ครอบครัวดิกเกนส์ หนังสือทั้งหมดของ Charles Dickens
วรรณคดีอังกฤษ
ชาร์ลสดิกเกนส์
ชีวประวัติ
Charles Dickens เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2355 ในเมือง Landport ใกล้กับ Portsmouth พ่อของเขาเป็นข้าราชการค่อนข้างร่ำรวย เป็นคนเหลาะแหละ แต่ร่าเริงและนิสัยดี เพลิดเพลินกับความสุขสบายนั้น เป็นความสบายใจที่ทุกครอบครัวผู้มั่งคั่งในอังกฤษเก่าหวงแหนมาก Mr. Dickens โอบล้อมลูกๆ ของเขาและโดยเฉพาะ Charlie สัตว์เลี้ยงของเขาด้วยความเอาใจใส่และความรักใคร่ Little Dickens สืบทอดจินตนาการอันล้นเหลือจากพ่อของเขา คำพูดที่เบาสบาย เห็นได้ชัดว่าเสริมความจริงจังของชีวิตที่สืบทอดมาจากแม่ของเขา ซึ่งแบกรับภาระทางโลกทั้งหมดเพื่อรักษาความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว
ความสามารถอันล้นเหลือของเด็กชายทำให้พ่อแม่ของเขาพอใจ และพ่อที่มีใจรักทางศิลปะก็ทรมานลูกชายของเขาอย่างแท้จริง บังคับให้เขาแสดงฉากต่างๆ บอกเล่าความประทับใจ ด้นสด อ่านบทกวี ฯลฯ ดิกเกนส์กลายเป็น นักแสดงตัวน้อยเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและความไร้สาระ
อย่างไรก็ตาม จู่ๆ ครอบครัวดิคเก้นก็พังพินาศลงกับพื้น พ่อถูกขังอยู่ในคุกของลูกหนี้เป็นเวลาหลายปี แม่ต้องต่อสู้กับความยากจน เต็มไปด้วยความเพ้อฝัน รักตัวเอง เด็กชายลงเอยด้วยสภาพการทำงานที่โหดร้ายในโรงงานแว็กซ์
ตลอดช่วงชีวิตต่อมา ดิคเก้นถือว่าความพินาศของครอบครัวและหุ่นขี้ผึ้งของเขาเป็นการดูถูกตัวเขาเองมากที่สุด เป็นการทุบตีที่ไม่สมควรและอัปยศอดสู เขาไม่ชอบพูดถึงเรื่องนี้ แม้กระทั่งซ่อนข้อเท็จจริงเหล่านี้ แต่ที่นี่ จากก้นบึ้งของความต้องการ ดิคเก้นดึงความรักอันแรงกล้าของเขาที่มีต่อผู้ถูกรุกราน สำหรับคนขัดสน ความเข้าใจในความทุกข์ทรมานของพวกเขา ความเข้าใจในความโหดร้ายที่พวกเขาพบเจอ จากเบื้องบน ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับชีวิตแห่งความยากจนและสถาบันทางสังคมที่น่ากลัว เช่น โรงเรียนสำหรับเด็กยากจนและสถานลี้ภัย เช่น การขูดรีดแรงงานเด็กในโรงงาน เช่น เรือนจำของลูกหนี้ที่เขาไปเยี่ยมพ่อ ฯลฯ ดิคเก้นส์ นำพาความเกลียดชังอันยิ่งใหญ่และมืดมนมาสู่คนรวยและชนชั้นปกครองตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่เข้าครอบงำ Dickens รุ่นเยาว์ ความฝันที่จะปีนกลับไปสู่ตำแหน่งของผู้ที่ชื่นชอบความมั่งคั่ง ความฝันที่จะเติบโตเกินตำแหน่งทางสังคมเดิมของเขา ชนะเพื่อความมั่งคั่ง ความสุข และอิสรภาพของตัวเอง นั่นคือสิ่งที่ทำให้วัยรุ่นคนนี้ตื่นเต้นด้วยผมสีเกาลัดบนใบหน้าที่ซีดเซียว มีมหึมาลุกโชนด้วยไฟ มีนัยน์ตา.
Dickens พบว่าตัวเองเป็นนักข่าวเป็นหลัก ชีวิตทางการเมืองที่ขยายตัว ความสนใจอย่างลึกซึ้งในการโต้วาทีที่เกิดขึ้นในรัฐสภา และในเหตุการณ์ที่มาพร้อมกับการโต้วาทีเหล่านี้ ทำให้สาธารณชนอังกฤษสนใจสื่อมากขึ้น จำนวนและยอดขายของหนังสือพิมพ์ และความต้องการคนทำงานหนังสือพิมพ์ ทันทีที่ Dickens เสร็จสิ้นการมอบหมายงานให้นักข่าวหลายคนในการพิจารณาคดี เขาก็ถูกจับสังเกตทันทีและเริ่มลอยนวล ยิ่งไกลออกไป ยิ่งทำให้เพื่อนร่วมงานนักข่าวประหลาดใจด้วยการประชดประชัน การนำเสนอที่มีชีวิตชีวา และการใช้ภาษาที่หลากหลาย ดิกเกนส์คลั่งไคล้งานหนังสือพิมพ์ และทุกสิ่งที่เบ่งบานในตัวเขาแม้ในวัยเด็ก และได้รับอคติที่แปลกประหลาดและค่อนข้างเจ็บปวดในเวลาต่อมา บัดนี้ไหลออกมาจากใต้ปากกาของเขา และเขาตระหนักดีว่าไม่เพียงเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงนำเสนอแนวคิดของเขาสู่สาธารณะ แต่ยังรวมถึงสิ่งที่ทำให้อาชีพของเขา วรรณคดีเป็นบันไดสำหรับเขาที่จะก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของสังคมในขณะเดียวกันก็ทำความดีเพื่อมวลมนุษยชาติเพื่อประเทศของเขาและเหนือสิ่งอื่นใดและที่สำคัญที่สุดสำหรับ เห็นแก่ผู้ถูกกดขี่
บทความเกี่ยวกับศีลธรรมเรื่องแรกของ Dickens ซึ่งเขาเรียกว่า "บทความของ Boz" ได้รับการตีพิมพ์ในปี 1836 จิตวิญญาณของพวกเขาค่อนข้างสอดคล้องกับ ตำแหน่งทางสังคมดิกเกนส์ มันเป็นการประกาศที่สมมติขึ้นในระดับหนึ่งเพื่อผลประโยชน์ของชนชั้นนายทุนน้อยที่เจ๊ง อย่างไรก็ตาม บทความเหล่านี้แทบไม่มีใครสังเกตเห็น
แต่ Dickens พบกับความสำเร็จอันน่าเวียนหัวในปีเดียวกันด้วยการปรากฏตัวบทแรกของเอกสารมรณกรรมของ Pickwick Club (เอกสารมรณกรรมของ Pickwick Club) ชายหนุ่มอายุ 24 ปี ได้รับแรงบันดาลใจจากความโชคดีที่ยิ้มให้เขา โหยหาความสุขและความสนุกสนานโดยธรรมชาติ ในหนังสืออายุน้อยเล่มนี้ที่กล่าวถึงความพยายามของเขาที่จะหลีกเลี่ยงด้านมืดของชีวิตโดยสิ้นเชิง เขาวาดภาพอังกฤษยุคเก่าจากด้านต่างๆ มากที่สุด เชิดชูธรรมชาติที่ดีของมัน ตอนนี้ความอุดมสมบูรณ์ของชีวิตและพลังความเห็นอกเห็นใจในนั้น ซึ่งล่ามโซ่บุตรชายที่ดีที่สุดของชนชั้นนายทุนน้อย เขาพรรณนาถึงอังกฤษยุคเก่าด้วยนิสัยที่ใจดี มองโลกในแง่ดี และเป็นคนนอกรีตที่มีเกียรติที่สุด ซึ่งชื่อ - มิสเตอร์พิกวิค - ได้สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองในวรรณกรรมโลกที่ไหนสักแห่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากชื่อที่ยิ่งใหญ่ของดอนกิโฆเต้ ถ้าดิคเก้นส์เขียนหนังสือเล่มนี้ของเขา ไม่ใช่นิยาย แต่เป็นชุดการ์ตูนภาพผจญภัยด้วยการคำนวณอย่างลึกซึ้ง ประการแรก เพื่อเอาชนะใจประชาชนอังกฤษ ประจบสอพลอ ปล่อยให้มันเพลิดเพลินไปกับเสน่ห์ของสิ่งนั้นอย่างหมดจด ภาษาอังกฤษประเภทบวกและลบ เช่น พิกวิกเอง ซามูเอล เวลเลอร์ที่ยากจะลืมเลือน - ชายผู้ฉลาดในเครื่องแบบ จิงเกิล ฯลฯ บางคนอาจประหลาดใจกับความสัตย์ซื่อของสัญชาตญาณของเขา แต่ที่นี่เธอได้ใช้ชีวิตวัยเยาว์และวันแห่งความสำเร็จครั้งแรกของเธอ ความสำเร็จนี้ได้รับความสำเร็จอย่างสูงเป็นพิเศษ งานใหม่ดิคเก้นและเราต้องทำให้เขายุติธรรม: เขาใช้พลับพลาสูงที่เขาขึ้นไปในทันที บังคับให้คนในอังกฤษทั้งหมดหัวเราะจนจุกเสียดที่น้ำตกแห่งความอยากรู้อยากเห็นของ Pickwickiad เพื่อทำงานที่จริงจังกว่านี้
อีกสองปีต่อมา Dickens แสดงร่วมกับ Oliver Twist และ Nicholas Nickleby
"Oliver Twist" (1838) - เรื่องราวของเด็กกำพร้าที่จบลงในสลัมของลอนดอน เด็กชายได้พบกับความถ่อมตัวและความสูงส่ง อาชญากร และผู้คนที่น่านับถือระหว่างทาง ชะตากรรมที่โหดร้ายถดถอยก่อนที่ความปรารถนาอย่างจริงใจของเขาสำหรับชีวิตที่ซื่อสัตย์ หน้าของนวนิยายพรรณนาภาพชีวิตและสังคมของอังกฤษในศตวรรษที่ 19 ในความงดงามและความหลากหลายในการดำรงชีวิต ในนวนิยายเรื่องนี้ Ch. Dickens ทำหน้าที่เป็นนักมนุษยนิยม ยืนยันถึงพลังแห่งความดีในตัวมนุษย์
ชื่อเสียงของ Dickens เติบโตอย่างรวดเร็ว พวกเสรีนิยมทั้งสองเห็นว่าเขาเป็นพันธมิตรเพราะเขาปกป้องเสรีภาพและอนุรักษ์นิยมเพราะเขาชี้ให้เห็นความโหดร้ายของความสัมพันธ์ทางสังคมใหม่
หลังจากเดินทางไปอเมริกา ที่ซึ่งสาธารณชนได้พบกับดิกเกนส์ด้วยความกระตือรือร้นไม่น้อยไปกว่าชาวอังกฤษ ดิกเกนส์เขียนหนังสือ "Martin Chuzzlewit" ของเขา (The Life and Adventures of Martin Chuzzlewit, 1843) นอกเหนือจากภาพที่น่าจดจำของ Pecksniff และ Mrs. Gump แล้ว นวนิยายเรื่องนี้ยังโดดเด่นด้วยการล้อเลียนชาวอเมริกัน ส่วนใหญ่ในประเทศทุนนิยมหนุ่มดูเหมือนจะฟุ่มเฟือย น่าอัศจรรย์ ไม่เป็นระเบียบ และเขาไม่ลังเลเลยที่จะบอกความจริงมากมายเกี่ยวกับพวกเขาให้แยงกี้ฟัง แม้ในช่วงสุดท้ายของการพำนักในอเมริกาของ Dickens เขาก็ยอมให้ตัวเอง "ไร้ไหวพริบ" ซึ่งทำให้ทัศนคติของชาวอเมริกันที่มีต่อเขาขุ่นมัวอย่างมาก นวนิยายของเขาก่อให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงจากประชาชนในต่างประเทศ
แต่องค์ประกอบที่แหลมคมและเสียดแทงในงานของเขา ดิคเก้นรู้วิธีทำให้สมดุลนุ่มนวล ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว นี่เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพราะเขายังเป็นกวีที่อ่อนโยนต่อลักษณะพื้นฐานที่สุดของชนชั้นนายทุนน้อยในอังกฤษ ซึ่งทะลุทะลวงเกินขอบเขตของชนชั้นนี้
ลัทธิของความผาสุกความสะดวกสบายพิธีและประเพณีดั้งเดิมที่สวยงามลัทธิของครอบครัวราวกับว่ารวมอยู่ในเพลงคริสต์มาสวันหยุดของชนชั้นกลางนี้แสดงออกด้วยพลังที่น่าทึ่งและน่าตื่นเต้นใน "เรื่องราวคริสต์มาส" ของเขา - ในปี ค.ศ. 1843 เพลง "คริสต์มาสแครอล" (A Christmas Carol) ตามมาด้วย The Chimes, The Cricket on the Hearth, The Battle of Life, The Haunted Man ดิคเก้นไม่ต้องเสแสร้งที่นี่: ตัวเขาเองเป็นหนึ่งในแฟนตัวยงที่กระตือรือร้นที่สุดของวันหยุดฤดูหนาวนี้ ในระหว่างที่เกิดไฟไหม้บ้าน ใบหน้าอันเป็นที่รัก อาหารที่เคร่งขรึม และเครื่องดื่มรสเลิศ ทำให้เกิดไอดีลบางอย่างท่ามกลางหิมะและสายลมแห่งฤดูหนาวที่ไร้ความปรานี .
ในเวลาเดียวกัน Dickens ได้เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของ Daily News ในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เขาได้แสดงความคิดเห็นทางสังคมและการเมือง
คุณลักษณะทั้งหมดของพรสวรรค์ของ Dickens สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนในนวนิยายที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของเขา Dombey and Son (1848) ตัวเลขและสถานการณ์ในชีวิตจำนวนมากในงานนี้น่าทึ่งมาก ความเพ้อฝันของ Dickens ความเฉลียวฉลาดของเขาดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดและเหนือมนุษย์ มีนวนิยายในวรรณกรรมโลกจำนวนน้อยมากที่สามารถวางคู่กับดอมบีย์และลูกชายได้ ด้วยสีสันที่หลากหลายและโทนที่หลากหลาย และในบรรดานวนิยายเหล่านี้ต้องวางผลงานชิ้นต่อๆ มาของดิคเก้นเองไว้ด้วย ทั้งตัวละครชนชั้นกลางและคนยากจนถูกสร้างขึ้นโดยเขาด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ คนเหล่านี้เกือบทั้งหมดผิดปกติ แต่ความแปลกที่ทำให้คุณหัวเราะได้ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นและหวานชื่นยิ่งขึ้น จริงอยู่ที่เสียงหัวเราะที่เป็นมิตรและน่ารักนี้ทำให้คุณไม่สังเกตเห็นความคับแคบ ข้อจำกัด เงื่อนไขที่ยากลำบากที่พวกเขาต้องอยู่ แต่นั่นคือดิกเกนส์ อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าเมื่อเขาหันไปใช้เสียงฟ้าร้องต่อสู้กับผู้กดขี่ ต่อต้านดอมบีย์ พ่อค้าผู้หยิ่งผยอง ต่อคนขี้โกงอย่างเสมียนอาวุโสของเขาคาร์เกอร์ เขาพบว่าถ้อยคำที่ทำลายล้างนั้นแสดงถึงความขุ่นเคืองใจที่บางครั้งพวกเขาก็ติดกับสิ่งที่น่าสมเพชของการปฏิวัติ
อารมณ์ขันที่อ่อนแอยิ่งขึ้นในผลงานชิ้นสำคัญชิ้นต่อไปของ Dickens - "David Copperfield" (1849-1850) นวนิยายเรื่องนี้ส่วนใหญ่เป็นอัตชีวประวัติ ความตั้งใจของเขาจริงจังมาก จิตวิญญาณของการยกย่องรากฐานเก่าของศีลธรรมและครอบครัว จิตวิญญาณของการต่อต้านนายทุนใหม่อังกฤษดังกึกก้องที่นี่เช่นกัน มีหลายวิธีในการรักษา "David Copperfield" บางคนจริงจังกับเรื่องนี้มากจนคิดว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดิกเกนส์
ในปี 1850 Dickens มาถึงจุดสูงสุดของชื่อเสียงของเขา เขาเป็นที่รักของโชคชะตา - นักเขียนชื่อดังผู้ปกครองแห่งความคิดและคนรวย - บุคคลที่โชคชะตาไม่ได้ จำกัด อยู่ที่ของขวัญ
ภาพเหมือนของ Dickens ในเวลานั้นวาดโดย Chesterton ค่อนข้างประสบความสำเร็จ:
Dickens มีความสูงเฉลี่ย ความมีชีวิตชีวาตามธรรมชาติของเขาและรูปร่างหน้าตาที่ไม่เป็นตัวของตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้คนรอบข้างรู้สึกประทับใจกับผู้ชายรูปร่างเตี้ยและไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม รูปร่างที่เล็กมาก ในวัยหนุ่มของเขา บนศีรษะของเขาดูฟุ่มเฟือยเกินไป แม้แต่ในยุคนั้น หมวกผมสีน้ำตาล และต่อมาเขาก็สวมหนวดสีเข้มและเคราแพะหนาสีเขียวชอุ่มซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิมที่ทำให้เขาดูเหมือนคนต่างชาติ .
อดีตใบหน้าซีดเซียวใส ความสดใสและการแสดงออกของดวงตายังคงอยู่กับเขา "สังเกตจากปากที่เคลื่อนที่ได้ของนักแสดงและสไตล์การแต่งตัวที่หรูหราของเขา" เชสเตอร์ตันเขียนเกี่ยวกับมัน:
เขาสวมแจ็กเก็ตกำมะหยี่ เสื้อโค้ทเอวบางที่น่าทึ่ง ชวนให้นึกถึงสีที่ไม่น่าจะเป็นไปได้โดยสิ้นเชิง พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า, หมวกสีขาว, อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในเวลานั้น, ความขาวที่ผิดปกติอย่างยิ่งที่บาดตา เขาเต็มใจแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งตัวที่สวยงาม พวกเขายังบอกว่าเขาถ่ายภาพบุคคลในชุดดังกล่าว
เบื้องหลังการปรากฏตัวครั้งนี้ ซึ่งมีท่าทางและความกังวลใจมากมาย แฝงไปด้วยโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความต้องการของ Dickens กว้างกว่ารายได้ของเขา ธรรมชาติโบฮีเมียนที่ไม่เป็นระเบียบและบริสุทธิ์ของเขาไม่อนุญาตให้เขาแนะนำคำสั่งใด ๆ ในเรื่องของเขา เขาไม่เพียงทรมานสมองอันมั่งคั่งและมีผลของเขา บังคับให้ทำงานหนักเกินไปอย่างสร้างสรรค์ แต่ในฐานะนักอ่านที่เก่งกาจผิดปกติ เขาพยายามหารายได้มหาศาลจากการบรรยายและอ่านข้อความจากนวนิยายของเขา ความประทับใจของการอ่านการแสดงเพียงอย่างเดียวนี้ยิ่งใหญ่เสมอ เห็นได้ชัดว่า Dickens เป็นหนึ่งในนักอ่านอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ในการเดินทางของเขาเขาตกอยู่ในมือของผู้ประกอบการบางรายและในขณะที่มีรายได้มากในขณะเดียวกันก็หมดแรง
ชีวิตครอบครัวของเขาลำบาก การทะเลาะกับภรรยาของเขา ความสัมพันธ์ที่ยากลำบากและมืดมนกับครอบครัวของเธอทั้งหมด ความกลัวลูกที่ป่วยทำให้ Dickens จากครอบครัวของเขาค่อนข้างเป็นที่มาของความกังวลและความทรมานอย่างต่อเนื่อง
แต่ทั้งหมดนี้มีความสำคัญน้อยกว่าความคิดเศร้าโศกที่ครอบงำ Dickens ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดในงานเขียนของเขา - คำสอนของเขาการโทรของเขา - ยังคงไร้ประโยชน์ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีความหวังที่จะปรับปรุงสถานการณ์เลวร้ายที่เป็นอยู่ ชัดเจนสำหรับเขา แม้จะมีแว่นตาตลกขบขันที่ควรทำให้เส้นโครงร่างที่คมชัดของความเป็นจริงอ่อนลงสำหรับทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน เขาเขียนในเวลานี้:
ดิคเก้นมักจะตกอยู่ในภวังค์โดยธรรมชาติ มีการมองเห็น และบางครั้งมีอาการเดจาวู จอร์จ เฮนรี ลูอิส เล่าถึงความแปลกประหลาดอีกอย่างของนักเขียน หัวหน้าบรรณาธิการนิตยสารรายปักษ์ Review (และเป็นเพื่อนสนิทของนักเขียน George Eliot) ดิกเกนส์เคยบอกเขาว่าทุกคำก่อนจะเขียนลงบนกระดาษ เขาจะได้ยินอย่างชัดเจนเป็นอันดับแรก และตัวละครของเขาจะอยู่ใกล้ๆ และสื่อสารกับเขาตลอดเวลา ในขณะที่ทำงานในร้านขายโบราณวัตถุผู้เขียนไม่สามารถกินหรือนอนอย่างสงบได้ Nell ตัวน้อยหันมาใต้เท้าของเธอเรียกร้องความสนใจเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจและอิจฉาเมื่อผู้เขียนหันเหความสนใจจากเธอโดยการสนทนากับคนนอก ในขณะที่ทำงานในนวนิยายเรื่อง Martin Chuzzlewitt ดิคเก้นรู้สึกรำคาญกับมุกตลกของเธอโดยนางกัมป์ เขาต้องต่อสู้กับเธอโดยใช้กำลัง “ดิกเกนส์เตือนนางกัมพ์มากกว่าหนึ่งครั้ง: ถ้าเธอไม่เรียนรู้ที่จะประพฤติตนอย่างเหมาะสมและจะไม่ปรากฏตัวเฉพาะเมื่อโทรศัพท์ เขาจะไม่โทรหาเธอเลยสักสายเดียว!” ลูอิสเขียน นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้เขียนชอบเดินเตร่ไปตามถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน “ในตอนกลางวันคุณยังทำได้โดยไม่ต้องมีคนอยู่เลย” ดิคเก้นยอมรับในจดหมายฉบับหนึ่งของเขา แต่ในตอนเย็น ฉันไม่สามารถกำจัดผีได้จนกว่าฉันจะหลงทางจากพวกเขาในฝูงชน "บางทีธรรมชาติที่สร้างสรรค์ของการผจญภัยชวนหลอนเหล่านี้ทำให้เราไม่สามารถพูดถึงโรคจิตเภทว่าเป็นการวินิจฉัยได้" นักจิตศาสตร์ศาสตร์ Nandor Fodor ผู้เขียนบทความเรื่อง The Unknown Dickens (1964, New York) กล่าว
ความเศร้าโศกนี้แผ่ซ่านไปทั่วนวนิยายเรื่อง Hard Times อันงดงามของ Dickens นวนิยายเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมและศิลปะที่แข็งแกร่งที่สุดต่อระบบทุนนิยมที่ก่อกวนในสมัยนั้น และเป็นหนึ่งในวรรณกรรมที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในแบบของตัวเอง ร่างที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวของ Bounderby ถูกเขียนขึ้นด้วยความเกลียดชังอย่างแท้จริง แต่ดิกเกนส์กำลังรีบแยกตัวออกจากคนงานขั้นสูง
การสิ้นสุดของกิจกรรมวรรณกรรมของดิคเก้นถูกทำเครื่องหมายด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมทั้งชุด นวนิยายเรื่อง "Little Dorrit" (1855-1857) ถูกแทนที่ด้วย "A Tale of Two Cities" อันโด่งดัง (A Tale of Two Cities, 1859) ซึ่งเป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์โดย Dickens ที่อุทิศให้กับการปฏิวัติฝรั่งเศส ดิคเก้นถอยห่างจากเธอราวกับเป็นบ้า มันค่อนข้างอยู่ในจิตวิญญาณของการมองโลกทั้งใบของเขา และถึงกระนั้น เขาก็สามารถสร้างหนังสืออมตะในแบบของเขาเอง
ความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ (2403) - นวนิยายอัตชีวประวัติ - เป็นของในเวลาเดียวกัน ฮีโร่ของเขา - Pip - วิ่งระหว่างความปรารถนาที่จะรักษาความเป็นอยู่ที่ดีของชนชั้นนายทุนน้อย เพื่อรักษาตำแหน่งชาวนาสายกลางของเขา และความปรารถนาที่สูงขึ้นเพื่อความหรูหรา ความหรูหรา และความมั่งคั่ง ดิคเก้นทุ่มเทความพยายามของตัวเองอย่างมาก ความปรารถนาของเขาเองในนวนิยายเรื่องนี้ ตามแผนเดิม นวนิยายควรจะจบลงด้วยน้ำตา ในขณะที่ดิคเก้นมักจะหลีกเลี่ยงตอนจบที่ยากสำหรับผลงานของเขา ทั้งจากธรรมชาติอันดีงามของเขาเองและการรู้รสนิยมของสาธารณชน ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ เขาจึงไม่กล้าที่จะยุติ "ความคาดหวังอันยิ่งใหญ่" ด้วยการล่มสลายโดยสิ้นเชิง แต่เนื้อเรื่องทั้งหมดของนวนิยายเรื่องนี้นำไปสู่จุดจบอย่างชัดเจน
Dickens ขึ้นสู่จุดสูงสุดของความคิดสร้างสรรค์ของเขาอีกครั้งในตัวเขา เพลงหงส์- ในผืนผ้าใบขนาดใหญ่ "เพื่อนร่วมของเรา" (2407) แต่งานนี้เขียนขึ้นราวกับต้องการหยุดพักจากความตึงเครียด หัวข้อทางสังคม. เกิดขึ้นอย่างงดงาม เปี่ยมล้นด้วยประเภทที่คาดไม่ถึง ล้วนเปล่งประกายด้วยไหวพริบ ตั้งแต่ประชดไปจนถึงขบขัน - นวนิยายเรื่องนี้ตามความตั้งใจของผู้เขียน ควรเป็นความรัก อ่อนหวาน ตลกขบขัน ตัวละครที่น่าสลดใจของเขาถูกวาดไว้อย่างเดิม เพียงเพื่อการเปลี่ยนแปลงและส่วนใหญ่อยู่เบื้องหลัง ทุกอย่างจบลงด้วยดี ตัวร้ายเองกลายเป็นว่าสวมหน้ากากชั่วร้ายหรือขี้เล่นและไร้สาระจนเราพร้อมที่จะให้อภัยพวกเขาสำหรับการทรยศหรือไม่ก็ไม่พอใจที่พวกเขากระตุ้นความสงสารแทนความโกรธ
ในผลงานชิ้นสุดท้ายของเขา ดิคเก้นรวบรวมอารมณ์ขันทั้งหมดของเขา ปกป้องตัวเองจากความเศร้าโศกที่เข้าครอบงำเขาด้วยภาพที่ยอดเยี่ยม ร่าเริง และเห็นอกเห็นใจของไอดีลนี้ อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าความเศร้าโศกนี้จะกลับมาหาเราอีกครั้งในนิยายนักสืบเรื่อง The Mystery of Edwin Drood ของ Dickens นวนิยายเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยม แต่เราไม่รู้ว่ามันควรจะนำไปสู่ที่ใดและจุดประสงค์ของมันคืออะไรเพราะงานยังเขียนไม่เสร็จ เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2413 Dickens อายุห้าสิบแปดปีซึ่งไม่แก่ในปี แต่เหนื่อยล้าจากงานมหาศาลชีวิตที่ค่อนข้างวุ่นวายและปัญหามากมายเสียชีวิตใน Gadeshill จากโรคหลอดเลือดสมอง
ชื่อเสียงของ Dickens เติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากการตายของเขา เขากลายเป็นเทพเจ้าแห่งวรรณคดีอังกฤษอย่างแท้จริง ชื่อของเขาเริ่มถูกเรียกถัดจากชื่อของเชกสเปียร์ ความนิยมของเขาในอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1880-1890 บดบังรัศมีของไบรอน แต่นักวิจารณ์และผู้อ่านพยายามที่จะไม่สังเกตเห็นการประท้วงด้วยความโกรธของเขา การพลีชีพที่แปลกประหลาดของเขา การที่เขาโลดแล่นท่ามกลางความขัดแย้งของชีวิต พวกเขาไม่เข้าใจและไม่ต้องการที่จะเข้าใจว่าอารมณ์ขันมักจะเป็นเกราะป้องกันสำหรับดิคเก้นจากการทำร้ายชีวิตมากเกินไป ในทางตรงกันข้าม Dickens ได้รับชื่อเสียงของนักเขียนที่ร่าเริงในอังกฤษเก่าที่ร่าเริง Dickens เป็นนักอารมณ์ขันที่ยอดเยี่ยม - นั่นคือสิ่งที่คุณจะได้ยินเป็นอันดับแรกจากปากของชาวอังกฤษทั่วไปจากชั้นเรียนที่หลากหลายที่สุดในประเทศนี้
หน้าชื่อเล่มแรกของ The Complete Works (1892)
ในภาษารัสเซีย งานแปลของ Dickens ปรากฏในช่วงปลายทศวรรษ 1830 ในปี พ.ศ. 2381 ข้อความที่ตัดตอนมาจาก The Posthumous Papers of the Pickwick Club ปรากฏในสิ่งพิมพ์ และเรื่องราวต่อจากวงจรเรียงความของ Boz ได้รับการแปล นวนิยายที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดของเขาได้รับการแปลหลายครั้งและงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งหมดได้รับการแปลและแม้แต่งานที่ไม่ได้เป็นของเขา แต่แก้ไขโดยเขาในฐานะบรรณาธิการ Dickens แปลโดย V. A. Solonitsyn (“The Life and Adventures of the English Gentleman Mr. Nicholas Nickleby, with Truthful and คำอธิบายที่เชื่อถือได้ความสำเร็จและความล้มเหลว การขึ้นๆ ลงๆ ในคำเดียว ภรรยา, ลูก, ญาติและทั้งครอบครัวของสุภาพบุรุษดังกล่าวโดยทั่วไป”, “Library for Reading”, 1840), O. Senkovsky (“Library for Reading” ”), A. Kroneberg (“ เรื่องคริสต์มาสของ Dickens”, “ ร่วมสมัย”, 2390 ฉบับที่ 3 - บอกเล่าด้วยการแปลข้อความที่ตัดตอนมา เรื่อง "การต่อสู้แห่งชีวิต", อ้างแล้ว) และ I. I. Vvedensky ("Dombey and the Son" , "สนธิสัญญากับผี", "Pickwicksky's Grave Notes club", "David Copperfield"); ต่อมา - Z. Zhuravskaya ("ชีวิตและการผจญภัยของ Martin Chuzzlewit", 1895; "Without Exit", 1897), V. L. Rantsov, M. A. Shishmareva (" บันทึกมรณกรรม Pickwick Club", "Hard Times" และอื่นๆ), E. G. Beketova (คำแปลโดยย่อของ "David Copperfield" และอื่นๆ) เป็นต้น
ลักษณะที่เชสเตอร์ตันมอบให้กับดิกเกนส์นั้นใกล้เคียงกับความจริง: “ดิกเกนส์เป็นโฆษกที่สดใส” นักเขียนชาวอังกฤษผู้นี้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเขาในหลายๆ ด้านกล่าว “เป็นกระบอกเสียงที่แสดงถึงแรงบันดาลใจทั่วไป แรงกระตุ้น และความกระตือรือร้นที่ทำให้มึนเมาที่ เข้าครอบครองอังกฤษเรียกทุกคนและทุกคนไปสู่เป้าหมายที่สูงส่ง ผลงานที่ดีที่สุดของเขาคือเพลงสรรเสริญอิสรภาพ ผลงานทั้งหมดของเขาฉายแสงสะท้อนจากการปฏิวัติ
ร้อยแก้วของ Ch. Dickens เปี่ยมไปด้วยไหวพริบ ซึ่งมีอิทธิพลต่อความคิดริเริ่มของตัวละครประจำชาติและวิธีคิด ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในชื่อ "อารมณ์ขันแบบอังกฤษ"
Charles Dickens (1812-1870) นักเขียนชาวอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2355 ในเมือง Landport ในครอบครัวของข้าราชการที่ร่ำรวย ผู้เฒ่าดิคเก้นรักลูก ๆ ของเขามากและในตัวชาร์ลส์เขาเห็นพรสวรรค์ด้านการแสดงและบังคับให้เขาเล่นบทแสดงหรืออ่านหนังสือ ชิ้นงานศิลปะ. แต่ในไม่ช้าพ่อของชาร์ลส์ก็ถูกจับในข้อหาใช้หนี้และถูกจำคุกเป็นเวลาหลายปี และครอบครัวต้องต่อสู้กับความยากจน Young Dickens ต้องเรียนที่โรงเรียนสำหรับเด็กยากจนและทำงานในโรงงานแว็กซ์
ในเวลานี้ การโต้วาทีในรัฐสภาอังกฤษกระตุ้นความสนใจของสาธารณชนอย่างมาก ดังนั้น ความต้องการพนักงานหนังสือพิมพ์จึงเพิ่มขึ้น Dickens เสร็จสิ้นการทดลองงานและเริ่มทำงานเป็นนักข่าว
การตีพิมพ์ครั้งแรกของ "Essays of Boz" พร้อมการประท้วงอย่างเด่นชัดจากชนชั้นนายทุนน้อยที่เจ๊งในปี พ.ศ. 2379 ไม่ได้กระตุ้นความสนใจของผู้อ่าน ในปีเดียวกัน บทเริ่มต้นของ The Posthumous Papers of the Pickwick Club ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากในหมู่ชาวอังกฤษ
หลังจาก 2 ปี Dickens ตีพิมพ์ Oliver Twist และ Nicholas Nickleby เขากลายเป็นนักเขียนยอดนิยม
หลังจากเดินทางไปอเมริกาซึ่งมีผู้ชื่นชมความสามารถของเขามากมาย Dickens เขียนนวนิยายเรื่อง Martin Chuzzlewit (1843) โดยมีคำอธิบายที่น่าขันเกี่ยวกับสังคมอเมริกัน หนังสือเล่มนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบอย่างมากจากรัฐในต่างประเทศ
ผู้เขียนบรรยายทัศนคติพิเศษต่อคริสต์มาสในปี 1843 ใน "Christmas Stories" ในปีเดียวกันนั้น Dickens ได้เป็นหัวหน้าบรรณาธิการของ Daily News ซึ่งเขาได้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง
ในปี 1850 Dickens เป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยที่สุดในอังกฤษ แต่ชีวิตครอบครัวของเขาไม่ง่ายเพราะเขามักจะทะเลาะกับภรรยาและเป็นห่วงลูกที่ป่วย
ในปีพ. ศ. 2403 ได้มีการตีพิมพ์นวนิยายเกี่ยวกับอัตชีวประวัติ Great Expectations ซึ่งเขาเขียนเสร็จในเชิงบวกเช่นเดียวกับผลงานส่วนใหญ่ของเขา แต่ความเศร้าโศกเริ่มครอบงำเขา บางครั้งผู้เขียนอาจอยู่ในภวังค์ ในปี 1870 Dickens เริ่มเขียนนวนิยายนักสืบเรื่อง The Mystery of Edwin Drood แต่ไม่มีเวลาเขียนให้เสร็จ
งานศิลปะ
เอกสารมรณกรรมของ Pickwick Clubชีวประวัติของ Charles Dickens
Charles Dickens เกิดในปี 1812 ในครอบครัวของนายทหารเรือในเมืองพอร์ตสมัธ ตอนอายุ 10 ขวบ หัวหน้าครอบครัวของเขาถูกจำคุกเพราะหนี้สิน ครอบครัวยากจน และนับจากนั้นเป็นต้นมา ชาร์ลส์ตัวน้อยก็ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวของผู้เขียนเต็มไปด้วยการกีดกันและความอัปยศอดสู เด็กชายที่มีพรสวรรค์และอ่อนไหวโดยธรรมชาติก็มีโอกาสเรียนรู้ด้านที่ไม่ถูกต้องของชีวิตเช่นกัน ดิคเก้นคุ้นเคยกับสถานสงเคราะห์ ถ้ำลับ สลัม ชีวิตยากไร้ของคนจน อาชญากร และสตรีฉ้อราษฎร์บังหลวง ต่อมาเขาได้แสดงภาพทุกอย่างที่เขาประสบด้วยวิธีที่สดใสและสมจริงอย่างผิดปกติบนหน้าหนังสือของเขา แม้ต่อมาจะกลายเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียง แต่เขาก็ไม่สามารถกำจัดผีในอดีตได้
ดิคเก้นถือเป็นหนึ่งในเสาหลักแห่งความสมจริง ซึ่งเป็นหนึ่งในการเคลื่อนไหวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในวรรณกรรมยุโรปในศตวรรษที่ 19 ของฉัน กิจกรรมสร้างสรรค์ Dickens เริ่มต้นจากการเป็นนักข่าว ด้วยพรสวรรค์และทัศนคติที่ไม่แยแสต่อปัญหาในยุคของเรา เขาจึงได้รับการสังเกตจากสาธารณชนในเวลาที่สั้นที่สุดและกลายเป็นหนึ่งในนักเขียนยอดนิยม แต่ชื่อเสียงของนักข่าวชื่อดังนั้นไม่เพียงพอสำหรับเขา - ดิคเก้นต้องการมีสถานที่ที่เหมาะสมในสังคม สิ่งนี้สามารถทำได้ด้วยความช่วยเหลือของกิจกรรมวรรณกรรม และจากใต้ปากกาของเขา หนังสือเล่มแรกปรากฏขึ้นทีละเล่ม: บทความเกี่ยวกับศีลธรรมของ Boz และนวนิยายตลกขบขัน The Posthumous Papers of the Pickwick Club ผลงานชิ้นที่สองทำให้เขาได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักอ่าน ทำให้เขากลายเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน ไม่กี่ปีต่อมานักเขียนมีบทบาทใหม่ในฐานะนักเขียนที่จริงจังซึ่งเปิดเผยความชั่วร้ายของสังคม ผลงานของเขาเรื่อง "The Adventures of Nicholas Nickleby" และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "The Adventures of Oliver Twist" แสดงให้เห็นด้านที่น่าเกลียดของสังคมอังกฤษอย่างสดใสและมีสีสัน นวนิยายเรื่องนี้ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง และต่อมาได้นำไปสู่การผ่อนปรนและแม้กระทั่งการยกเลิกกฎหมายที่โหดร้ายที่เกี่ยวข้องกับคนจนและคนงานเด็ก ตลอดหลายปีต่อมา Dickens ก็ไม่เบื่อที่จะสร้างความสุขให้กับผู้อ่านด้วยผลงานใหม่ Dombey and Son นวนิยายอัตชีวประวัติของ David Copperfield ซึ่งทำให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วยุโรปและผลงานอื่นๆ อีกมากมาย
เมื่อเข้าสู่วัยกลางคน ดิกเกนส์ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จทุกอย่างที่เขาต้องการ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ชื่อเสียงของนักเขียน ตำแหน่งหัวหน้าบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หรือค่าธรรมเนียมที่มั่นคงซึ่งทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างยิ่งใหญ่ ไม่ได้ทำให้เขาสงบสุขและมีความสุข ธรรมชาติที่น่าประหม่าและน่าดึงดูดไม่ได้ทำให้เขามีความสุขกับความสงบสุขในครอบครัว เขาอาศัยอยู่กับภรรยาของเขา Katherine Hogarth ตลอดชีวิตโดยมีลูกแปดคน แต่เนื่องจากการทะเลาะวิวาทและความสัมพันธ์กับนักแสดงหญิง Ellen Ternan ทำให้เขาไม่พอใจกับเธอ ปีสุดท้ายของชีวิตของนักเขียนยังถูกบดบังด้วยความสงสัยเกี่ยวกับพรสวรรค์ของเขาเอง ผู้เขียนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปของสังคมที่เขาอาศัยอยู่ การทำลายล้างความอยุติธรรมทางสังคม - ทั้งหมดที่เขาประณามจากหน้าหนังสือของเขา แต่การเปลี่ยนแปลงมีผลช้าเกินไป ผู้เขียนต้องทนทุกข์ทรมานจากการที่ตัวเขาเองไม่สามารถมีอิทธิพลต่อสถานการณ์ได้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาเขียนหนังสือเรื่อง "Hard Times" ซึ่งเขาได้สรุปข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของประเทศของเขา เหนื่อย ความขัดแย้งภายในนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่เสียชีวิตในปี 2513 จากโรคหลอดเลือดสมอง
Charles Dickens ไม่เพียงทิ้งมรดกทางวรรณกรรมอันยาวนานไว้เบื้องหลังเท่านั้น แต่ยังแสดงให้ผู้ติดตามของเขาเห็นตัวอย่างที่คู่ควรของนักเขียนนักสู้และบุคคลสาธารณะที่สนับสนุนอุดมคติของสังคมที่ยุติธรรม
นักเขียนภาษาอังกฤษ
Charles John Huffam Dickens เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2355 ใน Landport ใกล้ Portsmouth ในครอบครัวของเจ้าหน้าที่ท่าเรือ ชาร์ลส์เป็นลูกคนที่สองในจำนวนแปดคน
พ.ศ. 2359 (ค.ศ. 1816) - ครอบครัวย้ายไปที่ Chatham (Kent)
พ.ศ. 2364-2367 - ไปโรงเรียนปกติ อ่านมาก
พ.ศ. 2365 - ครอบครัวย้ายไปลอนดอน
พ.ศ. 2367 (ค.ศ. 1824) - ชาร์ลส์ถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียนและทำงานให้กับโรงงานหุ่นขี้ผึ้งที่ Hungerford Stears on the Strand ในราคาหกชิลลิงต่อสัปดาห์
20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2367 - พ่อของเขาถูกจับในข้อหาใช้หนี้และถูกคุมขังในคุก Marshalsea หลังจากได้รับมรดกเล็กน้อย เขาชำระหนี้และได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 28 พฤษภาคมของปีเดียวกัน
ประมาณสองปีชาร์ลส์มาเยี่ยม โรงเรียนเอกชนเรียกว่า Wellington House Academy
ขณะที่ทำงานเป็นเสมียนรุ่นเยาว์ในสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง ชาร์ลส์เรียนรู้ชวเลขและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานนักข่าวหนังสือพิมพ์
พ.ศ. 2371 (ค.ศ. 1828) - เขากลายเป็นนักข่าวอิสระของ Doctors Commons
พ.ศ. 2373 (ค.ศ. 1830) - เมื่อถึงวันเกิดอายุครบสิบแปดปี ดิคเก้นส์ได้รับบัตรห้องสมุดสำหรับบริติชมิวเซียมและเริ่มเสริมการศึกษาของเขาอย่างขยันขันแข็ง
พ.ศ. 2375 (ค.ศ. 1832) - เป็นนักข่าวให้กับ The Mirror of Parliament และ The True Sun นิตยสารรายเดือนมีเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตและ ประเภทลักษณะลอนดอน สี่คนถัดไปออกมาในช่วงเดือนมกราคมถึงสิงหาคม พ.ศ. 2376 คนสุดท้ายที่เซ็นสัญญาด้วยนามแฝงว่า Boz ซึ่งเป็นชื่อเล่นของโมเสสน้องชายของดิกเกนส์
พ.ศ. 2376 (ค.ศ. 1833) - ดิคเก้นส์กลายเป็นนักข่าวประจำของ The Morning Chronicle หนังสือพิมพ์ที่รายงานเหตุการณ์สำคัญทั่วอังกฤษ
1835 - J. Hogarth ผู้จัดพิมพ์ The Evening Chronicle ขอให้ Dickens เขียนบทความเกี่ยวกับชีวิตในเมือง ความเชื่อมโยงทางวรรณกรรมของ Hogarth - พ่อตาของเขา J. Thomson เป็นเพื่อนของ R. Burns และตัวเขาเอง - เพื่อนของ W. Scott และที่ปรึกษาด้านกฎหมาย - สร้างความประทับใจให้กับนักเขียนมือใหม่ ในปีเดียวกันนั้น Dickens ได้หมั้นหมายกับ Katherine ลูกสาวของ Hogarth และแต่งงานกับเธอในไม่ช้า
7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2379 - ในวันครบรอบยี่สิบสี่ปีของ Dickens บทความทั้งหมดของเขารวมถึง ผลงานที่ไม่ได้ตีพิมพ์ก่อนหน้านี้หลายชิ้นได้รับการตีพิมพ์เป็นสิ่งพิมพ์แยกต่างหากที่เรียกว่า Sketches by Boz ลวดลายดิกเกนเซียนเพิ่มเติมเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบในพวกเขา: ถนนในลอนดอน, ศาลและทนายความ, เรือนจำ, คริสต์มาส, รัฐสภา, นักการเมือง, คนหัวสูง, ความเห็นอกเห็นใจสำหรับคนจนและผู้ถูกกดขี่
สิ่งพิมพ์นี้ตามมาด้วยข้อเสนอของผู้จัดพิมพ์ Chapman and Hall เพื่อเขียนเรื่องราวในยี่สิบฉบับเพื่อแกะสลักการ์ตูนโดยนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง R. Seymour ดิคเก้นสวนกลับโดยบอกว่า Nimrod's Notes ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการผจญภัยของนักกีฬาลอนดอนผู้โชคร้าย เบื่อทุกคนแล้ว แทนที่จะเขียน เขาแนะนำให้เขียนเกี่ยวกับกลุ่มประหลาดและยืนยันว่าเขาจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพประกอบของซีมัวร์ แต่เขาจะทำการแกะสลักสำหรับข้อความของเขา ผู้จัดพิมพ์ตกลงและในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2379 The Pickwick Club ฉบับแรกได้รับการตีพิมพ์ ในตอนแรกการตอบรับนั้นยอดเยี่ยมและการขายไม่เป็นลางดี ก่อนที่จะออกฉบับที่สอง ซีมัวร์ฆ่าตัวตาย และความคิดทั้งหมดตกอยู่ในอันตราย ดิคเก้นส์พบศิลปินหนุ่มเอช. เอ็น. บราวน์ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักภายใต้นามแฝงฟิซ จำนวนผู้อ่านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนท้ายของฉบับ The Posthumous Papers of the Pickwick Club (ตีพิมพ์ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2379 ถึงพฤศจิกายน พ.ศ. 2380) แต่ละฉบับมีจำนวนสี่หมื่นเล่มแตกต่างกัน
The Posthumous Papers of the Pickwick Club เป็นมหากาพย์การ์ตูนหักมุม ในใจกลางของมันคือบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมิสเตอร์พิกวิคผู้มีเมตตากรุณานักคิดการ์ตูนและผู้มีพระคุณที่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่สัมผัสได้ถึงมนุษยชาติและรอบตัวเขาถูกจัดกลุ่มเป็นสมาชิกของ "สโมสร" ที่จัดโดยเขา: แทมเปนคนอ้วนผู้น่ารัก , Winkle นักกีฬาที่อยากเป็น, กวีผู้ล้มละลาย Snodgrass ; พวกเขาเข้าร่วมในฐานะคนรับใช้ของ Mr. Pickwick โดย Sam Weller โจ๊กเกอร์และโจ๊กเกอร์นักปรัชญาและตัวตลกยอดนิยม
ตอนที่เปลี่ยนได้อย่างอิสระช่วยให้ดิคเก้นสามารถนำเสนอฉากต่างๆ จากชีวิตในอังกฤษและใช้อารมณ์ขันได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ตลกขบขันไปจนถึงตลกขบขันที่เข้มข้นด้วยการเสียดสี
พ.ศ. 2380 (ค.ศ. 1837) - ดิกเกนส์ปฏิเสธที่จะทำงานที่ Chronicle และยอมรับข้อเสนอของ R. Bentley ที่จะเป็นหัวหน้ารายเดือนใหม่ - Bentley's Almanac ซึ่งเป็นฉบับแรกที่ตีพิมพ์ในเดือนมกราคม ในฉบับเดือนกุมภาพันธ์ บทแรกของ Oliver Twist ปรากฏ (Oliver Twist; นวนิยายเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของการเติบโตของเด็กกำพร้าและการเดินทางของเขาจากสถานสงเคราะห์คนชราผ่านสลัมอาชญากรในลอนดอนไปสู่เรื่องราวที่มีความสุข
ด้วยการเติบโตของความมั่งคั่งและชื่อเสียงทางวรรณกรรม ตำแหน่งของ Dickens ในสังคมก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ในปี พ.ศ. 2380 เขาได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกของ Garrick Club และในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2381 เขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกของ Ateneum Club ที่มีชื่อเสียง
1838-1839 - ยังไม่จบ Oliver, Dickens รับบทนวนิยายเรื่อง Life and Adventures of Nicholas Nickleby (ชีวิตและการผจญภัยของ Nicholas Nickleby) ซึ่งเป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งในยี่สิบเรื่องสำหรับ Chapman and Hall ในช่วงเวลานี้เขายังเขียนบทละครการ์ตูนเรื่องตลกสองเรื่องและตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับชีวิตของ Grimaldi ตัวตลกชื่อดัง
พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) - เนื่องจากการขัดแย้งกับเบนท์ลีย์เป็นครั้งคราว ดิคเก้นปฏิเสธที่จะทำงานในปูมหลัง
พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) – ด้วยความช่วยเหลือจากแชปแมนและฮอลล์ ดิคเก้นส์เริ่มเผยแพร่ชั่วโมงของมิสเตอร์ฮัมฟรีย์รายสัปดาห์สามเพนนี
1840-1841 - The Old Curiosity Shop ได้รับการตีพิมพ์ใน Mr. Humphrey's Watch รายสัปดาห์
พ.ศ. 2384 (ค.ศ. 1841) - นวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง "Burnaby Reg" ได้รับการตีพิมพ์ใน Mister Humphrey's Hours จากนั้น Dickens ก็หยุดพิมพ์รายสัปดาห์ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากงานที่มีอยู่มากมาย
พ.ศ. 2385 (ค.ศ. 1842) - คู่รักดิกเกนส์เดินทางไปบอสตัน ซึ่งพวกเขาได้พบกับการประชุมที่กระตือรือร้น นักเขียนเดินทางไปทั่วนิวอิงแลนด์ เยี่ยมชมนิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย วอชิงตันและที่อื่นๆ จนถึงเซนต์หลุยส์ แต่การเดินทางถูกบดบังด้วยความขุ่นเคืองที่เพิ่มขึ้นของดิกเกนส์ต่อการละเมิดลิขสิทธิ์วรรณกรรมอเมริกันและการไม่สามารถต่อสู้กับมันได้ และ - ในภาคใต้ - ปฏิกิริยาที่ไม่เป็นมิตรอย่างเปิดเผยต่อการต่อต้านการเป็นทาสของเขา
American Notes ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2385 ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในอังกฤษ แต่ในต่างประเทศกลับรู้สึกรำคาญอย่างมาก
พ.ศ. 2386 (ค.ศ. 1843) - เรื่องแรกของดิกเกนเซียนเรื่องคริสต์มาส "A Christmas Carol in Prose" (A Christmas Carol in Prose) ฮีโร่ที่เปลี่ยนจากคนขี้เหนียวไร้วิญญาณมาเป็นคุณปู่ "คริสต์มาส" ที่ใจดีที่สุด
1843-1844 Martin Chazzlewit นวนิยายที่มีการเสียดสีที่เฉียบคมยิ่งขึ้น
พ.ศ. 2387 (ค.ศ. 1844) - เรื่อง "The Bells" (The Chimes) ยังเป็นตัวแทนของศีลธรรมทางสังคมอีกด้วย แนวคิดหลักของเรื่องคือความต้องการความเอื้ออาทรและความรัก ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2387 ดิคเก้นส์ไปเจนัวร่วมกับลูก ๆ ภรรยาของเขาและจอร์จินาโฮการ์ ธ น้องสาวของเธอซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่กับพวกเขา
พ.ศ. 2388 (ค.ศ. 1845) - The Cricket on the Hearth ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งความสนใจหลักของ Dickens มุ่งเน้นไปที่ประเด็นทางศีลธรรม ครอบครัว-อารมณ์ล้วนๆ กลับไปลอนดอน เขากระโจนเข้าสู่ความดูแลของผู้ก่อตั้ง และจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์เสรีนิยมเดลินิวส์ ความขัดแย้งในการเผยแพร่กับเจ้าของทำให้ Dickens ละทิ้งงานนี้ในไม่ช้า
พ.ศ. 2389 (ค.ศ. 1846) - มีการตีพิมพ์ The Battle of Life และบันทึกการเดินทางเล่มที่สอง รูปภาพจากอิตาลี
2389-2391 - หลังจากเปลี่ยนผู้จัดพิมพ์เป็น Bradbury และ Evans Dickens ตีพิมพ์นวนิยายเรื่อง Dombey and Son (Dombey and Son) ซึ่งอยู่ตรงกลางซึ่งเป็นภาพลักษณ์ของเจ้าของซึ่งความปรารถนาในความมั่งคั่งของ บริษัท แทนที่ทั้งหมด ความรู้สึกของมนุษย์
พ.ศ. 2390-2391 - ดิคเก้นส์มีส่วนร่วมในฐานะผู้กำกับและนักแสดงในการแสดงสมัครเล่นเพื่อการกุศล - "ทุกคนในแบบของเขาเอง" โดย B. Johnson และ "The Merry Wives of Windsor" โดย W. Shakespeare
พ.ศ. 2391 - เรื่อง "หมกมุ่น" (ชายผีสิง)
1849-1950 - David Copperfield ได้รับการตีพิมพ์และประสบความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่เริ่มต้น นวนิยายดิกเกนเซียนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดซึ่งเป็นผลิตผลโปรดของผู้เขียนเอง "David Copperfield" มีความเกี่ยวข้องกับชีวประวัติของนักเขียนมากที่สุด แก่นเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้คือ "หัวใจที่ดื้อรั้น" ของเดวิดในวัยเยาว์ สาเหตุของความผิดพลาดทั้งหมดของเขา รวมถึงความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุด นั่นคือการแต่งงานครั้งแรกที่ไม่มีความสุข
1850 - Dickens เริ่มเผยแพร่หนังสือ Home Reading สัปดาห์ละสองเพนนี มีเนื้อหาอ่านง่าย ข้อมูลและข้อความต่างๆ บทกวีและเรื่องราว บทความเกี่ยวกับการปฏิรูปสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ จัดพิมพ์โดยไม่มีลายเซ็น ในบรรดาผู้เขียน ได้แก่ Elizabeth Gaskell, Harriet Martino, J. Meredith, W. Collins, C. Lever, C. Reid และ E. Bulwer-Lytton "Home Reading" ได้รับความนิยมในทันที ยอดขายถึง 40,000 เล่มต่อสัปดาห์ แม้จะลดลงเป็นตอนๆ
ในตอนท้ายของ 1850 Dickens ร่วมกับ Bulwer-Lytton ก่อตั้ง Guild of Literature and Art เพื่อช่วยเหลือนักเขียนที่ขาดแคลน เพื่อเป็นการบริจาค Lytton เขียนบทคอมเมดี้ We're Not as We Look ซึ่งจะฉายรอบปฐมทัศน์โดย Dickens พร้อมกับคณะละครสมัครเล่นที่คฤหาสน์ของ Duke of Devonshire ในลอนดอนต่อหน้าพระราชินีวิกตอเรีย ในปีหน้า การแสดงจะจัดขึ้นทั่วอังกฤษและสกอตแลนด์
พ.ศ. 2395-2396 - นวนิยาย " บ้านเย็น» (บลีคเฮาส์). การดำเนินเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้เกี่ยวกับคดีความที่ยืดเยื้อซึ่งจับตัวโจทก์และจำเลยมาหลายชั่วอายุคน และสูญเสียความสำคัญอย่างแท้จริงไปตามกาลเวลา ที่นี่ Dickens มาถึงจุดสูงสุดในฐานะนักเสียดสีและ นักวิจารณ์สังคม. แม้ว่าเขาจะไม่สูญเสียอารมณ์ขัน แต่การตัดสินของเขากลับขมขื่นมากขึ้น และวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่อโลกก็มืดมน
พ.ศ. 2397 (ค.ศ. 1854) - ใน "Home Reading" นวนิยายเรื่อง "Hard Times" (Hard Times) ได้รับการตีพิมพ์เป็นฉบับเพื่อเพิ่มยอดขายที่ลดลง นวนิยายเรื่องนี้ไม่ได้รับการชื่นชมอย่างสูงจากนักวิจารณ์หรือผู้อ่านในวงกว้าง การประณามอย่างรุนแรงของลัทธิอุตสาหกรรม, ตัวละครที่ดีและน่าเชื่อถือจำนวนน้อย, ความแปลกประหลาดของการเสียดสีของนวนิยายที่ไม่สมดุลไม่เพียง แต่อนุรักษ์นิยมและผู้คนที่พอใจกับชีวิตอย่างสมบูรณ์ แต่ยังรวมถึงผู้ที่ต้องการให้หนังสือเล่มนี้ทำให้คุณร้องไห้และหัวเราะ และไม่คิด
พ.ศ. 2398-2400 - นวนิยายเรื่อง Little Dorrit ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งสะท้อนถึงเหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา: การเพิกเฉยของรัฐบาล การจัดการที่ผิดพลาด การทุจริต การเก็งกำไร การว่างงาน เรือนจำของลูกหนี้ การหยุดงานประท้วงและการจลาจลเรื่องอาหาร
พ.ศ. 2400 (ค.ศ. 1857) - ดิกเกนส์เข้าร่วมการแสดงเพื่อการกุศลเรื่อง "The Frozen Deep" โดยดับเบิลยู. คอลลินส์ ซึ่งนำไปสู่วิกฤตในครอบครัว ขณะที่แสดงละคร ดิคเก้นตกหลุมรักกับนักแสดงสาว เอลเลน เทอร์แนน แม้สามีของเธอจะสาบานว่าจะซื่อสัตย์ แคทเธอรีนก็ออกจากบ้านไป
พ.ศ. 2401 (ค.ศ. 1858) - หลังจากการหย่าร้าง ชาร์ลส์ จูเนียร์ยังคงอยู่กับแม่ของเขา และลูกๆ ที่เหลือกับพ่อของพวกเขา ในความดูแลของจอร์จินา น้องสาวของภรรยาของเขาในฐานะนายหญิงของบ้าน
ดิคเก้นทะเลาะกับผู้จัดพิมพ์แบรดเบอรีและอีแวนส์ซึ่งเข้าข้างแคทเธอรีนและกลับไปที่แชปแมนและฮอล หลังจากหยุดเผยแพร่ Home Reading เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในการเริ่มเผยแพร่ Krugly God รายสัปดาห์ใหม่
พ.ศ. 2402 (ค.ศ. 1859) - A Tale of Two Cities ตีพิมพ์ตลอดทั้งปี
พ.ศ. 2403-2404 - นวนิยายเรื่อง "ความคาดหวังอันยิ่งใหญ่" (ความคาดหวังอันยิ่งใหญ่) ได้รับการตีพิมพ์ ตัวละครหลักผู้ซึ่ง Pip บอกเล่าเรื่องราวของผลประโยชน์ลึกลับที่ทำให้เขาสามารถหลบหนีจากโรงตีเหล็กในชนบทของ Joe Gargery พี่เขยของเขา และได้รับการศึกษาสำหรับสุภาพบุรุษที่เหมาะสมในลอนดอน ในภาพลักษณ์ของ Pip Dickens เยาะเย้ยไม่เพียง แต่หัวสูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความฝันที่ผิดพลาดของ Pip ชีวิตที่หรูหรา"สุภาพบุรุษ" ที่ไม่ได้ใช้งาน ความหวังที่ยิ่งใหญ่ของ Pip อยู่ในอุดมคติของศตวรรษที่ 19 นั่นคือความเกียจคร้าน ความมั่งคั่ง และชีวิตที่สดใสโดยต้องแลกกับมรดกที่ได้รับและแรงงานของผู้อื่น
พ.ศ. 2407-2408 - นวนิยายเรื่องสุดท้ายที่เสร็จสมบูรณ์ชื่อ Our Mutual Friend ได้รับการตีพิมพ์ โลกแห่งนวนิยายคืออำนาจเงินที่มีอำนาจบูชาความมั่งคั่งความเจริญรุ่งเรืองของการฉ้อฉล
ชาร์ลสดิกเกนส์
(1812-1870)
Charles Dickens เป็นนักเขียนแห่งยุควิกตอเรียซึ่งไม่เพียง แต่สะท้อนให้เห็นในผลงานของเขาเองและยกความยากลำบากที่ทำให้สังคมอังกฤษกังวล แต่ยังพยายามแก้ไขด้วย วรรณกรรมที่ใช้งานอยู่ของเขาและ กิจกรรมทางสังคมมีส่วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ - การกำจัดเรือนจำของลูกหนี้, การปฏิรูปในด้านการศึกษาและความยุติธรรม, การเพิ่มจำนวนขององค์กรการกุศลและการฟื้นฟูการอุปถัมภ์ ความรักที่เขามีต่อคนจนและคนที่ถูกทำให้ขุ่นเคืองนั้นเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ของปลอม สำหรับเขาแล้ว พวกเขาเป็นเพียงสมาชิกของสังคมที่สมบูรณ์พอๆ กับคนรวย เขามอบพลังทั้งหมดจากความสามารถของเขาเอง ความรักทั้งหมดของเขา เปิดเผยให้พวกเขาเห็นบทกวีในชีวิตประจำวันของพวกเขา ชีวิตและกลายเป็นสัญลักษณ์ของบริเตนใหญ่ทางโลก
Charles Dickens เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2355 ในครอบครัวของ John Dickens ข้าราชการคลังเดินเรือขนาดเล็ก ในตอนแรกบรรพบุรุษของ Charles มีชีวิตค่อนข้างดี แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีอุปสรรค ข้อสันนิษฐานของปัญหาคือพ่อของนักเขียนเป็นคนไม่สำคัญ ความเป็นอยู่ที่ดีของครอบครัว, ชอบโรงละครและไวน์มาก , มักจะยืมเงิน , เมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่สามารถคืนได้ นอกจากนี้เขายังรังแกการเลี้ยงดูของลูกหลานซึ่งจำได้ตลอดไป ชาร์ลส์ยังขาดความรักและความเอาใจใส่จากมารดา แม่ไม่มีเวลาให้เขาเพราะเธอพยายามให้คำแนะนำกับลูก ๆ ทุกคน (และมีแปดคน)
ดังนั้น หนังสือและชีวิตจึงเป็นนักการศึกษาที่สำคัญที่สุดของเขา ชาร์ลส์ได้รับการศึกษาเบื้องต้นที่โรงเรียนชาแธม ซึ่งวิลเลียม ไจลส์ ผู้จบการศึกษาจากอ็อกซ์ฟอร์ดสอนอยู่ในขณะนั้น เขาปลูกฝังให้เด็กชายรักวรรณกรรมอังกฤษและการอ่านโดยทั่วไป
ช่วงเวลาแห่งวัยหนุ่มสาวอยู่ได้ไม่นาน: พ่อมีหนี้สินล้นพ้นตัวและครอบครัวไปลอนดอน สถานการณ์แย่ลง เมื่อพ่อของชาร์ลส์ลงเอยด้วยการติดคุกลูกหนี้ของมาร์แชลซี ครอบครัวจึงย้ายเข้ามาอยู่กับเขา (ตามกฎหมายอังกฤษ อนุญาตให้ทำเช่นนี้ได้) เพื่อที่จะมีส่วนทำให้เกิดความล้มเหลว ชาร์ลส์ถูกจัดให้อยู่ในโรงงานแห่งหนึ่ง การใช้เวลา 6 เดือนในอาคารโบราณที่สกปรกเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสำหรับเด็กที่น่าประทับใจ: งานเดียวกันนี้กินเวลาตั้งแต่เช้าจรดเย็น นอกจากนี้ยังเป็นบาดแผลทางศีลธรรมสำหรับชาร์ลส์ซึ่งพยายามเรียนรู้
ในเวลานี้ผู้ชายมีงานอดิเรกอื่น - ลอนดอน Dickens สามารถเดินไปตามถนนได้หลายชั่วโมง ที่นี่ในสลัมอังกฤษเขาได้รับการเลี้ยงดูที่แท้จริงโดยไม่ได้สงสัย ชาร์ลส์ตัวเล็ก ๆ จินตนาการถึงอนาคตของ Dickensian London ในจินตนาการของเขาเอง เขาปูทางให้ฮีโร่ของเขา: ในซอกเล็กซอกน้อยของเมืองนี้ที่พวกเขาไม่ยอมหลบซ่อน เขาเคยอยู่ที่นั่นมาก่อน
มรดกของแม่ที่สืบทอดโดยจอห์นและวิลเลียม ดิกเกนส์ เพียงพอที่จะชำระเจ้าหนี้และจัดหาชีวิตที่ดีให้กับครอบครัวไม่มากก็น้อย ชาร์ลส์ออกจากโรงงานด้วยความยินดีอย่างยิ่งและศึกษาต่อที่โรงเรียนเอกชน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำงานเป็นเสมียนรุ่นเยาว์ให้กับทนายความของแบล็กมอร์ แต่ด้วยนิสัยที่มีชีวิตชีวา เขาเข้าร่วมการแสดงและใฝ่ฝันถึงอนาคตการแสดงละคร เรียนการแสดง นอกจากนี้ Charles ยังได้รับความสนใจจากงานของนักข่าว ดังนั้นเขาจึงเรียนชวเลขอย่างหัวชนฝาในตอนกลางคืน และศึกษากฎหมายในตอนกลางวัน
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2375 ชาร์ลส์ทำงานในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น จากนั้นเขาก็เป็นพนักงานของนิตยสาร Mirror of Parliament ซึ่งเป็นของญาติของเขา Dickens สามารถโดดเด่นได้อย่างรวดเร็วท่ามกลางพนักงานคนอื่น ๆ ของกองบรรณาธิการ: รายงานของเขาน่าสนใจและชัดเจนกว่ารายงานของเพื่อนร่วมงานของเขาแม้ว่านักข่าวทุกคนจะถูกห้ามไม่ให้จดบันทึกก็ตาม วิธีแก้ปัญหานั้นไม่ธรรมดาและแปลกใหม่: ชาร์ลส์สวมผ้าพันแขนที่ยาวและแข็ง และเขียนด้วยตัวอักษรขนาดเล็กในภายหลัง
ความกังวลส่วนตัวถูกเพิ่มเข้ามาในมืออาชีพ - ครอบครัวกำลังหาทุนและพ่อก็เป็นหนี้อีกครั้ง นี่เป็นการตัดสินใจขั้นตอนต่อไป - Dickens หยิบปากกาขึ้นมา งานใหม่นี้ไม่ได้รับความพยายามเป็นพิเศษ: มีการคิดทบทวน มีประสบการณ์ เห็นว่ามีเพียงกระดาษเท่านั้น จากนั้นมันก็เป็นเรื่องของประสบการณ์และเวลาของนักข่าว
ในตอนท้ายของปี 1833 เรื่อง "Dinner at the Poplar Wok" ปรากฏในนิตยสาร Mansley แม้จะไม่ระบุชื่อผู้สร้างก็ตาม ผู้อ่านเริ่มตั้งตารอเรื่องราวของผู้สร้างซึ่งตัดสินใจซ่อนชื่อของเขาไว้ภายใต้นามแฝง "Boz" (ชื่อเล่นขี้เล่นสำหรับน้องชายของ Charles Dickens ซึ่งต่อมาผู้อ่านหลายแสนคนก็เข้าใจ) ดังนั้นนักเขียนยังคงถูกเรียกว่าเมื่อเขามีชื่อเสียง เรียงความที่สร้างขึ้นโดยป็อบทำให้นิตยสารต่างๆ ได้รับความสนใจ ซึ่งบางครั้งก็ขัดแย้งกับความต้องการของดิกเกนส์ ดังเห็นได้จากจดหมายถึงเพื่อนๆ ผู้เขียนหันไปหาประเภทของเรียงความโดยไม่ได้ตั้งใจ: เพื่อความปิติยินดีแม้ในวัยเด็กเขาชอบที่จะเขียนบางอย่างเกี่ยวกับผู้คนที่ชะตากรรมของเขาพาเขามาด้วยกันเกี่ยวกับสถานที่ที่ควรค่าแก่ความสนใจที่เขาเคยไป . เมื่ออายุมากขึ้นมีบันทึกดังกล่าวมากขึ้น - เป็นเนื้อหาอันล้ำค่าที่รอเวลาของมันเอง
ด้วยความเชื่อมั่นว่าบทความดังกล่าวโดนใจผู้อ่าน Dickens จึงกล้าจัดพิมพ์เป็นหนังสือแยกต่างหาก ดังนั้นในปี 1836 "เรียงความของ Boz" จึงปรากฏบนชั้นวาง 2 เล่ม นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ประเมินหนังสือเล่มแรกของ Dickens ต่ำเกินไป เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถ่อมตนและเหยียดหยาม: บางคนเชื่อว่าผู้สร้างมีลักษณะการใช้คำฟุ่มเฟือยซึ่งเกิดจากความไม่แน่นอนและความหวาดกลัวรวมถึงความปรารถนาที่จะทำให้ผู้อ่านพอใจ
ดังนั้นในบทความเราสามารถพบจำนวนมากที่ยังไม่เสร็จและไม่สมบูรณ์ แต่นี่เป็นเพราะการขาดประสบการณ์ทางวรรณกรรม แต่ไม่ใช่ความสามารถ และการฝึกงานเป็นช่วงเวลาที่นักเขียนเกือบทุกคนผ่านไป แต่สำหรับคนแรกเขายังเล็กและอีกคนยังคงเป็นนักเรียนจนจบชีวิต
จากหน้าของวงจร "ภาพวาดจากชีวิต" ผู้อ่านสามารถเห็นชีวิตที่ปั่นป่วนของเมืองหลวงซึ่งแสดงให้เห็นอย่างสดใสและมีสีสัน
ดิกเกนส์เป็นปรมาจารย์ด้านภูมิทัศน์เมืองอย่างแท้จริง ลอนดอนสำหรับเขาไม่ใช่แค่การตั้งถิ่นฐาน แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาด้วย คำอธิบายของ Dickens อันที่จริงแล้วเป็นภาพร่างแนวอิมเพรสชันนิสม์ ซึ่งความทรงจำทางภาพ การได้ยิน และแม้แต่รสชาติมีบทบาทอย่างมาก (“ถนนยามเย็น”) ดิคเก้นให้ความสนใจกับความยากลำบากที่ลุกโชนในยุคของเรา: การดำรงอยู่อย่างน่าสังเวชของชนชั้นล่างนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของแต่ละบุคคล ซึ่งเริ่มพบสิ่งปลอบใจจากไวน์ (บทความเรื่อง "Houses for Life")
หัวข้อเรื่องความเหงาของมนุษย์ในโลกชนชั้นกลางถูกหยิบยกขึ้นมาในบทความเรื่อง "Thinks on People" ในเรียงความเรื่อง "Christmas Dinner" Dickens ได้กล่าวถึงหัวข้อของวันหยุดคริสต์มาสเป็นครั้งแรกว่าเป็นสัญญาณของความผาสุกและความสะดวกสบายในประเทศ ความเห็นอกเห็นใจของผู้สร้างเป็นของคนธรรมดาที่ใกล้ชิดและเข้าใจเขาได้ในขณะที่ตัวแทนของ "ชนชั้นกลาง" - ชนชั้นกลาง - กลายเป็นเป้าหมายของลูกศรเสียดสี ความหัวสูงและความฟุ้งเฟ้อ ความตระหนี่ และความใจแคบ - นี่คือคุณสมบัติหลักของคนร่ำรวยที่อาจเป็นเรื่องตลกหากพวกเขาไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อความสมดุลตามปกติของสังคม ผู้อ่านเดินผ่านแกลเลอรีของตัวละครที่เป็นรูปธรรมและเป็นรายบุคคล (บทความ Horatio Sparkins, The Boat Tour และอื่นๆ)
ไม่ควรประเมินความสำคัญของงานที่รวมอยู่ในวงจร "เรื่องราว" ต่ำเกินไป Ch. Dickens ใช้ประสบการณ์ในอนาคตในผลงานที่ตามมา
The Posthumous Papers of the Pickwick Club เป็นงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Dickens แต่ดูเหมือนว่าผู้อ่านสมัยใหม่จะเข้าใจยาก เกี่ยวกับวันนักเขียนสถานการณ์วรรณกรรม
ชีวิตในช่วงเวลานั้นก่อให้เกิดวรรณกรรม บางทีในเกือบทุกกรณีเป็นเรื่องดั้งเดิม แต่ก็ไม่ไร้ซึ่งสิ่งที่ชาวอังกฤษจะเคารพนับถือดิกเกนส์ในภายหลังและการมองโลกในแง่ดี ความจริงใจ และความสนุกสนาน หลังจากการตีพิมพ์ "Sketches of Boz" ก่อน Charles Dickens เพื่อนคนหนึ่งของ Chapman มาที่บริษัทและเสนอบทบาทในสิ่งพิมพ์ที่บางส่วนจะคล้ายกับการ์ตูนสมัยใหม่ น่าจะเป็นเรื่องราวสนุกสนานเกี่ยวกับสปอร์ตคลับ
ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมของโน้ตทำให้ผู้สร้างต้องเชื่อในความแข็งแกร่งของตัวเอง และโดยไม่ได้ทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จ เขาได้เซ็นสัญญาสำหรับนิยายเรื่องใหม่ The Adventures of Oliver Twist
นวนิยายเรื่อง "Notes of the Club" สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2380 ชื่อของผู้สร้างชัดเจนสำหรับชาวอังกฤษทุกคน นวนิยายเรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของทักษะของนักเขียนซึ่งกับฮีโร่ของเขาต้องผ่านเส้นทางที่ยากลำบาก: จากฮีโร่ที่มีเงื่อนไขของเรื่องตลกไปจนถึง บุคคลที่ผิดปกติจากนักเขียนอารมณ์ขันสู่ผู้กล้าต่อสู้กับความชั่วร้าย นี่ไม่ใช่แค่งานในแง่ดีและไร้เมฆที่สุดของ Dickens เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นต้นแบบของนวนิยายทั้งหมดซึ่งเป็นโครงเรื่องของพวกเขา
6 มกราคม พ.ศ. 2385 ดิคเก้นส์กับภรรยาล่องเรือไปยังสหรัฐอเมริกา ความตั้งใจที่จะไปเที่ยวทะเลปรากฏในตัวผู้เขียนเป็นเวลานาน ในตอนแรกความกระตือรือร้นที่จะไปอเมริกาเพื่อดูข้อดีของประชาธิปไตยแบบอเมริกันด้วยตัวคุณเองซึ่งคนอเมริกันตะโกนไปทั่วโลก นอกจากนี้เขายังต้องการที่จะแก้ไขปัญหาลิขสิทธิ์อย่างสมบูรณ์เนื่องจากพวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเขาไม่อยู่ นักเขียนภาษาอังกฤษและตัวเขาเองก่อน
ความทรงจำในอเมริกาใต้เป็นเนื้อหาสำหรับนวนิยายของ Dickens เรื่อง The Life and Adventures of Martin Chuzzlewit (1844) ทันทีที่เขาทำงานในเรื่อง "เพลงคริสต์มาสในร้อยแก้ว" ก่อตั้งวงจรเรื่องราวและเรื่องราวคริสต์มาสที่เป็นที่รู้จัก
หลังจากแยกทางกับสำนักพิมพ์ในปี พ.ศ. 2387 เขาเดินทางไปอิตาลี ฝรั่งเศส และสวิตเซอร์แลนด์ ความทรงจำจากการเดินทางถูกสร้างขึ้นซ้ำในวงจร "รูปภาพของอิตาลี"
จุดเริ่มต้นของทศวรรษที่ 50 เป็นก้าวใหม่ในการทำงานของดิกเกนส์ ในปี พ.ศ. 2393 เขาเริ่มทำงานเกี่ยวกับประวัติของบริเตนใหญ่สำหรับเด็กวัยหัดเดิน ซึ่งน่าสนใจและโรแมนติก ในช่วงเวลานี้ ดิคเก้นทำงานอย่างเข้มข้นในประเภทต่างๆ แต่ให้ความสำคัญกับนวนิยายและรูปแบบประเภท: นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ("The Tale of 2 Towns" 1859) นวนิยายสังคม ("Little Dorrin" 1855-1857) การผจญภัยทางสังคม ( " ความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ "2404), เรื่องราวนักสืบ ("ความลับของ Edwin Drood" 2413), นวนิยายยูโทเปีย ("The Dark Times" 2397)
Charles Dickens ล้มเหลวในการจบนวนิยายเรื่องล่าสุดของเขา The Secret of Edwin Drood เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2413 เขาป่วย; ข่าวการเสียชีวิตของนักเขียนอันเป็นที่รักแทบช็อกคนอังกฤษ มันเป็นหายนะของชาติ เขาถูกฝังไว้ที่ Poets 'Corner ใน Westminster Abbey
ประเทศ: ประเทศอังกฤษ
เกิด: 7 กุมภาพันธ์ 2355
เสียชีวิต: 9 มิถุนายน 2413
ชาร์ลส์ จอห์น ฮัฟแฮม ดิกเกนส์ (ชาร์ลส์ จอห์น ฮัฟแฟม ดิกเกนส์) เป็นหนึ่งในนักเขียนนวนิยายภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นผู้สร้างตัวละครการ์ตูนที่มีสีสันสดใสและเป็นนักวิจารณ์สังคม Charles John Huffam Dickens เกิดเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2355 ที่ Landport ใกล้ Portsmouth ในปี 1805 บิดาของเขา จอห์น ดิกเกนส์ (1785/1786–1851) ลูกชายคนเล็กพ่อบ้านและแม่บ้านใน Crewe Hall (Staffordshire) ได้รับตำแหน่งเสมียนในแผนกการเงินของแผนกการเดินเรือ ในปี 1809 เขาแต่งงานกับเอลิซาเบธ แบร์โรว์ (พ.ศ. 2332–2406) และได้รับมอบหมายให้ดูแลอู่ต่อเรือพอร์ตสมัธ ชาร์ลส์เป็นลูกคนที่สองในจำนวนแปดคน ในปี พ.ศ. 2359 จอห์น ดิกเกนส์ถูกส่งไปยังชาแธม (เคนต์) ในปี พ.ศ. 2364 เขามีลูกห้าคนแล้ว ชาร์ลส์ได้รับการสอนให้อ่านโดยแม่ของเขาบางครั้งเขาเข้าเรียนที่โรงเรียนประถมตั้งแต่เก้าขวบถึงสิบสองขวบเขาไปโรงเรียนปกติ พัฒนาเกินอายุของเขาเขากระตือรือร้นที่จะอ่านห้องสมุดบ้านทั้งหมดของสิ่งพิมพ์ราคาถูก
ในปี 1822 John Dickens ถูกย้ายไปลอนดอน พ่อแม่ที่มีลูก 6 คนเบียดเสียดกันในแคมเดนทาวน์ ชาร์ลส์หยุดไปโรงเรียน เขาต้องจำนำช้อนเงิน ขายห้องสมุดของครอบครัว เป็นเด็กรับใช้ เมื่ออายุสิบสอง เขาเริ่มทำงานหกชิลลิงต่อสัปดาห์ในโรงงานแว็กซ์ที่ Hungerford Stears ในชายหาด เขาทำงานที่นั่นน้อยกว่าสี่เดือน แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเขาเจ็บปวด สิ้นหวังชั่วนิรันดร์ และกระตุ้นความมุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากความยากจน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2367 พ่อของเขาถูกจับในข้อหาใช้หนี้และถูกคุมขังในเรือนจำมาร์แชลซี หลังจากได้รับมรดกเล็กน้อย เขาชำระหนี้และได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 28 พฤษภาคมของปีเดียวกัน ประมาณสองปีชาร์ลส์เข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนชื่อ Wellington House Academy
ขณะที่ทำงานเป็นเสมียนรุ่นเยาว์ในสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่ง ชาร์ลส์เริ่มศึกษาชวเลข เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานนักข่าวหนังสือพิมพ์ เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2371 เขาได้กลายเป็นนักข่าวอิสระของ Doctors Commons เมื่อถึงวันเกิดอายุสิบแปดปี Dickens ได้รับบัตรห้องสมุดใน British Museum และเริ่มเสริมการศึกษาของเขาอย่างขยันขันแข็ง ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2375 เขาได้เป็นนักข่าวให้กับ The Mirror of Parliament และ The True Sun เด็กชายอายุยี่สิบปีโดดเด่นอย่างรวดเร็วท่ามกลางผู้ประจำการหลายร้อยคนในแกลเลอรีของนักข่าวในสภา
ความรักของ Dickens ที่มีต่อลูกสาวของผู้จัดการธนาคาร Mary Bidnell ทำให้ความปรารถนาทะเยอทะยานของเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่ครอบครัว Bidnell ไม่สนใจนักข่าวธรรมดาๆ ที่พ่อบังเอิญติดคุกลูกหนี้ หลังจากเดินทางไปปารีส "เพื่อสำเร็จการศึกษา" มาเรียก็หมดความสนใจในตัวเธอ ในช่วงปีที่แล้วเขาเริ่มเขียนนิยายเกี่ยวกับชีวิตและประเภทของลอนดอน ครั้งแรกในนิตยสารรายเดือนในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2376 สี่ฉบับถัดไปปรากฏระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคม พ.ศ. 2377 ฉบับสุดท้ายลงนามโดยนามแฝงว่า Boz ซึ่งเป็นชื่อเล่นของโมเสสน้องชายของดิกเกนส์ ตอนนี้ Dickens เป็นนักข่าวประจำของ The Morning Chronicle หนังสือพิมพ์ที่รายงานเหตุการณ์สำคัญทั่วอังกฤษ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2378 เจ. โฮการ์ธ ผู้จัดพิมพ์ The Evening Chronicle ขอให้ดิกเกนส์เขียนเรียงความชุดหนึ่งเกี่ยวกับชีวิตในเมือง ความเชื่อมโยงทางวรรณกรรมของ Hogarth - พ่อตาของเขา J. Thomson เป็นเพื่อนของ R. Burns และตัวเขาเอง - เพื่อนของ W. Scott และที่ปรึกษาด้านกฎหมายของเขาสร้างความประทับใจให้กับนักเขียนมือใหม่ ในต้นฤดูใบไม้ผลิของปีนั้น เขาหมั้นหมายกับแคทเธอรีน โฮการ์ธ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2379 ในวันครบรอบ 24 ปีของ Dickens บทความทั้งหมดของเขารวมถึง ผลงานที่ยังไม่ได้เผยแพร่ก่อนหน้านี้หลายชิ้นออกมาเป็นสิ่งพิมพ์แยกต่างหากที่เรียกว่า Sketches by Boz ในเรียงความมักจะไม่ได้คิดอย่างถ่องแท้และค่อนข้างไม่สำคัญ ความสามารถของผู้เขียนมือใหม่นั้นมองเห็นได้อยู่แล้ว ลวดลายดิกเกนเซียนเพิ่มเติมเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบในพวกเขา: ถนนในลอนดอน, ศาลและทนายความ, เรือนจำ, คริสต์มาส, รัฐสภา, นักการเมือง, คนหัวสูง, ความเห็นอกเห็นใจสำหรับคนยากจนและผู้ถูกกดขี่
สิ่งพิมพ์นี้ตามมาด้วยข้อเสนอของแชปแมนและฮอลล์ในการเขียนเรื่องราวในยี่สิบฉบับเพื่อแกะสลักการ์ตูนโดยนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง อาร์. ซีมัวร์ Dickens คัดค้านว่า Nimrod Notes ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผจญภัยของนักกีฬาลอนดอนที่โชคร้ายกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ เขาเสนอที่จะเขียนเกี่ยวกับสโมสรนอกรีตและยืนยันว่าเขาไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพประกอบของซีมัวร์ แต่เขาจะแกะสลักข้อความของเขาเอง ผู้จัดพิมพ์เห็นด้วยและในวันที่ 2 เมษายน The Pickwick Club ฉบับแรกได้รับการตีพิมพ์ เมื่อสองวันก่อน ชาร์ลส์และแคทเธอรีนแต่งงานกันและลงหลักปักฐานที่ดิคเก้นส์ ในตอนแรก กระแสตอบรับค่อนข้างดี และการขายก็ไม่ได้ให้ความหวังมากนัก ก่อนที่จะออกฉบับที่สอง ซีมัวร์ก็ฆ่าตัวตาย และความคิดทั้งหมดก็ตกอยู่ในอันตราย ดิกเกนส์เองก็พบศิลปินหนุ่มเอช. เอ็น. บราวน์ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักภายใต้นามแฝงฟิซ จำนวนผู้อ่านเพิ่มขึ้น ในตอนท้ายของ Pickwick Papers (ตีพิมพ์ตั้งแต่มีนาคม พ.ศ. 2379 ถึงพฤศจิกายน พ.ศ. 2380) แต่ละฉบับขายได้สี่หมื่นเล่ม
The Posthumous Papers of the Pickwick Club เป็นมหากาพย์การ์ตูนหักมุม ซามูเอล พิกวิค ฮีโร่ของเธอคือดอน กิโฆเต้ที่คืนตัวได้ รูปร่างท้วมและหน้าแดงก่ำ ผู้มาพร้อมกับคนรับใช้ที่คล่องแคล่ว แซม เวลเลอร์ ซานโช ปานซาของคนทั่วไปในลอนดอน ตอนต่อไปนี้อย่างอิสระทำให้ดิคเก้นสามารถนำเสนอฉากต่างๆ จากชีวิตของอังกฤษและใช้อารมณ์ขันได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่เรื่องตลกหยาบโลนไปจนถึงเรื่องตลกขบขันที่เข้มข้นด้วยการเสียดสี หากพิกวิคไม่มีโครงเรื่องที่แข็งแกร่งพอที่จะเรียกว่านวนิยาย แน่นอนว่ามันเหนือกว่านิยายหลายเล่มในเรื่องเสน่ห์ของความรื่นเริงและอารมณ์ที่สนุกสนาน และโครงเรื่องในนั้นก็ไม่ได้แย่ไปกว่างานอื่นๆ
ดิกเกนส์ปฏิเสธที่จะทำงานที่ Chronicle และยอมรับข้อเสนอของ R. Bentley ที่จะเป็นหัวหน้าฝ่ายปูมประจำเดือนใหม่ของ Bentley นิตยสารฉบับแรกปรากฏในเดือนมกราคม พ.ศ. 2380 ไม่กี่วันก่อนการกำเนิดของชาร์ลส์ จูเนียร์ ลูกคนแรกของดิกเกนส์ ในฉบับเดือนกุมภาพันธ์ บทแรกของ Oliver Twist ปรากฏ (Oliver Twist; ก่อนจบงานของโอลิเวอร์ ดิคเก้นเตรียมสร้าง "นิโคลัส นิกเคิลบี" (Nicholas Nickleby; เมษายน พ.ศ. 2381 - ตุลาคม พ.ศ. 2382) ซึ่งเป็นผลงานชุดถัดไปใน 20 เรื่องสำหรับแชปแมนและฮอลล์ ในช่วงเวลานี้เขายังเขียนบทละครการ์ตูนเรื่องตลกสองเรื่องและตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับชีวิตของ Grimaldi ตัวตลกชื่อดัง
จาก Pickwick, Dickens สืบเชื้อสายมาจาก โลกมืดสยองขวัญ ติดตามการเติบโตของเด็กกำพร้าใน Oliver Twist (1839) จากสถานสงเคราะห์คนชราสู่สลัมอาชญากรในลอนดอน แม้ว่าคุณบัมเบิ้ลผู้มีรูปร่างสมส่วนและแม้กระทั่งรังของหัวขโมยของฟากินจะน่าขบขัน แต่บรรยากาศที่น่ากลัวและน่าสยดสยองก็มีอยู่ในนวนิยายเรื่องนี้ Nicholas Nickleby (1839) ผสมผสานความเศร้าหมองของ Oliver และ แสงแดดพิควิก.
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2380 Dickens ย้ายไปอยู่ที่บ้านสี่ชั้นที่ 48 Doughty Street ลูกสาวของเขา Mary และ Kate เกิดที่นี่ และ Mary น้องสะใภ้ของเขาอายุสิบหกปีซึ่งเขาผูกพันมากเสียชีวิตที่นี่ . ในบ้านหลังนี้ ครั้งแรกที่เขาต้อนรับดี. ฟอร์สเตอร์ นักวิจารณ์ละครของหนังสือพิมพ์ผู้ตรวจสอบ ซึ่งกลายมาเป็นเพื่อนตลอดชีวิตของเขา ที่ปรึกษาวรรณกรรม ผู้บริหาร และผู้เขียนชีวประวัติคนแรก Dickens ได้พบกับ Browning, Tennyson และนักเขียนคนอื่นๆ ผ่าน Forster ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2382 Dickens ได้เช่าบ้านเลขที่ 1 Devonshire Terrace เป็นระยะเวลาสิบสองปี ด้วยการเติบโตของความมั่งคั่งและชื่อเสียงทางวรรณกรรม ตำแหน่งของ Dickens ในสังคมก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน ในปี พ.ศ. 2380 เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกของ Garrick Club และในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2381 เป็นสมาชิกของ Ateneum Club ที่มีชื่อเสียง
ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวกับเบนท์ลีย์บังคับให้ดิคเก้นปฏิเสธงานในปูมหลังในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2382 ในปีต่อมา หนังสือทั้งหมดของเขาตกไปอยู่ในมือของแชปแมนและฮอล โดยได้รับความช่วยเหลือจากเขาในการตีพิมพ์หนังสือ Mr. Humphrey's Hours รายสัปดาห์สามเพนนี ซึ่งในร้าน Antiquities Store (เมษายน 1840 - มกราคม 1841) และ Barnaby Rudge (กุมภาพันธ์ 1841) ) ถูกตีพิมพ์ - พฤศจิกายน พ.ศ. 2384) จากนั้น ดิกเกนส์เลิกทำงาน The Hours of Mr. Humphrey ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากงานที่มีอยู่มากมาย
แม้ว่า The Old Curiosity Shop เมื่อตีพิมพ์จะชนะใจคนจำนวนมาก แต่ผู้อ่านสมัยใหม่ที่ไม่ยอมรับความรู้สึกของนวนิยายเรื่องนี้ แต่เชื่อว่า Dickens ปล่อยให้ตัวเองมีความน่าสมเพชมากเกินไปในการอธิบายการพเนจรอันเยือกเย็นและการตายของ Nell ตัวน้อยอย่างน่าเศร้า องค์ประกอบพิสดารของนวนิยายเรื่องนี้ค่อนข้างประสบความสำเร็จ
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2385 คู่รักดิคเก้นล่องเรือไปบอสตัน ที่ซึ่งการพบปะกันอย่างคึกคักเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางแห่งชัยชนะของนักเขียนผ่านนิวอิงแลนด์ไปยังนิวยอร์ก ฟิลาเดลเฟีย วอชิงตัน และอีกมากมาย ไปจนถึงเซนต์หลุยส์ แต่การเดินทางถูกบดบังด้วยความไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้นของดิกเกนส์ต่อการละเมิดลิขสิทธิ์วรรณกรรมอเมริกัน และการไม่สามารถต่อสู้กับมันและ - ในภาคใต้ - ด้วยปฏิกิริยาที่ไม่เป็นมิตรอย่างเปิดเผยต่อการต่อต้านการเป็นทาสของเขา American Notes ซึ่งปรากฏในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2385 ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นและคำวิจารณ์อย่างเป็นมิตรในอังกฤษ แต่สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในต่างประเทศ เกี่ยวกับการเสียดสีที่คมชัดยิ่งขึ้นในนวนิยายเรื่องต่อไปของเขา "Martin Chazzlewit" (Martin Chazzlewit, มกราคม พ.ศ. 2386 - กรกฎาคม พ.ศ. 2387) ที. คาร์ไลล์กล่าวว่า: "พวกแยงกี้เดือดเหมือนโซดาขวดใหญ่"
เรื่องแรกของคริสต์มาสดิกเกนเซียนเรื่อง "A Christmas Carol" (A Christmas Carol, 1843) ยังเปิดเผยความเห็นแก่ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความกระหายในผลกำไร ซึ่งสะท้อนให้เห็นในแนวคิดของ "มนุษย์เศรษฐกิจ" แต่สิ่งที่มักจะหลุดออกจากความสนใจของผู้อ่านคือความปรารถนาของ Scrooge ที่จะร่ำรวยเพื่อความร่ำรวยนั้นเป็นพาราโบลากึ่งจริงจังกึ่งการ์ตูนของทฤษฎีไร้วิญญาณของการแข่งขันตลอดกาล แนวคิดหลักของเรื่อง - เกี่ยวกับความต้องการความเอื้ออาทรและความรัก - แทรกซึม "ระฆัง" ที่ตามมา (The Chimes, 1844), "The Cricket on the Hearth" (The Cricket on the Hearth, 1845) เช่นเดียวกับ "การต่อสู้แห่งชีวิต" ที่ประสบความสำเร็จน้อยกว่า (The Battle of Life, 1846) และ The Haunted Man (1848)
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2387 แคทเธอรีนและจอร์จินา โฮการ์ธ น้องสาวของเธอร่วมกับลูกๆ ซึ่งตอนนี้อาศัยอยู่กับพวกเขา ดิคเก้นไปเจนัว กลับไปลอนดอนในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2388 เขากระโจนเข้าสู่การดูแลของผู้ก่อตั้งและจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์เสรีนิยมเดลินิวส์ ความขัดแย้งในการเผยแพร่กับเจ้าของทำให้ Dickens ละทิ้งงานนี้ในไม่ช้า ดิคเก้นตัดสินใจอย่างผิดหวังว่าจากนี้ไปหนังสือจะกลายเป็นอาวุธของเขาในการต่อสู้เพื่อการปฏิรูป ในเมืองโลซานน์ เขาเริ่มเขียนนวนิยายเรื่อง "ดอมบีและลูกชาย" (ดอมบีและลูกชาย ตุลาคม พ.ศ. 2389 - เมษายน พ.ศ. 2391) โดยเปลี่ยนผู้จัดพิมพ์เป็นแบรดเบอรีและอีแวนส์
ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2389 Dickens ได้ตีพิมพ์หนังสือท่องเที่ยวเล่มที่สองชื่อ Pictures from Italy ในปี พ.ศ. 2390 และ พ.ศ. 2391 ดิกเกนส์มีส่วนร่วมในฐานะผู้กำกับและนักแสดงในการแสดงมือสมัครเล่นเพื่อการกุศล - "ทุกคนในแบบของเขาเอง" โดยบี. จอห์นสันและ "The Merry Wives of Windsor" โดย W. Shakespeare
ในปี 1849 Dickens เริ่มนวนิยายเรื่อง "David Copperfield" (David Copperfield, พฤษภาคม 1849 - พฤศจิกายน 1850) ซึ่งจากจุดเริ่มต้นนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก นวนิยายดิกเกนเซียนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดซึ่งเป็นผลิตผลโปรดของผู้เขียนเอง "David Copperfield" มีความเกี่ยวข้องกับชีวประวัติของนักเขียนมากที่สุด คงเป็นเรื่องผิดที่จะเชื่อว่า "David Copperfield" เป็นเพียงภาพโมเสกของเหตุการณ์ในชีวิตของนักเขียน ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงและจัดเรียงตามลำดับที่แตกต่างกัน แก่นเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้คือ "หัวใจที่ดื้อรั้น" ของเดวิดในวัยเยาว์ สาเหตุของความผิดพลาดทั้งหมดของเขา รวมถึงความผิดพลาดที่ร้ายแรงที่สุด นั่นคือการแต่งงานครั้งแรกที่ไม่มีความสุข
ในปี พ.ศ. 2393 เขาเริ่มตีพิมพ์คำในครัวเรือนรายสัปดาห์สองเพนนี มีเนื้อหาอ่านง่าย ข้อมูลและข้อความต่างๆ บทกวีและเรื่องราว บทความเกี่ยวกับการปฏิรูปสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ จัดพิมพ์โดยไม่มีลายเซ็น ในบรรดาผู้เขียน ได้แก่ Elizabeth Gaskell, Harriet Martino, J. Meredith, W. Collins, C. Lever, C. Reid และ E. Bulwer-Lytton "Home Reading" ได้รับความนิยมในทันที ยอดขายถึง 40,000 เล่มต่อสัปดาห์ แม้จะลดลงเป็นตอนๆ ในตอนท้ายของปี 1850 Dickens ร่วมกับ Bulwer-Lytton ก่อตั้ง Guild of Literature and Art เพื่อช่วยเหลือนักเขียนที่ขาดแคลน เพื่อเป็นการบริจาค Lytton ได้เขียนบทตลกเรื่อง We're Not as We Look ซึ่งฉายรอบปฐมทัศน์โดย Dickens กับคณะละครสมัครเล่นที่คฤหาสน์ของ Duke of Devonshire ในลอนดอนต่อหน้าพระราชินีวิกตอเรีย ในปีหน้า การแสดงจะจัดขึ้นทั่วอังกฤษและสกอตแลนด์ มาถึงตอนนี้ Dickens มีลูกแปดคน (คนหนึ่งเสียชีวิตในวัยทารก) และอีกคนหนึ่ง ลูกคนสุดท้อง, กำลังจะเกิด. ในตอนท้ายของปี 1851 ครอบครัว Dickens ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหญ่ใน Tavistock Square และนักเขียนก็เริ่มทำงานใน Bleak House (มีนาคม 1852 - กันยายน 1853)
ใน "Bleak House" Dickens มาถึงจุดสูงสุดในฐานะนักเสียดสีและนักวิจารณ์สังคม พลังของนักเขียนแสดงออกมาในความงดงามอันมืดมนทั้งหมด แม้ว่าเขาจะไม่ได้สูญเสียอารมณ์ขันไป แต่การตัดสินของเขากลับขมขื่นมากขึ้นและวิสัยทัศน์ของเขาที่มีต่อโลกก็มืดมนลง นวนิยายเรื่องนี้เป็นพิภพเล็ก ๆ ของสังคม: ภาพของหมอกหนาทึบรอบ ๆ ทำเนียบรัฐบาลซึ่งหมายถึงความสับสนของผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย สถาบัน และประเพณีโบราณ หมอกเบื้องหลังซึ่งความโลภซ่อนความเอื้ออาทรและบดบังการมองเห็น เป็นเพราะพวกเขา ตามความเห็นของดิคเก้น สังคมจึงกลายเป็นความโกลาหลที่หายนะ คดี "Jarndyce กับ Jarndyce" ทำให้เหยื่อเสียชีวิตและคนเหล่านี้เกือบทั้งหมดเป็นวีรบุรุษของนวนิยายเรื่องนี้ ล่มสลาย ทำลายล้าง สิ้นหวัง
"Hard Times" (Hard Times, 1 เมษายน - 12 สิงหาคม พ.ศ. 2397) ได้รับการตีพิมพ์เป็นฉบับใน Home Reading เพื่อปลุกกระแสที่ตกต่ำ นวนิยายเรื่องนี้ไม่ได้รับการชื่นชมอย่างสูงจากนักวิจารณ์หรือผู้อ่านในวงกว้าง การประณามอย่างรุนแรงของลัทธิอุตสาหกรรม, ตัวละครที่ดีและน่าเชื่อถือจำนวนน้อย, ความแปลกประหลาดของการเสียดสีของนวนิยายที่ไม่สมดุลไม่เพียง แต่อนุรักษ์นิยมและผู้คนที่พอใจกับชีวิตอย่างสมบูรณ์ แต่ยังรวมถึงผู้ที่ต้องการให้หนังสือเล่มนี้ทำให้คุณร้องไห้และหัวเราะ และไม่คิด
ความเฉยเมยของรัฐบาล การจัดการที่ผิดพลาด และการฉ้อราษฎร์บังหลวงที่ปรากฏชัดขึ้นในช่วงสงครามไครเมียระหว่างปี พ.ศ. 2396-2399 พร้อมกับการว่างงาน การประท้วงหยุดงาน และการจลาจลเรื่องอาหาร ตอกย้ำความเชื่อมั่นของดิคเก้นส์ว่าการปฏิรูปแบบถอนรากถอนโคนเป็นสิ่งจำเป็น เขาเข้าร่วมสมาคมเพื่อการปฏิรูปการปกครอง และยังคงเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์และเหน็บแนมในโฮมเรดิง ในช่วงหกเดือนที่พำนักอยู่ในปารีส เขาได้สังเกตเห็นความตื่นเต้นในตลาดหุ้น หัวข้อเหล่านี้ - การแทรกแซงที่สร้างขึ้นโดยระบบราชการและการเก็งกำไร - เขาสะท้อนให้เห็นใน "Little Dorrit" (Little Dorrit, ธันวาคม 1855 - มิถุนายน 1857)
ฤดูร้อนปี 1857 Dickens ใช้เวลาใน Gadshill ในบ้านหลังเก่าที่เขาชื่นชมในวัยเด็ก และตอนนี้เขาสามารถซื้อได้ การมีส่วนร่วมของเขาในการแสดงการกุศลเรื่อง "The Frozen Deep" ของ W. Collins ทำให้เกิดวิกฤตในครอบครัว ปีแห่งการทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของนักเขียนถูกบดบังด้วยความตระหนักที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความล้มเหลวในการแต่งงานของเขา ในขณะที่แสดงละคร Dickens ตกหลุมรัก Ellen Ternan นักแสดงหญิงอายุน้อย แม้สามีของเธอจะสาบานว่าจะซื่อสัตย์ แต่แคทเธอรีนก็ออกจากบ้านของเขา ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2401 หลังจากการหย่าร้าง ชาร์ลส์ จูเนียร์ยังคงอยู่กับแม่ของเขา และลูกๆ ที่เหลือกับพ่อของพวกเขาในความดูแลของจอร์จินาในฐานะนายหญิงของบ้าน ดิคเก้นตั้งเป้าหมายอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับการอ่านข้อความที่ตัดตอนมาจากหนังสือของเขาสู่สาธารณะแก่ผู้ฟังที่กระตือรือร้น หลังจากทะเลาะกับแบรดเบอรีและอีแวนส์ซึ่งเข้าข้างแคทเธอรีน ดิคเก้นกลับไปที่แชปแมนและฮอลล์ หลังจากหยุดเผยแพร่ Home Reading เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในการเผยแพร่รายสัปดาห์ใหม่ตลอดทั้งปีโดยตีพิมพ์ A Tale of Two Cities (A Tale of Two Cities, 30 เมษายน - 26 พฤศจิกายน 2402) ในนั้น และจากนั้น "ความคาดหวังที่ยิ่งใหญ่ " (ความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ 1 ธันวาคม 2403 - 3 สิงหาคม 2404) "เรื่องราวของสองเมือง" ไม่สามารถนำมาประกอบกันได้ หนังสือที่ดีที่สุดดิกเกนส์ มันขึ้นอยู่กับความบังเอิญและการกระทำที่รุนแรงมากกว่าตัวละคร แต่ผู้อ่านจะหลงใหลไปกับเนื้อเรื่องที่น่าตื่นเต้น ภาพล้อเลียนอันวิจิตรของ Marquis d'Evremonde ที่ไร้มนุษยธรรม เครื่องบดเนื้อของการปฏิวัติฝรั่งเศส และวีรกรรมเสียสละของ Sidney Carton ซึ่งนำเขาไปสู่กิโยติน
ใน Great Expectations ตัวเอกของเรื่อง Pip บอกเล่าเรื่องราวของผู้มีพระคุณลึกลับที่ทำให้เขาออกจากโรงตีเหล็กในชนบทของลูกเขย Joe Gargery และได้รับการศึกษาสำหรับสุภาพบุรุษที่เหมาะสมในลอนดอน ในภาพลักษณ์ของ Pip Dickens ไม่เพียงเปิดเผยความหัวสูงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความฝันที่ผิดพลาดของ Pip ในชีวิตที่หรูหราในฐานะ "สุภาพบุรุษ" ที่เกียจคร้าน ความหวังที่ยิ่งใหญ่ของ Pip อยู่ในอุดมคติของศตวรรษที่ 19: การเป็นปรสิตและความอุดมสมบูรณ์โดยค่าใช้จ่ายของมรดกที่ได้รับและชีวิตที่สดใสโดยค่าใช้จ่ายของแรงงานของคนอื่น
ในปี 1860 Dickens ขายบ้านใน Tavistock Square และ Gadshill กลายเป็นบ้านถาวรของเขา เขาอ่านงานของเขาต่อสาธารณะทั่วอังกฤษและในปารีสด้วยความสำเร็จ นวนิยายเรื่องสุดท้ายที่เขียนเสร็จของเขาคือ Our Mutual Friend ได้รับการตีพิมพ์เป็นจำนวน 20 ฉบับ (พฤษภาคม พ.ศ. 2407 - พฤศจิกายน พ.ศ. 2408) ในนิยายเล่มสุดท้ายของผู้เขียน ภาพที่แสดงถึงการประณามระบบสังคมของเขาปรากฏขึ้นอีกครั้งและรวมกัน: หมอกหนาของ Bleak House และห้องขังขนาดใหญ่ที่บดขยี้ของ Little Dorrit สำหรับพวกเขา ดิคเก้นส์เพิ่มภาพที่น่าขันอีกภาพหนึ่งของกองขยะในลอนดอน นั่นคือกองขยะกองมหึมาที่สร้างความมั่งคั่งให้กับฮาร์มอน นี่เป็นการกำหนดเป้าหมายของความโลภของมนุษย์ในเชิงสัญลักษณ์ว่าเป็นความสกปรกและความโสโครก โลกแห่งนวนิยายคืออำนาจเงินบูชาความมั่งคั่ง นักต้มตุ๋นเฟื่องฟู: ชายที่มีนามสกุลสำคัญ Veneering (แผ่นไม้อัด - เงาภายนอก) ซื้อที่นั่งในรัฐสภาและ Podsnap เศรษฐีผู้โอ่อ่าเป็นกระบอกเสียงของความคิดเห็นสาธารณะ
สุขภาพของผู้เขียนแย่ลง โดยไม่สนใจอาการคุกคาม เขาอ่านหนังสือสาธารณะที่น่าเบื่อหน่ายอีกชุดหนึ่ง จากนั้นจึงออกทัวร์ครั้งใหญ่ในอเมริกา รายได้จากการเดินทางในอเมริกาเกือบ 20,000 ปอนด์ แต่การเดินทางส่งผลต่อสุขภาพของเขาอย่างร้ายแรง ดิคเก้นมีความสุขมากกับเงินที่เขาได้รับ แต่ไม่เพียงเท่านั้นที่กระตุ้นให้เขาออกเดินทาง ความทะเยอทะยานของนักเขียนต้องการความชื่นชมและความสุขจากสาธารณชน หลังจากหยุดฤดูร้อนสั้น ๆ เขาก็เริ่มทัวร์ครั้งใหม่ แต่ในเมืองลิเวอร์พูลในเดือนเมษายน พ.ศ. 2412 หลังจากการปราศรัย 74 ครั้ง อาการของเขาแย่ลง หลังจากการอ่านแต่ละครั้ง แขนและขาซ้ายของเขาเกือบจะถูกพรากไป
ดิกเกนส์เริ่มเขียนเรื่อง The Mystery of Edwin Drood โดยวางแผนพิมพ์เดือนละ 12 ฉบับ และเกลี้ยกล่อมให้แพทย์อนุญาตให้แสดงอำลาในลอนดอน 12 ครั้ง เริ่มเมื่อวันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2413; การแสดงครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา Edwin Drood ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม เขียนเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2413 หลังจากทำงานมาทั้งวันในกระท่อมในสวนแกดชิลล์ ดิกเก้นส์มีอาการเส้นเลือดในสมองตีบในมื้อค่ำและเสียชีวิตในวันรุ่งขึ้นเวลาประมาณหกโมงเย็น ในพิธีส่วนตัวที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ร่างของเขาถูกฝังไว้ที่ Poets' Corner, Westminster Abbey
ผู้ชื่นชอบวิดีโอสามารถชมภาพยนตร์สั้นเกี่ยวกับชีวิตและผลงานของ Charles Dickens ได้จาก Youtube.com:
บรรณานุกรม
ชาร์ลสดิกเกนส์. รอบการทำงาน
ชาร์ลสดิกเกนส์. เรื่อง
2381 ภาพร่างของสุภาพบุรุษหนุ่ม
1840 ภาพร่างของคู่รักหนุ่มสาว
1841 นาฬิกาของปรมาจารย์ฮัมฟรีย์
1843 เพลงคริสต์มาส / เพลงคริสต์มาส [= เพลงคริสต์มาสในร้อยแก้ว; เพลงคริสต์มาส; เพลงคริสต์มาส; เพลงคริสต์มาสในร้อยแก้วหรือเรื่องผีคริสต์มาส; Miserly Scrooge และสามวิญญาณที่ดี]
1844 The Chimes [= The Chimes: A Goblin Story of Some Bells thatranging an old year Out and a New Year In; ระฆัง เรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณของชั่วโมงคริสตจักร เสียงนาฬิกา]
2388 จิ้งหรีดบนเตา [= จิ้งหรีดบนเตา เทพนิยายบ้าน; คริกเก็ตหลังเตาไฟ นิทานครอบครัวสุขสันต์; คริกเก็ตที่หก; คริกเก็ตในเตา; คริกเก็ตจิ๋วและเวทมนตร์]
1846 การต่อสู้แห่งชีวิต [= The Battle of Life: A Love Story; การต่อสู้ของชีวิต เรื่องเกี่ยวกับความรัก การต่อสู้ทางโลก]
1848 The Haunted Man and the Ghost's Bargain [= ผีสิง; สัญญากับผี]
1854 นักเดินทางผู้น่าสงสารทั้งเจ็ด
1855 ฮอลลี่ / ใน The Holly-Tree Inn [= The Holly Tree Inn; ฮอลลี่ (ในสามสาขา)]
2399 ซากของโกลเด้นแมรี่
2400 ทัวร์ขี้เกียจของสองคนฝึกหัดที่ไม่ได้ใช้งาน // ผู้เขียนร่วม: Wilkie Collins
พ.ศ. 2400 ภัยของนักโทษชาวอังกฤษบางคน
2401 บ้านให้เช่า
1859 บ้านผีสิง [= บ้านผีสิง]
2403 ข้อความจากทะเล
1861 Tom Tiddler's Ground / Tom Tiddler's Ground
1862 กระเป๋าเดินทางของใครบางคน / กระเป๋าเดินทางของใครบางคน
พ.ศ. 2406 ห้องพักพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Mrs. Lirriper / Mrs Lirriper's Lodgings
2407 มรดกของนาง Lirriper / มรดกของนาง Lirriper
2408 ใบสั่งยาของหมอดาวเรือง [= ใบสั่งยาของหมอดาวเรือง]
1866 ชุมทางมัคบี้
1867 ไม่มีทางออก / ไม่มีทางผ่าน [= ไม่มีทางผ่าน] // บจก
ชาร์ลสดิกเกนส์. เรื่องราว
1833 คุณนายมีนและลูกพี่ลูกน้อง / อาหารค่ำที่ Poplar Walk [= Mr. Minns และลูกพี่ลูกน้องของเขา; คุณหมายถึงและลูกพี่ลูกน้องของเขา]
1834 โฮราชิโอ สปาร์คกินส์ / โฮราชิโอ สปาร์คกินส์
1834 นางโจเซฟ พอร์เตอร์ / นาง Joseph Porter ระหว่างทาง [= เล่นในบ้าน]
1834 Sensitive Heart / Sentiment [= กรณีที่ดีเยี่ยม]
พ.ศ. 2377 The Bloomsbury Christening
1834 The Boarding-House [= การต่อสู้ทางโลก; ผ้าก๊อซขึ้นเครื่อง]
1834 การเดินทางด้วยไอน้ำ
1835 เรื่องราวในชีวิตของนายวัตคินส์ โทเทิ่ล วัตกินส์ ท็อตเทิล
1835 บัญชีบางส่วนของ Omnibus Cad
1836 อาทิตย์ภายใต้สามหัว
1836 ผ้าคลุมสีดำ [= ผ้าคลุมสีดำ]
1836 ความตายของคนขี้เมา / ความตายของคนขี้เมา
พ.ศ. 2379 การดวลวิงเกิลเบอรีครั้งยิ่งใหญ่ [= การดวลวิงเกิลเบอรีครั้งยิ่งใหญ่; การดวลที่ Great Winglebury; ดวล]
1836 สุภาพบุรุษแปลกหน้า
พ.ศ. 2379 เดอะทูกก์เซสที่แรมส์เกต [= The Tuggses at Ramsgate; ครอบครัวท็อกส์]
1837 Madman's Manuscript / A Madman's Manuscript [ตัดตอนมาจากนวนิยายเรื่อง The Posthumous Papers of the Pickwick Club]
1837 รายงานการประชุมครั้งแรกของสมาคมหมอกโคลนเพื่อความก้าวหน้าของทุกสิ่ง [= รายงานฉบับเต็มของการประชุมครั้งแรกของสมาคมหมอกโคลนเพื่อความก้าวหน้าของทุกสิ่ง]
1837 เธอคือภรรยาของเขาหรือ?
พ.ศ. 2380 เรื่องเฉพาะบางอย่างเกี่ยวกับสิงโต
1837 เรื่อง Goblins ที่ขโมย Sexton [= คริสต์มาสที่อารมณ์ดี] [ตัดตอนมาจากเอกสารมรณกรรมของ Pickwick Club]
1837 การผจญภัยของตัวแทนขาย / เรื่องราวของแบ็กแมน [= เก้าอี้แปลก] [ตัดตอนมาจากนวนิยายเรื่อง The Posthumous Papers of the Pickwick Club]]
1837 The Lamplighter's Story [ตัดตอนมาจากนวนิยาย The Posthumous Papers of the Pickwick Club]
1837 The Lawyer and the Ghost [แยกจาก The Posthumous Papers of the Pickwick Club]
2380 โขนแห่งชีวิต
1837 ชีวิตสาธารณะของ Mr. Talramble อดีตนายกเทศมนตรี Mudfog / ชีวิตสาธารณะของ Mr. Talramble Tulrumble [= ชีวิตสาธารณะของนาย ทูลรัมเบิล - ครั้งหนึ่งเคยเป็นนายกเทศมนตรีแห่งหมอกโคลน]
1837 เรื่องราวของลุงของพ่อค้า / เรื่องราวของลุงของ Bagman [= The Ghosts of the Mail] [ตัดตอนมาจากนวนิยายเรื่อง The Posthumous Papers of the Pickwick Club]]
1837 เรื่องราวของนักแสดงที่เดินทาง / เรื่องราวของรถเข็นเด็ก [ตัดตอนมาจากนวนิยายเรื่อง The Posthumous Papers of the Pickwick Club]
พ.ศ. 2380 ตำนานที่แท้จริงของเจ้าชายบลดุด [สารสกัดจากนวนิยายเรื่อง The Posthumous Papers of the Pickwick Club]
พ.ศ. 2381 นายโรเบิร์ต โบลตัน สุภาพบุรุษที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน / นาย. โรเบิร์ต โบลตัน โรเบิร์ต โบลตัน: "สุภาพบุรุษที่เชื่อมโยงกับสื่อมวลชน"]
1838 การประชุมครั้งที่สองของสมาคมหมอกโคลนเพื่อความก้าวหน้าของทุกสิ่ง [= รายงานฉบับเต็มของการประชุมสมาคมหมอกโคลนครั้งที่สองเพื่อความก้าวหน้าของทุกสิ่ง]
1838 Sikes and Nancy [ตัดตอนมาจาก The Adventures of Oliver Twist]
1839 Familiar Epistle from a Parent to a Child [= Familiar Epistle from a Parent to a Child Aged Two Years and Two Months]
1839 บารอนแห่ง Grogzwig [= รูปลักษณ์ของ Baron Koeldwethout] [ตัดตอนมาจากชีวิตและการผจญภัยของ Nicholas Nickleby]
1841 คำสารภาพที่พบในคุกในสมัยของชาร์ลส์ที่สอง [= ดวงตาของแม่] [ข้อความที่ตัดตอนมาจากนาฬิกาของมิสเตอร์ฮัมฟรีย์]
1844 นาง Gamp [ตัดตอนมาจากชีวิตและการผจญภัยของ Martin Chuzzlewit]
1850 ความฝันของเด็กถึงดวงดาว
1850 ตำรวจนักสืบ
1850 เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสามนักสืบ
1851 คริสต์มาสเป็นอย่างไรเมื่อเราโตขึ้น
1852 เรื่องราวของเด็กชาย / เรื่องราวของเด็ก
1852 เรื่องราวของความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ / เรื่องราวของความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่
1852 ให้อ่านตอนพลบค่ำ
1853 ไม่มีใคร / เรื่องราวของไม่มีใคร
1853 เรื่องราวของเด็กนักเรียน / เรื่องราวของเด็กนักเรียน
1854 กระดูกของ Rogue / ลูกเต๋าที่บรรจุ
1854 ถนน
พ.ศ. 2397 นักร้องข้าแผ่นดิน / ข้าแผ่นดินแห่งโพเบเรซ
1854 เรื่องราวของ Richard Doubledick [= นักเดินทางผู้น่าสงสารคนแรก]
1855 Bill / The Bill [= สาขาที่สาม. ตรวจสอบ]
1855 Corridor / The Boots [= บู๊ทส์ที่ Holly Tree Inn; คู่หนี; เรื่องเล่าชาวสวน ; คนจรจัด; สาขาที่สอง. ทางเดิน]
1855 สาขาแรก ตัวฉันเอง / แขก [= เรื่องเบื้องต้น]
2399 ซาก
2400 ห้องผี
1857 The Hanged Man's Bride [= The Ghost in the Bridal Chamber; A Ghost in the Bride's Chamber] [ตัดตอนมาจากเรื่อง "The Lazy Journey of Two Idle Apprentices"]
2400 เกาะร้านเงิน
พ.ศ. 2400 แพในแม่น้ำ
2401 ระหว่างทาง // ผู้เขียนร่วม: Wilkie Collins
2401 เข้าสู่สังคม
2401 ปล่อยให้ในที่สุด // ผู้เขียนร่วม: Wilkie Collins
2402 จับได้คาหนังคาเขา / ตามล่า
2402 ผีในห้องอาจารย์บี
2402 ผีในห้องหัวมุม
2402 มนุษย์ในบ้าน
1860 Captain Murderer and the Devil's Bargain [= กัปตันฆาตกร; กัปตันโซลเบรกเกอร์]
1860 แขกรับเชิญของนายพินัยกรรม / นาย. การเยี่ยมชมของผู้ทดสอบ
1860 Nurse's Tale / Nurse's Stories [บทที่ 15 ของนิยายเรื่อง The Traveler Not on Trading Business]
2403 เดอะคลับไนท์
2403 ปีศาจและนาย Chips [= หนูที่พูดได้]
1860 สินค้าของ Great Tasmania / สินค้าของ Great Tasmania [บทที่ VIII ของนวนิยายเรื่อง "The Traveler Not on Trading Matters"]
พ.ศ. 2403 นักโทษชาวอิตาลี
1860 The Money // ผู้เขียนร่วม: Wilkie Collins
2403 การชดใช้ // ผู้เขียนร่วม: Wilkie Collins
2403 จิ๊กโก๋ / นักเลง
1860 เดอะ วิลเลจ
1861 สี่เรื่อง [= สี่เรื่องผี]
1861 บทที่หก ซึ่งเราพบคุณ Kimmins / รับคุณ Kimmeens
1861 บทที่หนึ่ง เราพบเขม่าและขี้เถ้า / หยิบเขม่าและขี้เถ้า
1861 บทที่เจ็ด ซึ่งเราพบคนจรจัด / หยิบคนจรจัด
1861 ภาพบุคคล / เรื่องราวของจิตรกรภาพเหมือน [= จิตรกรภาพเหมือน; จิตรกรภาพเหมือน]
2405 รองเท้าบูทของเขา
2405 พัสดุกระดาษสีน้ำตาลของเขา
พ.ศ. 2405 เขาปล่อยไว้จนกว่าจะเรียกร้อง
2405 จุดจบที่ยอดเยี่ยมของเขา
2405 เรื่องผีกู๊ดวู้ด
2406 นาง Lirriper ดำเนินกิจการอย่างไร
2406 ห้องนั่งเล่นเพิ่มคำไม่กี่คำได้อย่างไร
พ.ศ. 2407 นาง Lirriper เล่าถึงวิธีที่เจมมี่เติมพลัง
พ.ศ. 2407 นาง Lirriper เล่าว่าเธอไปต่อและจากไปอย่างไร
1865 ให้จับทันที [= หมอดาวเรือง; ดร.เมอริโกลด์]
2408 จะเอาเกลือหนึ่งเม็ด [= การพิจารณาคดีฆาตกรรม; การพิจารณาคดีของฆาตกร การพิจารณาคดีฆาตกรรม]
2408 จะถูกพรากชีวิต
พ.ศ. 2409 พี่น้องบาร์บ็อกซ์
พ.ศ. 2409 บาร์บ็อกซ์ บราเธอร์ส แอนด์ โค
1866 สายหลัก เด็กชายที่ Mugby
2409 คนส่งสัญญาณ / เลขที่ 1 Branch Line - คนส่งสัญญาณ [= Switchman; คนส่งสัญญาณ; คนส่งสัญญาณ]
1867 The Four-Fifteen Express [= The 4:15 Express] // ผู้เขียนร่วม: Amelia Edwards
2411 วันหยุดโรแมนติกสำหรับเด็ก
1868 คำอธิบายของจอร์จ ซิลเวอร์แมน
ชาร์ลสดิกเกนส์. เทพนิยาย
พ.ศ. 2398 เจ้าชายบูล: เทพนิยาย
นวนิยาย พ.ศ. 2411 บทประพันธ์โดย พันโทโรบิน เรดฟอร์ต / Romance from the Pen of Lieut พ.อ. Robin Redforth (อายุเก้าขวบ) [= Captain Boldheart & the Latin-Grammar Master]
2411 โรแมนติกจากปลายปากกาของมิสอลิซ เรนเบิร์ด (อายุเจ็ดขวบ) [= กระดูกปลาวิเศษ; เรื่องรักในวันหยุดจากปลายปากกาของมิสอลิซ เรนเบิร์ด อายุ 7 ขวบ; The Magic Bone (นวนิยายที่เขียนขึ้นในช่วงวันหยุด); บทประพันธ์โดย Miss Alice Rainbird], สำหรับเด็ก