มีดที่เก่าแก่ที่สุด มีดที่เก่าแก่ที่สุด
รูปภาพที่ 1
รูปร่างของใบมีดถูกกำหนดโดยปัจจัยสองประการ ประการแรกคือหน้าที่ของมีดและจุดประสงค์ของมัน ปัจจัยสำคัญประการที่สองที่มักไม่นำมาพิจารณาคือเทคโนโลยีการผลิต ในช่วงเวลาที่มีเหล็กน้อย เหล็กเป็นสิ่งที่หายากและการเตรียมถ่านหินต้องใช้ความพยายามและเวลาอย่างมาก ทุกอย่างมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยีและลดต้นทุนแรงงานและวัสดุให้เหลือน้อยที่สุด ช่างตีเหล็กทางตอนเหนือซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ยังไม่มีข้อยกเว้น พวกเขารู้ถึงขีดจำกัดของตนในการแสวงหาความซับซ้อนในเทคโนโลยีการตีขึ้นรูป ดังนั้นรูปร่างของใบมีดจึงมักกลายเป็นผลลัพธ์ของลำดับของการปลอมซึ่งดูเหมือนจะมีเหตุผลมากที่สุดในเวลานั้น
โดยหลักการแล้วภาพเงาของมีดรัสเซียโบราณจำนวนมากมีลักษณะคล้ายกับมีดสมัยใหม่ หลังอาจตรง งอขึ้นหรือลงได้เหมือนตอนนี้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และความชอบส่วนบุคคล ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างมีดรัสเซียโบราณคือรูปลิ่มที่เด่นชัดในทุกทิศทาง: ความยาวและความหนา (รูปภาพ 01)
ทำไมมีดโบราณถึงแตกต่างจากมีดสมัยใหม่? ในกรณีส่วนใหญ่ เมื่อพูดถึงมีดปลอมแปลง เราหมายถึงแผ่นที่แบนอยู่ใต้ค้อนลม จากนั้นจึงหมุนรูปร่างสุดท้ายของใบมีดโดยใช้ล้อขัดหรือคัตเตอร์ ในสมัยโบราณไม่มีเทคโนโลยีดังกล่าว (คุณไม่สามารถบดโลหะจำนวนมากบนล้อขัดหินทรายด้วยมือหรือแบบขับเคลื่อนด้วยเท้า) แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ช่างฝีมือพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เสียเหล็กอันมีค่าแม้แต่เมล็ดเดียว มันยากสำหรับเราที่จะเข้าใจเพราะเราถูกล้อมรอบด้วยภูเขาเศษเหล็ก สำหรับช่างตีเหล็กในสมัยโบราณ วิธีการทำมีดสมัยใหม่ก็เหมือนกับการทำเข็มกลิ้งจากท่อนไม้ และเปลี่ยนทุกสิ่ง "อย่างอื่น" ให้เป็นชิ้นๆ ดังนั้นในสมัยโบราณจึงมีการปลอมมีดจริง ๆ มีดเปล่าถูกดึงด้วยค้อนจนถึงปลายสุดเพื่อให้ได้รูปทรงและหน้าตัดที่ต้องการ เพื่อที่ว่าในตอนท้ายเหลือเพียงการยืดให้ตรงเล็กน้อยบนเครื่องเหลาเปียก (รูปภาพ 2) (โดยความเป็นธรรม ควรสังเกตว่าการทำเช่นนี้กับโลหะผสมสมัยใหม่นั้นค่อนข้างเป็นปัญหา พวกมันแข็งและเสียรูปยิ่งกว่ามากเมื่อทำการปลอม นอกจากนี้ เหล็กกล้าโลหะผสมสมัยใหม่ยังมีช่วงอุณหภูมิการทำความร้อนที่แคบกว่ามากสำหรับการตีมากกว่าเหล็กที่เราใช้ กำลังจัดการกับช่างตีเหล็กโบราณ เขาทำให้มันร้อนเกินไปเล็กน้อย และ “ลาก่อน เศษเหล็กหายไปแล้ว!”)
รูปที่ 2. ลำดับการตีขึ้นรูป
รูปร่างใบมีดรูปลิ่มนี้ช่วยชดเชยความนุ่มนวลของวัสดุที่ใช้ทำมีดในทางใดทางหนึ่ง และบ่อยครั้งก็เป็นเหล็กธรรมดา ลิ่มในส่วนตัดขวางของใบมีดสอดคล้องกับมุมลับและอยู่ที่ 15-25 องศา ดังนั้นคมตัดจึงได้รับการรองรับด้วยหน้าตัดทั้งหมดของใบมีดจนถึงก้น มีดสลาฟส่วนใหญ่ในศตวรรษที่ 10-12 ที่นักโบราณคดีค้นพบนั้นมีขนาดเล็กมากตามแนวคิดสมัยใหม่ ความยาวของใบมีดไม่เกิน 10 ซม. ความกว้างประมาณ 2 ซม. แต่ก้นใหญ่ที่จุดที่กว้างที่สุดถึง 6 มม. (ขนาดใบมีดเฉลี่ยของมีดเหล่านี้อยู่ภายใน 7-8 ซม.) เมื่อลับมีดเช่นนี้ มันถูกวางไว้บนหินโดยให้ระนาบด้านข้างทั้งหมดของใบมีด ดังนั้นพร้อมกับการลับคม ขอบด้านข้างของใบมีดจึงถูกขัดเงาอย่างต่อเนื่อง และเป็นผลให้ทำความสะอาดจากร่องรอยการกัดกร่อน ตัวเลือกที่ดีในการรักษามีดให้อยู่ในสภาพดีเยี่ยมเสมอโดยไม่มีสแตนเลส! (โดยวิธีการลับมีดแบบนี้ หน้าตัดของใบมีดจะค่อยๆ เป็นรูปลิ่มนูน และมุมลับก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะขณะลับมีดเจ้าของพยายามกดมีด ใบมีดยิ่งกระแทกหินมากขึ้น)
รูปภาพที่ 3
ลองดูมีดจากมุมมองของวัตถุประสงค์การใช้งาน ปริญญาตรี Kolchin ตามวัสดุทางโบราณคดีที่มีให้เขาแบ่งมีดรัสเซียโบราณทั้งหมดออกเป็นแปดประเภทขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของพวกเขา
ประเภทแรกคือมีด "ทำครัว" ในครัวเรือน ด้ามจับทำจากไม้และกระดูก ใช้งานได้จริง ดังนั้นจึงไม่มีการตกแต่งพิเศษใดๆ คุณลักษณะเฉพาะของมีดเหล่านี้ (ตาม Kolchin) คือแกนของด้ามจับขนานกับสันตรงของใบมีด ความคิดเห็นของฉันคือคุณลักษณะนี้เป็นเรื่องรองสำหรับมีดทำครัว วัตถุประสงค์การใช้งานถูกกำหนดโดยแนวของใบมีดและความเอียงของก้นในกรณีนี้เป็นเรื่องรอง - ยิ่งใบมีดตรงเท่าไรก็ยิ่งลงไปมากขึ้นเท่านั้น (รูปภาพ 03)
รูปภาพที่ 4
ประเภทที่สองคือมีด "โต๊ะ" ที่ใช้ในครัวเรือน พวกเขาแตกต่างจากอันแรกตรงที่ใหญ่กว่าและยาวกว่าและที่จับก็ตกแต่งด้วยเครื่องประดับต่างๆ (ภาพที่ 4)
เป็นการยากที่จะบอกว่ามีดเหล่านี้มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างไร และการวางแนวทาง "การรับประทานอาหารในครัว" ตามทฤษฎีของการใช้มีดเหล่านี้สำหรับฉันดูเหมือนว่าไม่เหมาะสมเลยในกรณีนี้ ในความคิดของฉัน นี่เป็นมีดประเภทหนึ่ง - มีดสากลที่เรียกว่า "มีดทำครัว" ตามการจำแนกของตำรวจ ซึ่งนิยมเรียกว่า "มีดทำงาน" และขนาดของมีดดังกล่าวก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า อย่างไรก็ตาม มีดดังกล่าวสามารถนำมาใช้ในการล่าสัตว์ได้สำเร็จอย่างมาก และหากจำเป็น สามารถใช้เป็นอาวุธมีดได้ ไม่พบจุดหยุด (กากบาท) ในมีดรัสเซียเก่า อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงฟินแลนด์ก็ไม่มีพวกเขาเช่นกัน แต่เหตุการณ์นี้ไม่ได้ขัดขวางชาวฟินน์จากการใช้มีดเล็ก ๆ ของพวกเขาเป็นอาวุธทางทหารได้สำเร็จ เส้นเอียงของก้นบนใบมีดอาจแตกต่างกันและสิ่งนี้ยังพูดถึงความจริงที่ว่ามีดเหล่านี้เป็นสากล และอีกอย่างหนึ่ง สำหรับฉันแล้วมีดโต๊ะที่ตกแต่งแล้วดูเหมือนว่าไม่เหมาะกับวิถีชีวิตในมาตุภูมิโบราณ เป็นไปได้มากว่ามีดดังกล่าวเป็นมีดล่าสัตว์
รูปที่ 5
รูปที่ 6
รูปภาพที่ 7
ประเภทที่ 3 ตามการจัดประเภทของปริญญาตรี Kolchina กำลังทำงานมีดของ "ช่างไม้" มีลักษณะเป็นใบมีดโค้งลงชวนให้นึกถึงดาบสั้น (ภาพที่ 5) Kolchin เขียนว่าพวกเขามีลักษณะคล้ายกับมีดทำสวนสมัยใหม่ แต่สำหรับฉันแล้วความคล้ายคลึงกันนั้นดูลึกซึ้ง (รูปภาพ 6) มีดทำสวนยังคงมีจุดประสงค์เพื่อตัดหน่อไม้แบบกากบาทเป็นหลัก ไม่ใช่สำหรับไสตามลายไม้ และงานของมีด "ช่างไม้" คือการวางแผนเนื่องจากมีเลื่อยไม้ซึ่งพบกันอย่างแพร่หลายในการค้นพบทางโบราณคดีสำหรับการตัด ค่อนข้างเป็นไปได้ว่านี่เป็นเพียงมีดอรรถประโยชน์อีกประเภทหนึ่งที่มีรูปร่างที่มีลักษณะเป็นใบมีดตรงและสันโค้งลง และ "รูปร่างเคียว" ที่เด่นชัดของคมตัดนั้นอธิบายได้ในกรณีนี้เพียงแค่คุณภาพของ ใบมีด ฉันแสดงมีดรูปดาบให้ช่างไม้ดู พวกเขาเชื่อว่าการไสไม้นั้นไม่สะดวกสำหรับพวกเขาอย่างยิ่ง สำหรับการไสสิ่งที่เรียกว่า "วงกบ" นั้นเหมาะสมกว่ามาก - มีดที่ใบมีดหันไปทางด้ามจับที่สี่สิบห้าองศาและมีการลับด้านเดียว (รูปภาพ 7) (เพื่อตรวจสอบความเหมาะสมในการใช้งานของมีดด้วยใบมีดตรงและมีดดาบเป็นการส่วนตัวฉันได้ทำตัวอย่างที่แตกต่างกันหลายตัวอย่าง การไสไม้ด้วยใบมีดโค้งลงกลับกลายเป็นว่าไม่สะดวกอย่างยิ่ง ในทางกลับกันมันฝรั่ง "ปอกเปลือก" ด้วยมีดที่มีใบมีดตรงกลายเป็นเรื่องง่ายมาก (ภาพที่ 8) แน่นอนว่าในสมัยนั้นไม่มีมันฝรั่งในมาตุภูมิ แต่เช่น หัวผักกาด เป็นส่วนเสริมของโจ๊กซึ่งเป็นอาหารหลักของ ชาวสลาฟ ในสมัยนั้นผักอาจถูก "ปอกเปลือก" ในลักษณะเดียวกับตอนนี้ ดังนั้นฉันเชื่อว่าคุณสมบัติหลักของมีดทำครัวล้วนๆคือใบมีดตรงและด้วยเหตุนี้เส้นก้นซึ่ง ลดลงไปทางปลายสร้างภาพลวงตาของรูปทรงเคียวซึ่งในความคิดของฉันทำให้ B.A. Kolchin เข้าใจผิดในการจำแนกประเภทของเขา เส้นของใบมีดมีแนวโน้มที่จะยืดออก และเมื่อลับใหม่หลายครั้งก็จะเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
รูปภาพที่ 8
รูปภาพที่ 9
ประเภทที่สี่ในการจำแนกประเภทนี้คือมีด "ตัดกระดูก" ที่ใช้งานได้ Kolchin กล่าวถึงพวกเขา แต่น่าเสียดายที่ไม่มีภาพวาดในผลงานของเขา พูดตามตรง ฉันพบว่ามันยากที่จะจินตนาการว่าตัวอย่างใดจากวัสดุทางโบราณคดีที่พบที่นักวิทยาศาสตร์จัดว่าเป็นของกลุ่มนี้
รูปที่ 10
รูปที่ 11
ประเภทที่ห้าถัดไปคือมีด "รองเท้า" ที่ใช้งานได้ พวกมันมีใบมีดขนาดใหญ่ กว้าง และสั้น ปลายโค้งมนเรียบ (ภาพที่ 10) ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องโต้แย้งเรื่องการนัดหมาย มีดเหล่านี้พบได้ในเวิร์คช็อปของช่างทำรองเท้า
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มมีดสำหรับทำงานกับหนังด้วย พวกเขาแตกต่างจากมีด "รองเท้า" ที่กล่าวถึงข้างต้นด้วยรูปทรงปลายแหลม สิ่งเหล่านี้เรียกว่ามีด "บด" มีไว้สำหรับการตัดผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง มีดเหล่านี้ทำจากโลหะทั้งหมดและมีที่วางนิ้วหัวแม่มืออยู่ที่ปลายด้ามจับ (ภาพที่ 11) (จุดหยุดนี้อยู่ในรูปของ "เพนนี" ที่ตรึงไว้ซึ่งโค้งงอไปทางใบมีดเป็นมุมฉากกับด้ามจับ) ด้วยการกดมีดในแนวตั้งจากบนลงล่าง ทำให้สามารถตัดรูปร่างใดๆ ก็ตามจากแผ่นหนังที่วางอยู่บนกระดานได้
รูปที่ 12
ประเภทที่หกตาม B.A. Kolchin มีด "ผ่าตัด" นักวิทยาศาสตร์สรุปข้อสรุปนี้โดยอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่าหนึ่งในมีดที่พบนั้นทำจากโลหะทั้งหมดนั่นคือด้ามจับโลหะถูกปลอมแปลงพร้อมกับใบมีด (แต่ต่างจากมีด "บด" ที่เป็นโลหะทั้งหมดของช่างทำรองเท้า มีด "ผ่าตัด" มีขนาดใหญ่กว่าและไม่เน้นที่ด้ามจับ) คล้ายกับมีดผ่าตัดมาก ตามที่ Kolchin กล่าว มีดนี้มีไว้สำหรับการตัดแขนขา (รูปภาพที่ 12)
ประเภทที่เจ็ดคือมีด "งานเล็ก" ถูกใช้เป็นเครื่องมือพิเศษสำหรับงานฝีมือต่างๆ ความยาวของใบมีดคือ 30-40 มม. แต่สิ่งเหล่านี้อาจเป็นมีดสำหรับเด็กหรือแค่ฟันซี่เล็ก ๆ
ประเภทที่แปดเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสับสนกับสิ่งใดได้ "มีดต่อสู้" สิ่งนี้เห็นได้จากทั้งรูปร่างของใบมีดและความจริงที่ว่าพวกมันพบเห็นได้บ่อยในกองศพของนักรบ มีดเหล่านี้มีใบมีดยาวและมีหนามขนาดใหญ่ ตามกฎแล้วด้ามจับก็มีขนาดใหญ่เช่นกันและมีด้ามจับที่ยาว ปลายใบมีดต่อสู้ขนาด 20-40 มม. มีการลับแบบสองคมซึ่งทำให้ง่ายต่อการเจาะทะลุ มีดต่อสู้มักจะสวมไว้ด้านหลังรองเท้าบู๊ต ซึ่งเป็นเหตุให้มีดเหล่านี้ถูกเรียกว่า "ช่างทำรองเท้า" ใน "The Tale of Igor's Campaign" (ศตวรรษที่ 12) เป็น "ช่างทำรองเท้า" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญของชาวสลาฟ
รูปที่ 13
“คนเหล่านี้เป็นปีศาจแห่งโล่และช่างทำรองเท้า
ด้วยการคลิกผู้ถอนเงินจะชนะ
จงส่งเสียงถึงเกียรติคุณปู่ทวดของคุณ”
“ พวก (ชาวสลาฟ) ที่ไม่มีเกราะพร้อมมีดบูตพิชิตทหารด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวและดังก้องไปด้วยความรุ่งโรจน์ของปู่ทวด” (แปลโดย D.S. Likhachev)
รูปที่ 14
กลุ่มพิเศษประกอบด้วยมีดที่โคลชินเรียกว่า "การพับ" นี่อาจไม่ใช่คำจำกัดความที่ถูกต้องทั้งหมด ใบมีดของพวกเขาไม่ได้ถูกถอดออก แต่ถูกแทนที่ด้วย "ด้วยการขยับมือเล็กน้อย" เพราะส่วนนี้ของมีดเป็นแบบสองด้าน ใบมีดสองด้านนี้มีรูตรงกลางซึ่งมีหมุดตามขวางติดอยู่ โดยมีด้ามจับกระดูกติดอยู่ มีการตัดตามยาวที่ด้ามจับโดยที่ใบมีดอันใดอันหนึ่งซ่อนอยู่ (รูปภาพ 14)
ทั้งสองด้านของรูสำหรับหมุดในใบมีดมีช่องเจาะสำหรับยึดมีดในตำแหน่งทำงานตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ช่องเจาะนี้มีหมุดขวางตัวที่สองติดอยู่ที่ด้ามจับ ดังนั้นจึงป้องกันไม่ให้ใบมีดสองด้านหมุนต่อไป ใบมีดหมุนได้ 180 องศาเมื่อเทียบกับด้ามจับ และใบมีดใช้งาน 1 ใน 2 อันปรากฏอยู่ด้านนอก ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของ ครึ่งหนึ่งของใบมีดสองด้านมีสันตรงและโค้งมนขึ้นจนถึงปลายใบมีด ซึ่งอาจจำเป็นสำหรับการทำงานกับหนังหรืออาจใช้สำหรับถลกหนังและสับเนื้อ ส่วนที่สองของใบมีดสองด้านมีก้นลงและมีใบมีดโค้งมนน้อยกว่า การตัดบางสิ่งด้วยใบมีดนี้อาจสะดวกกว่า และส่วนปลายด้านนี้คมกว่า - เจาะได้สะดวกกว่า นี่คือมีดรัสเซียโบราณจาก “เจ้าหน้าที่ชาวสวิส”!
นี่คือวิธีที่ Kolchin จำแนกมีดรัสเซียโบราณ เขาไม่ได้สังเกตความแตกต่างในด้านรูปร่างของมีดในระดับภูมิภาค และอาจทำเช่นนี้เพื่อเน้นย้ำถึงความเป็นเนื้อเดียวกันทางวัฒนธรรมของ Ancient Rus ตามที่กำหนดโดยอุดมการณ์ของสหภาพโซเวียตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ฉันสงสัยว่าไม่มีความแตกต่างที่ชัดเจนไม่เพียงแต่ในดินแดนของ Ancient Rus เท่านั้น แต่ยังรวมถึงทุกที่ในยุโรปที่ซึ่งมีเพียงคนเท่านั้นที่ใช้มีด
รูปที่ 15
แต่เกี่ยวกับความแตกต่างของเวลา Kolchin ได้ตั้งข้อสังเกตที่น่าสนใจ แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการค้นพบของ Novgorod โดยเฉพาะก็ตาม ปรากฎว่ามีด Novgorod ชนิดแรกสุด (ศตวรรษที่ X-XI) มีใบมีดแคบและไม่นานมาก (รูปภาพ 15) ความกว้างใบมีดไม่เกิน 14 มม. มีดมีส่วนตัดเป็นรูปลิ่มเด่นชัดเนื่องจากมีสันค่อนข้างหนา อัตราส่วนความกว้างของใบมีดต่อความหนาของก้นคือ 3:1 รูปร่างของก้นของมีดเหล่านี้ตรงหรือที่ปลายใบมีดจะโค้งมนลงเล็กน้อย ความยาวใบมีดของมีดส่วนใหญ่ไม่เกิน 70-80 มม. บางครั้งก็มีมีดขนาดเล็กที่มีใบมีดยาวประมาณ 40 มม. หรือในทางกลับกันก็มีมีดขนาดใหญ่ที่มีใบมีดยาวถึง 120 มม. มีดรูปแบบนี้ตามความเห็นของ Kolchin มีลักษณะเฉพาะและเป็นเอกลักษณ์สำหรับศตวรรษที่ 10-11 และต้นศตวรรษที่ 12 ในตอนต้นของศตวรรษที่ 12 มีดโนฟโกรอดเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงที่คมชัด มันจะกว้างขึ้นและบางลงมาก และแม้ว่าความยาวของใบมีดจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าก็ตาม ความกว้างใบมีดของมีดเหล่านี้อยู่ที่ 18-20 มม. สันมีดมักจะตรง ในศตวรรษที่ 13 ใบมีดของโนฟโกรอดบางลง กว้างขึ้น และยาวขึ้น
ตามที่ B A Kolchin กล่าวไว้ วิวัฒนาการของมีดรัสเซียโบราณ (โดยใช้ตัวอย่างที่ Novgod ค้นพบ) เกิดขึ้นในทิศทางนี้ จากมีดโบราณที่มีใบมีดแคบเล็ก ๆ แต่สันใหญ่มาก ไปจนถึงใบมีดที่ใหญ่ขึ้นและกว้างขึ้นโดยความกว้างของสันลดลง และถึงแม้ว่าการพึ่งพาเวลาดังกล่าวจะถูกสร้างขึ้นในระบบที่สอดคล้องกัน แต่ฉันก็ยังกล้าที่จะท้าทายข้อสรุปของมิเตอร์ในเรื่องนี้ แต่ฉันจะพยายามทำสิ่งนี้ในภายหลังเมื่อเราได้ทำความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีการตีเหล็กของรัสเซียโบราณ ถ้าอย่างนั้นฉันในฐานะช่างตีเหล็กก็จะมีสิทธิ์ทำเช่นนี้
ซึ่งแตกต่างจาก Novgorod ทางใต้ของ Rus ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของรูปร่างของใบมีดที่เด่นชัดเช่นนี้ มีดที่นี่ดูเหมือนกันมาหลายศตวรรษไม่มากก็น้อย บางทีตัวอย่างที่เก่าที่สุดอาจสั้นกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่เหมาะกับระบบใดๆ เลย บางทีนี่อาจเป็นเพราะการประหยัดโลหะ มีดของภูมิภาค Dnieper โบราณนั้นใกล้เคียงกับความเข้าใจสมัยใหม่ว่ามีดสากลควรเป็นอย่างไร
เกี่ยวกับวิธีการติดที่จับนั้นควรสังเกตว่าตามกฎแล้วจะติดตั้งบนก้านที่วาดไว้บนลิ่มเช่นเดียวกับในไฟล์ปกติ ด้ามจับมักมีรูปร่างเรียบง่าย เป็นรูปวงรีในหน้าตัด รูสำหรับด้ามถูกเผาด้วยเหล็กแหลมที่เผาจนเป็นสีแดง ไม่มีการฝึกซ้อมสำหรับคุณ ทุกอย่างอยู่ที่นั่นที่โรงตีเหล็ก ใกล้โรงตีเหล็ก หากคุณตัดฟันปลา (“สร้อย”) บนด้ามด้วยสิ่ว คุณจะได้รับอุปกรณ์ยึดที่เชื่อถือได้มาก มีความแข็งแรงเทียบเท่ากับที่ใช้อีพอกซีเรซิน นอกจากนี้ไม้ที่ถูกเผายังต้านทานความชื้นได้ดี วิธีการประกอบนี้ใช้กับมีดรัสเซียโบราณเกือบทั้งหมด โดยไม่คำนึงถึงเวลาหรือสถานที่ผลิต ในบางครั้ง มีการใช้ชุดมือจับ โดยยึดไม้หรือกระดูก (แก้ม) เข้ากับก้านแบน ฉันไม่เคยเห็นการกล่าวถึงการติดตั้งที่จับบนก้านเลย เมื่อมันยาวจนสุดความยาวแล้วและตอกหมุดที่ปลายเข้ากับแหวนรองโลหะ
เทคโนโลยี
น่าแปลกใจมากที่เมื่อคุณหยุดคาดเดา และไปที่โรงตีเหล็กแล้วเริ่มตีมีดด้วยมือของคุณเอง ในภาษาวิทยาศาสตร์ วิธีการนี้เรียกว่า “โบราณคดีเชิงทดลอง” แต่ที่นี่อาจมีอันตรายเนื่องจากการตีขึ้นรูปสมัยใหม่ด้วยค้อนลมและการตีขึ้นรูปที่ใช้ถ่านหินหรือก๊าซนั้นไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง การสร้างเทคโนโลยีการผลิตใบมีดโบราณขึ้นมาใหม่โดยใช้เครื่องมือและวัสดุที่ทันสมัย ก็เหมือนกับการไปยิมศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมพร้อมกับปืนไรเฟิลจู่โจม Kalashnikov สิ่งเหล่านี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงซึ่งเข้ากันไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ครั้งหนึ่งฉันละทิ้ง "ผลประโยชน์" ของอารยธรรมอย่างมีสติและเริ่มทำงานในสภาพเดียวกับช่างตีเหล็กในสมัยโบราณ ฉันจะไม่ปิดบังว่าแนวทางนี้ต้องใช้ความพยายามและเวลาซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเรา แต่รางวัลคือประสบการณ์ภาคปฏิบัติอันล้ำค่าซึ่งฉันยินดีบริจาคให้กับคลังความรู้ทั่วไป ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่พร้อมจะร่วมกันอนุรักษ์มรดกทางประวัติศาสตร์
เทคโนโลยีที่เรียบง่าย
ก่อนที่คุณจะเริ่มนำเสนอเนื้อหา คุณควรทำความคุ้นเคยกับแนวคิดพื้นฐานก่อน มีดทั้งหมดสามารถแบ่งออกเป็น "เชื่อม" และ "ปลอมแปลงแข็ง" เริ่มจากง่ายไปสู่ซับซ้อน เรามาเริ่มด้วยมีด "ปลอมแปลงแข็ง" กันก่อน สิ่งที่ง่ายที่สุดคืออะไร? สิ่งที่ง่ายที่สุดคือการหยิบเหล็กชิ้นหนึ่งที่ได้รับจาก domnitsa ของรัสเซียโบราณแล้วใช้ค้อนให้มีรูปร่างที่แน่นอนแล้วจึงปลอมมีด ก่อนหน้านี้ก็ทำอย่างนี้ ในกรณีนี้ไม่มีการบำบัดความร้อนจะทำอะไรได้เลย อาจทำการขัดผิวด้วยความเย็นเพื่อปิดผนึกโลหะ (เช่น การถักเปีย) มีดดังกล่าว "อ่อน" พวกมันบดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังตัดได้ดังนั้นจึงมีจำนวนมาก
domnitsa ของรัสเซียแบบเก่านั้นเป็นหลุมที่มีหัวฉีดอยู่ที่ด้านล่างเพื่อจ่ายอากาศเข้าไป กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันเป็นการหลอมที่ลึกมาก หลุมสามารถยกขึ้นเหนือพื้นผิวได้โดยการสร้างกำแพง จากนั้นจึงได้เพลามา ถ่านและแร่เหล็กบึงถูกบรรจุลงใน "หลุม" นี้เป็นชั้น ๆ (รูปที่ 16) แร่เป็นสารประกอบของเหล็กและออกซิเจน ถ่านมีคาร์บอนเกือบ 100% เมื่อถ่านหินไหม้ คาร์บอนจะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแร่ ในกรณีนี้ ออกซิเจนจะรวมตัวกับคาร์บอน เกิดเป็นก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ และถูกกำจัดออกจากเหล็ก (นี่คือกระบวนการที่เรียกว่ากระบวนการรีดิวซ์ ซึ่งรู้จักในหลักสูตรเคมีของโรงเรียน) จุดสำคัญมาก: เหล็กไม่ละลาย (!) เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นที่อุณหภูมิประมาณ 1,000 องศาและจุดหลอมเหลวของเหล็กอยู่ที่ 1,539 องศา ในเวลาเดียวกัน มีเพียงเศษหินเท่านั้นที่ละลายซึ่งก่อตัวเป็นตะกรันสะสมที่ด้านล่างของเหมือง ตัวเหล็กเองนั้นมีลักษณะเป็นรูพรุนและไม่มีรูปร่าง จึงถูกเรียกว่าเป็นรูพรุน หลังจากการบูรณะในเตาถลุงเหล็ก จำเป็นต้องปลอมแปลงหลายครั้งเพื่อ "บีบ" ตะกรัน ซึ่งในตอนแรกจะไหลเหมือน "น้ำมะนาวคั้น" มีเพียงน้ำผลไม้เท่านั้นที่มีความร้อนสีขาว งานอันตรายแต่สวยงาม โดยวิธีการในสมัยโบราณตะกรันนี้เรียกว่า "น้ำผลไม้" พวกเขากล่าวว่า “เหล็กได้ปล่อยน้ำออกมาแล้ว”
ขั้นตอนต่อไปในการเพิ่มความซับซ้อนของเทคโนโลยีและปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์คือการตีมีดจากชิ้นเหล็ก ภายใต้เงื่อนไขบางประการ ใน domnitsa ของรัสเซียโบราณ ไม่เพียงแต่จะได้รับเหล็ก "คุณภาพสูง" เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัสดุที่มีปริมาณคาร์บอนเล็กน้อยมาก (ประมาณ 0.5%) นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเหล็กดิบ แน่นอนว่าวัสดุนั้นปานกลางมาก แต่ถึงกระนั้นถ้าคุณให้ความร้อนแล้วจุ่มลงในน้ำก็จะค่อนข้างยากขึ้น สิ่งนี้เกิดขึ้นเนื่องจากอุณหภูมิในเตาถลุงเหล็กเพิ่มขึ้นและสัดส่วนของถ่านหินต่อแร่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย คาร์บอนส่วนเกินไม่ได้รวมเข้ากับออกซิเจนของแร่ แต่ผ่านเข้าไปในเหล็กรีดิวซ์ ผลลัพธ์ที่ได้คือเหล็กกล้าเกรดต่ำ
ทุกวันนี้ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำ โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขาเอาเหล็กมาตีมีดออกมา ใช้เฉพาะเหล็กแข็งคุณภาพสูงเท่านั้น ก่อนหน้านี้สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริงยกเว้นมีดหรือคัตเตอร์ขนาดเล็กซึ่งไม่มีประโยชน์ในการเชื่อมเนื่องจากมีขนาดเล็ก อย่างที่ผมบอกไปแล้ว มีเหล็กน้อยมากและก็รอดมาได้
ในเตาถลุงเหล็กสมัยใหม่ กระบวนการนี้ไปไกลกว่านั้น และเหล็กรีดิวซ์จะถูกคาร์บูไรซ์จนกลายเป็นเหล็กหล่อ จุดหลอมเหลวของมันต่ำกว่าเหล็กมาก ดังนั้นจึงถูกปล่อยออกจากเตาหลอมเหล็กในรูปของเหลว หลังจากนั้นคาร์บอนส่วนเกินจะถูก "เผาไหม้" ด้วยความช่วยเหลือของออกซิเจน (ที่เรียกว่ากระบวนการเปิดเตาหรือ Bessemer) ดังนั้นจึงได้วัสดุที่มีปริมาณคาร์บอนตามที่ต้องการ อย่างที่คุณเห็นทุกอย่างมันตรงกันข้าม!
และถ้าไม่มีเหล็กก็มีแต่เหล็กที่แข็งแรงแล้วต้องทำมีดแข็งเหรอ? ไม่มีทางออกไปได้จริงเหรอ? ปรากฎว่ามี!
ช่างตีเหล็กอาจสังเกตเห็นว่าในสมัยโบราณหากวัตถุเหล็กอ่อนที่ถูกทำให้ร้อนจนแดง แล้วทิ้งไว้ในถ่านที่ลุกเป็นไฟอยู่ระยะหนึ่งแล้วจุ่มลงไปในน้ำ มันจะแข็ง ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น?
รูปที่ 17 ใบมีดซีเมนต์
หากคุณถามช่างตีเหล็กโบราณเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาคงจะพูดถึงเวทมนตร์และเวทมนตร์ที่เกิดขึ้นในโรงตีเหล็ก (ฉันก็ยึดถือมุมมองนี้เช่นกัน) แต่นักวิทยาศาสตร์อธิบายทุกอย่างให้เราฟังและทำลายเทพนิยาย ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากคาร์บอนจากถ่านหินผ่านเข้าสู่ชั้นผิวของเหล็ก ดังนั้นจึงได้เหล็ก กระบวนการนี้เรียกว่าการประสาน นี่เป็นวิธีการทำวัตถุเหล็กที่เก่าแก่และง่ายที่สุด การควบคุมกระบวนการด้วยเทคโนโลยีนี้เป็นเรื่องยากมาก เนื่องจากอุณหภูมิในโรงตีเหล็กอาจผันผวนและอาจลดลงต่ำกว่าระดับเมื่อเกิดการเปลี่ยนคาร์บอนเป็นเหล็ก และหากคุณเริ่มพองลมอย่างรุนแรง กระบวนการย้อนกลับจะเริ่มขึ้น - ออกซิเจนส่วนเกินจะเริ่ม "เผาผลาญ" คาร์บอนออกจากโลหะ โดยทั่วไปจะเป็นดังนี้: “มันยาก แต่ก็เป็นไปได้” และในขณะเดียวกันก็ไม่มีความรู้ทางเทคนิคพิเศษใดๆ (รูปที่ 17)
การปรับปรุงเพิ่มเติมสำหรับกระบวนการ "มหัศจรรย์" นี้คือสิ่งของที่กลายเป็นเหล็กจะถูกแยกออกจากสภาพแวดล้อมที่ผันผวนของโรงตีเหล็กโดยใส่ไว้ในภาชนะ เช่น หม้อที่เต็มไปด้วยถ่านหิน หรือจะห่อด้วยหนังแล้วเคลือบด้วยดินเหนียวก็ได้ เมื่อถูกความร้อน ผิวจะกลายเป็นถ่านหิน ซึ่งก็คือ คาร์บอน ตอนนี้เป่าได้มากเท่าที่คุณต้องการ แต่ไม่มีอากาศเข้าไปในภาชนะ และคุณสามารถ "ตาม" อุณหภูมิได้พอสมควร และที่อุณหภูมิสูงกระบวนการจะเร็วขึ้นและความเข้มข้นของคาร์บอนอาจเพิ่มขึ้น!
เทคโนโลยีการเชื่อม
ต่อไปเรามาดูมีดแบบ "เชื่อม" กัน ใบมีดเชื่อมประกอบด้วยเหล็กและเหล็กกล้าหลายชิ้นที่หลอมเชื่อมเป็นชิ้นเดียว การเชื่อมฟอร์จคืออะไร? นี่คือตอนที่โลหะได้รับความร้อนตามที่อาจารย์ของฉันกล่าวไว้ว่า "จนหมูร้องเสียงแหลม" (นั่นคือร้อนขาว) จนดูเหมือนกำลังจะไหม้ หากคุณนำชิ้นส่วนสองชิ้นมาอุ่นด้วยวิธีนี้แล้วทุบด้วยค้อน ทั้งสองชิ้นก็จะเชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียว เพื่อไม่ให้มองเห็นตะเข็บหากคุณทำการปลอมแปลงอย่างดี ปาฏิหาริย์และนั่นคือทั้งหมด! มีสองชิ้นตอนนี้มีหนึ่งชิ้น เทคโนโลยีการเชื่อมสามารถใช้วัสดุที่มีคุณสมบัติต่างกันได้ เช่น เหล็กและเหล็ก เป้าหมายหลักที่ดำเนินการมีดังต่อไปนี้:
1. การออม ในความคิดของฉัน นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุดว่าทำไมจึงใช้เทคโนโลยีนี้ ก่อนหน้านี้เหล็กทำจากเหล็กโดยการซีเมนต์ มันเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานซึ่งต้องใช้แรงงานและวัสดุจำนวนหนึ่ง และเหล็กก็มีราคาแพงกว่าเหล็กมาก ดังนั้นจึงประกอบมีดจากหลายชิ้นที่มีคุณภาพแตกต่างกัน
2. เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของใบมีด เหล็กที่ดีถึงแม้จะแข็งแต่ก็เปราะในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมัยโบราณ เมื่อโลหะที่ได้นั้นสกปรก (มักจะมีตะกรันซึ่งทำให้คุณภาพของเหล็กเสื่อมลง) และไม่มีสารเจือปนผสมต่างๆ แต่เหล็กเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม: งอไปในทิศทางใดก็ได้แล้วคุณจะไม่พัง หากคุณทำมีดจากโลหะเพียงชิ้นเดียวมันจะออกมาไม่ดี วิธีแก้ไขคือการรวมโลหะที่มีคุณสมบัติต่างกันเข้าด้วยกัน
3.เพื่อความสวยงาม แน่นอนว่านี่คือดามัสกัสซึ่งเป็นที่รักของทุกคน มีการสนทนาพิเศษเกี่ยวกับเหล็กดามัสกัส แต่ฉันจะ จำกัด ตัวเองเพียงระบุความจริงที่ว่าจุดประสงค์หลักของดามัสกัสคือการตกแต่งและประการที่สองเท่านั้น - เพื่อความแข็งแกร่งของใบมีด แต่ไม่ใช่เพื่อความแข็งอย่างแน่นอน
เทคโนโลยีการเชื่อมที่ใช้ในการผลิตมีดรัสเซียโบราณ (อย่างไรก็ตามมีการใช้เทคโนโลยีเดียวกันทั่วโลกดังนั้นคุณจะไม่ได้ยินอะไรใหม่ที่นี่) สามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มต่อไปนี้
มีดโบราณ
379. กริช อียิปต์โบราณ ประมาณศตวรรษที่ 2 พ.ศ จ.
380. กริชสีบรอนซ์ อียิปต์โบราณ
381. กริชสีบรอนซ์โอ้ ครีต ศตวรรษที่ 15 พ.ศ จ.
382 กริชสำริด ยุโรปกลาง ศตวรรษที่ 6 พ.ศ จ.
383. อคินาค เนื้อทองแดง ศตวรรษที่ 6 พ.ศ จ.
384. อคินาค เนื้อทองแดง ศตวรรษที่ 6 พ.ศ จ.
385. Pugio กริชโรมัน ศตวรรษที่ 1 n. จ.
อาวุธมีดชนิดแรกที่ปรากฏในสมัยโบราณคือมีดต่อสู้หรือมีดสั้น ต่อจากนั้นด้วยการปรับปรุงเทคโนโลยีการตีขึ้นรูปขนาดของใบมีดก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นและกริชก็กลายเป็นดาบซึ่งทำให้สามารถส่งไม่เพียง แต่การเจาะและการตัดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสับอีกด้วย
ในสมัยโบราณ มีดต่อสู้น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากมีดที่ใช้ในครัวเรือน และในบางกรณีก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือสากลได้ นอกจากนี้ มีดต่อสู้และมีดสั้นยังถูกใช้เป็นอาวุธเสริมสำหรับการต่อสู้ระยะใกล้
จากหนังสือความคิดของทหารเยอรมัน ผู้เขียน ซาเลสกี้ คอนสแตนติน อเล็กซานโดรวิช จากหนังสือสารานุกรมเล็กของอาวุธมีคม ผู้เขียน ยูกรินอฟ พาเวลขวานรบโบราณ การค้นพบกระบวนการขุดและการแปรรูปโลหะ - เริ่มแรกเป็นทองแดง ต่อมาเป็นทองแดงและเหล็ก - กลายเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาอารยธรรม ในเวลานี้เองที่มีการก่อตั้งรัฐแรกขึ้น องค์กรทหารก็ได้พัฒนา
จากหนังสือความลับทางการทหารแห่งศตวรรษที่ 20 ผู้เขียน โปรโคเพนโก อิกอร์ สตานิสลาโววิชหอกโบราณ ด้วยการค้นพบโลหะ อาวุธทหารได้ปรับปรุงคุณลักษณะอย่างมาก มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้ และทนทานมากขึ้น การปรับปรุงอาวุธเป็นแรงผลักดันให้เกิดการสร้างกองทัพอาชีพชุดแรกในสุเมเรียน อัสซีเรีย และอียิปต์โบราณ อาวุธหลัก
จากหนังสือสารานุกรมกองกำลังพิเศษของโลก ผู้เขียน นอมอฟ ยูริ ยูริเยวิชมีดที่ไม่ใช่โลหะ มีดเป็นเครื่องมือและอาวุธ ปรากฏในยุคหิน ก่อนที่มนุษย์จะเชี่ยวชาญการแปรรูปโลหะมานาน มีดใช้วัสดุหลากหลายชนิด - หิน ไม้ กระดูก เขาสัตว์ มีดกระดูกและไม้อาจเป็นได้
จากหนังสือของผู้เขียนมีดของกองทัพบก ครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 มีดกองทัพสมัยใหม่สามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม - มีดประเภทสากลและมีดดาบปลายปืน มีดที่เป็นองค์ประกอบแยกต่างหากของอุปกรณ์ไม่ได้ให้บริการในทุกรัฐ กองทัพส่วนใหญ่ก็พอใจ
จากหนังสือของผู้เขียนมีดต่อสู้สมัยใหม่ ตามคำว่า "มีดต่อสู้" ในกรณีนี้เราจะเข้าใจอาวุธมีดสั้นที่มีไว้สำหรับการต่อสู้เป็นหลัก ผู้บริโภคหลักของมีดดังกล่าวซึ่งใช้งานตามวัตถุประสงค์คือกองกำลังพิเศษต่างๆ
จากหนังสือของผู้เขียนมีดแอฟริกัน ตัวอย่างอาวุธมีดสั้นของแอฟริกาส่วนใหญ่ (ยกเว้นแอฟริกาเหนือ) มีไว้สำหรับการต่อสู้และใช้ในครัวเรือน ลักษณะเฉพาะของกริชแอฟริกันจำนวนมากคือมีขนาดค่อนข้างใหญ่
จากหนังสือของผู้เขียนมีด Poke ในบรรดามีดต่อสู้หลากหลายประเภท เราสามารถแยกแยะกลุ่มที่แตกต่างจากการออกแบบอื่น ๆ ทั้งหมดได้: มีดเหล่านี้เรียกว่า "มีดโผล่" ความแตกต่างที่สำคัญคือด้ามจับซึ่งตั้งฉากกับใบมีด รับมือ
จากหนังสือของผู้เขียนมีดพับ 498 มีดพับมีตัวล็อคด้านหลังด้ามจับ ปี 1980 USA499 มีดพับประเภท “โบลิซอง” (“ผีเสื้อ”)500. มีดพับ USA501. มีดพับ USA502. มีดพับแบบปุ่มกด พร้อมใบมีดดีดออกด้านข้าง 503 มีดพับแบบปุ่มกด ทรงตรง
จากหนังสือของผู้เขียนมีดขว้าง มีดขว้างไม่เคยแพร่หลายมากเท่ากับธนู ลูกดอก หรือสลิง ผลกระทบของการขว้างมีดถูกจำกัดอย่างมากด้วยเหตุผลหลายประการ มีดขว้างไม่มีพลังงานจลน์เท่ากับลูกดอกหรือลูกศร
จากหนังสือของผู้เขียนบทที่ 16 ความสนใจของบริการข่าวกรอง: สิ่งประดิษฐ์โบราณและการพัฒนาล่าสุด เมืองใต้น้ำ ความคิดที่ว่าชาติที่แล้วอาจเดือดพล่านที่ก้นมหาสมุทรได้จริงๆ ในปัจจุบัน แม้แต่นักวิทยาศาสตร์เชิงวิชาการก็ไม่เสี่ยงที่จะปฏิเสธ สิ่งนี้ได้รับการยืนยันจากเมืองใต้น้ำทั้งหมดเมื่อเร็ว ๆ นี้
จากหนังสือของผู้เขียนCOMBAT KNIVES RUSSIAN FEDERATION SCOUT SHOOTING KNIFE NRS-2 มีดสอดแนมยิงเป็นอาวุธส่วนบุคคลในการโจมตีและป้องกันและได้รับการออกแบบมาเพื่อเอาชนะศัตรูในการต่อสู้ระยะประชิดด้วยทั้งใบมีดและอุปกรณ์ยิงในสภาวะที่ต้องการ
มีดประจำชาติที่ผิดปกติเป็นเรื่องปกติสำหรับประเทศเล็ก ๆ ที่อาศัยอยู่ในสภาพธรรมชาติที่เฉพาะเจาะจง ทั้งมีดแบบดั้งเดิมของชนเผ่าพื้นเมืองทางตอนเหนือ หินอูลู ที่ทำจากหินชนวน และมีดมาเลย์ ปารัง ซึ่งเหมาะสำหรับการตัดเส้นทางในป่า สอดคล้องกับคำอธิบายนี้ บรรพบุรุษชาวสลาฟของเราซึ่งอาศัยอยู่ในละติจูดกลางชอบพกมีดอเนกประสงค์ที่มีการออกแบบที่เรียบง่ายและมีขนาดกลางซึ่งสามารถใช้เป็นทั้งอาวุธและเป็นเครื่องมือในการทำงานได้ แล้วบรรพบุรุษที่อยู่ห่างไกลของเรา (และไม่ไกลนัก) ของเรามีมีดแบบไหน และเราใช้มีดแบบไหนในตอนนี้?
มีดของผู้ชาย
ชื่อของมันสอดคล้องกับแหล่งกำเนิด - หมู่บ้าน Kamchatka แห่ง Paren การออกแบบมีดปาเรนนั้นคล้ายคลึงกับผลิตภัณฑ์ทั่วไปในฟินแลนด์มาก ในปัจจุบันคำว่า "มีดพาเรนสกี้" หมายถึงมีดปลอมด้วยมือที่มีใบมีดที่ทำจากวัสดุคอมโพสิตต่างกัน - พวกเขากล่าวว่าด้วยมีดพาเรนสกี้มันเป็นไปได้ที่จะเอาขี้กบออกจากใบมีดของมีดโต๊ะธรรมดาด้วยซ้ำ ทุกวันนี้ หมู่บ้านพาเรนกลายเป็นหมู่บ้านห่างไกล และเทคโนโลยีในการทำมีดถือว่าสูญหายไป ดังนั้นมีดพาเรนแบบเดียวกันเหล่านั้นจึงยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนในรูปแบบของตำนานเท่านั้น มีดที่ผลิตในปัจจุบันภายใต้ชื่อนี้มีความคล้ายคลึงกับตำนานเหล่านี้เพียงเล็กน้อย"เชอร์รี่"
นอกจากนี้ยังเป็นมีดลาดตระเวนรุ่นปี 1943 หรือที่รู้จักในชื่อ HP-43 มีดเชอร์รี่มาแทนที่มีดกองทัพ HP-40 ซึ่งยังคงให้บริการในกองทัพของสหภาพโซเวียตและประเทศสนธิสัญญาวอร์ซอจนถึงยุค 60 ทำไมมีดเล่มนี้ถึงได้ชื่อ “เชอร์รี่”? ความจริงก็คือบนยามมีดมีเครื่องหมาย - ตัวอักษร "P" ซึ่งค่อนข้างคล้ายกับเบอร์รี่นี้ “เชอร์รี” ยังคงประจำการอยู่กับกองกำลังความมั่นคงของรัสเซีย แน่นอนว่านับจากวันผลิตในภายหลังมีดลูกเสือ
แม้ว่าในที่สุดอาวุธมีคมจะจางหายไปในเบื้องหลังในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่นี่ก็ไม่ได้เป็นการปฏิเสธความจริงที่ว่าทหารจำเป็นต้องมีมีดง่ายๆ ในคลังแสงของเขา แต่อาจฟังดูแปลก ก่อนที่สหภาพโซเวียตจะปฏิบัติการทางทหารต่อฟินแลนด์ กองทัพแดงไม่มีมีดพิเศษใดๆ ในประจำการ และหลังจากการรณรงค์ของฟินแลนด์สิ้นสุดลง เหตุการณ์สำคัญสำหรับทหารโซเวียตก็เกิดขึ้น - การปรากฏตัวของมีดสอดแนมของรุ่นปี 1940มีด "ช่างทำรองเท้า"
มีดบูตของรัสเซีย - ตามชื่อของมัน มันถูกซ่อนอยู่ด้านหลังส่วนบนของรองเท้าบู๊ต วิธีที่สะดวกในการขนย้ายเมื่อมือของคุณเต็ม และวิธีการป้องกันเพิ่มเติมในกรณีที่เกิดสถานการณ์อันตราย ช่างทำรองเท้ารายนี้ได้รับการกล่าวถึงใน “The Tale of Igor’s Campaign” ฉบับตีพิมพ์ซึ่งตีพิมพ์ในศตวรรษที่ 19มีดด้านล่าง
มีดต่อสู้หรือกริชที่มีใบมีดเหลี่ยมมุมยาวและแคบเรียกว่ามีดพอดไซดาชนีหรือพอดซาดาชนี ชื่อนี้ได้มาจากที่ที่สวมใส่ - ใต้ซาดัก (กล่องโบว์) ด้านข้างเข็มขัด ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่ามีดเหล่านี้มีรูปร่างอย่างไร - นักประวัติศาสตร์มีความเห็นว่ามีดต่อสู้ขนาดใหญ่ทั้งหมดถูกเรียกว่ามีดข้างโดยไม่เลือกปฏิบัติหากพวกเขาสวมบนเข็มขัดใต้ด้านข้างเครื่องตัดหญ้า
เครื่องตัดหญ้า บางครั้งเรียกว่า "ขวานของผู้หญิง" เป็นมีดอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่มีใบมีดกว้างและหนา โดยปกติจะทำจากเคียว (จึงเป็นที่มาของชื่อ) และเมื่อเคียวไม่ยอมหักจากเศษโลหะที่เข้ามาในมืออย่างดื้อรั้น ปลอดภัยที่จะเรียกเครื่องตัดหญ้าว่ามีดแมเชเทของรัสเซียได้อย่างปลอดภัย - มีดหยาบขนาดใหญ่นี้ใช้ในการตัดกิ่งไม้จากต้นไม้ที่โค่น เคลียร์หญ้าจากสนามหญ้า สับกระดูก และแม้กระทั่งขูดพื้นในบ้านมีดโบโกรอดสกี้
ชื่อของเครื่องมือแกะสลักนี้มาจากหมู่บ้าน Bogorodskoye ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการแกะสลักไม้แบบดั้งเดิมซึ่งมีสัญลักษณ์เป็นของเล่นที่รู้จักกันดี - "ช่างตีเหล็ก" ซึ่งเป็นภาพชายกับหมีที่ผลัดกันตีทั่งตีด้วยค้อนคุณเพียงแค่ ต้องดึงแถบที่เคลื่อนย้ายได้ มีด Bogorodsky มีใบมีดสั้นตรง ใช้ได้ผลดีทั้งงานแกะสลักหยาบและงานละเอียด ช่างแกะสลักมักทำเพื่อตนเอง ดังนั้นการออกแบบ รูปร่างของด้ามจับ และราคาของมีดดังกล่าวจึงอาจแตกต่างกันอย่างมากมีดล่าสัตว์ Samsonov
Yegor Samsonov เป็นช่างฝีมือ Tula ที่เจียมเนื้อเจียมตัว แต่มีดและมีดสั้นที่เขาทำนั้นถือเป็นมีดล่าสัตว์มาตรฐานของขุนนางรัสเซีย และถือเป็นรายการโปรดของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 หลังจากการเสียชีวิตของปรมาจารย์ในปี 2473 นักโลหะวิทยาผู้มีชื่อเสียงต้องดิ้นรนต่อสู้กับความลึกลับของความแข็งแกร่งของสิ่งที่เรียกว่า "มีดแซมซั่น" เป็นเวลานานซึ่งดูพูดน้อยและเป็นนักพรต แต่ก็ไม่เคยพบวิธีแก้ปัญหา ไม่ทราบจำนวนมีดที่แน่นอนที่ผลิตโดยการประชุมเชิงปฏิบัติการตามแหล่งที่มาบางแห่ง - 3356 ชิ้นฟินก้า
ในรัสเซียมีดที่มาหาเราจากฟินแลนด์นั้นถือเป็นอาวุธที่มีองค์ประกอบทางอาญามาเป็นเวลานานและถูกห้ามด้วยซ้ำจนถึงปี 1996 อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ที่แท้จริงของมันแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มีดฟินแลนด์เป็นมีดอเนกประสงค์ เหมาะสำหรับการหั่นเนื้อ ทำความสะอาดปลา และขาดไม่ได้ในการเดินป่าและสำหรับใช้ในครัวเรือน ใบมีดฟินแลนด์มีลักษณะเป็นใบมีดตรงสั้น ก้นเอียงเหมือนคลิปพอยต์หรือ "หอก" ในภาษารัสเซีย และด้ามจับมีดยาคุต
หากไม่มีมีดยาคุตแบบดั้งเดิม - บายคาคาการออกแบบที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมานานหลายศตวรรษไม่ใช่กิจกรรมทางเศรษฐกิจของชาวซาข่าเพียงแห่งเดียวที่สามารถทำได้ รูปร่างของมันเหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้ความอุตสาหะยาวนาน ทำให้สามารถทำงานได้โดยใช้พลังงานน้อยที่สุด โปรไฟล์ใบมีดไม่สมมาตร ด้านซ้ายนูนเล็กน้อย (หากคุณจับที่จับเข้าหาตัวคุณ) ของใบมีดจะถูกลับให้คม ซึ่งแตกต่างจากมีดอื่น ๆ ที่มีโปรไฟล์ไม่สมมาตร ซึ่งตามกฎแล้วจะถูกลับให้คมทางด้านขวา มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลสำหรับสิ่งนี้: ความนูนของใบมีดทำให้ง่ายต่อการแปรรูปไม้ การตัดเนื้อสัตว์และปลา (รวมถึงปลาแช่แข็ง) และการถลกหนังสัตว์ในบทความนี้คุณอาจพบข้อมูลทางประวัติศาสตร์ขั้นต่ำที่จำเป็นที่สุดเกี่ยวกับที่มาของสิ่งที่ยอดเยี่ยมและเรียบง่าย (อาจดูเหมือนได้อย่างรวดเร็วก่อน)
เราจะผ่านประวัติศาสตร์ของการปรากฏตัวของมีดเล่มแรกตามลำดับขั้นตอนสำคัญทั้งหมดในการพัฒนาทั้งใบมีดและมนุษยชาติโดยรวม ก่อนอื่น มาดู Wikipedia ที่เราชื่นชอบกันก่อน เธอให้คำจำกัดความว่ามีดคืออะไร?
มีดคืออะไรและคำจำกัดความ
“มีด” คือเครื่องมือตัด ส่วนที่ใช้งานคือใบมีด ซึ่งเป็นแถบที่ทำจากวัสดุแข็ง (มักเป็นโลหะ) โดยมีใบมีดอยู่ด้านใดด้านหนึ่งหรือมากกว่า การออกแบบส่วนใหญ่มักประกอบด้วยใบมีดและที่จับ
โดยทั่วไปอย่างที่เราเขียนไว้ตอนเริ่มต้นมันดูไม่ได้ยากขนาดนั้นใช่ไหม? ด้านหนึ่งใช่...
ในทางกลับกัน มนุษยชาติใช้มีดมาตั้งแต่สมัยยุคหินเก่า เช่น ตั้งแต่สมัย “ยุคหิน” จนถึงปัจจุบัน มีดยังคงมีความเกี่ยวข้องเช่นเคยและยิ่งไปกว่านั้นในโลกสมัยใหม่มีมีดประเภทประเภทและการใช้งานที่หลากหลายขนาดมหึมา
ในทางปฏิบัติ เรามีความจริงที่ว่ายิ่งมนุษยชาติได้รับความรู้และเทคโนโลยีมากขึ้นเท่าใด มีดที่หลากหลายก็ปรากฏขึ้นในโลกมากขึ้นเท่านั้น และทุกอย่างก็เริ่มต้นเช่นนี้...
มีดยุคหิน: มนุษย์ยุคหินและมีดแรกของพวกเขา
สันนิษฐานว่าเป็นหนึ่งในผู้ประดิษฐ์มีดกลุ่มแรกๆ และเขามีชีวิตอยู่เมื่อประมาณ 2.6 ล้านปีก่อน
มีดทำจากกระดูก หิน สะเก็ดหินเหล็กไฟ หรือแก้วภูเขาไฟในยุคหิน ผู้คนทำมีดจากกระดูก เขา และหิน แต่ส่วนใหญ่มักจะทำจากสะเก็ดหินเหล็กไฟหรือออบซิเดียน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วคือแก้วภูเขาไฟ พวกเขาทำให้มันง่ายมาก - พวกเขาเอาชิ้นใหญ่มาบดหรือแตกเป็นชิ้น ๆ เนื่องจากโครงสร้างของมัน ซิลิคอนจึงแตกเป็นชิ้น ๆ โดยมีขอบที่ค่อนข้างคมเมื่อแตกหัก
เห็นได้ชัดว่ามีดดังกล่าวไม่ได้แย่ในช่วงการพัฒนาแบบโบราณ พวกมันคมและไม่ทื่อมาเป็นเวลานาน พวกเขายังมีข้อเสียหลายประการในหิน แก้ว และเซรามิก:
ปัจจุบันนี้การหามีด “ในยุคหิน” ไม่ใช่เรื่องยาก ในกรณีนี้มีดทำจากเหล็กดามัสกัส
ตัวอย่างเช่น ในดินแดนของจีนสมัยใหม่ ซิลิคอนและออบซิเดียนนั้นหายากมากจนมีดไม้ไผ่แพร่หลาย แต่มีดกระดูกเป็นเรื่องธรรมดาในหมู่ผู้คนทางเหนือจนถึงศตวรรษที่ 19
ยุคสำริด: มีดสปาร์ตันและโรมัน
และนี่คือกองทหารของจักรวรรดิโรมันซึ่งมีมานานถึง 16 ศตวรรษ
ประมาณห้าพันปีก่อน ในที่สุดมนุษย์ก็เชี่ยวชาญการทำเหมืองและการแปรรูปโลหะ และเริ่มทำมีดจากทองแดงและทองแดง ที่จริงแล้ว สมัยโบราณทั้งหมดตั้งแต่สมัยชาวกรีกโบราณ (หรือที่รู้จักในชื่อชาวกรีกโบราณ) ไปจนถึงชาวโรมันโบราณและไบแซนเทียมคือชัยชนะของทองแดงและทองสัมฤทธิ์เหนือหิน
มีดในสมัยนั้นส่วนใหญ่มักจะหล่อแบบแข็งหลังจากการพัฒนาของทองแดงและทองแดง อาณาจักรได้ถูกสร้างขึ้น ซึ่งในแง่ของขอบเขตอาณาเขตและระยะเวลาของการดำรงอยู่ไม่เท่ากับทุกวันนี้ มีดในสมัยนั้นส่วนใหญ่แข็ง แต่มีดพับก็ถูกประดิษฐ์ขึ้นในจักรวรรดิโรมันเช่นกัน ซึ่งเป็นบรรพบุรุษอันห่างไกลของมีดอเนกประสงค์และมีดเดินป่าสมัยใหม่ของเรา
มีดพับ "กองทัพ" ของโรมัน ช้อน ส้อม สว่าน ไม้จิ้มฟัน และพระเจ้าทรงทราบสิ่งอื่นอีก คริสต์ศักราช II-III สวัสดีมีดสวิสจากจักรวรรดิโรมัน!
มีดสากลดังกล่าวเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับมื้ออาหารและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเดินขบวนที่ทหารทุกคนเป็นผู้นำ ทหารโรมันทุกคนจะพกมีดดังกล่าวติดตัวตลอดการรับราชการ และอาจใช้ที่บ้านในภายหลัง
โปรดทราบว่าใบมีดไม่ได้ทำจากทองแดง แต่เป็นเหล็ก เหล็กเป็นที่รู้จักอยู่แล้วในยุคสำริด แม้ว่าจะไม่ได้ใช้อย่างหนาแน่นเหมือนในศตวรรษต่อๆ มาก็ตาม ในเวลานั้น มีราคาแพงกว่ามากในแง่ของการสกัดและการแปรรูป แต่มันให้ความแข็งแกร่งและความทนทานมากกว่า และความคมของตัวดาบเอง
มีดยุคเหล็ก: ไวกิ้ง อัศวิน และซามูไร
ภาพนิ่งจากซีรีส์เรื่อง "Vikings" ซึ่งบอกเล่าเกี่ยวกับการแยกตัวในช่วงเวลานั้น และแสดงให้เราเห็นวัฒนธรรม ชีวิต พิธีกรรม และวิถีชีวิตของชาวไวกิ้ง
ไวกิ้ง (ชาวเหนือ โจรปล้นทะเล หายนะสำหรับพ่อค้าและผู้พิชิต "ความหายนะของพระเจ้า" ตามที่พวกเขาเรียกกันในยุโรป) อัศวิน ซามูไร และนินจา - พวกเขาทั้งหมดมีอยู่จริงใคร ๆ ก็พูดได้ในเวลาเดียวกัน แต่ ณ ปลายโลกที่แตกต่างกัน
ดามัสกัสของอินเดียและอาหรับ เหล็กสีแดงเข้มของรัสเซีย ตำนานเกี่ยวกับดาบที่มีชีวิต และตำนานเกี่ยวกับวีรบุรุษ - ทั้งหมดนี้คือยุคของเหล็กและเหล็กกล้า
ยุคเหล็กเป็นหนึ่งในยุคที่นองเลือดที่สุดในประวัติศาสตร์ ทั้งมีดและมนุษยชาตินอกเหนือจากเรื่องตลกแล้ว ช่วงเวลาเหล่านั้นค่อนข้างนองเลือด แม้ว่าแน่นอนว่าจะไม่นองเลือดเท่ายุคปัจจุบันของเราที่มีระเบิดนิวเคลียร์และเรือลาดตระเวนนิวเคลียร์ที่สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้ภายในหนึ่งนาที
แม้ว่าในยุคกลางความรู้เรื่องโบราณวัตถุส่วนใหญ่สูญหายไป แต่ความรู้บางส่วนก็ได้รับการยอมรับจากคนป่าเถื่อน เช่น อาวุธที่เกี่ยวข้องกับการแปรรูปเหล็ก ถ้าเราพูดถึงคุณภาพมันก็ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับสมัยโบราณ
ช่างตีเหล็กโดยเฉลี่ยในเวลานั้นมีแนวคิดว่าจะปลอมเกือกม้าหรือเคียวจากเหล็กอ่อนเพื่อเก็บเกี่ยวได้อย่างไร เหล็กดังกล่าวไม่เพียงแต่มีราคาแพง แต่ยังมีปัญหาร้ายแรงกับคุณภาพของเหล็กด้วย
มีดฟินแลนด์เป็นตัวแทนทั่วไปของมีดประเภทเหนือของสแกนดิเนเวีย พวกไวกิ้งก็มีบางอย่างที่คล้ายกัน
ความลับของอาวุธถูกส่งต่อให้กับนักเรียนเท่านั้นอาจารย์แต่ละคนมีความลับของตัวเองและส่งต่อให้เฉพาะลูกศิษย์ของเขาเท่านั้น การสร้างความแตกต่างที่ชัดเจนตามคุณภาพของผลิตภัณฑ์ยังเป็นอันตรายอีกด้วย หากมีดหรืออาวุธอื่น ๆ ของคุณดีกว่าช่างตีเหล็กคนอื่น ๆ อย่างมาก ปรมาจารย์คนนั้นอาจถูก "เชิญ" ให้เข้าร่วม Holy Inquisition เพื่อหารือเกี่ยวกับว่าคุณกำลังเล่นน้ำมนต์ดำอยู่หรือไม่ เพราะ... ด้วยเหตุผลบางประการ ช่างตีเหล็กผู้เกรงกลัวพระเจ้าคนอื่นๆ จึงไม่ผลิตสิ่งคุณภาพสูงเช่นนี้
อย่างที่คุณเข้าใจในเวลานั้นพวกเขาไม่เพียงเผาผู้หญิงและนักวิทยาศาสตร์ที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงช่างฝีมือที่ดีด้วย ดาบที่ดีอาจทำให้หลายหมู่บ้านต้องสูญเสียไปพร้อมกับผู้อยู่อาศัย ตำนานถูกสร้างขึ้นเกี่ยวกับดาบที่กอปรด้วยสติปัญญา คุณสมบัติเวทย์มนตร์ และตั้งชื่อของตัวเอง
หลังสงครามครูเสด สถานการณ์เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น อัศวินเมื่อไปเยือนมุสลิมตะวันออกก็สามารถเข้าถึงความรู้ที่ชาวอาหรับเก็บรักษาไว้และเพิ่มขึ้น (ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นอาณานิคมของโรมันและชาวโรมันก็เคารพความรู้เป็นอย่างมาก) ดังนั้นความรู้เรื่องสมัยโบราณจึงไม่สูญหายไปในสิ่งเหล่านี้ ประเทศ. ตะวันออกในสมัยนั้นก้าวหน้ามากในด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ การแพทย์ และอื่นๆ
อัศวินชาวยุโรป แหลมคมตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนรถถังในชุดเกราะเหล็ก และเลือดท่วมไปทั่วตะวันออก พวกเขายังได้รณรงค์ต่อต้านมาตุภูมิด้วย อย่างที่พวกเขาพูดกันทุกอย่างนั้นมีไว้เพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า แต่พวกเขาไม่ได้ทำให้ตัวเองขุ่นเคืองโดยนำสมบัติและสิ่งของมีค่าทั้งหมดที่พวกเขาสามารถยึดติดไปได้ตลอดทาง
ซามูไรญี่ปุ่นในอีกซีกโลกหนึ่งมีความโดดเด่นด้วยความโหดเหี้ยมและความกระหายเลือดอย่างรุนแรง และพิชิตทั้งเกาหลีและจีนซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากนี้เกาหลียังถูกโจมตีเพียงเพราะกำลังเดินทางไปจีน การไม่ปล้นและฆ่าเพื่อความเพลิดเพลินถือเป็นบาป
มีดทันโตะหรือมีดญี่ปุ่นเป็นมรดกตกทอดของซามูไรที่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
มีดยุคเหล็กมีความหลากหลายมาก ตั้งแต่รูปร่าง ความยาว และวัสดุ ในอินโดนีเซีย มีดโค้งที่มีใบมีดรูปเคียวซึ่งมีรูปร่างคล้ายกรงเล็บเสือปรากฏขึ้น - คารัมบิต เช่นเดียวกับมีดกริชที่มีชื่อเสียงที่มีใบมีดหยักในรูปแบบของลิ้นเปลวไฟ
มีดในมาตุภูมิเป็นคุณลักษณะของคนอิสระในประเทศรัสเซียและยุโรป มีดเป็นคุณลักษณะของคนอิสระ ทาสหรือชาวโปโลเนียนไม่มีสิทธิ์ที่จะมีมีดเป็นของตัวเอง
โดยทั่วไปแล้วมีดของชาวไวกิ้งและชาวเหนือจะทำด้วยด้ามไม้เพื่อให้เหล็กไม่ทำให้มือไหม้ในที่เย็นและไม่ลื่นไหลในเลือดเมื่อตัดเกมและปลา อย่าลืมมีดของนักล่าและชาวประมงชาวฟินแลนด์ มีดญี่ปุ่นที่ทำจากเหล็กสีน้ำเงิน ในที่สุดพวกเขาก็ก่อตัวขึ้นในยุคกลางในที่สุด!
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา: มีดโจรสลัดและการพิชิตทะเล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทหารเสือในยุโรป
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยามีลักษณะสำคัญหลายประการ:
- ในเวลานี้ วิทยาศาสตร์และศิลปะกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว โดยมีศูนย์อุตสาหกรรมแห่งแรกเกิดขึ้น โดยที่การแปรรูปโลหะไม่ใช่งานของบุคคลที่มีความสามารถ (ดังที่เคยเป็นมา) แต่เป็นงานของสมาคมหัตถกรรมและการค้าทั้งหมด อาวุธปืนกำลังผลักมีดไปด้านหลัง
- การประดิษฐ์อาวุธปืนทำให้ชุดเกราะและโล่มีน้ำหนักมากและมีราคาแพงจนถูกละทิ้งไปโดยสิ้นเชิง ผู้พิชิตชาวสเปนที่ถือหอกเป็นหนึ่งในกลุ่มสุดท้ายที่ใช้ชุดเกราะ ซึ่งเป็นมรดกชิ้นสุดท้ายของยุคกลาง กระสุนนั้นใช้ได้ดีกับอาวุธที่มีขอบ แต่ปืนคาบศิลาหนักซึ่งเข้ามาแทนที่อาร์คิวบัสลำกล้องเล็กก็เจาะทะลุได้
- ช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูคือช่วงเวลาแห่งความเชี่ยวชาญด้านโลหะโดยสมบูรณ์ มีดในยุคนี้มีความหลากหลายและโดดเด่นด้วยคุณภาพที่ยอดเยี่ยม
- การค้นพบอเมริกา การพัฒนาการค้าและการควบคุมอาณานิคมที่อ่อนแอทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นภราดรภาพแห่งท้องทะเล คณะกรรมการโจรสลัด!
ในการสู้รบ นักหอกชาวสเปนคอยคุ้มกันทหารเสือจากไรเดอร์ (ทหารม้าพร้อมปืนพก)
สเปนเป็นราชินีแห่งท้องทะเลอย่างไม่ต้องสงสัยในเวลานั้น ทหารราบของพวกเขาซึ่งเป็นทหารราบที่มีระเบียบวินัยและมีอำนาจมากที่สุดในสมัยนั้น มีประสิทธิภาพมากในการรบ ซึ่งท้ายที่สุดก็ล้มเหลวในสเปนเอง ประสิทธิภาพดังกล่าวทำให้การพัฒนาและการนำอาวุธปืนมาใช้ช้าลง ซึ่งทำให้อังกฤษ ฝรั่งเศส และดัตช์มีโอกาสก้าวไปข้างหน้า
อย่าลืมว่าชาวสเปนเป็นผู้ค้นพบและพิชิตอเมริกาด้วยหน้าไม้ ดาบกว้าง และหอก เชื่อกันว่าในสภาพอากาศร้อนชื้น อาวุธปืนไม่น่าเชื่อถือเกินไป
ตอนนี้เกี่ยวกับมีดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและการค้นพบทะเลโดยตรง
Spanish Navaja เป็นมีดพับคลาสสิกในยุคนั้น
ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างหนึ่งในเวลานี้คือ Spanish Navaja เธอเกิดในศตวรรษที่ 15 เมื่อเจ้าหน้าที่เนื่องจากอันตรายจากการจลาจลที่ได้รับความนิยมจึงห้ามมิให้สามัญชนมีอาวุธมีคมด้วยใบมีดคงที่ เฉพาะชนชั้นสูงและกองทัพเท่านั้นที่มีสิทธิ์สวมดาบและอาวุธอื่นๆ มีดของกะลาสีเรือมักถูกพับเพราะมีดประเภทนี้สามารถพกพาไปได้ทุกที่และใช้พื้นที่น้อย
ตัวอย่างของมีดสมัยใหม่ที่กลายเป็นคลาสสิกไปแล้ว
เมื่อการผลิตมีดแพร่หลาย มีตัวเลือกมากมายจนกลายเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ โฆษณา ภาพยนตร์ และสื่อมีความเกี่ยวพันกันอย่างมากในความพยายามที่จะตระหนักและสร้างรายได้จากการขายใบมีด ซึ่งผู้ซื้อทั่วไปซึ่งไม่มีความรู้มากนัก จะต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจความซับซ้อนมากมายของเทรนด์นี้
- คุณควรเลือกมีดพับหรือใบมีดคงที่?
- ใช้ใบมีดยี่ห้ออะไรครับ?
- ขนาดไหน?
- บริษัท ใดที่ผลิตมีดคุณภาพสูงและราคาไม่แพง?
- คุณควรคาดหวังค่าใช้จ่ายเท่าไร?
เราจะพยายามตอบคำถามเหล่านี้และคำถามอื่น ๆ ในบทความต่อ ๆ ไป สำหรับตอนนี้ฉันอยากจะให้คำแนะนำทั่วไปแต่สำคัญไม่น้อย สิ่งสำคัญที่คุณต้องทำในกรณีใด ๆ คือการเข้าใจ
- คุณต้องมีมีดเพื่อจุดประสงค์อะไรและคุณจะใช้มันในสภาวะใด?
- คุณคาดหวังมากแค่ไหน?
กำหนดคำตอบสำหรับคำถามที่ดูเหมือนง่าย ๆ เหล่านี้ให้กับตัวคุณเอง (มีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถตอบได้) และ 90% ของงานจะเสร็จสิ้นแล้ว
กรุณาเขียนในความคิดเห็นด้านล่าง - บทความนี้มีประโยชน์ไหม?คุณชอบอะไรและอะไรที่ยังไม่เปิดเผย? ถามคำถามเราจะพยายามช่วย
มีดเป็นหนึ่งในเครื่องมือใช้ในครัวเรือนที่สำคัญที่สุดของบรรพบุรุษของเรา ในศตวรรษที่ 10-11 ช่างฝีมือชาวรัสเซียประสบความสำเร็จในการเรียนรู้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนสำหรับใบมีดตีขึ้นรูปซึ่งได้รับการยืนยันจากการค้นพบทางโบราณคดีจำนวนมาก
สถานะพิเศษของมีด * บทบาทของมีดในชีวิตของชาวสลาฟนั้นยากที่จะประเมินค่าสูงไป มันติดตามผู้คนไปทุกที่: ถูกใช้โดยชายและหญิง ตัวแทนของกลุ่มสังคมและวิชาชีพทั้งหมด เป็นมีดที่มักพบบ่อยที่สุดระหว่างการขุดค้นทางโบราณคดีในเมืองรัสเซียโบราณ ดังนั้นในระหว่างการขุดค้นชั้นวัฒนธรรมใน Novgorod จึงพบหลายร้อยชั้น แผ่นโลหะที่ถูกสนิมกัดกร่อนนั้นดูคล้ายมีดเพียงเล็กน้อย แต่เป็นผลลัพธ์จากการศึกษาด้านโลหะวิทยา
ทำให้เป็นไปได้ไม่เพียงแต่เพื่อยืนยันวัตถุประสงค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกำหนดเทคโนโลยีการปลอมที่ใช้ในเวลานั้นด้วย
ผลการขุดค้นทางโบราณคดีในหลายภูมิภาคระบุว่ามีดเป็นอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นในการฝังศพของชาวสลาฟทั้งชายและหญิง มีดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเตาไฟถูกมอบให้โดยเจ้าบ่าวแก่เจ้าสาวในงานแต่งงาน ทั้งหมดนี้ยืนยันถึงความสำคัญของมีดในชีวิตของผู้คน
มีดรัสเซียโบราณที่สร้างขึ้นใหม่สมัยใหม่โดยเวิร์คช็อปของ V. Mikheev (Izhevsk) วัสดุใบมีด – เหล็ก 110х18МШД, วัสดุด้ามจับ – วอลนัทชุบน้ำมันลินสีด; ฝักขี่ทำจากหนังแท้
การมีส่วนร่วมของ NOVGOROD SMITHS
เป็นการเหมาะสมที่จะระลึกถึงวิธีการตีเหล็กและการดำเนินการทั้งหมดก่อนหน้านี้ในช่วงเวลาอันห่างไกลเหล่านั้น กระบวนการเปลี่ยนก้อนเหล็กสีน้ำตาลให้เป็นมีด ขวาน และดาบนั้นเต็มไปด้วยตำนานและตำนานตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย การค้นหากลุ่มแร่เหล็กไม่ใช่เรื่องง่าย ประการแรก พวกเขาแทงเสาเข้าไปในหนองบึงและตัดสินโชคด้วยเสียงเฉพาะ มีการทดสอบมวลที่ติดอยู่กับเสาบนลิ้น การมีรสเปรี้ยวยืนยันการค้นพบนี้ เมื่อฉีกตะไคร่น้ำออกแล้ว พวกเขาก็เอาชั้นที่มีแร่ออกแล้วใส่ลงในตะกร้าไหล่เพื่อย้ายไปยังที่แห้ง จากนั้นมวลซึ่งมีของเหลวที่เป็นสนิมไหลซึมถูกทำให้แห้งบดขยี้ร่อนเสริมสมรรถนะและบรรจุลงในเตาไฟด้วยถ่าน นี่คือวิธีที่เราได้รับกฤษฎา ช่างตีเหล็กตีเหล็กซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยบีบตะกรันออกจากมันและกระชับโครงสร้างภายใน ด้วยการทำให้เหล็กอิ่มตัวด้วยคาร์บอน เหล็กจึงกลายเป็นเหล็กกล้า
การศึกษาสิ่งของปลอมแปลงจากการขุดค้นของ Novgorod ช่วยให้สามารถสรุปเกี่ยวกับระดับเทคโนโลยีขั้นสูงของการแปรรูปโลหะได้ มีสมมติฐานตามที่ผู้เชี่ยวชาญของ Novgorod เชี่ยวชาญเทคโนโลยีเหล่านี้ด้วยความช่วยเหลือจากชาวสแกนดิเนเวีย แต่นี่เป็นเพียงสมมติฐานและความจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้ก็คือ Novgorod Rus' ที่กลายเป็นศูนย์แปรรูปโลหะที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งอิทธิพลดังกล่าวได้แพร่กระจายไปยังภูมิภาคโดยรอบทั้งหมด รวมถึงการแทรกแซงของ Volga-Kama
รูปแบบเทคโนโลยีชั้นนำสำหรับการประมวลผลใบมีดถือได้ว่าเป็นแพ็คเกจสามชั้นเมื่อมีการเชื่อมแถบโลหะสามแถบ - สอง (เหล็ก) ที่ด้านข้างและหนึ่ง (เหล็ก) ตรงกลาง การลับคมซ้ำๆ จะทำให้ปลายมีดแข็งขึ้นเสมอ ช่างฝีมือของ Novgorod ใช้การเชื่อมโลหะและการอบชุบด้วยความร้อนอย่างชำนาญ (นั่นคือการชุบแข็ง) ตะเข็บเชื่อมส่วนใหญ่จะบางและไม่มีตะกรันรวมอยู่ด้วย เพื่อที่จะเชื่อมเหล็กและเหล็กกล้าที่มีคุณภาพโดยมีปริมาณคาร์บอนต่างกัน จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับสภาวะอุณหภูมิในการเชื่อม จนถึงขณะนี้ การเชื่อมใบมีดเมื่อเหล็กถูกหลอมในบรรจุภัณฑ์ ถือเป็นการดำเนินการทางเทคโนโลยีที่ซับซ้อนที่สุดอย่างหนึ่ง
ภายนอกมีดของปรมาจารย์ Novgorod นั้นเรียบง่ายและเป็นที่จดจำได้ อย่างไรก็ตาม รูปร่างของพวกมันได้รับการปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบในระยะเวลาอันยาวนาน ซึ่งทำให้สามารถสร้างเครื่องมือที่เกือบจะเป็นสากลสำหรับงานบ้านทุกประเภท มีดส่วนใหญ่ที่พบในโนฟโกรอดมีใบมีดยาวประมาณ 70–80 มม. และกว้าง 18–25 มม. โดยมีความหนาของสัน 3–4 มม. ในส่วนตัดขวาง ใบมีดจะมีรูปร่างเป็นลิ่มตรง (เพราะฉะนั้นคำว่า "ใบมีด") ก้นของใบมีดจะคงไว้เป็นเส้นตรงหรือลดระดับลงไปที่ปลาย ตามกฎแล้วด้ามจับทำจากไม้หรือกระดูกมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในการยึดที่จับ
มีดจากการขุดค้นเมือง Novgorod ที่มีอายุตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-15
ก) สภาพของมีดส่วนใหญ่ที่มาหาเราทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมาก: บางครั้งการจดจำใบมีดในแถบโลหะที่ไม่มีลวดลายซึ่งสึกกร่อนทั้งหมดจากสนิมเป็นเรื่องยากด้วยซ้ำ
b) โชคดีที่ตัวอย่างบางส่วนได้รับการเก็บรักษาไว้ดีกว่า และเป็นที่สนใจของเรามากที่สุด ที่จับที่มีการซ้อนทับของกระดูกกลับกลายเป็นว่าไวต่อผลกระทบของเวลาที่ไม่มีวันสิ้นสุดน้อยกว่าที่จับที่ทำจากไม้ หมุดทองแดงและที่ยึดได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างดีบนใบมีดคุณสามารถเห็นเครื่องหมายของอาจารย์ในรูปของผู้ชาย
c) ใบมีดของตัวอย่างนี้มีความคมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับมีดอื่นๆ ทั้งหมด นี่แสดงว่ามีการใช้งานมีดอยู่ตลอดเวลาและเจ้าของใช้มันมาเป็นเวลานาน การตกแต่งของมีดได้รับการเก็บรักษาไว้ - แถบสีบรอนซ์บิดเกลียวที่ด้านหน้าจุดหยุดบัดกรีเป็นดีบุก
ตัวเลือกการส่งออก
การยืนยันที่ดีที่สุดเกี่ยวกับคุณภาพและคุณสมบัติการใช้งานสูงของมีด Novgorod คือความจริงที่ว่าพวกเขามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับภูมิภาคใกล้เคียงอย่างสม่ำเสมอซึ่งประชากรส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการล่าสัตว์และตกปลา เนื่องจากไม่มีการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะที่พัฒนาแล้ว ใบมีดสามชั้นซึ่งให้บริการมาเป็นเวลานานและเชื่อถือได้มากจึงเป็นที่ต้องการอยู่เสมอ
ค่อยๆยืมรูปแบบและเทคโนโลยีพร้อมกับการค้าผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ดังนั้นความคล้ายคลึงกันของเทคโนโลยีการทำมีดในหมู่ Udmurts, Karelians และ Ves จึงสามารถอธิบายได้เป็นหลักโดยอิทธิพลของ Veliky Novgorod ซึ่งการค้นพบมีดสามชั้นที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 8-10 ตัวอย่างเช่น ผลการขุดค้นทางโบราณคดีของการตั้งถิ่นฐาน Idnakar (ลุ่มแม่น้ำ Cheptsa) ซึ่งเป็นศูนย์กลางงานเหล็กและช่างตีเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค Kama ยืนยันอย่างเต็มที่ถึงเอกลักษณ์ของมีดที่ผลิตในท้องถิ่นพร้อมกับมีดที่ผลิตโดยช่างฝีมือของ Novgorod * .
คุณสมบัติอย่างหนึ่งของมีดที่พบใน Idnakar คือการมีใบมีดที่มีการลับด้านเดียว - สำหรับมือขวาหรือซ้าย อย่างไรก็ตาม มีดส่วนใหญ่มีการลับแบบสมมาตรและเลียนแบบใบมีด Novgorod เกือบทั้งหมด ด้ามจับมักทำจากกระดูกหรือเปลือกไม้เบิร์ช
ในช่วงต้นเดือนกันยายน เมือง Izhevsk จะเฉลิมฉลองครบรอบ 250 ปี ตามคำสั่งของฝ่ายบริหารเมือง เวิร์กช็อปของ V. Mikheev ได้พัฒนาโมเดล purt รุ่นของขวัญ มีดดังกล่าวจำนวนหนึ่งจะถูกผลิตขึ้นเพื่อฉลองวันครบรอบของเมือง ความยาวใบมีด – 130 มม. วัสดุใบมีด – เหล็ก 95X18 หรือ Damascus Vladlena Durova วัสดุด้ามจับ – วอลนัทชุบด้วยน้ำมันลินซีดหรือเปลือกไม้เบิร์ช
การเชื่อมต่อของเวลา
เรากำลังพูดถึงมีดรัสเซียโบราณซึ่งเราถูกแยกจากกันมานานหลายศตวรรษ แต่พวกเขายังมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ งานจำนวนมากในการสร้างมีด Idnakar ขึ้นใหม่ดำเนินการโดย Vladimir Mikheev ช่างซ่อมที่มีชื่อเสียงจาก Izhevsk ** - หลังจากศึกษาตัวอย่างที่พบในระหว่างการขุดค้นอย่างละเอียดแล้ว เขาก็เริ่มทำมีดของตัวเองในสไตล์เดียวกัน พูดอย่างเคร่งครัด สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การสร้างขึ้นใหม่ตามประวัติศาสตร์ เนื่องจากมีวัสดุที่ทันสมัย และไม่มีลักษณะเฉพาะของการปลอมในยุคกลาง แต่ทันทีที่คุณหยิบมีดดังกล่าวไว้ในมือ คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังพิเศษของมันทันที เวทย์มนต์และไม่มีอะไรเพิ่มเติม!
มีดของ Vladimir Mikheev ซึ่งจำลองตัวอย่างมีดในยุคกลางไม่ได้สังเกตเลย บริษัท BASko (Izhevsk) ซึ่งมีดเชิงศิลปะได้รับรางวัลสูงสุดจากนิทรรศการระดับนานาชาติ IWA ได้เริ่มผลิต purtas (ในภาษา Udmurt คำว่า "purt" หมายถึง "มีด") ทุกคนชอบความเรียบง่ายและความสะดวกสบายของ purt ที่สร้างโดย Vladimir Mikheev ดังนั้นการผลิตจึงเริ่มขึ้นทันทีหลังจากได้รับใบรับรอง ในเวลาเดียวกัน โรงงาน Izhmash เชี่ยวชาญการผลิตรุ่น NO-8 โดยใช้มีดแบบเดียวกัน
ข้างต้นทำให้เรามั่นใจว่าบรรพบุรุษที่อยู่ห่างไกลของเราเป็นช่างฝีมือที่มีทักษะและใช้เทคนิคการตีเหล็กที่ซับซ้อนอย่างชำนาญ มีดรัสเซียโบราณที่ถูกสร้างขึ้นใหม่โดยช่างฝีมือสมัยใหม่ยังคงได้รับความนิยมในหมู่นักล่า ชาวประมง และนักท่องเที่ยวมาจนทุกวันนี้ ในฐานะเครื่องมือที่เชื่อถือได้ซึ่งเหมาะสำหรับงานที่ยากที่สุด
* ในการศึกษามีดรัสเซียโบราณและผลิตภัณฑ์โลหะอื่นๆ ศาสตราจารย์ บี.เอ. มีบุญคุณอันใหญ่หลวง คอลชิน ซึ่งเป็นคนแรกที่ใช้วิธีการวิทยาศาสตร์ธรรมชาติในโบราณคดี
* ซาเวียลอฟ วี.ไอ. “มีดแห่งนิคมอิดนาการ์”, พ.ศ. 2528
** ขอแสดงความคิดเห็นเล็กๆ น้อยๆ ครับ Vladimir Andreevich Mikheev เป็นหนึ่งในผู้ซ่อมแซมที่ดีที่สุดในประเทศของเรา และนี่ไม่ใช่แค่ความคิดเห็นของฉัน มีดมีไว้เพื่อจิตวิญญาณ เมื่อฉันเห็นมีดของเขาครั้งแรกที่นิทรรศการ "Blade" ฉันรู้สึกประหลาดใจกับความเรียบง่ายอันชาญฉลาดและลายเส้นที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไรพิเศษ เป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้จริง แน่นอนว่าเหล็ก 95X18 หรือ 110X18MShD ไม่สามารถเปรียบเทียบกับวัสดุในศตวรรษที่ 11-13 ได้ ย้อนกลับไปตอนนั้นฉันไม่รู้ว่ามีดเหล่านี้มีรากที่ยอดเยี่ยมอะไร แต่เมื่อมองดูพวกเขาเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอที่จะเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องจริง แล้วพอได้พูดคุยรู้จักกันก็ชัดเจนขึ้นมาก เกณฑ์หลักของปรมาจารย์: ถ้ามีดตัดกระดาษหนึ่งแผ่น (ตามน้ำหนัก) หลังจากที่มันถูกใช้ในการแปรรูปถุงปลาที่จับได้ แสดงว่ามันเป็นมีดที่ดี อาจเป็นไปได้ว่าช่างตีเหล็กของมาตุภูมิโบราณเดินตามเส้นทางเดียวกันโดยพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีสำหรับการตีใบมีดแบบแบทช์