เรื่องราวอันน่าทึ่งของโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก เอดา เลิฟเลซ บันทึกวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ของช่างหนุ่ม
คุณหญิง
เอด้า เลิฟเลซ
ในงานนิทรรศการเทคโนโลยีในปี พ.ศ. 2377 Charles Babbage ได้ประกาศต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก การพัฒนาใหม่– ย่าทวดของคอมพิวเตอร์ยุคใหม่
โดยปกติแล้ว สุนทรพจน์ของเขาเต็มไปด้วยคำศัพท์ทางคณิตศาสตร์และการคำนวณเชิงตรรกะ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่ได้เตรียมตัวไว้ที่จะเข้าใจ
และเอดา เลิฟเลซ (พ.ศ. 2358-2395) ไม่เพียงแต่เข้าใจทุกอย่างเท่านั้น แต่ยังโจมตีชาร์ลส์ด้วยคำถามเกี่ยวกับแก่นแท้ของปัญหาอีกด้วย
แบบเบจรู้สึกทึ่งกับความเฉียบคมของหญิงสาว ยิ่งกว่านั้น เอด้าอายุเกือบเท่าลูกสาวของเขาที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ผู้หญิงคนนี้คือใคร?
Ada Augusta Lovelace, née Byron เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2358 ในครอบครัวของ Lord Byron กวีชาวอังกฤษผู้โด่งดังและ Anabella ภรรยาของเขา หนึ่งเดือนหลังจากการคลอดบุตร ลอร์ดไบรอนออกจากครอบครัวและไม่เคยเห็นลูกสาวของเขาอีกเลย
อนาเบลลาทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้แน่ใจว่าลูกสาวของเธอไม่เคยเป็นกวีเลย เธอจ้างครูที่โดดเด่นของลูกสาวในขณะนั้นเพื่อสนใจวิชาคณิตศาสตร์และดนตรี และค่อนข้างประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ ระหว่างที่เธอป่วยหนัก เอดาซึ่งสูญเสียความสามารถในการเดินเป็นเวลาสามปียังคงศึกษาต่อ
ในปีพ.ศ. 2377 ที่งานนิทรรศการเทคโนโลยี ความหลงใหลในคณิตศาสตร์ของหญิงสาวคนหนึ่งได้สัมฤทธิผล โอกาสใหม่ที่ยอดเยี่ยมได้เปิดขึ้นด้วยความช่วยเหลือของคณิตศาสตร์เพื่อทำให้เครื่องจักรช่วยบุคคลในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์! ต่อจากนั้น Babbage ดูแลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของ Ada ส่งบทความและหนังสือที่เธอสนใจ และแนะนำให้เธอรู้จักกับงานของเขา
เมื่อมองไปไกลจากประสบการณ์ของตัวเองก็พูดได้เลยว่าเมื่อเข้ามาแล้ว ปีนักศึกษาเมื่อฉันเริ่มเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เครื่องแรก ฉันรู้สึกตกใจอย่างมากกับความสามารถของเครื่องจักรในด้านการคำนวณทางคณิตศาสตร์ และในแง่ของปริมาณการคำนวณและในแง่ของความเร็วและในกรณีที่ไม่มีข้อผิดพลาดในการคำนวณคอมพิวเตอร์ก็ทำทุกอย่างได้ดีมาก!
ในปี พ.ศ. 2378 เอดาแต่งงานกับลอร์ดคิง ซึ่งต่อมาได้รับตำแหน่งเอิร์ลแห่งเลิฟเลซ พวกเขามีลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน แต่ไม่มีทั้งลูก สามี หรือชีวิตทางสังคมก็ไม่สามารถฉีก Ada ออกจากคณิตศาสตร์ที่เธอรักได้ ไม่น่าแปลกใจที่เธอถูกเรียกว่า “นายหญิงแห่งตัวเลข”!
ในปี 1842 นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี Luis Menebrea ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาขีปนาวุธที่ Turin Artillery Academy ได้ตีพิมพ์ "เรียงความเกี่ยวกับเครื่องมือวิเคราะห์ที่คิดค้นโดย Charles Babbage" หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นใน ภาษาฝรั่งเศสและแบบเบจก็หันไปหาเอดา ออกัสตาเพื่อขอให้แปลมัน ภาษาอังกฤษ.
คุณหญิงเลิฟเลซตัดสินอย่างสมเหตุสมผลว่าแม่ของเธอเพียงพอที่จะดูแลหลานและคนรับใช้ในบ้านจำนวนมากได้กลับมาสู่โลกแห่งคณิตศาสตร์อย่างมีความสุข Ada Augusta ตัดสินใจอุทิศตนให้กับวิทยาศาสตร์ที่เธอชื่นชอบโดยสิ้นเชิง โดยทำงานกับเครื่องจักรของ Babbage และทำให้มันแพร่หลายอย่างกว้างขวาง
อย่างไรก็ตามสามีของเธอสนับสนุนเธออย่างเต็มที่ นี่อาจเป็นสาเหตุที่ชื่อของเขาลงไปในประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
เป็นเวลาเก้าเดือนที่เคาน์เตสทำงานกับเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้โดยเพิ่มเข้าไปตลอดทาง ความคิดเห็นของตัวเองและความคิดเห็น ความคิดเห็นและข้อสังเกตเหล่านี้ทำให้เธอโด่งดังในโลกแห่งวิทยาศาสตร์และในขณะเดียวกันก็แนะนำให้เธอเข้าสู่ประวัติศาสตร์
ในบันทึกฉบับหนึ่งของเธอเธอได้เขียนบันทึกแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติอย่างอิสระ โปรแกรมคอมพิวเตอร์- อัลกอริธึมที่เป็นรายการการดำเนินการสำหรับการคำนวณตัวเลขเบอร์นูลลี
การคาดการณ์ "ขั้นตอน" ของการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ Ada Lovelace เช่นเดียวกับนักคณิตศาสตร์สมัยใหม่เริ่มต้นด้วยการระบุปัญหา จากนั้นเลือกวิธีการคำนวณที่สะดวกสำหรับการเขียนโปรแกรม จากนั้นจึงดำเนินการเขียนโปรแกรมต่อ
"Notes" ของ Lovelace ได้วางรากฐานสำหรับการเขียนโปรแกรมสมัยใหม่ หนึ่งในแนวคิดที่สำคัญที่สุดในการเขียนโปรแกรมคือแนวคิดของลูป ซึ่งเธอให้คำจำกัดความไว้ดังนี้:
“วงจรของปฏิบัติการควรเข้าใจว่าเป็นกลุ่มของปฏิบัติการใดๆ ที่ถูกทำซ้ำมากกว่าหนึ่งครั้ง”
การจัดระเบียบลูปในโปรแกรมจะช่วยลดขนาดลงอย่างมาก โดยไม่มีการลดลงดังกล่าว การใช้งานจริงเครื่องมือวิเคราะห์จะไม่สมจริง เนื่องจากมันใช้งานได้กับการ์ดเจาะ และต้องใช้การ์ดจำนวนมากสำหรับแต่ละปัญหาที่ได้รับการแก้ไข
“เราสามารถพูดได้อย่างถูกต้องว่าเครื่องวิเคราะห์ทอรูปแบบพีชคณิตในลักษณะเดียวกับเครื่องทอผ้าของ Jacquard ที่สร้างดอกไม้และใบไม้”
– เขียน เคาน์เตส เลิฟเลซ เธอเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เข้าใจว่าเครื่องจักรทำงานอย่างไรและโอกาสที่จะเป็นอย่างไร
ในเวลานั้น Ada Lovelace ตระหนักดีถึงความสามารถอันมหาศาลของสากล คอมพิวเตอร์.
ในเวลาเดียวกัน เธอก็เข้าใจขีดจำกัดของความเป็นไปได้เหล่านี้อย่างถ่องแท้:
“ขอแนะนำให้ระมัดระวังไม่ให้เกินความสามารถของเครื่องมือวิเคราะห์ เครื่องมือวิเคราะห์ไม่ได้เสแสร้งสร้างสิ่งใหม่อย่างแท้จริง เครื่องจักรสามารถทำทุกอย่างที่เราบอกให้ทำได้ เธอสามารถติดตามการวิเคราะห์ได้ แต่ไม่สามารถทำนายความสัมพันธ์หรือความจริงเชิงวิเคราะห์ได้ ฟังก์ชั่นของเครื่องคือการช่วยให้เราได้รับสิ่งที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว”
ในเวลาเดียวกันในช่วงทศวรรษที่ 40 ของศตวรรษที่ 19 เธอเห็นสิ่งที่นักประดิษฐ์ Babbage กลัวที่จะคิดในเครื่องจักร:“ สาระสำคัญและวัตถุประสงค์ของเครื่องจักรจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราใส่เข้าไป เครื่องจักรจะสามารถเขียนเพลง วาดภาพ และแสดงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน”
ในครั้งแรกของฉันและน่าเสียดายเท่านั้น งานทางวิทยาศาสตร์รีวิวของ เอด้า เลิฟเลซ จำนวนมากประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมสมัยใหม่ด้วย บันทึกของเคาน์เตสเลิฟเลซถึงหนังสือของหลุยส์ เมเนเบรียมีความยาวเพียง 52 หน้า จริงๆ แล้วนี่คือทั้งหมดที่ Ada Lovelace ทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์ แต่ความกะทัดรัดนี้เป็นน้องสาวของความสามารถมหาศาล สามารถเปิดได้แม้กระทั่ง 52 หน้า โลกรอบตัวเราเกินกว่าจะรับรู้
สมองของฉันเป็นมากกว่าสิ่งมีชีวิต ฉันหวังว่าเวลาจะบอก...
...เป็นเรื่องดีสำหรับจักรวาลที่แรงบันดาลใจและความทะเยอทะยานของฉันเชื่อมโยงกับโลกแห่งจิตวิญญาณตลอดไป
และฉันจะไม่จัดการกับดาบ ยาพิษ และวางอุบายแทน X, Y และ Z
เอเอ เลิฟเลซ
การเขียนโปรแกรมภาคปฏิบัติในความหมายสมัยใหม่ปรากฏอย่างไรและทำไม? เช่นเดียวกับสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่อื่นๆ มันมาจากความเกียจคร้าน ในปี พ.ศ. 2489 คอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์เครื่องแรก ENIAC ถูกสร้างขึ้น ในการเปลี่ยนอัลกอริธึมการคำนวณ คุณต้องวิ่งไปรอบๆ ห้องเป็นเวลาสองสามวัน เชื่อมต่อและยกเลิกการเชื่อมต่อสวิตช์ 6,000 ตัว เมื่อนักวิทยาศาสตร์เบื่อหน่ายกับการวิ่ง พวกเขาเริ่มพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่เข้าใจโปรแกรมในรหัสเครื่อง และจากนั้นก็เกิดภาษาการเขียนโปรแกรมขึ้น
ขณะเดียวกัน รากฐานทางทฤษฎีการเขียนโปรแกรมสมัยใหม่ถูกวางลงเมื่อ 100 ปีก่อนการสร้างคอมพิวเตอร์เครื่องแรก และผู้หญิงคนนั้นก็ทำมัน
เอดา ออกัสตา เลิฟเลซ เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2358 เธอเป็นลูกสาวคนเดียวที่ชอบด้วยกฎหมายของจอร์จ กอร์ดอน ไบรอน กวีชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ แอนนาเบลลา ไบรอน แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา เป็นแฟนตัวยงของคณิตศาสตร์และปรัชญา และมีความหลงใหลในมัน วิทยาศาสตร์ที่แน่นอนได้รับสมญานามในโลกว่า “ราชินีแห่งสี่เหลี่ยมด้านขนาน” น่าแปลกใจไหมที่บุคลิกที่สดใสสองคนที่มีความโน้มเอียงที่แตกต่างกันไม่สามารถเข้ากันได้ - ไม่นานหลังจากที่ลูกสาวของพวกเขาเกิดทั้งคู่ก็แยกทางกัน ไบรอนอุทิศบทเหล่านี้ให้กับลูกสาวของเขาในบทกวี” ชิลด์ ฮาโรลด์”:
“ลูกสาว ลูกเจี๊ยบ เอด้าที่รัก! ถึงแม่!
คุณดูเหมือนญาติคนเดียวของคุณหรือเปล่า?
ในวันที่แยกจากกันนั้นฉันก็เปล่งประกายได้
มีความหวังสีฟ้าอยู่ในดวงตาของคุณ ... "
Ada ได้รับการเลี้ยงดูและการศึกษาที่ยอดเยี่ยม - เธอเล่นได้หลายอย่าง เครื่องดนตรีรู้ภาษา ประวัติศาสตร์ ปรัชญา แต่ด้วยความพยายามของแม่ สถานที่ที่สำคัญที่สุดในการศึกษาของเธอคือการเรียนคณิตศาสตร์ ครูของเธอคือนักคณิตศาสตร์และนักตรรกศาสตร์ชาวอังกฤษชื่อดัง Augustus de Morgan ในปี ค.ศ. 1834 เธอได้รับการแนะนำให้รู้จักกับนักคณิตศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชาร์ลส์ แบบเบจผู้ประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ดิจิทัลเครื่องแรกที่เขาเรียกว่า "เชิงวิเคราะห์" แบบเบจซึ่งเป็นคนรู้จักของแม่ได้สนับสนุนให้น้องอาดาเรียนคณิตศาสตร์ติดต่อกับเธอส่งเธอไป บทความทางวิทยาศาสตร์และหนังสือสำหรับศึกษา
เมื่อ Ada Augusta Byron เริ่มปรากฏตัวในสังคม เธอได้สร้างความรู้สึกขึ้นมา ทั้งด้วยความงามอันสง่างามและลึกลับของเธอ และสติปัญญาอันชาญฉลาดของเธอ - รูปลักษณ์แบบเทวดา, จิตใจที่ชั่วร้าย“ - ผู้ร่วมสมัยของเธอพูดถึงเธอ ในสมัยนั้นในสังคมมีการพูดถึง หัวข้อทางวิทยาศาสตร์อยู่ใน แฟชั่นที่ยิ่งใหญ่และเอดามีผู้เชี่ยวชาญที่ทำให้งุนงงในข้อพิพาททางวิทยาศาสตร์มากกว่าหนึ่งครั้ง
ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่นิยมที่ว่าอุดมคติของผู้ชายคือ "มีเสน่ห์ ช่างโง่เขลา" มีผู้คนมากมายเกินพอที่ต้องการพิชิตความงามอันลึกลับ ในปี พ.ศ. 2378 เอดา ไบรอนแต่งงานกับลอร์ดคิงวัย 29 ปี ซึ่งต่อมาได้เป็นเอิร์ลแห่งเลิฟเลซ ดังนั้น ผู้หญิงฉลาดแน่นอนว่าเลือกสามีที่สนับสนุนและสนับสนุนงานด้านวิทยาศาสตร์ของเธออย่างเต็มที่ ตามความคิดของคนรุ่นเดียวกัน การแต่งงานของพวกเขามีความสุข ทั้งคู่มีวิถีชีวิตแบบฆราวาส จัดงานเลี้ยงตอนเย็นและงานเลี้ยงรับรองเป็นประจำในที่ดินของพวกเขา และพวกเขาก็มีลูกสามคน
บรรณาธิการนิตยสาร Examiner เคยบรรยายไว้ดังนี้: “ เธอน่าทึ่งมาก และอัจฉริยะของเธอไม่ใช่บทกวี แต่เป็นคณิตศาสตร์และอภิปรัชญา จิตใจของเธออยู่ในนั้น การเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องซึ่งเชื่อมโยงกับความต้องการอันมากมาย นอกเหนือจากคุณสมบัติของความเป็นชาย เช่น ความหนักแน่นและความมุ่งมั่นแล้ว Lady Lovelace ยังโดดเด่นด้วยความละเอียดอ่อนและความประณีตของธรรมชาติที่ประณีตที่สุด มารยาท รสนิยม การศึกษาของเธอ... เป็นแบบผู้หญิง ในทางที่ดีของคำนี้และผู้สังเกตการณ์ผิวเผินไม่สามารถคาดเดาพลังและความรู้ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความน่าดึงดูดใจของผู้หญิงได้”
ในช่วง 5 ปีแรกของการแต่งงาน Ada ไม่มีเวลาสำหรับวิทยาศาสตร์ - เธอให้กำเนิดลูกชายสองคนและลูกสาวทีละคน อย่างไรก็ตาม ในปี 1841 Ada Lovelace กลับมาศึกษากับ Babbage และเริ่มศึกษา Analytical Engine ของเขา
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2385 นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี L.F. Menabrea ตีพิมพ์บทความ "เรียงความเกี่ยวกับเครื่องมือวิเคราะห์ที่คิดค้นโดย Charles Babbage" เอดาแปลบทความนี้เป็นภาษาอังกฤษ และแบบเบจเสนอความเห็นเกี่ยวกับการแปลให้เธอฟัง ความคิดเห็นเหล่านี้ซึ่งมีปริมาณมากกว่าข้อความต้นฉบับของบทความที่ลงไปในประวัติศาสตร์ ในนั้น Ada ไม่เพียงแต่รวบรวมคำอธิบายแรกของโลกเกี่ยวกับการทำงานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ยังเขียนโปรแกรมสามโปรแกรมสำหรับคอมพิวเตอร์นั้นด้วย เป็นครั้งแรกที่แนะนำแนวคิดมากมายที่ไม่มีภาษาการเขียนโปรแกรมไม่สามารถทำได้หากไม่มีในปัจจุบัน - ตัวแปรการทำงาน การมอบหมาย ลูป การซ้อน ลูป สิ่งนี้ทำให้เราบอกได้ว่าเธอเป็นผู้วางรากฐานของการเขียนโปรแกรมเชิงทฤษฎี
โปรแกรมแรกคือโปรแกรมสำหรับแก้ระบบเชิงเส้นสองตัว สมการพีชคณิตโดยไม่ทราบค่า 2 รายการ รายการที่สองใช้สำหรับคำนวณค่า ฟังก์ชันตรีโกณมิติอันที่สามใช้สำหรับคำนวณเลขแบร์นูลลี Ada ไม่เพียงแต่เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจเท่านั้น แต่ยังเป็นสตรีนักกวีอีกด้วย เขียนถึง Babbage เกี่ยวกับโครงการของเธอ: “ผมอยากจะแนะนำตัวอย่างในหมายเหตุข้อหนึ่ง: การคำนวณเลขเบอร์นูลลีเป็นตัวอย่างของเครื่องคำนวณฟังก์ชันที่ไม่ได้กำหนดไว้โดยไม่ต้องแก้โดยใช้ศีรษะและมือของมนุษย์ก่อน ฉันคือปีศาจหรือนางฟ้า? ฉันทำงานเหมือนปีศาจเพื่อคุณ Charles Babbage; ฉันกำลังค้นหาตัวเลขของเบอร์นูลลีเพื่อคุณ”
น่าเสียดายที่เลดี้เลิฟเลซมีสุขภาพย่ำแย่และในไม่ช้าก็ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งเธอเสียชีวิตเมื่ออายุ 37 ปีในปี พ.ศ. 2395 แต่เครื่องมือวิเคราะห์ของ Babbage ยังคงเป็นทฤษฎี - มันล้ำหน้าและไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในช่วงชีวิตของเขา เทคโนโลยีในยุคนั้นและความจำเป็นในการลงทุนทางการเงินจำนวนมากไม่อนุญาต ตัวอย่างเช่น ในเวลานั้น พวกเขาไม่ทราบวิธีแปรรูปโลหะอย่างรวดเร็วด้วยระดับความแม่นยำที่ต้องการ และโครงการนี้ต้องใช้เกียร์หลายพันชิ้นเพียงอย่างเดียว
“สาระสำคัญและวัตถุประสงค์ของเครื่องจักรจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราใส่เข้าไป เครื่องจักรจะสามารถเขียนเพลง วาดภาพ และแสดงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน” - คำพูดของ Ada Lovelace เหล่านี้กลายเป็นคำทำนาย เธอสามารถเห็นจุดประสงค์ของคอมพิวเตอร์เมื่อ 100 ปีก่อนจะถูกสร้างขึ้น
ภาษาโปรแกรม Ada พัฒนาขึ้นในปี 1980 โดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ได้รับการตั้งชื่อตาม Ada Lovelace
George Byron เป็นหนึ่งในนักเขียนคลาสสิกชาวอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ทุกคนรู้จักผลงานของเขา อย่างไรก็ตาม ลูกสาวของเขามักจะถูกกล่าวถึงเมื่อผ่านไป อย่างไรก็ตาม Ada Lovelace เป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุด (หากไม่ใช่คนที่สำคัญที่สุด) ในการเขียนโปรแกรม และถึงแม้ว่าการมีส่วนร่วมของ Ada จะเล็กน้อย แต่ก็เกิน 50 หน้านิดหน่อย แต่หน้าอะไรล่ะ! นักวิทยาศาสตร์หลายคนที่เขียนวิทยานิพนธ์หลายสิบเล่มและไม่มีชื่อเสียง แต่เอดากลับมีชื่อเสียงด้วยเพียงห้าสิบหน้าเท่านั้น เราจะมาเล่าเรื่องราวของเอด้า เลิฟเลซ โปรแกรมเมอร์หญิงคนแรก
วัยเด็กของ Ada Lovelace
10 กันยายน พ.ศ. 2358 ลอนดอน Anna Isabella ภรรยาของ George Byron ให้กำเนิดเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งตั้งชื่อตามน้องสาวของกวี Augusta ชื่อกลางของเธอคือ Ada แม่ของหญิงสาวหลงรักคณิตศาสตร์อย่างบ้าคลั่งซึ่งลูกสาวของเธอรับเลี้ยงมาจากเธอ อย่างไรก็ตาม วัยเด็กที่มีความสุขถูกบดบัง: เอดาเห็นพ่อของเธอเพียงครั้งเดียวในชีวิตเมื่อเธออายุได้หนึ่งเดือน หลังจากนั้นจอร์จก็ลงนามในเอกสารและหย่ากับภรรยาของเขา หนังสือของเขาทั้งหมดถูกลบออกจากห้องสมุดครอบครัวของหญิงสาว และตลอดชีวิตของเธอเธอถูกเรียกว่าเอดา ไม่ใช่ชื่อที่พ่อของเธอตั้งให้เธอ
เอด้าเป็นสาวน้อยตัวเตี้ย เธอเติบโตขึ้นมาด้วยการศึกษาที่เหลือเชื่อ เพราะแม่ของเธอจ้างอาจารย์คณิตศาสตร์ที่เก่งที่สุดมาให้เธอ และลูกสาวของฉันก็หลงรักคณิตศาสตร์ เช่นเดียวกับแม่ของเธอ ที่ถูกเรียกว่า "ราชินีแห่งสี่เหลี่ยมด้านขนาน"
เยาวชนของเอดา เลิฟเลซ
เมื่ออายุได้ 17 ปี อาดาก็ถูกนำเสนอต่อศาล เพราะครอบครัวของเธอค่อนข้างมีชื่อเสียง หลังจากนั้นเธอมักจะเริ่มเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองและงานเลี้ยงอาหารค่ำ และเริ่ม "ออกสู่สังคม" ชั้นเรียนคณิตศาสตร์ด้วย ครูที่ดีที่สุดหญิงสาวยังคงดำเนินต่อไปเช่นเดิม จากแมรี ซอมเมอร์วิลล์ (นักคณิตศาสตร์ชาวสกอตแลนด์ เธอเป็นครูของเอด้า ที่เธอยกย่อง) เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับชาร์ลส์ แบบเบจ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษและศาสตราจารย์ที่เคมบริดจ์ เมื่อได้พบกับเขาเป็นการส่วนตัว เธอเริ่มสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับศาสตราจารย์ มิตรภาพอันแน่นแฟ้นเริ่มต้นขึ้นระหว่างนักคณิตศาสตร์ทั้งสอง และหลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่หยุดสื่อสารกัน หลังจากนั้นเอดาก็ได้พบกับคนอื่นๆ อีกหลายคน คนที่โดดเด่น: นักฟิสิกส์ นักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ นักเขียน
ชาร์ลส์ แบบเบจ
ชาร์ลส์ แบบเบจ
การแต่งงานและชีวิตแต่งงาน
สามปีผ่านไปแล้ว เอดาแต่งงานกับวิลเลียม คิง วัย 29 ปี ซึ่งเป็นบารอนชาวอังกฤษ วิลเลียมสนับสนุนภรรยาของเขาในทุกความพยายามของเธอและรักเธออย่างบ้าคลั่ง การแต่งงานครั้งนี้มีความสุข แม้ว่าในเวลานั้นผู้หญิงในสาขาวิทยาศาสตร์จะมีตำแหน่งที่ไม่มีใครอยากได้ แต่ Ada ก็มีโอกาสทำสิ่งที่เธอชอบ แต่เธอก็มีสื่อสำหรับการวิจัยอยู่เสมอ นอกจากนี้ เนื่องจากความมั่งคั่งของสามีของเธอ การกระทำของ Ada จึงไม่ถูกจำกัดทางการเงิน ทั้งคู่มีลูกสามคน: ไบรอน (เพื่อนในอนาคต), แอนน์ (นักเดินทางในอนาคต, ตีพิมพ์หนังสือหลายเล่ม) และราล์ฟ (นักเขียนในอนาคต)
ครอบครัวอาดา เลิฟเลซ: วิลเลียม คิง, ไบรอน คิง, แอนน์ คิง (บันท์), ราล์ฟ คิง
ตระกูลกษัตริย์เป็นผู้นำ ชีวิตทางสังคมและมักเป็นเจ้าภาพเลี้ยงรับรอง การประชุม และงานเลี้ยงอาหารค่ำ ในสังคมนี้ เอดาเป็นแขกรับเชิญ เธอไม่เพียงแต่พูดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นภรรยาและผู้หญิงที่เป็นแบบอย่างอีกด้วย สำหรับความคิดทางคณิตศาสตร์ทั้งหมดของเธอ Ada มีความสง่างามและเป็นผู้หญิง เป็นแม่บ้านที่เก่งที่สุดคนหนึ่งและมาก คนที่น่าสนใจ- มันรวมกันได้อย่างน่าประหลาดใจ คุณสมบัติที่ดีที่สุดพ่อแม่ของเธอ: จิตใจที่เย็นชาและความซับซ้อนของแม่ ลักษณะทางอารมณ์ของพ่อ
เอด้า เลิฟเลซในสาขาวิทยาศาสตร์
อย่างไรก็ตาม ให้เรากลับมาที่ Ada ในฐานะนักคณิตศาสตร์อีกครั้ง เธอยังคงสื่อสารกับ Charles Babbage ต่อไปแม้หลังจากแต่งงานแล้วและทำการค้นคว้ากับเขา ช่วย Babbage สร้างเครื่องมือวิเคราะห์ของเขา อย่างไรก็ตามมากที่สุด งานที่สำคัญในชีวิตของเธอมีการแปลบทความโดยนักคณิตศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Luigi Menabrea และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
แผนภาพของเอดา เลิฟเลซ
งานนี้ไม่สำคัญนักในขณะที่เผยแพร่ แต่ในอนาคตจะประสบความสำเร็จอย่างมากและเกือบจะมีความสำคัญขั้นพื้นฐานในการเขียนโปรแกรม เพราะจริงๆ แล้ว Ada ได้เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก ในความคิดเห็นของเธอ เธอกล่าวว่าในอนาคตจะมีเครื่องจักรที่จุดประสงค์จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความซับซ้อน Ada ทำนายว่า "เครื่องจักรจะสามารถเขียนเพลง วาดภาพ และแสดงวิธีการใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์ได้" โดยบรรยายถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของ Charles Babbage เพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเธอ น่าทึ่งมากที่เธอทำนายความสามารถของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ในศตวรรษที่ 19 ได้อย่างแม่นยำ โดยทั่วไปแล้วหนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์ภายใต้ชื่อ AAL และมีมาก ข้อมูลเพิ่มเติมกว่าการบันทึกต้นฉบับ เอดาเป็นผู้บัญญัติคำว่า "วงจร" และ "เซลล์ทำงาน"
เอดามีชีวิตที่สั้นแต่มีความสุขและสนุกสนาน เมื่ออายุ 36 ปี เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ แพทย์สมัยใหม่บอกว่าเป็นมะเร็งมดลูก น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถรักษาให้หายได้ และเอดาก็เสียชีวิตจากการเอาเลือดออกเมื่ออายุ 36 ปี เธอถูกฝังอยู่ในห้องใต้ดินกับพ่อของเธอ ซึ่งเธอไม่รู้จักในช่วงชีวิตของเธอ
เพื่อเป็นเกียรติแก่ Ada Lovelace นักคณิตศาสตร์หญิงผู้มีความสามารถซึ่งล้ำหน้าเธอมาก ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมหลัก ADA ที่สร้างขึ้นโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาให้เป็นภาษาโปรแกรมหลัก (ใน ในขณะนี้ถูกใช้โดยกองทัพสหรัฐฯ และ NASA)
นอกจากนี้ เมืองเล็กๆ สองเมืองในอลาบามาและโอคลาโฮมายังตั้งชื่อตามเธออีกด้วย หลังนี้มีวิทยาลัยที่ตั้งชื่อตามเธอด้วย
เอด้า เลิฟเลซ ประวัติโดยย่อและ ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากชีวิตของโปรแกรมเมอร์และนักคณิตศาสตร์หญิงคนแรกที่นำเสนอในบทความนี้
ประวัติโดยย่อของ เอดา เลิฟเลซ
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของรายการในอนาคต (อาดา เลิฟเลซ เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2358) เกิดมาในครอบครัวของแอนนาเบลลา และบัท กวีชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ออกจากครอบครัวไปเมื่อเด็กหญิงอายุเพียง 2 เดือนและไม่เคยเห็นเธออีกเลย แม่ของเธอเลี้ยงดูเธออย่างดีเยี่ยมโดยจ้างนักคณิตศาสตร์ชื่อดัง Augustus de Morgan, Mary Somerville และ Pierre-Simon Laplace มาเป็นครูให้กับลูกสาวของเธอ จากเธอหญิงสาวได้รับความรักในวิชาคณิตศาสตร์ เมื่ออายุ 17 ปี เธอเริ่มออกไปสู่โลกภายนอก และในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2376 เธอได้พบกับนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง
ในปี พ.ศ. 2378 เอดาแต่งงานกับลอร์ดคิงซึ่งมีอายุมากกว่าเธอ 10 ปี ต่อมาท่านลอร์ดได้รับตำแหน่งเลิฟเลซ สามีของเธอไม่ได้สนใจเธอ กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และมิตรภาพกับชาร์ลส์ แบบเบจ หลังเห็นลูกสาวของเขาในตัวเธอและความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเธอก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจ ในปี พ.ศ. 2379 คู่รักเลิฟเลซมีลูกชาย 2 ปีต่อมามีลูกสาวหนึ่งคน และในที่สุดในปี พ.ศ. 2382 ก็มีลูกชายอีกคนเกิด หลังจากคลอดบุตรคนที่สาม Babbage ขอให้ Ada หาตำแหน่งครูสอนคณิตศาสตร์ให้กับเธอ และในปี พ.ศ. 2384 เธอเริ่มสนใจที่จะศึกษาเครื่องจักรของนักวิทยาศาสตร์ และยังรู้สึกตื่นเต้นกับแนวคิดในการทำให้มันมีชีวิตอีกด้วย นักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนในยุคนั้นเริ่มทำงานร่วมกันซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ในปี พ.ศ. 2385 บทความของ Menabrea ได้รับการตีพิมพ์ เอด้าเริ่มแปลมัน เธอส่งแต่ละย่อหน้าที่แปลไปที่ Babbage เขาแสดงความคิดเห็นและส่งกลับ เคาน์เตสแปลเสร็จเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2386
ศูนย์กลางในงานของเธอคือการรวบรวมระบบการคำนวณตัวเลขเบอร์นูลลี ในความคิดเห็นของเธอต่อบทความนี้ เธออ้างถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์สามโปรแกรมแรกของโลกที่เธอรวบรวมสำหรับอุปกรณ์ของ Babbage สิ่งที่ง่ายที่สุดคือโปรแกรมสำหรับแก้ปัญหาพีชคณิตสองข้อ สมการเชิงเส้นกับคนไม่รู้จัก ระบบที่สองคำนวณค่าของฟังก์ชันตรีโกณมิติ Lovelace ได้แนะนำโครงสร้างพื้นฐานของการเขียนโปรแกรมแบบมีโครงสร้างสำหรับเธอ - ลูป โปรแกรมที่สามของเธอได้รับการออกแบบมาเพื่อคำนวณตัวเลขเบอร์นูลลีโดยใช้การวนซ้ำที่ซ้อนกัน
ออกัสตา อาดา ไบรอน-คิงเคาน์เตสแห่งเลิฟเลซ ประสูติเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2358 ในอังกฤษ เธอเป็น ลูกสาวคนเดียวกวีชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ George Noel Gordon Byron และ Anna Isabella Byron, née Milbank ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2359 เมื่อออกัสตา อาดาอายุได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ไบรอน ผู้โรแมนติกและกบฏได้ออกจากอังกฤษตลอดไปเพื่อไปปฏิวัติการิบัลเดียนในอิตาลี เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะทิ้งตำนานไซเบอร์เนติกส์ในอนาคตไว้ในเปลของเขา พวกเขาไม่เคยถูกลิขิตให้มาพบกัน แต่มักจะนึกถึงลูกสาวของเขา ไบรอนทุ่มเทถ้อยคำที่สัมผัสและอ่อนโยนให้เธอในบทกวี "Childe Harold":
“ลูกสาว นกน้อย เอด้าที่รัก คุณดูเหมือนแม่ของคุณที่รักเพียงคนเดียวของคุณหรือไม่? ในวันที่แยกจากกันนั้นฉันก็เปล่งประกายได้ มีความหวังสีฟ้าอยู่ในดวงตาของคุณ ... "
นางไบรอน ได้รับสมญานามว่า "ราชินีแห่งสี่เหลี่ยมด้านขนาน" โดยสามีของเธอ วัยเด็กพยายามปกป้องลูกสาวของเธอจากอิทธิพลร้ายแรงของพ่อที่ "หลบหนี" ของเธอ แม้แต่ชื่อของ Augustus Ada ก็ถูกย่อให้เหลือ Ada ดังนั้นการเอ่ยถึงชื่อของหญิงสาวจะหายไปจากบ้านตลอดไป - ลูกพี่ลูกน้องไบรอนซึ่งเขามีมากกว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวทำให้เขาเป็นอมตะใน Stanzas ถึง Augusta
Ada ได้รับความรักในวิชาคณิตศาสตร์จากแม่ของเธอ และจากพ่อของเธอ รวมถึงคุณลักษณะอื่นๆ อีกมากมาย อุปนิสัยทางอารมณ์ มีหลักฐานว่าหญิงสาวแอบเขียนบทกวีอย่างละอายใจเหมือนโรคทางพันธุกรรม เมื่ออายุได้ 12 ปี เธอได้วาดภาพในอัลบั้มของเด็กผู้หญิง อากาศยานการออกแบบของตัวเอง ตั้งแต่นั้นมา ไม่เพียงแต่ “เทพนิยาย” เท่านั้นที่ “ค้างคืน” อยู่ในห้องของเอดา กรีกโบราณ" แต่ยังรวมถึงผลงานของเบลส ปาสคาล, ไอแซก นิวตัน, พี่น้องเบอร์นูลลี และผู้ทรงคุณวุฒิด้านคณิตศาสตร์คนอื่นๆ ด้วย ทุกคนทำนายโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับเด็ก แต่ในไม่ช้าก็มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น: Ada Augusta ล้มป่วยด้วยโรคหัด รักษาโรคร้ายแรงนี้ใน ต้น XIXพวกเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรมาหลายศตวรรษ เด็กหญิงพิการและใช้เวลาอยู่บนเตียงถึงสามปีเต็ม
อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ก็ไม่สูญเปล่า Lady Byron ผู้ไม่ย่อท้อได้จ้างครูที่ดีที่สุดในลอนดอนและหญิงสาวก็เรียนต่อที่บ้าน ครูคนหนึ่งของ Ada คือ Augustus de Morgan นักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ชาวสก็อตผู้ลึกลับ เขาแต่งงานกับแมรี ซอมเมอร์วิลล์ผู้โด่งดัง ซึ่งครั้งหนึ่งแปลจากภาษาฝรั่งเศส “บทความเกี่ยวกับกลศาสตร์ท้องฟ้า” โดยนักดาราศาสตร์ปิแอร์ ลาปลาซ แมรี่คือผู้ที่กลายมาเป็นลูกศิษย์ของเธอซึ่งปัจจุบันเรียกว่า "แบบอย่าง"
เดอ มอร์แกน ผู้เชี่ยวชาญด้านตัวเลขลึกลับ สะกดใจหญิงสาวด้วยความมหัศจรรย์ของตัวเลข เปลี่ยนตรรกะที่เข้มงวดของคณิตศาสตร์ให้กลายเป็นเวทมนตร์ที่กำหนดตัวตนของเธอ ชะตากรรมในอนาคต- ศาสตราจารย์เดอ มอร์แกนมีความเห็นสูงเกี่ยวกับความสามารถของนักเรียนของเขา และยังเปรียบเทียบเธอกับมาเรีย แอกเนซี นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีผู้โดดเด่นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เอดายังเล่นเครื่องดนตรีได้หลายอย่างอย่างยอดเยี่ยมและพูดได้หลายภาษา และแล้วจังหวะที่โรคก็ทุเลาลงก็มาถึง สิงหาคม อาดู ไบรอน-คิงผมรอเล่มแรกอยู่...
นี่เป็นช่วงเวลาที่โบนาปาร์ตผู้พ่ายแพ้ยังคงอิดโรยอยู่บนเกาะเซนต์เฮเลนา และยุโรปก็ได้รักษาบาดแผลจากสงครามแล้วและรีบเร่ง "สู่วิทยาศาสตร์" กลายเป็นกระแสนิยมที่จะพูดถึงปลาและสัตว์ทะเล การเคลื่อนไหวของทรงกลมท้องฟ้าและผู้ทรงคุณวุฒิ และเข็มขัดของโครงสร้างโลก แน่นอนว่าทุนการศึกษาสำหรับสุภาพบุรุษทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยความสมัครเล่น แม้แต่คำว่า "นักวิทยาศาสตร์" ก็ยังไม่มีการประดิษฐ์ขึ้น (คำว่า "นักวิทยาศาสตร์" เริ่มใช้เฉพาะในปี พ.ศ. 2379 เท่านั้น)
และในเวลานี้เองที่ปรากฏตัวในสังคมฆราวาส Ada Byron ได้สร้างความรู้สึก ผอมเพรียว ซีดอย่างประณีต (ถูกบังคับให้กักขังภายในกำแพงทั้งสี่เป็นเวลาสามปี) ฉลาด มีการศึกษาดีเยี่ยม และยังเป็นลูกสาวของไบรอนคนเดียวกันนั้นด้วย! สุภาพบุรุษในเมืองหลวงปิดล้อมหญิงสาวสวย สูญเสียความเข้มแข็งแบบอังกฤษดั้งเดิมไปทันที เธอเป็น นักคณิตศาสตร์อัจฉริยะ- จิตใจของเธอเคลื่อนไหวตลอดเวลา เอด้าเรียกร้องตัวเองมาก นอกเหนือจากคุณสมบัติของความเป็นชายเช่นความหนักแน่นและความมุ่งมั่นแล้ว เธอยังโดดเด่นด้วยความละเอียดอ่อนและความซับซ้อน มารยาท รสนิยม และการศึกษาของเธอมีความเป็นผู้หญิงในความหมายที่ดี ความหลงใหลซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ออกุสตุส เดอ มอร์แกนหว่านในสมัยของเขานั้นให้ผลมากมาย ความงาม คณิตศาสตร์ และเวทย์มนต์ - ที่นี่ ภาพเหมือนจริงเอด้า ไบรอน. แล้วสังคมก็หลงรักเธอ!
ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงปี พ.ศ. 2377 ในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่บ้านไบรอน ชื่อของชาร์ลส์ แบบเบจ ศาสตราจารย์วิชาคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้ถูกเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก แมรี ซอมเมอร์วิลล์ ผู้ซึ่งเปลี่ยนจากครูที่เข้มงวดมาเป็นเพื่อนสนิทของเอดา ได้พูดอย่างกระตือรือร้นเกี่ยวกับ “เครื่องวิเคราะห์ของเซอร์ชาร์ลส์” ที่ไม่ธรรมดา:
“เธอไม่เพียงแต่สามารถทำนายผลลัพธ์ของเหตุการณ์ได้เท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ด้วย เครื่องของ Babbage เป็นสากล! สิ่งนี้สามารถนำไปใช้ได้ทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ การเมือง และการเดิมพัน”
หลายวันต่อมา “เอด้าตัวน้อย” และ “ชาร์ลส์ผู้ยิ่งใหญ่” ได้พบกัน เมื่อถึงเวลานั้น เครื่องคำนวณทางปัญญาของ Babbage มีมานานกว่าสิบปีและเป็นอุปกรณ์ที่ก้าวหน้าที่สุดในยุคนั้น เธอสามารถบวกเลขได้สูงสุด 60 ตัวต่อนาที และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เลยในการคูณตัวเลขห้าสิบหลักสองตัว โดยพื้นฐานแล้ว สัตว์ประหลาดตัวนี้เป็นเครื่องบวกขนาดยักษ์ที่ควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์นับและจัดเก็บข้อมูล ในเวลานั้นมันเป็นเรื่องที่ทันสมัยในสังคมชั้นสูงที่จะพูดถึงเครื่องจักรมหัศจรรย์นี้ คณะผู้แทนสตรีชั้นสูงในชุดเดรสส่งเสียงดังเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการของนักวิทยาศาสตร์
August de Morgan กล่าวถึงการพบกันครั้งแรกของ Ada กับคอมพิวเตอร์ต้นแบบว่า:
“ในขณะที่แขกบางคนมองด้วยความประหลาดใจกับอุปกรณ์ที่น่าทึ่งนี้ผ่านสายตาของคนป่าเถื่อนที่เห็นกระจกเป็นครั้งแรก แต่มิสไบรอนซึ่งยังเด็กมากก็สามารถเข้าใจการทำงานของเครื่องจักรและชื่นชมได้ ศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่สิ่งประดิษฐ์"
ออกัสตา อาดา ไบรอน-คิงและ Babbage แบ่งปันความหลงใหลในวิทยาศาสตร์ เขาอายุมากกว่าเธอ 24 ปี และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่เคยไปไกลกว่าความร่วมมือทางธุรกิจ
ชีวิตครอบครัวของ Ada มีความสุขมากกว่าชีวิตพ่อแม่ของเธอ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2378 เธอแต่งงานกับวิลเลียม กษัตริย์องค์ที่ 18 ซึ่งต่อมากลายเป็นเอิร์ลแห่งเลิฟเลซคนแรก วิลเลียม เลิฟเลซ ชายผู้สงบและสุภาพ เห็นด้วยกับการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ของภรรยาของเขา ทั้งคู่เป็นผู้นำวิถีชีวิตทางสังคม โดยจัดงานเลี้ยงตอนเย็นและงานเลี้ยงรับรองเป็นประจำซึ่งมี “ทั่วทั้งลอนดอน” เข้าร่วม ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2379 เอดามีลูกชายคนหนึ่ง และในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2381 มีลูกสาวหนึ่งคน และอีกหนึ่งปีต่อมาก็มีลูกชายคนที่สอง แต่ทั้งครอบครัวไม่เป็นกังวลและสุขภาพที่ไม่ดีของ Ada ก็ทำให้ความมุ่งมั่นของเธอในการเรียนคณิตศาสตร์ไม่สั่นคลอน การแต่งงานทำให้งานของเธอง่ายขึ้น: เธอมีแหล่งเงินทุนอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของคลังของครอบครัวเอิร์ลแห่งเลิฟเลซ
จดหมาย “สำคัญ” ฉบับแรกถึง Babbage เขียนโดย Ada เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2379 เมื่อเธอตั้งครรภ์ลูกชายคนแรกซึ่งก็คือ Byron Noel ในอนาคต การติดต่อดำเนินต่อไปจนกระทั่งคุณหญิงสิ้นพระชนม์
ผู้ร่วมสมัยสงสัยว่า Ada Lovelace สมรู้ร่วมคิดกับลูซิเฟอร์และ Charles Dickens เชื่ออย่างจริงจังว่าหลังจากที่เธอไปเยี่ยมชมเส้นทางของ วิญญาณชั่วร้าย- ความสงสัยดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเพราะซาตานได้เปิดเผยบางสิ่งที่คล้ายกับความลับของดินปืนแก่เธอ และไม่ใช่เพราะเธอฉลาดอย่างชั่วร้าย เป็นไปได้มากว่าสังคมลอนดอนรู้สึกหวาดกลัวกับการโจมตีที่ผู้หญิงคนนี้ร้องขอเงินสำหรับการทดลองของลูกบุญธรรมของเธอ อย่างไรก็ตาม Ada เองก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของปีศาจของเธอ เพราะเธอเป็นลูกสาวของพ่อเธอ ในข้อความที่ส่งถึง “กูรู” ของเธอลงวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2386 เธอเขียนว่าไม่ใช่โดยไม่ต้องสวมมงกุฎ:
“บาบาที่รักของฉัน! ฉันทำงานให้คุณเหมือนวัว (ซึ่งฉันอาจจะเป็น)”
ข้อความอื่น ๆ ของเธอเกี่ยวกับตัวเธอเองยังเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง:
“ฉันสาบานกับปีศาจว่า เวลาผ่านไปไม่ถึงสิบปีก่อนที่ฉันจะดูดเลือดจำนวนหนึ่งจากความลึกลับของจักรวาล และในลักษณะที่จิตใจและริมฝีปากของมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถทำได้ ไม่มีใครรู้ว่าพลังและความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวอะไรที่ซ่อนอยู่ในสิ่งมีชีวิตตัวน้อยของฉันที่มีความยืดหยุ่น…”
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้า เมฆก็เริ่มรวมตัวกันเหนือ Babbage ในบ้านเกิดของเขาอุปกรณ์ที่เข้าใจยากของเขาล้าสมัยและนักประดิษฐ์ถูกบังคับให้ไปบรรยายที่ทวีป ในปี พ.ศ. 2385 นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี Luis Menebrea ซึ่งเป็นอาจารย์ด้านขีปนาวุธที่ Turin Artillery Academy ซึ่งคุ้นเคยกับเครื่องวิเคราะห์มีความยินดีและได้สร้างเครื่องแรกขึ้น คำอธิบายโดยละเอียดสิ่งประดิษฐ์ บทความนี้ตีพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศส และ Ada เป็นผู้แปลเป็นภาษาอังกฤษ ในเวลาต่อมาแบบเบจได้เชิญเธอให้แสดงความคิดเห็นโดยละเอียดเกี่ยวกับข้อความดังกล่าว โดยลงนามด้วยอักษรย่อ AAL (ออกัสตา อาดา เลิฟเลซ) เลดี้เลิฟเลซไม่สามารถใส่โน้ตของตัวเองไว้ใต้โน้ตได้ ชื่อเต็มนามสกุลเนื่องจากถือว่าไม่เหมาะสมสำหรับผู้หญิง ความคิดเห็นเหล่านี้ทำให้ลูกหลานมีเหตุผลในการเรียก Ada Byron เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก
เป็นเวลาเก้าเดือนที่เคาน์เตสทำงานกับเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้พร้อมทั้งเพิ่มความคิดเห็นและการสังเกตของเธอเอง และปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น - ความคิดเห็นและคำพูดเหล่านี้ทำให้เธอโด่งดังไปทั่วโลก วิทยาศาสตร์ชั้นสูงและในขณะเดียวกันก็เข้าสู่ประวัติศาสตร์ด้วย เธอเห็นบางสิ่งในรถที่นักประดิษฐ์เองก็กลัวที่จะคิด
“สาระสำคัญและวัตถุประสงค์ของเครื่องจักรจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราใส่เข้าไป เครื่องจักรจะสามารถเขียนเพลง วาดภาพ และแสดงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน” Ada เขียน
ผู้หญิงที่น่าทึ่งคนนี้มองเห็นจุดประสงค์ของคอมพิวเตอร์ก่อนที่จะถูกสร้างขึ้นด้วยซ้ำ สิ่งที่เข้ามาในชีวิตเราทุกวันนี้ก็คือ เครื่องมือมัลติฟังก์ชั่นที่จะแก้ปัญหา จำนวนมากประยุกต์ใช้ปัญหา Ada เห็นในยุค 40 อันห่างไกลของศตวรรษที่ 19!
ในกลางปี พ.ศ. 2386 มีเหตุการณ์สร้างยุคสมัยเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม Charles Babbage อ่านจดหมายอีกฉบับจาก Ada:
“ผมอยากจะแนะนำตัวอย่างในหมายเหตุข้อหนึ่ง: การคำนวณเลขเบอร์นูลลีเป็นตัวอย่างของเครื่องจักรที่คำนวณฟังก์ชันที่ไม่แน่นอนโดยไม่ต้องแก้ไขโดยใช้ศีรษะและมือของมนุษย์ก่อน ฉันคือปีศาจหรือนางฟ้า? ฉันทำงานเหมือนปีศาจเพื่อคุณ Charles Babbage; ฉันกำลังค้นหาเบอร์นูลลีเพื่อคุณ…”
และอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมานักคณิตศาสตร์ได้รับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติทางไปรษณีย์ซึ่งเป็นอัลกอริทึมซึ่งเป็นรายการการดำเนินการสำหรับการคำนวณตัวเลขเบอร์นูลลีเดียวกันเหล่านั้น
ลูกสาวของ Byron และ Ada Lovelace โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก เป็นนักพนันที่หลงใหลในการเล่นการพนัน และกระตือรือร้นมากเกินไป ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เธอเริ่มสนใจเกมนี้ Babbage ไม่เคยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลเพื่อสร้างคอมพิวเตอร์เลย นักประดิษฐ์พยายามหาเงินทุกวิถีทางตั้งแต่การเขียนนวนิยายไปจนถึงการสร้างเครื่องโอเอกซ์เพื่อสาธิตเพื่อหาเงินในภายหลัง แต่ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ จากนั้นคู่สมรสของ Lovelace ก็เข้ามาช่วยเหลือซึ่งเริ่มพัฒนาระบบการเดิมพันแบบ win-win ในการแข่งขันโดยหวังว่าจะระดมทุนเพื่อดำเนินการต่อไปด้วยวิธีนี้ คอมพิวเตอร์- การทดสอบทางยุทธวิธีของระบบได้ดำเนินการร่วมกันอย่างแข็งขันในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ระบบการเดิมพันแบบ win-win ไม่ได้พิสูจน์ตัวเอง หลังจากสูญเสียไปในจำนวนที่ค่อนข้างน่าประทับใจ Babbage และ Count Lovelace ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมในเกมและปรับปรุงระบบ แต่เลดี้เอด้าไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ด้วยซ้ำ เธอเล่นการพนันและดื้อรั้นและยังคงเล่นต่อไปและเชื่อมั่นในความสำเร็จ
ชนะสลับกับแพ้ เธอมีส่วนร่วมในเกมนี้มากจนเธอใช้เงินส่วนตัวเกือบทั้งหมดไปกับการแข่งขันโดยแอบจากคนที่เธอรัก เธอถึงกับจำนำไข่มุกของครอบครัวเธอ และขอร้องให้แม่ซื้อมันเป็นความลับจากสามีของเธอ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังตกอยู่ในมือของกลุ่มนักต้มตุ๋นที่แบล็กเมล์ผู้หญิงคนนั้น โดยขู่ว่าจะเปิดเผยความจริงของการมีส่วนร่วมในเกมนี้ต่อสาธารณะ ในประเทศอังกฤษที่เคร่งครัดในเวลานั้น ภัยคุกคามดังกล่าวอาจทำลายชื่อเสียงของสามีของเธออย่างร้ายแรง
บางทีการข่มเหง การคุกคาม ความล้มเหลวในการสร้างระบบแบบ win-win เหล่านี้อาจบ่อนทำลายสุขภาพของสิ่งนี้ ผู้หญิงที่น่าทึ่ง- ในไม่ช้าสัญญาณแรกของโรคที่อ้างว่าชีวิตของ Ada Lovelace ก็ปรากฏขึ้น ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2393 เอดาเขียนถึงแบบเบจว่า
“สุขภาพของฉันแย่มากจนฉันต้องการยอมรับข้อเสนอของคุณและไปพบเพื่อนทางการแพทย์ของคุณเมื่อฉันมาถึงลอนดอน”
แม้จะมีมาตรการต่างๆ ดำเนินไป แต่โรคก็ยังก้าวหน้าและมาพร้อมกับความทุกข์ทรมานสาหัส เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 เอดา เลิฟเลซเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งเหลือเพียงไม่กี่วันก็จะถึงวันเกิดปีที่ 37 ของเธอ (เธอเสียชีวิตในวัยเดียวกันด้วย พ่อที่มีชื่อเสียง- เธอถูกฝังไว้ข้างพ่อของเธอในห้องใต้ดินของครอบครัว Byron ในเมือง Nottinghamshire
ในปี 1975 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ตัดสินใจเริ่มพัฒนาภาษาโปรแกรมสากล รัฐมนตรีได้อ่านจากเลขานุการแล้ว ทัศนศึกษาทางประวัติศาสตร์อนุมัติทั้งโครงการและชื่อที่เสนอสำหรับภาษาในอนาคตโดยไม่ลังเล - Ada และเมื่อเร็ว ๆ นี้ โปรแกรมเมอร์ทั่วโลกก็มีของตัวเอง วันหยุดมืออาชีพ- วันโปรแกรมเมอร์ ซึ่งมีการเฉลิมฉลองในวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเกิดของ Ada Lovelace
ชะตากรรมของพ่อซึ่งอิทธิพลของแม่ของ Ada ต้องการปกป้องเธออย่างมากส่งผลกระทบต่อชะตากรรมของลูกสาวที่ชอบด้วยกฎหมายเพียงคนเดียวของเขาอย่างแปลกประหลาด พวกเขามีความคล้ายคลึงกัน: นักอุดมคตินิยมผมดำที่มีดวงตาที่ลุกเป็นไฟ พร้อมที่จะตายเพื่ออิสรภาพของต่างประเทศ ประเทศที่ห่างไกล หรือเสียสละทุกสิ่งเพื่อสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีใครยอมรับ Lady Byron ไม่สามารถลบบทกวีออกจากใจลูกสาวของเธอได้ เธอเขียนบทกวีอย่างหมกมุ่น - ด้วยความช่วยเหลือของคณิตศาสตร์ บันทึกของเคาน์เตสเลิฟเลซสำหรับบทความของ Luis Menebrea มีความยาวเพียง 52 หน้า นี่คือสิ่งเล็กน้อยที่ฉันทิ้งไว้ ออกัสตา อาดา ไบรอน-คิงสำหรับประวัติศาสตร์เราสามารถเรียกมันว่าลายเซ็นของอัจฉริยะได้อย่างปลอดภัย
ขึ้นอยู่กับวัสดุจาก A. Evseev
- การส่งรายงานทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยังสำนักงานสรรพากรผ่านทางอินเทอร์เน็ต
- การยกเว้นนิติบุคคลจาก Unified State Register สำหรับข้อมูลที่เป็นเท็จ: เหตุ, การอุทธรณ์คำตัดสินของ Federal Tax Service เกี่ยวกับการยกเว้นที่จะเกิดขึ้น
- โรงแรมคืออะไร โดยการติดต่อหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต คุณสามารถค้นหาได้
- แอปพลิเคชันสำหรับการถอนการลงทะเบียนของพื้นที่ถอนการลงทะเบียน UTII IP UTII