ในตอนเช้ามีการเคลือบสีขาวบนลิ้น ทำไมลิ้นถึงขาว: สาเหตุและผลที่ตามมา
มีตำนานที่ค่อนข้างธรรมดา: การเคลือบสีขาวบนลิ้นเป็นเรื่องปกติซึ่งควรจะอยู่ที่นั่น ความคิดเห็นนี้ได้รับความนิยมมากจนผู้ใหญ่บางคนถึงกับเชื่อว่าการปรากฏตัวในเด็กเป็นเรื่องธรรมดา
ทัศนคตินี้มาจากไหน? อาจเป็นเพราะลิ้นเคลือบสีขาวเป็นเรื่องปกติ และดูเหมือนจะไม่ทำให้เกิดปัญหาใดๆ ไม่มีความเจ็บปวดหรือความรู้สึกไม่สบายยกเว้นว่ารสชาติในปากไม่เป็นที่พอใจในตอนเช้า แต่ก็ถือเป็นบรรทัดฐานเช่นกัน
สาเหตุของการเคลือบสีขาวบนลิ้น
แน่นอนว่ามันเป็นไปได้ที่จะทำความสะอาดและจำเป็นด้วยซ้ำ จากนี้คุณจะรู้สึกว่าปากของคุณสะอาดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยังเป็นสุขอนามัยขั้นพื้นฐานและการกดจุดลิ้นซึ่งโดยวิธีนี้มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการเผาผลาญในร่างกาย
แต่หากหลังจากทำความสะอาดเบาๆ ลิ้นเคลือบด้วยสีขาวซึ่งหมายความว่าเป็นอาการของโรคบางชนิด
ในสภาวะปกติ ลิ้นจะเป็นสีชมพูและสะอาดอยู่เสมอ ข้อยกเว้นจะเกิดขึ้นหลังจากตื่นนอนเท่านั้น และถึงแม้จะไม่เสมอไปก็ตาม แต่ในกรณีนี้ สารเคลือบจะอ่อนแอมากและสามารถถอดออกได้ง่าย บางครั้งอาจใช้การล้างแบบธรรมดาก็ได้
สำหรับคนส่วนใหญ่ สถานการณ์จะแตกต่างออกไป สำหรับพวกเขา เสื้อคลุมสีขาวเช่นนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่แค่ในตอนเช้าแต่ตลอดทั้งวัน การล้างไม่ได้ให้ผลลัพธ์ใด ๆ และการทำความสะอาดลิ้นก็ช่วยได้น้อยที่สุด
การมีอยู่ของปัญหาดังกล่าวบ่งชี้ว่าบุคคลนั้นมีโรคบางชนิด
ลิ้นแบ่งออกเป็นหลายโซน โดยแต่ละโซนจะเกี่ยวข้องกับอวัยวะบางอย่าง
ในการแพทย์ของทิเบตยังมีวิธีปฏิบัติที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถระบุโรคได้อย่างรวดเร็วตามสภาพของลิ้น
โดยปกติ เคลือบสีขาวที่โคนลิ้นหนากว่าโซนอื่นมาก มีสองเหตุผลสำหรับสิ่งนี้:
- ส่วนด้านนอกสุดจะถูกทำความสะอาดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง: ในระหว่างขั้นตอนสุขอนามัยในตอนเช้าและแม้แต่ในระหว่างการสนทนาก็มีการสัมผัสกับเพดานปากและฟันอยู่ตลอดเวลา ตรงกลาง “ได้รับ” การทำความสะอาดโดยไม่ตั้งใจน้อยกว่ามาก แต่ส่วนหลังไม่ได้อะไรเลย
- ที่โคนลิ้นมีส่วนที่รับผิดชอบต่อสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร ด้วยเหตุนี้ผู้คนส่วนใหญ่จึงมักมีปัญหาและโรคส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ระบบทางเดินอาหาร
เหตุผลแรกที่บุคคลนั้น เคลือบสีขาวถาวรบนลิ้น– สารพิษสะสมจำนวนมากในร่างกาย แพทย์แผนโบราณไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้มากนัก แต่ร่างกายของคนยุคใหม่ที่มีการรับประทานอาหารที่ถือเป็นเรื่องปกติ จำเป็นต้องทำความสะอาดอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยทุกๆ หกเดือน
ทำไมสิ่งนี้ถึงเกิดขึ้น? เพราะร่างกายไม่สามารถรับมือกับปริมาณสารพิษพิษได้ ov และแม้แต่ฮอร์โมนที่เข้าไปด้วย
ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปยอดนิยมดังกล่าวมีสารกันบูดและสารเติมแต่งซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาต แต่ก็สะสมอยู่ในร่างกายในรูปของสารอันตราย
เหตุผลที่สองที่ร้ายแรงกว่านั้นคือเป็นโรคบางชนิด ส่วนใหญ่มักเป็นลำไส้ตับหรือไตหรืออวัยวะอื่น ๆ น้อยกว่ามาก ตามกฎแล้ว ยิ่งคราบพลัคหนาขึ้นเท่าไร การทำความสะอาดก็จะยิ่งยากขึ้น ปัญหาก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น
ถ้า เคลือบสีขาวเหลืองบนลิ้นเหตุผลก็เหมือนกัน แต่การเพิ่มสีเหลืองมักจะเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่หรือความรักในกาแฟและชาดำ แต่พื้นผิวที่ “ขาด ๆ หาย ๆ” บ่งบอกว่ามีการติดเชื้อในร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเชื้อรา
เมื่อมีลักษณะเป็นคราบขาวไม่ควรรบกวน?
คราบจุลินทรีย์ถือได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ปกติจริงๆ ถ้ามันอ่อนแอมากและปรากฏขึ้นในตอนเช้า และหายไปทันทีหลังจากแปรงฟัน หรือในกรณีที่รุนแรงหลังจากทำความสะอาดลิ้นด้วยแปรงสีฟัน
จะกำจัดคราบสีขาวบนลิ้นได้อย่างไร?
คุณต้องควบคุมอาหารเพื่อท้องของคุณ - คุณสามารถอ่านได้ . กำจัดนิสัยที่ไม่ดี - การสูบบุหรี่การดื่มกาแฟในปริมาณมากทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์
นอกจากนี้ยังควรทำความสะอาดตับและไตของสารพิษและสารพิษด้วยทิงเจอร์และยาต้มต่างๆ
ดื่มน้ำให้มากที่สุด - ประมาณ 2 ลิตรต่อวันก็เพียงพอสำหรับผู้ใหญ่
ช่องปากมีสิ่งกีดขวางทางชีวภาพสำหรับจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคและกระตุ้นภูมิคุ้มกันในท้องถิ่น ประกอบด้วยแบคทีเรียและเชื้อราซึ่งจำนวนดังกล่าวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เมื่อใช้ร่วมกับน้ำลายจะช่วยทำความสะอาดช่องปากได้ด้วยตนเอง น้ำลายไม่ไหลในเวลากลางคืน และเชื้อโรคก็ยังคงแพร่พันธุ์ต่อไป นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมคุณถึงเห็นคราบสีขาวบนลิ้นของคุณในตอนเช้า นี่คือการสะสมของแบคทีเรีย เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว เยื่อบุผิวที่ยุบตัว เศษอาหาร และโปรตีนที่จับตัวเป็นก้อน
ชั้นหนาบนลิ้นเป็นผลมาจากความผิดพลาดในการบริโภคอาหาร นิสัยที่ไม่ดี และโรคเรื้อรัง ส่วนใหญ่มักพบที่ฐานของอวัยวะซึ่งมีตุ่มที่กักเก็บอนุภาคขนาดเล็กไว้มากกว่า บริเวณนี้ทำความสะอาดตัวเองได้ไม่ดีนักเพราะจะสัมผัสกับเพดานอ่อนเท่านั้น
ฉันควรจะกังวลไหม?
ในร่างกายที่แข็งแรง การเคลือบสีขาวบนลิ้นจะดูเหมือนฟิล์มบางๆซึ่งสามารถถอดออกได้ง่ายเมื่อแปรงฟัน ในฤดูร้อนจะได้โทนสีเหลืองจาง ๆ การก่อตัวของคราบหลังรับประทานอาหารเป็นเรื่องปกติ บุคคลจะมีสุขภาพดีหากลิ้นชื้นและยัง:
- ขนาดไม่เพิ่มขึ้น.
- ปุ่มบนนั้นเด่นชัดแต่ไม่มาก
- ไม่มีปัญหาเรื่องรสชาติหรือความไวต่ออุณหภูมิ
- มีคราบสีขาวเล็กน้อยซึ่งมองเห็นสีชมพูได้
- คราบพลัคถูกทำความสะอาดออกอย่างง่ายดาย
- ไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์
หากมีคราบขาวแต่หนาเกิดขึ้น- นี่หมายความว่าพยาธิวิทยากำลังพัฒนาในร่างกาย มักจะมาพร้อมกับกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ซึ่งจะหายไปหลังจากแปรงฟัน การเบี่ยงเบนจากบรรทัดฐานรวมถึงสัญญาณต่อไปนี้:
- ลิ้นบวม
- ปากแห้งหรือน้ำลายไหลมากเกินไป
- แสบร้อนปวด
- ปุ่มขนาดใหญ่บนโคนลิ้น
- เคลือบสีขาวหนาแน่นยากต่อการลอกออก
- เพิ่มความหนาของตะกอนในระหว่างวัน
ในกรณีเช่นนี้ ขอแนะนำให้ติดตามอาการของคุณเป็นระยะเวลาหนึ่ง สำหรับการวินิจฉัยตนเองเบื้องต้น คุณต้องมีแสงสว่างที่ดีและท้องว่าง ควรทำก่อนสุขอนามัยช่องปากจะดีกว่า หากคราบจุลินทรีย์และสัญญาณของการเจ็บป่วยยังคงอยู่ จะมีการระบุการรักษาโรคที่เป็นต้นเหตุ
การทำความสะอาดลิ้นเป็นขั้นตอนที่ถูกสุขอนามัย ไม่ใช่การรักษา แนะนำให้ไปพบแพทย์ทั่วไป หากจำเป็น เขาจะสั่งการตรวจที่เหมาะสม จากนั้นส่งต่อคุณเพื่อขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ นักประสาทวิทยา หรือแพทย์คนอื่น ผู้ที่คิดว่าอาการดังกล่าวไม่ใช่เหตุผลที่ควรไปพบแพทย์นั้นคิดผิดมาก
เหตุผลในการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์สีขาว
มีปัจจัยสองกลุ่มที่กระตุ้นให้เกิดคราบขาวบนลิ้น:
- การสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ อาหาร สุขอนามัยที่ไม่ดี
- รอยโรคปริทันต์ การติดเชื้อ เนื้องอกวิทยา
กลุ่มที่สองดูเหมือนจะเป็นโรคร้ายแรง หากลิ้นขาวของผู้ใหญ่ไม่หายไปแม้จะเปลี่ยนอาหารก็ตาม และหากปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสุขอนามัยสำหรับการดูแลช่องปากทั้งหมดก็หมายความว่าเงื่อนไขต่อไปนี้อาจเป็นสาเหตุของการปรากฏตัวของคราบจุลินทรีย์:
- ตับวายพร้อมด้วยคราบหนาทึบทั่วพื้นผิวของลิ้น
- แผลในกระเพาะ
- กลุ่มอาการ Dysbiotic และเป็นผลให้การแพร่กระจายของจุลินทรีย์ฉวยโอกาส ในเวลาเดียวกันก็มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์จากปากและรู้สึกแสบร้อน
- โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ด้วยการเคลือบสีขาวคุณสามารถเข้าใจได้ว่าไวรัสที่ทำให้เกิดโรคได้เข้าสู่ร่างกายแล้ว
- ไลเคนพลานัสที่มีการก่อตัวหนาแน่นบนลิ้นและพื้นผิวด้านในของแก้ม
คราบขาวและปากแห้ง
เมื่อมีอาการปรากฏขึ้นในตอนเช้า สามารถวินิจฉัยการอักเสบในโพรงจมูกได้ซึ่งทำให้เกิดการหายใจทางปาก ซึ่งเป็นเหตุให้เยื่อเมือกแห้งจริงๆ อาการเดียวกันนี้ซึ่งปรากฏในตอนเย็นหรือตอนกลางคืนบ่งบอกถึงการติดเชื้อและการอักเสบของอวัยวะภายใน ในผู้หญิง อาการนี้เป็นหลักฐานของการติดเชื้อราหรือความไม่สมดุลของฮอร์โมน
การเคลือบสีขาวพร้อมปากแห้งที่ด้านข้างของลิ้นบ่งบอกถึงพยาธิสภาพของไตตรงกลาง - การอักเสบของม้ามด้านหน้า - ปัญหาเกี่ยวกับระบบหัวใจและหลอดเลือด อาการทั้งสองอาจทำให้เกิด:
- เบาหวาน.
- การอักเสบของอวัยวะภายใน
- สุขอนามัยในช่องปากไม่เพียงพอ
- ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาหลายชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ
ด้วยการตีความสัญญาณที่ร่างกายได้รับอย่างถูกต้อง จึงสามารถเริ่มการรักษาได้ทันท่วงทีเพื่อหลีกเลี่ยงโรคแทรกซ้อนร้ายแรง
รสเปรี้ยวและลิ้นขาว
ด้วยอาการหลายอย่างรวมกันนี้สามารถสันนิษฐานได้ว่ามีโรคต่อไปนี้:
- เปื่อย Candidal การติดเชื้อทางอากาศ สร้างความกังวลให้กับผู้สูบบุหรี่ที่ไม่มีจุลินทรีย์เหลืออยู่ในปาก เช่นเดียวกับผู้หญิงที่มีความผิดปกติของฮอร์โมน
- โรคหอบหืดและโรคปอดอื่นๆ
- ปัญหาเกี่ยวกับช่องย่อยอาหาร คราบจุลินทรีย์ที่โคนลิ้นอาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงการหย่อนยานอย่างรุนแรงในร่างกาย ภาวะแบคทีเรียผิดปกติ หรือระยะเริ่มแรกของโรคกระเพาะ
- ตับอ่อนอักเสบ ซึ่งสังเกตได้จากคราบจุลินทรีย์ที่อยู่ใกล้กับด้านขวาของลิ้น
- โรคตับและท่อน้ำดีมีชั้นด้านซ้าย
- โรคเยียร์ไดเอซิส
- แผลพุพองเรอเน่า, อาการปวดบรรเทาลงหลังรับประทานอาหาร, ท้องร่วง.
- ไส้เลื่อนกะบังลม
การรวมกันของสัญญาณเป็นเรื่องที่น่าหนักใจเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น “โรคกระเพาะที่มีกรดน้อยและกรดเกิน” ในระยะเริ่มแรก โดยที่สัญญาณอื่นๆ ของโรคยังคงหายไป
เคลือบสีขาวเหลืองบนลิ้น
นี่เป็นอาการที่บ่งชี้ถึงภาวะดายสกินของทางเดินน้ำดีหรือถุงน้ำดีอักเสบหรือระยะเริ่มแรกของโรคตับอักเสบ นอกจากนี้ยังอาจเป็นสัญญาณของกระบวนการติดเชื้อ แบคทีเรียผิดปกติ ความเป็นพิษ โรคทางทันตกรรม การไหลเวียนของเลือดและน้ำลายไหลบกพร่อง และการแปรงฟันที่ไม่เหมาะสม
จุดสำคัญในการวินิจฉัย ได้แก่ ความหนา ขนาด โครงสร้าง ตำแหน่งของชั้น
นอกจากนี้คราบจุลินทรีย์สีขาวเหลืองยังสัมพันธ์กับความเหนื่อยล้าของร่างกาย โรคโลหิตจาง และภูมิคุ้มกันอ่อนแออีกด้วย
ลิ้นไหม้และขาว
อาการที่เกิดขึ้นเมื่อปากติดเชื้อราในสกุล Candida ภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอทำให้ขนาดประชากรเพิ่มขึ้นมากมายซึ่งทำให้เกิดการปรากฏตัวของการเคลือบวิเศษและความรู้สึกไม่พึงประสงค์ ในรูปแบบแกร็นไม่มีจุดขาว แต่ลิ้นแสบและเจ็บ
การบำบัดดำเนินการโดยใช้สารต้านเชื้อราที่ทันสมัย หากจำเป็นให้ใช้ร่วมกับการสุขาภิบาลช่องปากและการรักษาต่อมทอนซิลอักเสบ
ทาร์ทาร์ซึ่งมีแบคทีเรียก่อโรคจำนวนมากที่ช่วยขับสารพิษออกมา สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการดังกล่าวได้ การสัมผัสลิ้นกับสิ่งสะสมที่ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและแสบร้อน การทำความสะอาดด้วยอัลตราซาวนด์ในห้องทำงานของทันตแพทย์จะช่วยลดความรู้สึกไม่พึงประสงค์ได้
อาการอาจเกิดขึ้นได้จากสาเหตุที่ไม่เกี่ยวกับทันตกรรม ได้แก่:
- อาหารที่ไม่สมดุลและเป็นผลให้ขาดสังกะสี เหล็ก กรดโฟลิก
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว
- ความไม่สมดุลของฮอร์โมน
- การปล่อยอาหารที่เป็นกรดในกระเพาะ มีอาการแสบร้อนกลางอกและคลื่นไส้
- ลิ้นทางภูมิศาสตร์หรือพับ
ก่อนการรักษา จะมีการบ่งชี้การตรวจทางจุลชีววิทยา การใช้ยาต้านเชื้อราต้านเชื้อแบคทีเรีย และการสุขาภิบาลช่องปาก
ตุ่มขาว
รายการสาเหตุของการปรากฏตัวของลิ้นหยาบ:
- นักร้องหญิงอาชีพ
- การระคายเคืองของเยื่อเมือก, การเกิด microtraumas และการติดเชื้อ
- ปัญหาผิวหนังเช่น ประเภทต่างๆไลเคนพร้อมด้วยสิวพุพองหนาแน่น
- เปื่อยอักเสบและโรคทางทันตกรรมอื่น ๆ ในเวลาเดียวกัน เยื่อเมือกของแก้ม เพดานปาก และเหงือกจะบวมและเปลี่ยนเป็นสีแดง มีอาการปวดที่รบกวนการเคี้ยวอาหารและการทำงานของคำพูด Aphthae เรียกว่าแผลที่มีลักษณะกลมและมีขอบเขตชัดเจน พยาธิวิทยาสามารถถูกกระตุ้นได้จากความเครียด ภาวะวิตามินต่ำ ความเสียหายทางกลต่อเยื่อเมือก สุขอนามัยช่องปากที่ไม่เหมาะสม และข้อผิดพลาดในการรับประทานอาหาร
- เจ็บคอ มีอาการหนาวสั่น มีไข้ อ่อนแรงร่วมด้วย
- เริมซึ่งบางครั้งปรากฏในสถานที่ที่ผิดปกติ - ที่โคนลิ้น
สิวสีขาวอาจเป็นเพียงปรากฏการณ์ชั่วคราวและไม่เป็นอันตราย หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นภายในไม่กี่วัน อาจเป็นสัญญาณของการเจ็บป่วยและคุณควรปรึกษาแพทย์
วิธีกำจัดคราบจุลินทรีย์ออกจากลิ้นของคุณ
ในคนที่มีสุขภาพแข็งแรงซึ่งดูแลสุขอนามัยในช่องปากตามกฎแล้วจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพยาธิสภาพในส่วนนี้ของร่างกาย ข้อผิดพลาดในการแปรงฟันจะหมดไปอย่างง่ายดาย ถ้าหลังจากนี้ชั้นยังคงอยู่ คุณควรปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับการอักเสบของปริทันต์หรือรอยโรคฟันผุ หลังจากสุขอนามัยช่องปาก ปัญหาต่างๆ จะหายไป
คุณสามารถทำความสะอาดลิ้นด้วยมีดโกนพิเศษ ช้อนชา หรือแปรงสีฟันที่มีปุ่มยางอยู่ด้านหลัง ขั้นตอนเริ่มต้นจากรากและย้ายไปยังส่วนปลาย การกำจัดคราบจุลินทรีย์ไม่ได้ผลและอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงได้หากสาเหตุเป็นพยาธิสภาพร้ายแรงของอวัยวะภายใน ดังนั้นควรทำความสะอาดหลังไปพบแพทย์
หากลิ้นถูกเคลือบด้วยสีขาวคุณต้องมีวิธีการแบบบูรณาการโดยรับประทานยาเสริมที่ทำให้จุลินทรีย์เป็นปกติรวมถึงลำไส้: Pancreatin, Festal, Mezim ผู้คนใช้มันเพื่อทำความสะอาดภาษา
ทำไมมันถึงก่อตัว
ทำไมจึงมีการเคลือบสีขาวบนลิ้น? ดังที่ได้กล่าวไปแล้วมันเกิดขึ้นจากการสะสมของแบคทีเรียและผลิตภัณฑ์เมตาบอลิซึมบนพื้นผิวของมัน ปากของคนที่มีสุขภาพดีทุกคนเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียหลายล้านชนิด ทั้งที่เป็นประโยชน์และก่อให้เกิดโรค พวกมันสืบพันธุ์และมีส่วนร่วมในกระบวนการย่อยอาหารอย่างแข็งขัน แบคทีเรียที่เหลืออยู่จะสะสมอยู่บนพื้นผิวของลิ้น ฟัน และเหงือก จากบริเวณที่ถูกกำจัดออกไปในระหว่างขั้นตอนสุขอนามัย การทำความสะอาดพื้นผิวฟัน เหงือก และลิ้นอย่างทั่วถึงด้วยแปรงสีฟันและยาสีฟันสามารถกำจัดโรคได้เกือบหมด แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะก่อตัวและสะสมอีกครั้ง ดังนั้นคุณควรแปรงฟันวันละสองครั้ง
- ประการแรกลิ้นสีขาวบ่งบอกถึงภูมิคุ้มกันที่ลดลงซึ่งเป็นผลมาจากการที่แบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคแพร่กระจายอย่างแข็งขันในช่องปากซึ่งเกาะอยู่บนพื้นผิวของลิ้นในรูปแบบของการเคลือบสีขาวและสีเทา
- สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์สีขาวคือโรคของระบบทางเดินอาหาร ในกรณีนี้ลิ้นจะถูกเคลือบไว้ตรงกลางบางครั้งสีขาวจะมาพร้อมกับการก่อตัวของรอยแตก อาการดังกล่าวมักบ่งบอกถึงระยะเริ่มแรกของโรคกระเพาะ หากไม่มีอาการที่น่าตกใจอื่น ๆ ก็เพียงพอที่จะปรับอาหารและเมื่อเวลาผ่านไปการเคลือบบนลิ้นจะหายไปเองและสุขภาพของคุณจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
- รอยพิมพ์ฟันและการเคลือบสีขาวบนลิ้นเป็นสัญญาณของการย่อยได้ไม่เพียงพอของลำไส้ ในกรณีนี้จำเป็นต้องติดต่อแพทย์ระบบทางเดินอาหารเพื่อขอคำแนะนำ ตรวจและรักษาเพิ่มเติม
- ปลายลิ้นสีขาวหรือขอบส่วนหน้าจะปรากฏขึ้นหากมีโรคทางเดินหายใจ คราบจุลินทรีย์ดังกล่าวมักเกิดจากการสูบบุหรี่
- รากสีขาวของลิ้น โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังด้านหลัง ส่งสัญญาณถึงปัญหาไตที่กำลังจะเกิดขึ้น
- ปุ่มสีขาวที่ขยายใหญ่ขึ้น การเคลือบสีขาวที่แข็งแกร่งและลิ้นแห้งบ่งบอกถึงภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง ในกรณีนี้ขอแนะนำให้ดื่มของเหลวมาก ๆ และในกรณีที่ลิ้นแห้งมากเกินไปคุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอความช่วยเหลือ
- ลิ้นมีสีขาวขุ่นเป็นสัญญาณของโรคเชื้อรา โดยเฉพาะเชื้อราแคนดิดาหรือเชื้อราในช่องปาก บ่อยครั้งที่โรคนี้ส่งผลกระทบต่อเด็กเล็ก แต่ผู้ใหญ่ก็อ่อนแอเช่นกัน
- การเคลือบสีขาวหนาและหนาแน่นก็เกิดขึ้นพร้อมกับอาการเจ็บคอ ในกรณีนี้จะมีอาการอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น กลืนลำบาก และอาการอื่น ๆ ของ ARVI ร่วมด้วย
การรักษา
คราบจุลินทรีย์สีขาวบนลิ้นและข้างใต้ไม่ใช่โรคอิสระ ดังนั้นการรักษาจึงไม่ควรมุ่งเป้าไปที่การกำจัดคราบจุลินทรีย์มากนัก แต่เป็นการระบุและกำจัดสาเหตุของการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์
วิธีการรักษาการเคลือบสีขาวบนลิ้น? หากคุณพบว่าตัวเองสามารถกำหนดการรักษาได้หลังจากการตรวจร่างกายอย่างละเอียดโดยแพทย์เท่านั้น ในบางกรณีอาจไม่จำเป็นต้องรักษาด้วยยาเลย หากตรวจพบโรคกระเพาะเริ่มแรกในเวลาที่เหมาะสมคุณสามารถกำจัดมันได้โดยใช้อาหารพิเศษ
บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยสนใจว่าจะไปพบแพทย์คนไหนหากตรวจพบคราบจุลินทรีย์สีขาว เป็นการดีที่สุดที่จะเริ่มต้นด้วยผู้ประกอบโรคศิลปะทั่วไป เขาจะตรวจสอบพื้นผิวของลิ้นกำหนดสีและความหนาแน่นและในขณะเดียวกันก็ถามคุณเกี่ยวกับความเป็นอยู่โดยทั่วไปของคุณโดยที่เขาสามารถสรุปได้ สภาวะสุขภาพของคุณ จากนั้นนักบำบัดโรคสามารถส่งคำแนะนำให้แพทย์ระบบทางเดินอาหารตรวจอย่างละเอียดยิ่งขึ้นหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบย่อยอาหาร
หลังจากกำจัดโรคประจำตัวออกแล้ว คราบจุลินทรีย์บนลิ้นจะหายไปเองในระยะเวลาหนึ่งหลังจากเสร็จสิ้นการรักษาและแก้ไขระบบโภชนาการ
มักมีการเคลือบสีขาวเนื่องจากเชื้อราหรือเชื้อรา ในกรณีนี้มีความหนาแน่น โค้งงอ และยากต่อการถอดออก คุณไม่สามารถรักษาการติดเชื้อราได้ด้วยตัวเอง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
อุณหภูมิ
อุณหภูมิและการเคลือบสีขาวอาจบ่งบอกถึงอาการเจ็บคอเริ่มแรก ในกรณีนี้ ผู้ป่วยบ่นว่าลิ้นเป็นสีขาว ปวดเมื่อกลืน อาการอ่อนแรงและไม่สบายตัว ตลอดจนมีไข้ อาการเหล่านี้ร่วมกันทำให้เกิดการวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้
เมื่อมีอาการเจ็บคอ ลิ้นจะกลายเป็นสีขาวและเจ็บคอ ในขณะที่คราบจุลินทรีย์มักจะหนาแน่นมากและกำจัดออกได้ยาก การทานยาบางชนิดจะทำให้อาการแย่ลงเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องรักษาสุขอนามัยในช่องปาก ไม่ใช่แค่ทำความสะอาดฟันและเหงือกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงลิ้นด้วย
คำแนะนำ!คุณสามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์สีขาวได้โดยใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันขนนุ่มธรรมดา ใช้การเคลื่อนไหวเป็นวงกลมเบาๆ เพื่อทำความสะอาดพื้นผิวของลิ้น ระวังอย่าให้เกิดความเสียหายหรือรอยขีดข่วน ทางที่ดีควรทำตามขั้นตอนนี้ในตอนเช้าก่อนรับประทานอาหาร เนื่องจากคราบจุลินทรีย์ประกอบด้วยแบคทีเรียเกือบทั้งหมด และไม่ควรกลืนเข้าไปเลย
ลิ้นขาวเป็นสัญญาณของโรค
ลิ้นขาวเป็นสัญญาณของโรคต่างๆลิ้นที่มีการเคลือบสีขาวเป็นสัญญาณของโรคต่างๆ ที่ต้องได้รับการรักษาทันที บ่อยครั้งที่คราบพลัคเป็นสัญญาณแรกของโรคเริ่มแรก ซึ่งคุณอาจไม่รู้ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบสภาพและรูปลักษณ์ของลิ้นของคุณ
มีประเด็นสำคัญบางประการที่ต้องจำ:
- คราบจุลินทรีย์บนลิ้นบ่งบอกถึงภูมิคุ้มกันลดลงแม้ว่าผู้ป่วยจะไม่มีโรคร้ายแรงก็ตาม
- ยิ่งมีความหนาเท่าไรโรคก็จะยิ่งอยู่นานขึ้นเท่านั้น ชั้นของคราบจุลินทรีย์ที่หนามักจะบ่งบอกถึงกระบวนการเรื้อรัง
- ยิ่งสีเข้มก็ยิ่งทำให้อาการของผู้ป่วยรุนแรงและรูปแบบของโรคก็จะรุนแรงมากขึ้น
เมื่อวินิจฉัยตำแหน่งของการเคลือบสีขาวบนลิ้นก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน:
- กลาง - โรคกระเพาะ, แผลในกระเพาะอาหาร;
- ราก - enterocolitis;
- ที่ด้านข้างของส่วนหน้า - โรคปอด;
- ที่ด้านหลัง - โรคไต
ลิ้นสีขาวในผู้ใหญ่มักเป็นสัญญาณของโรคระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นคุณไม่ควรดูถูกดูแคลน ควรเล่นอย่างปลอดภัยและปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำอย่างทันท่วงที
การเคลือบสีขาวบนลิ้นมักเกิดขึ้นในเวลากลางคืน เนื่องจากการหลั่งน้ำลายลดลง และเนื่องจากแบคทีเรียในช่องปากมีกิจกรรมเพิ่มขึ้น มักปรากฏพร้อมๆ กับการเคลือบสีขาว ส่วนที่ใหญ่ที่สุดของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคนั้นอยู่ที่โคนลิ้นเนื่องจากเป็นบริเวณนี้ที่มีการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด ส่งผลให้การเคลือบสีขาวบริเวณนี้หนาที่สุด ที่จริงแล้ว หากลิ้นถูกเคลือบด้วยสีขาว ไม่ได้หมายความว่ากระบวนการทางพยาธิวิทยากำลังดำเนินไปในร่างกายเด็กหรือผู้ใหญ่ การเคลือบสีขาวเป็นเรื่องปกติสำหรับร่างกายที่แข็งแรง การถอดออกไม่ใช่เรื่องยาก - เพียงใช้แปรงสีฟันก็เพียงพอแล้วที่จะรักษาสุขอนามัยวันละ 2 ครั้ง
หากหลังจากทำตามขั้นตอนที่ถูกสุขลักษณะแล้ว แผ่นสีขาวสะสมอย่างรวดเร็วอีกครั้งแสดงว่านี่เป็นเหตุผลที่ควรไปพบแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม การแปลฟิล์มบนลิ้นช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญเดาได้ว่าอวัยวะใดทำงานไม่ถูกต้อง:
- การเคลือบสีขาวที่ปลายลิ้นเป็นสัญญาณของการลุกลามของโรคของระบบทางเดินหายใจ
- การเคลือบสีขาวบนลิ้นจะอยู่ตรงกลางหากผู้ป่วยมีโรคของระบบหัวใจและหลอดเลือด
- ฟิล์มสีขาวทางด้านซ้ายของอวัยวะเป็นสัญญาณของการทำงานของตับบกพร่อง
- หากฟิล์มสีขาวถูกแปลเป็นภาษาส่วนใหญ่ทางด้านขวาตับอ่อนจะได้รับผลกระทบ
- การเคลือบสีขาวจะสะสมอยู่บนโคนลิ้นหากอาการป่วยของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นดำเนินไป เช่น: ฯลฯ
แยกกันเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเน้นความจริงที่ว่าบนลิ้นสามารถเคลือบสีขาวได้ด้วยจุด (เกาะ) สิ่งนี้บ่งชี้ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่มักมีการติดเชื้อรา
ลักษณะของคราบจุลินทรีย์ทางพยาธิวิทยา
ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น หากเด็กหรือผู้ใหญ่มีคราบสีขาวบนลิ้น คุณไม่ควรตื่นตระหนกทันที เนื่องจากนี่อาจเป็นสภาพทางสรีรวิทยาที่สมบูรณ์ แต่มีลักษณะบางอย่างที่บ่งบอกโดยตรงว่ามีการสร้างฟิล์มทางพยาธิวิทยาบนลิ้น:
- ความหนาหากการเคลือบสีขาวบนลิ้นไม่ใช่สัญญาณของพยาธิสภาพแสดงว่าความหนาของมันไม่มีนัยสำคัญ เป็นที่น่าสังเกตว่าในระยะแรกของการดำเนินของโรคบางอย่างคราบจุลินทรีย์อาจบางลงด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่นในระหว่างการพัฒนาหรือเป็นไข้หวัด ความหนาจะเพิ่มขึ้นหากมีกระบวนการติดเชื้อเรื้อรังในร่างกายของเด็กหรือผู้ใหญ่
- สี.นี่เป็นหนึ่งในลักษณะที่สำคัญที่สุดของการจู่โจม เป็นที่น่าสังเกตว่าสามารถกำหนดระยะและลักษณะของโรคได้อย่างแม่นยำทั้งนี้ขึ้นอยู่กับร่มเงา หากคราบจุลินทรีย์มีสีอ่อนแสดงว่าโรคนี้อยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนา เฉดสีเข้มเป็นสีที่ไม่พึงประสงค์มากที่สุดเนื่องจากมักพบเห็นได้ในสภาวะทางพยาธิสภาพที่รุนแรงโดยเฉพาะ สีดำหรือสีเขียวยังบ่งบอกถึงการลุกลามของการเจ็บป่วยร้ายแรงในร่างกายมนุษย์ คราบจุลินทรีย์สีเทา - ปัญหาอยู่ที่ระบบทางเดินอาหาร
- สถานที่ของการแปลโดยรวมแล้วมีสองตัวเลือกสำหรับตำแหน่งของคราบจุลินทรีย์ - แบบกระจายหรือแบบท้องถิ่น ในกรณีแรก ลิ้นจะถูกปกคลุมด้วยฟิล์มทั่วทั้งพื้นผิว - จากปลายลิ้นไปจนถึงโคน ประการที่สองแผ่นโลหะจะอยู่เป็นจุด ๆ ทั่วทั้งพื้นผิวของอวัยวะ
- อักขระ.การเคลือบสีขาวที่เกิดขึ้นนั้นมีหลายประเภท: มันเยิ้ม, แห้ง, เปียกและโค้งงอ;
- ความสะดวกในการแยกยิ่งการกำจัดคราบจุลินทรีย์บนราก ปลาย หรือทั้งตัวของลิ้นทำได้ยากเท่าใด พยาธิสภาพที่ก้าวหน้าก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น โดยปกติฟิล์มจะมีความนุ่มและสามารถแยกออกจากพื้นผิวได้ง่าย
เหตุผล
ในความเป็นจริงอาจมีสาเหตุหลายประการที่ทำให้เกิดการเคลือบสีขาวบนลิ้นของเด็กและผู้ใหญ่ แต่ก็ยังคุ้มค่าที่จะเน้นย้ำถึงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการปรากฏตัวของมันบ่อยที่สุด:
- สุขอนามัยช่องปากไม่ดี หากเด็กหรือผู้ใหญ่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนด้านสุขอนามัยที่จำเป็นทั้งหมดด้วยวิธีนี้ตัวเขาเองจะสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อการแพร่กระจายของจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรค
- - สัญญาณลักษณะเฉพาะของโรคนี้คือการก่อตัวของเลือดคั่งเฉพาะบนลิ้น ไลเคนพลานัสทำให้เกิดรอยโรคในส่วนต่างๆ ของลิ้นและแก้ม สีมักจะเป็นสีแดง เหลืองแดง หรือสีอ่อน คุณควรใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากไลเคนพลานัสสามารถสับสนได้ง่ายกับสารเคลือบบนลิ้นตามปกติ แต่ความแตกต่างก็คือคราบจุลินทรีย์ไม่ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อน แต่ไลเคนพลานัสสามารถทำให้เกิดการลุกลามของโรคที่เป็นอันตรายได้ หากสงสัยว่าเป็นโรคดังกล่าว จำเป็นต้องมีการตรวจชิ้นเนื้อเนื้อเยื่อ ไลเคนพลานัสได้รับการรักษาในโรงพยาบาลและการบำบัดจะครอบคลุมเท่านั้น
- - การก่อตัวของฟิล์มหนาแน่นเกิดขึ้นในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบเฉียบพลันของพยาธิวิทยาเป็น อาการเฉพาะนี้สามารถสังเกตได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
- ปาก โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัย อย่างไรก็ตาม มักได้รับการวินิจฉัยในทารกหรือเด็กอายุเกิน 3 ปี บ่อยครั้งที่ผู้ปกครองสังเกตเห็นว่ามีการเคลือบหนักบนลิ้นของลูกและถามคำถามเชิงตรรกะกับกุมารแพทย์ - เหตุใดจึงเกิดขึ้นที่นั่น? สาเหตุของภาวะ dysbiosis ในช่องปากในทารกมักเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอาหาร ในผู้ใหญ่ สาเหตุหลักคือการใช้ยาปฏิชีวนะในระยะยาว
- โรคกระเพาะ ได้รับการวินิจฉัยในคนจากช่วงอายุต่างๆ หากดำเนินไปในรูปแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง คราบจุลินทรีย์จะเกิดขึ้นที่โคนลิ้น
- แผลในกระเพาะอาหาร ตำแหน่งของภาพยนตร์จะเหมือนกับในกรณีของโรคกระเพาะ
- - ในกรณีนี้การเคลือบมีความหนาแน่นมากและครอบคลุมพื้นผิวทั้งหมดของลิ้น
- - นี่มักเป็นโรคในวัยเด็กมากกว่าโรคในผู้ใหญ่ สถิติทางการแพทย์มักส่งผลต่อทารก เช่นเดียวกับเด็กเล็กอายุตั้งแต่ 3 ถึง 8 ปี ในทารกแรกเกิดปากเปื่อยเกิดขึ้นในบางกรณีที่หายากมาก
- - สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์บนลิ้นของเด็ก ตามกฎแล้วคราบจุลินทรีย์จะสะสมอยู่ที่ส่วนกลางของอวัยวะ เป็นที่น่าสังเกตว่าเชื้อราแคนดิดาสามารถเกิดขึ้นได้แม้ในเด็กทารก
คราบจุลินทรีย์บนลิ้นของทารกแรกเกิด
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฟิล์มบนลิ้นของทารกแรกเกิดคือการให้นมบุตร น้ำนมที่ไหลออกมาจะทิ้งร่องรอยสีขาวไว้บนลิ้น ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของทารกแรกเกิด เพื่อให้แน่ใจว่านี่ไม่ใช่พยาธิสภาพ คุณสามารถพยายามกำจัดคราบจุลินทรีย์ออกอย่างระมัดระวัง ซึ่งมักจะทำได้ง่าย หากมีปัญหาเกิดขึ้นคุณควรพาทารกแรกเกิดไปพบกุมารแพทย์ทันทีเนื่องจากนี่อาจเป็นสัญญาณแรกของการลุกลามของโรคที่เป็นอันตราย
สาเหตุที่สองของคราบจุลินทรีย์ในทารกแรกเกิดคือช่องปาก โดยปกติการระบุได้ไม่ยากเนื่องจากมีคราบจุลินทรีย์และแผลขนาดเล็ก แต่เจ็บปวดปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน สิ่งสำคัญคือต้องพาทารกไปพบแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมโดยเร็วที่สุดเพื่อที่เขาจะได้สั่งการรักษาที่ถูกต้อง ต้องจำไว้ว่าความเจ็บป่วยในทารกนั้นซับซ้อนกว่าในผู้ใหญ่มาก ดังนั้นหากได้รับการรักษาอย่างเพียงพอเร็วเท่าใด โอกาสที่ทารกจะไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
มาตรการการรักษา
สิ่งสำคัญคือต้องระบุก่อนว่าเหตุใดคราบจุลินทรีย์จึงปรากฏในทารกหรือผู้ใหญ่เนื่องจากจะมีการกำหนดการบำบัดที่เหมาะสมที่สุดขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ การรักษาที่เป็นไปได้อาจรวมถึงการใช้ยาต้านเชื้อรา การล้างด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ยาแก้อักเสบ ยาฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และอื่นๆ
การก่อตัวของคราบจุลินทรีย์สีขาวบนเยื่อเมือกของลิ้นเป็นผลมาจากกระบวนการทางพยาธิวิทยาต่างๆในร่างกายมนุษย์ซึ่งส่งผลต่อระบบย่อยอาหารเป็นหลัก เพื่อที่จะกำจัดมันได้อย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องค้นหาสาเหตุของการก่อตัว
การเคลือบสีขาวหมายถึงอะไร?
โดยปกติเยื่อเมือกของลิ้นจะสะอาด มีสีชมพู และไม่ควรมีคราบจุลินทรีย์หรือสิ่งเจือปน สาเหตุทางพยาธิวิทยามีเงื่อนไขหลักหลายกลุ่มที่นำไปสู่การก่อตัวของการเคลือบสีขาวบนลิ้น
- พยาธิวิทยาของระบบย่อยอาหาร
- พยาธิวิทยาของอวัยวะและระบบต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัญหาระบบย่อยอาหาร
- โรคติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในช่องปาก
ลิ้นถูกเคลือบด้วยสีขาวในโรคต่างๆที่มีลักษณะบางอย่าง ขึ้นอยู่กับประเภทของกระบวนการทางพยาธิวิทยา คราบจุลินทรีย์อาจมีความเข้มข้น การแปล และความสม่ำเสมอที่แตกต่างกัน
สาเหตุของคราบจุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องกับพยาธิสภาพของระบบย่อยอาหาร
โรคของระบบย่อยอาหารใดบ้างที่ทำให้เกิดการเคลือบสีขาวบนลิ้น:
- โรคกระเพาะคืออาการอักเสบของกระเพาะอาหารที่อาจเกิดขึ้นกับความเป็นกรดลดลงหรือเพิ่มขึ้น หากกิจกรรมการทำงานของกระเพาะอาหารลดลง คราบจุลินทรีย์ก็จะสม่ำเสมอ ในขณะที่ลิ้นที่แห้งจะมีพื้นผิวเรียบ ด้วยความเป็นกรดที่เพิ่มขึ้น ลิ้นที่หยาบจะพัฒนาไปบนพื้นหลังของการเคลือบสีขาว
- แผลในกระเพาะอาหารคือการก่อตัวของข้อบกพร่องในเยื่อเมือกซึ่งมักจะอยู่บนพื้นหลังของความเป็นกรดที่เพิ่มขึ้นโดยมีลักษณะการขัดผิว (desquamation) ของเยื่อบุผิวของลิ้นซึ่งแสดงออกโดยการปรากฏตัวของเกาะที่มีคราบจุลินทรีย์สีขาวและความหยาบกร้าน
- แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น - การก่อตัวของข้อบกพร่องในส่วนต่าง ๆ ของเยื่อเมือก; โดดเด่นด้วยความจริงที่ว่าการเคลือบสีขาวนั้นมาพร้อมกับความรู้สึกแสบร้อนเล็กน้อยซึ่งมักจะรุนแรงขึ้นในตอนเย็น
- กรดไหลย้อน esophagitis คือการอักเสบของหลอดอาหารซึ่งเกิดจากการสำรอก (reflux ย้อนกลับ) ของเนื้อหาในกระเพาะอาหาร ด้วยกรดไหลย้อนการเคลือบสีขาวมักจะมาพร้อมกับอาการเสียดท้องเสมอ (ความรู้สึกแสบร้อนที่หน้าอกที่เกิดจากการระคายเคืองของหลอดอาหารจากเนื้อหาในกระเพาะอาหารที่เป็นกรด)
- ลำไส้อักเสบและลำไส้อักเสบเป็นกระบวนการอักเสบที่มีต้นกำเนิดต่างๆ (การติดเชื้อ, กิจกรรมไม่เพียงพอของต่อมย่อยอาหาร, อาหารที่ไม่ดี) ซึ่งมีการเคลือบสีขาวปรากฏที่โคนลิ้นและสามารถมองเห็นรอยฟันได้บนพื้นผิวด้านข้าง
- พยาธิวิทยาของตับโครงสร้างของระบบตับและท่อน้ำดี (ถุงน้ำดี, ท่อน้ำดี) และตับอ่อนมีลักษณะโดยการก่อตัวของการเคลือบสีขาวที่มีโทนสีเหลืองซึ่งมีสีเหลืองเข้มมากขึ้นที่โคนของลิ้น
เพื่อแยกแยะสาเหตุที่ทำให้เคลือบสีขาวปรากฏบนลิ้นสิ่งสำคัญคือต้องใส่ใจกับสัญญาณอื่น ๆ ของกระบวนการทางพยาธิวิทยาของระบบย่อยอาหาร - อาการปวดท้อง, อาการป่วยไม่สบาย (คลื่นไส้, อาเจียน, อุจจาระไม่เสถียร, ท้องอืด), อาการปวดเฉียบพลันใน ภาวะ hypochondrium ด้านขวา (รวมถึงอาการจุกเสียดในตับ) การย่อยอาหารและการดูดซึมอาหารบกพร่อง บางครั้งการเคลือบหนาแน่นสีขาวหรือสีขาวเทาบนลิ้นอาจเป็นหลักฐานของการพัฒนาพยาธิวิทยาด้านเนื้องอกวิทยาในกระเพาะอาหารหรือลำไส้
พยาธิวิทยาของอวัยวะและระบบอื่นๆ ที่ทำให้เกิดคราบจุลินทรีย์
การก่อตัวของคราบจุลินทรีย์สีขาวบนลิ้นไม่เพียงหมายถึงพยาธิสภาพของระบบย่อยอาหารเท่านั้น แต่ยังสามารถเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางพยาธิวิทยาในการแปลอื่น ๆ :
- ด้วยโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังที่มีต้นกำเนิดต่างๆ (ติดเชื้อ, แพ้, เป็นพิษ) - คราบจุลินทรีย์อาจไม่เด่นชัด; ส่วนใหญ่อยู่ที่ปลายลิ้น
- ด้วยภาวะไตวาย - การละเมิดกิจกรรมการทำงานของไตเนื่องจากโรคเรื้อรังต่างๆซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือการสะสมของผลิตภัณฑ์เมตาบอลิซึมในร่างกาย ในกรณีนี้จะมีการเคลือบสีขาวที่โคนลิ้น ในกรณีที่ไตวายอย่างรุนแรงจะมีกลิ่นไตที่มีลักษณะเฉพาะปรากฏขึ้นจากปาก
- ด้วยโรคเบาหวาน – ความผิดปกติของการเผาผลาญที่มีระดับน้ำตาลในเลือดและร่างกายเพิ่มขึ้น มันนำไปสู่การหยุดชะงักของต่อมน้ำลายที่มีการผลิตน้ำลายไม่เพียงพอ ลิ้นในกรณีนี้ถูกปกคลุมด้วยการเคลือบสีขาวหนาแน่นในบริเวณด้านหลัง
- ด้วยการรับประทานวิตามินบีไม่เพียงพอในร่างกาย (ปริมาณอาหารลดลง, ขโมยซินโดรมเนื่องจากโรคพยาธิในลำไส้) ซึ่งนำไปสู่การทำลายล้างของเยื่อบุผิวของลิ้นและปฏิกิริยาการอักเสบด้วยการเคลือบสีขาวลักษณะเฉพาะกับพื้นหลังของภาวะเลือดคั่ง (สีแดง ของลิ้น) และลิ้นมักจะเจ็บ
สาเหตุทางพยาธิวิทยาที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคของระบบย่อยอาหารมักเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ ในเด็ก คราบจุลินทรีย์อาจปรากฏขึ้นเนื่องจากโรคพยาธิในลำไส้
ปัจจัยการติดเชื้อในการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์สีขาว
มีสาเหตุการติดเชื้อหลายประการสำหรับการพัฒนาปฏิกิริยาการอักเสบของเยื่อเมือกของลิ้นโดยมีการก่อตัวของแผ่นสีขาวอยู่ ซึ่งรวมถึง:
- ไข้อีดำอีแดงคือการติดเชื้อเฉพาะที่เกิดจากเชื้อสเตรปโตคอกคัสบางชนิด โดยส่วนใหญ่จะเกิดในเด็ก และทารกจะมีคราบสีขาวปกคลุมพื้นหลังของปุ่มรับรสที่ขยายใหญ่ขึ้น (ขยายใหญ่ขึ้น) ซึ่งมีลักษณะคล้ายจุดสีแดง นอกจากนี้อาการดังกล่าวอาจเกิดขึ้นพร้อมกับอาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อสเตรปโทคอกคัสในผู้ใหญ่และเด็ก สาเหตุของคราบพลัคบางครั้งอาจเป็นอาการเจ็บคอซึ่งเกิดจากแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรค (ที่ก่อให้เกิดโรค) ประเภทอื่นๆ มักมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย
- การติดเชื้อ Candida - เกิดขึ้นเนื่องจากการกระตุ้นของพืชเชื้อราฉวยโอกาสซึ่งแสดงโดยเชื้อราในสกุล Candida มันมาพร้อมกับความจริงที่ว่าแผ่นโลหะเป็นสีขาวและมีลักษณะวิเศษและการอักเสบก็เกิดขึ้นทำให้รู้สึกแสบร้อนบนลิ้น คราบจุลินทรีย์ยังสามารถแปลเป็นภาษาท้องถิ่นใต้ลิ้น บนเยื่อเมือกของพื้นผิวด้านในของแก้ม และบนเหงือก การเปิดใช้งานของการติดเชื้อราสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากยาปฏิชีวนะ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการใช้ในระยะยาว) กับพื้นหลังของกิจกรรมภูมิคุ้มกันที่ได้มาหรือพิการ แต่กำเนิดการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์และรวมถึงโรคเบาหวานด้วย
เพื่อระบุสาเหตุของการก่อตัวของคราบจุลินทรีย์สีขาวบนลิ้นได้อย่างถูกต้องและเป็นกลางจะมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการการทำงานและเครื่องมือเพิ่มเติม
จะทำอย่างไรถ้ามีการเคลือบสีขาวบนลิ้น?
ก่อนที่จะกำจัดคราบจุลินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จำเป็นต้องวินิจฉัยสาเหตุของการปรากฏ เนื่องจากกลยุทธ์การรักษาจะขึ้นอยู่กับการกำจัดผลกระทบ
- สำหรับโรคของระบบย่อยอาหารจะใช้การรักษาแบบอนุรักษ์นิยมรวมถึงยาปฏิชีวนะยาลดกรดเพื่อลดความเป็นกรดการเตรียมเอนไซม์ตัวดูดซับในลำไส้ตัวป้องกันตับและยาต้านอาการกระตุก การเลือกใช้ยาเหล่านี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของโรคที่ได้รับการวินิจฉัย ตำแหน่ง และความรุนแรงของโรค
- ในกรณีของภาวะ hypovitaminosis จะต้องรวมวิตามินรวมที่มีวิตามินบีไว้ในการบำบัดด้วย
- การรักษาโรคหลอดลมอักเสบขึ้นอยู่กับการใช้ยาปฏิชีวนะ (หากติดเชื้อ) ยาขยายหลอดลม และยาขับเสมหะ
- การบำบัดด้วย Etiotropic สำหรับไข้ผื่นแดงและเจ็บคอนั้นดำเนินการโดยใช้ยาปฏิชีวนะและน้ำยาฆ่าเชื้อในท้องถิ่น (คอร์เซ็ตสำหรับอาการเจ็บคอ, น้ำยาบ้วนปาก)
- เมื่อวินิจฉัยภาวะไตวายการบำบัดจะดำเนินการในโรงพยาบาลซึ่งมักใช้การฟอกเลือด (การทำให้เลือดบริสุทธิ์จากผลิตภัณฑ์เมตาบอลิซึมด้วยฮาร์ดแวร์)
- ยาต้านเชื้อราในรูปแบบของน้ำยาล้างหรือยาเม็ดจะช่วยกำจัดคราบจุลินทรีย์จากการติดเชื้อแคนดิดา
การปรากฏตัวของคราบสีขาวที่ไม่ได้แสดงออกมาในตอนเช้าอาจเป็นผลมาจากปากและลิ้นแห้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบุคคลนั้นหายใจทางปากในเวลากลางคืน ในกรณีนี้คุณสามารถทำความสะอาดลิ้นได้โดยใช้แปรงที่ถูกสุขลักษณะพิเศษ หากคราบสีขาวบนลิ้นปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องและคงอยู่ตลอดทั้งวันสัญญาณนี้บ่งชี้ว่านี่เป็นเหตุผลทางพยาธิวิทยาสำหรับการพัฒนาของพวกเขา