดมากมายไว้ในหัวของคุณ ในขณะเดียวกัน การทำงานเล็กๆ น้อยๆ เป็นประจำก็ต้องใช้เวลาและทำให้คุณไม่สามารถมุ่งความสนใจไปที่สิ่งสำคัญได้ ทางออกคือ "วิธีการแห่งความโกลาหลที่จำกัด" ซึ่งอธิบายไว้ในหนังสือชื่อเดียวกันโดย Gleb Arkhangelsky
สำหรับแต่ละโปรเจ็กต์ ให้สร้างโฟลเดอร์แยกต่างหากและวางสื่อที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไว้ที่นั่น เตือนตัวเองและทบทวนเป็นระยะ พกสมุดจดเล็กๆ ติดตัวเพื่อจดความคิดของคุณ จากนั้นจัดระเบียบรายการของคุณลงในโฟลเดอร์ เมื่อถึงเวลาแปรรูปวัสดุ คุณจะมีแนวคิดหรือแนวทางแก้ไขที่ดีอยู่แล้ว
สำหรับโปรเจ็กต์ที่ซับซ้อนและมีความยาวมาก เมื่องานที่กำลังจะจัดขึ้นทำให้คุณรู้สึกล้นหลามทางจิตวิทยา วิธีการ "สวิสชีส" ก็ใช้ได้ผล
ขึ้นอยู่กับความจริงที่ว่าคุณต้องเริ่มงานทีละน้อยโดยทำให้ "รู" ของปัญหาเหมือนกับที่มองเห็นได้ในการตัดชีสสวิส ด้วยวิธีนี้ คุณจะเริ่มรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวไปข้างหน้า และคุณจะถูกกระตุ้นให้แก้ไขปัญหาต่อไปจนกว่าคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
การควบคุมการบริหารเวลา
จากทั้งหมดที่กล่าวมา ฟังก์ชั่นการจัดการเวลาจะไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรหากไม่ดำเนินการควบคุม
มันครอบคลุม สามงาน:
- ทำความเข้าใจกับสภาพร่างกายและอารมณ์ของคุณ
- เปรียบเทียบสิ่งที่วางแผนไว้กับผลลัพธ์
- หากจำเป็นให้ปรับแผน
- ขั้นตอนง่ายๆ นี้จะช่วยให้คุณเข้าใจได้ดีขึ้นถึงสิ่งที่คุณประสบความสำเร็จ และขั้นตอนใดที่คุณควรดำเนินการเพื่อจัดเวลาทำงานของคุณให้ดีขึ้น