บันทึกวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ของช่างหนุ่ม "EVMHISTORY": เลิฟเลซ, เอดา
เอด้า เลิฟเลซ
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2358 Ada Lovelace ถือกำเนิดขึ้น ซึ่งคนส่วนใหญ่รู้จักในฐานะโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก มันบังเอิญว่าชื่อนี้เป็นของตัวแทนของเพศที่ยุติธรรม วันนี้เป็นวันครบรอบสองร้อยหนึ่งปีของการเกิดของชายผู้นี้ และในโพสต์นี้ฉันอยากจะพูดถึงเรื่องส่วนใหญ่สักหน่อย ช่วงเวลาที่น่าสนใจจากชีวิตของเธอโดยไม่ต้องลงท้ายด้วยวลีที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดมากเกินไป เนื้อหานี้สามารถพบได้ทุกที่ที่มีอินเทอร์เน็ตอยู่ในมือ อย่างไรก็ตาม น้อยคนนักที่จะมองหามันเพื่อความสนุกสนาน ดังนั้นหากใครสนใจยินดีต้อนรับน้องแมวค่ะ
ขณะเรียนที่โรงเรียน นั่งเรียนวรรณกรรม ฉันรู้ดีว่าจอร์จ ไบรอนคือใคร
เราอ่านและจดจำบทกวีของเขาหากต้องการ หลังจากนั้นไม่นาน หลังจากเลือกอาชีพให้ตัวเองแล้ว ฉันก็ได้เรียนรู้ว่า Ada Lovelace ผู้ลึกลับคือใคร - โปรแกรมเมอร์สาวคนแรก ซึ่งเป็นลูกสาวของลอร์ด George Byron คนเดียวกันนั้น แล้วมันก็ปรากฏออกมาสำหรับฉัน การค้นพบที่น่าอัศจรรย์- ตลอดชีวิตของฉันฉันจำได้ว่า Ada คือใคร และฉันก็ลืมเรื่อง Byron ไปเลยโดยไม่มีใครสังเกตเห็นเลย
Augusta Ada King (ต่อมาคือคุณหญิง Lovelace แต่เพิ่มเติมในภายหลัง) เป็นลูกสาวของกวีชาวอังกฤษ Lord George Gordon Byron และภรรยาของเขา Anna Isabella Byron อย่างไรก็ตาม ไบรอนจากพวกเขาไปหนึ่งเดือนหลังจากลูกสาวของเขาเกิด และพวกเขาก็ไม่เคยเห็นหน้ากันอีกเลย ไบรอนเองก็เสียชีวิตเมื่อเอดาอายุแปดขวบ ตัวเขาเองจำลูกสาวของเขาได้มากกว่าหนึ่งครั้งในบทกวีของเขา
เห็นได้ชัดว่าเอด้าเติบโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีความสามารถ แอนนา อิซาเบล แม่ของเธอสนใจคณิตศาสตร์มากก่อนที่ลูกสาวจะเกิด ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยได้รับฉายาตลกๆ จากสามีของเธอว่า "ราชินีแห่งสี่เหลี่ยมด้านขนาน" มันเป็นจริงๆ ครอบครัวที่ไม่ธรรมดา- หลังจากที่สามีของเธอจากไป แอนนาก็ยังคงเลี้ยงลูกสาวตามลำพังได้ และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่ออายุ 12 ปี เอดาประกอบเครื่องบินของตัวเองได้! ก่อนหน้านี้เด็กหญิงอายุสิบสองปีขังตัวเองอยู่ในห้องกับแม่สักพักแล้วเขียนอะไรบางอย่าง แม่ของเธอกลัวว่าเธอจะเริ่มอ่านบทกวีของพ่อและเดินไปในเส้นทางเดียวกัน อย่างไรก็ตามตลอดเวลานี้เธอกำลังวาดภาพ
ตรรกะทางคณิตศาสตร์ครอบงำเธอมากกว่าสิ่งอื่นใด วันหนึ่งเอดาล้มป่วยและนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาสามปี แต่ตลอดเวลานี้เธอต้องการและเรียนต่อ แพทย์และครูหลายคนมาพบเธอ หนึ่งในนั้นคือ ออกัสตัส เดอ มอร์แกน นักคณิตศาสตร์และนักตรรกศาสตร์ชื่อดัง (ใช่แล้ว กฎของเดอมอร์แกนตั้งชื่อตามเขา) ตั้งแต่นั้นมา Ada ก็หมกมุ่นอยู่กับโลกแห่งคณิตศาสตร์มากยิ่งขึ้น
ส่งผลให้เอดาเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กผู้หญิงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เธอสวยและฉลาด เช่นเดียวกับแม่ เธอเรียนคณิตศาสตร์และสนทนาใน หัวข้อทางวิทยาศาสตร์เอาชนะพวกจากเคมบริดจ์และอ็อกซ์ฟอร์ดด้วยซ้ำ ในบรรดาผู้คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง สิ่งนี้ทำให้เกิดความโกรธและความอิจฉาที่ซ่อนอยู่ มักถูกพูดถึงว่าเป็นสิ่งที่มืดมน แม้กระทั่งปีศาจด้วยซ้ำ ต้องบอกว่าเอดาเองก็รู้สึกถึงพลังที่ผิดปกติ (มันตลก แต่ในภาษารัสเซียชื่อของเธอฟังดูชั่วร้ายนิดหน่อย) แต่ในเรื่องนี้ไม่มีอะไรผิดปกติเนื่องจากนักคณิตศาสตร์หญิงสาวในสังคมอังกฤษระดับสูงในเวลานั้น - จากภายนอกมันดูแปลกจริงๆ ในขณะเดียวกันก็มีผู้ชายหลายคนคลั่งไคล้เธอ
คณิตศาสตร์ก็คือคณิตศาสตร์ แต่ทำไมโปรแกรมเมอร์ถึงจำมันได้เป็นอันดับแรก? หนึ่งในที่สุด การประชุมที่เป็นเวรเป็นกรรม Ada Lovelace เริ่มพบกับ Charles Babbage ผู้ประดิษฐ์คอมพิวเตอร์เชิงวิเคราะห์เครื่องแรก
ในเวลานั้นในฝรั่งเศสที่ Babbage มาถึงมีการเปิดตัวโครงการขนาดใหญ่เพื่อสร้างตารางค่าลอการิทึมและฟังก์ชันตรีโกณมิติ Babbage เริ่มฝันที่จะทำงานนี้เป็นอัตโนมัติในขณะเดียวกันก็กำจัดข้อผิดพลาดของมนุษย์ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากในเวลานั้นเป็นคนที่สร้างตารางดังกล่าวด้วยตนเอง ดังนั้น แบบเบจจึงคิดเกี่ยวกับการสร้างกลไกผลต่างของเขา (คำนวณพหุนามโดยใช้วิธีผลต่าง)
เขาสร้างภาพวาดจำนวนมาก และต้นแบบนั้นเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2375 ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่ Ada Lovelace จะได้เห็นในอีกหนึ่งปีต่อมา
ในปีพ.ศ. 2378 อาดาจะแต่งงานกับคนมาก คนที่สมควร- บารอนวิลเลียมคิงซึ่งต่อมาได้รับตำแหน่งเอิร์ลและเอดาเองก็กลายเป็นเคาน์เตสแห่งเลิฟเลซ สี่ปีต่อมาพวกเขามีลูกสามคนแล้ว - ลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน บุตรแห่งนรกได้รับการตั้งชื่อตามพ่อของพวกเขา คนหนึ่งชื่อราล์ฟ กอร์ดอน และอีกคนชื่อไบรอน
แต่แล้วโปรแกรมแรกในโลกล่ะ? และชะตากรรมของเครื่องจักรของ Babbage คืออะไร? ในปี ค.ศ. 1842 นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี หลุยส์ มาเนเบรีย ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเครื่องจักรของแบบเบจ เอด้าจะแปลมันตามคำขอของแบบเบจ ในระหว่างการแปลหนังสือเล่มนี้ เธอแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก การเห็นในเครื่องนี้ดูเหมือนมากกว่า Babbage เอง
นี่คือคำพูดของเธอ: “สาระสำคัญและวัตถุประสงค์ของเครื่องจักรจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราใส่เข้าไป เครื่องจักรจะสามารถเขียนเพลง วาดภาพ และแสดงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน” ต่อมา อลัน ทัวริง ได้อ่านบันทึกของเธอ และแนะนำผลงานของเขาเกี่ยวกับคำคัดค้านของเลดี้ เลิฟเลซ ต่อความสามารถของเครื่องจักรในการคิด
ในเวลาเดียวกัน เมื่ออธิบายถึงเครื่องจักรของแบบเบจ เอดาคือผู้บัญญัติศัพท์คอมพิวเตอร์ เช่น วงจรและเซลล์ นอกจากนี้เธอยังรวบรวมชุดปฏิบัติการสำหรับการคำนวณตัวเลขเบอร์นูลลีอีกด้วย นี่คือสิ่งที่กลายเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เครื่องแรกโดยพื้นฐานแล้ว Babbage ไม่เคยสร้างเครื่องจักรของเขาเลย มันถูกประกอบหลังจากการตายของเขา และปัจจุบันถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในลอนดอน
เอดา เลิฟเลซ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 ด้วยวัยเพียง 36 ปี ตราบเท่าที่พ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ เธอถูกฝังไว้ในห้องใต้ดินของครอบครัวพร้อมกับพ่อของเธอ ซึ่งเธอไม่เคยรู้จักเลย
ภาษาโปรแกรม Ada พัฒนาขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 โดยกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา และตั้งชื่อตาม Ada Lovelace
ป.ล.อาจเป็นไปได้ว่าคนที่วลี "โปรแกรมเมอร์คนแรกคือเด็กผู้หญิง" ทำให้เกิดความไม่พอใจหรือยิ้มอย่างน้อยควรสนใจชีวประวัติของบุคคลนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ผู้คนอย่าง Ada Lovelace หรือ Alan Turing และคนอื่นๆ อีกมากมายเป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การจดจำ และสำหรับบางคน เรื่องราวเหล่านี้เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เข้าใจว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ในโลก
ขอขอบคุณผู้ที่อ่านบทความนี้ แบ่งปันความคิดเห็น ความคิดเห็น หรือข้อสังเกตของคุณ)
ลูกสาวของไบรอน
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2358 เด็กหญิงชื่อเอดา ออกัสตาเกิดที่ประเทศอังกฤษ พ่อแม่ของเธอเป็นคนในตำนาน คุณแม่ แอนนา อิซาเบล อยู่ในตระกูลมิลแบงก์ชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียง ไม่เพียงแต่มีความงามและความมั่งคั่งเท่านั้น แต่ยังมีจิตใจที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย และพ่อของหญิงสาวก็คือ กวีชื่อดังจอร์จ กอร์ดอน ไบรอน...
ไม่นานหลังจากการกำเนิดของ Ada Augusta เหตุการณ์เกิดขึ้นในตระกูล Byron ซึ่งยังคงพูดถึงในหนังสือเรียนวรรณกรรมทุกเล่ม - กวีออกจากอังกฤษและไปยุโรป และในเวลาเดียวกันเขาก็จากครอบครัวเล็ก ๆ และลูกสาวแรกเกิดไปตลอดกาล
แต่แอนนา อิซาเบล ซึ่งรอดชีวิตจากเหตุการณ์ช็อกครั้งแรก ก็ยังคงไม่พังและเลี้ยงดูลูกสาวได้อย่างแท้จริง บุคลิกภาพที่เป็นเอกลักษณ์- ผู้หญิงด้วย ช่วงปีแรก ๆแสดงความสนใจเป็นพิเศษในวิชาคณิตศาสตร์ และแม่ของเธอก็สนับสนุนงานอดิเรกนี้ในตัวเธออย่างมีความสุข
ความจริงที่ว่าแม่ของ Ada หลังจากสามีกวีของเธอจากไปซึ่งไม่ชอบวรรณกรรมและทุกสิ่งก็มีบทบาทที่นี่เช่นกัน วิจิตรศิลป์. วิทยาศาสตร์ที่แน่นอนดูเหมือนเธอเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่มีระเบียบและซื่อสัตย์ แอนนา อิซาเบลเองก็สนใจคณิตศาสตร์ และสามีของเธอก็เคยสนใจครั้งหนึ่งระหว่างที่พวกเขามีความสุข ชีวิตครอบครัวตั้งชื่อเล่นให้เธอว่า "ราชินีแห่งสี่เหลี่ยมด้านขนาน"
โรคหัดที่มีประโยชน์
Young Ada Augusta กลายเป็นลูกสาวที่คู่ควรของราชินีแห่งสี่เหลี่ยมด้านขนาน เมื่ออายุ 12 ปี เธอได้ออกแบบเครื่องบินของตัวเองแล้ว! บางทีเด็กผู้หญิงคนนั้นอาจจะเลิกจมอยู่กับสิ่งที่ไม่ปกติสำหรับเด็กสาวชาวอังกฤษแล้ว และจะกลายเป็นผู้หญิงธรรมดาที่สนใจเรื่องลูกบอลและแฟนๆ แต่สถานการณ์ผลักดันให้เธอต้องศึกษาคณิตศาสตร์ในเชิงลึกมากขึ้น Ada Augusta ล้มป่วยด้วยโรคหัดและพิการ - เธอนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาหลายปี
แม่เชิญนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดในยุคนั้นมาเป็นครูให้กับเด็กผู้หญิง นี่คือวิธีที่ Ada พบกับ Augustus de Morgan นักคณิตศาสตร์และผู้ลึกลับ เขายังทำให้เธอหลงใหลในด้านลึกลับของคณิตศาสตร์ และทำให้เธอเชื่อในความมหัศจรรย์ของตัวเลขตลอดไป แต่เวทมนตร์ก็คือเวทมนตร์ และเอดา ออกัสตาก็เริ่มสนใจคณิตศาสตร์อย่างจริงจัง ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเธอ
ในขณะเดียวกัน เมื่ออายุได้ 17 ปี เธอก็กำจัดผลที่ตามมาของโรคได้อย่างสมบูรณ์ และในที่สุดก็สามารถออกไปสู่โลกภายนอกได้ อาดา ออกัสตาถูกถวายต่อกษัตริย์และราชินี และส่งผลกระทบต่อพวกเขาทั้งหมด สังคมชั้นสูงความประทับใจที่ดีที่สุดคือหญิงสาวที่สวยงามและสง่างามที่มีความเฉลียวฉลาดและความรู้ที่ไม่ธรรมดา ไม่นานเอด้าก็เจอมากที่สุด คนที่โดดเด่นยุคนั้น - นักเขียน Charles Dickens นักฟิสิกส์ Michael Faraday และ David Brewster (อย่างหลังมีชื่อเสียงไม่เพียง แต่เป็นนักวิจัยเกี่ยวกับโพลาไรเซชันของแสงเท่านั้น แต่ยังเป็นคนที่คิดค้นลานตาด้วย)
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ Ada Augusta คือการที่เธอรู้จักกับ Charles Babbage ศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ชื่อดัง เมื่อไม่กี่ปีก่อน Babbage ได้ประดิษฐ์เครื่องลอการิทึมของเขาซึ่งสามารถคำนวณได้อย่างแม่นยำถึงทศนิยมตำแหน่งที่ 20 เครื่องนี้ถือเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก...
ทำให้ศาสตราจารย์ประหลาดใจ หญิงสาวคนนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เข้าใจหลักการทำงานของเครื่องนี้ และยิ่งไปกว่านั้น เด็กหญิงเริ่มเสนอทางเลือกต่าง ๆ สำหรับปัญหาที่สามารถแก้ไขได้โดยใช้เครื่องนี้ Babbage และ Ada Augusta เป็นเพื่อนกันและเริ่ม ทำงานร่วมกันในการปรับปรุงเครื่องลอการิทึม
ภรรยาของบารอน
แต่ไม่ควรคิดว่า Ada Augusta เป็นคนขี้เหนียวและหมกมุ่นอยู่กับงานทางวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ จาก จำนวนมากเธอเลือกคนที่คู่ควรที่สุดกับผู้ชื่นชมของเธอ - บารอนวิลเลียมคิงซึ่งในไม่ช้าก็ได้รับตำแหน่งลอร์ดเลิฟเลซซึ่งเธอแต่งงานในปี พ.ศ. 2378 สี่ปีต่อมา Ada Augusta และ William มีลูกสามคนแล้ว - ลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน อย่างไรก็ตาม Ada Augusta ตั้งชื่อให้เด็กชายเพื่อเป็นเกียรติแก่พ่อของเธอ คนหนึ่งชื่อ Byron และคนที่สองคือ Ralph Gordon...
แต่ลูก ๆ และสามีของเธอไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับงานอดิเรกและกิจกรรมของ Ada Augusta วิลเลียมช่วยเหลือภรรยาทุกวิถีทางรวมถึงการจัดสรรเงินให้ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์- และเอดา ออกัสตายังคงกระตือรือร้นในวิชาคณิตศาสตร์และเรื่องอื่นๆ อีกมากมายไม่แพ้กัน นี่คือสิ่งที่ผู้ร่วมสมัยของเธอเขียนเกี่ยวกับเธอ: “ นอกเหนือจากความสามารถแบบผู้ชายอย่างสมบูรณ์ในการเข้าใจซึ่งแสดงออกในความสามารถในการเข้าใจแก่นแท้ของเรื่องโดยรวมอย่างเด็ดขาดและรวดเร็วเลดี้เลิฟเลซยังมีเสน่ห์ของความซับซ้อนทั้งหมด ตัวละครที่เป็นผู้หญิง- กิริยาท่าทาง รสนิยม การศึกษาของเธอ โดยเฉพาะด้านดนตรีที่เธอบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบ เป็นความเป็นผู้หญิงในความหมายที่งดงามที่สุด และผู้สังเกตการณ์ผิวเผินคงไม่มีทางคาดเดาได้มากน้อยเพียงใด ความแข็งแกร่งภายในและความรู้ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสง่างามของผู้หญิงของเธอ ในระดับเดียวกับที่เธอไม่ยอมทนต่อความเหลื่อมล้ำและความซ้ำซากเธอก็มีความสุขอย่างแท้จริง สังคมปัญญาจึงกระตือรือร้นที่จะแสวงหาความคุ้นเคยกับทุกคนที่มีชื่อเสียงในด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และวรรณคดี”
โปรแกรมแรก
ในปี ค.ศ. 1842 นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลี Luis Manebrea เดินทางมาถึงอังกฤษเพื่อทำความคุ้นเคยกับเครื่องจักรของ Babbage ใน ปีหน้าเขาตีพิมพ์บทความพร้อมข้อสังเกตของเขาในนิตยสารฝรั่งเศสฉบับหนึ่ง เอด้า เลิฟเลซตัดสินใจแปลเรื่องนี้ ภาษาอังกฤษและแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางของเธอเอง และความคิดเห็นเหล่านี้ก็กลายเป็นพื้นฐานของการเขียนโปรแกรมสมัยใหม่ Ada Lovelace ได้อภิปรายเกี่ยวกับแนวคิดต่างๆ เช่น รูทีนย่อยและการปรับเปลี่ยนโปรแกรม และบัญญัติศัพท์ว่า เซลล์และวงจรการทำงาน นอกจากนี้ Ada ยังจัดทำแผนการปฏิบัติงานสำหรับเครื่องจักรด้วยความช่วยเหลือซึ่งสมการเบอร์นูลลีซึ่งแสดงกฎการอนุรักษ์พลังงานของของไหลที่กำลังเคลื่อนที่ได้รับการแก้ไข
เธอเขียนว่า: “สาระสำคัญและวัตถุประสงค์ของเครื่องจักรจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราใส่เข้าไป เครื่องจะสามารถเขียนเพลง วาดภาพ และแสดงวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่เราไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน”...
ในปีเดียวกันนั้นเอง Ada Lovelace ได้ตีพิมพ์ผลงานทางวิทยาศาสตร์ชิ้นแรกของเธอ แต่เนื่องจากในเวลานั้นไม่มีผู้หญิงในสายวิทยาศาสตร์เลยเธอจึงไม่มีสิทธิ์ลงนามชื่อและนามสกุลของเธอ - บทความนี้ตีพิมพ์ด้วยชื่อย่อของเธอเท่านั้น เพียงไม่กี่ปีต่อมาผลงานของเธอก็เริ่มได้รับการตีพิมพ์ภายใต้ชื่อ Ada Lovelace แต่น่าเสียดายที่มีผลงานเหล่านี้น้อยมาก
เพราะเอดาเสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 37 ปี... เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งมดลูก แต่เสียชีวิตจากการรักษา - ระหว่างการให้เลือด ซึ่งแพทย์แห่งศตวรรษที่ 19 ชื่นชอบมาก เอดาถูกฝังอยู่ในห้องใต้ดินของครอบครัวข้างๆ พ่อของเธอ ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อนในช่วงชีวิตของเธอ...
แม้ว่า Ada Lovelace จะมีชีวิตอยู่เช่นนั้นก็ตาม ชีวิตสั้นชื่อของเธอยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์ตลอดไป ในปี 1975 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เริ่มทำงานเกี่ยวกับภาษาโปรแกรมสากล หลังจากการพัฒนา จึงได้ตัดสินใจตั้งชื่อให้ว่า "เอด้า" - เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้หญิงผู้สามารถมองเห็นอนาคต...
เอด้า เลิฟเลซ ประวัติโดยย่อและ ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากชีวิตของโปรแกรมเมอร์และนักคณิตศาสตร์หญิงคนแรกที่นำเสนอในบทความนี้
ประวัติโดยย่อของ เอดา เลิฟเลซ
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของรายการในอนาคต (อาดา เลิฟเลซ เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2358) เกิดมาในครอบครัวของแอนนาเบลลา และบัท กวีชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ออกจากครอบครัวไปเมื่อเด็กหญิงอายุเพียง 2 เดือนและไม่เคยเห็นเธออีกเลย แม่ของเธอเลี้ยงดูเธออย่างดีเยี่ยมโดยจ้างนักคณิตศาสตร์ชื่อดัง Augustus de Morgan, Mary Somerville และ Pierre-Simon Laplace มาเป็นครูให้กับลูกสาวของเธอ จากเธอหญิงสาวได้รับความรักในวิชาคณิตศาสตร์ เมื่ออายุ 17 ปี เธอเริ่มออกไปสู่โลกภายนอก และในวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2376 เธอได้พบกับนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง
ในปี พ.ศ. 2378 เอดาแต่งงานกับลอร์ดคิงซึ่งมีอายุมากกว่าเธอ 10 ปี ต่อมาท่านลอร์ดได้รับตำแหน่งเลิฟเลซ สามีของเธอไม่ได้สนใจเธอ กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์และมิตรภาพกับชาร์ลส์ แบบเบจ หลังเห็นลูกสาวของเขาในตัวเธอและความสามารถทางคณิตศาสตร์ของเธอก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์ประหลาดใจ ในปี พ.ศ. 2379 คู่รักเลิฟเลซมีลูกชาย 2 ปีต่อมามีลูกสาวหนึ่งคน และในที่สุดในปี พ.ศ. 2382 ก็มีลูกชายอีกคนเกิด หลังจากคลอดบุตรคนที่สาม Babbage ขอให้ Ada หาตำแหน่งครูสอนคณิตศาสตร์ให้กับเธอ และในปี พ.ศ. 2384 เธอเริ่มสนใจที่จะศึกษาเครื่องจักรของนักวิทยาศาสตร์ และยังรู้สึกตื่นเต้นกับแนวคิดในการทำให้มันมีชีวิตอีกด้วย นักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนในยุคนั้นเริ่มทำงานร่วมกันซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ในปี พ.ศ. 2385 บทความของ Menabrea ได้รับการตีพิมพ์ เอด้าเริ่มแปลมัน เธอส่งแต่ละย่อหน้าที่แปลไปที่ Babbage เขาแสดงความคิดเห็นและส่งกลับ เคาน์เตสแปลเสร็จเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2386
ศูนย์กลางในงานของเธอคือการรวบรวมระบบการคำนวณตัวเลขเบอร์นูลลี ในความคิดเห็นของเธอต่อบทความนี้ เธออ้างถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์สามโปรแกรมแรกของโลกที่เธอรวบรวมสำหรับอุปกรณ์ของ Babbage สิ่งที่ง่ายที่สุดคือโปรแกรมสำหรับแก้ปัญหาพีชคณิตสองข้อ สมการเชิงเส้นกับคนไม่รู้จัก ระบบที่สองคำนวณค่า ฟังก์ชันตรีโกณมิติ- Lovelace ได้แนะนำโครงสร้างพื้นฐานของการเขียนโปรแกรมแบบมีโครงสร้างสำหรับเธอ - ลูป โปรแกรมที่สามของเธอได้รับการออกแบบมาเพื่อคำนวณตัวเลขเบอร์นูลลีโดยใช้การวนซ้ำที่ซ้อนกัน
ในปี พ.ศ. 2376 นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ Charles Babbage (พ.ศ. 2335-2414) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้พัฒนาโครงการสำหรับเครื่องมือวิเคราะห์ ซึ่งเป็นเครื่องบวกขนาดยักษ์ที่มีการควบคุมโปรแกรม เลขคณิต และอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เครื่องมือวิเคราะห์ของ Babbage ไม่เพียงแต่เป็นรุ่นก่อนเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบของคอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ที่มีการควบคุมโปรแกรมในหลายๆ ด้านอีกด้วย
ผู้ร่วมงานและผู้ช่วยของ Ch. Babbage ในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นของเขาคือ Lady Lovelace (née Byron) คนเดียวเท่านั้น งานทางวิทยาศาสตร์เลดี้ เลิฟเลซจัดการกับ "คำถามเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมสำหรับเครื่องวิเคราะห์ของ Babbage" และคาดการณ์ถึงรากฐานของการเขียนโปรแกรมสมัยใหม่สำหรับคอมพิวเตอร์ดิจิทัลที่ควบคุมด้วยโปรแกรม
Augusta Ada Lovelace ลูกสาวของกวีชาวอังกฤษผู้ยิ่งใหญ่ George Byron เกิดเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2358 ชีวิตครอบครัวของ J. Byron ไม่ประสบความสำเร็จ - หลังจากผ่านไปหนึ่งปี ชีวิตด้วยกันทั้งคู่แยกทางกันตลอดไป ภรรยาของเขา Annabella Milbanke (พ.ศ. 2335-2403) เป็นคนมีพรสวรรค์ เธอรักคณิตศาสตร์และศึกษามันตั้งแต่เด็กจนกระทั่งแต่งงาน
ลูกสาวของ Byrons คือ Ada ตามแบบอย่างของแม่ของเธอ ความเยาว์ฉันสนใจวิชาคณิตศาสตร์ ความหลงใหลใน Young Ada ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนของ Lady Byron - นักคณิตศาสตร์และนักตรรกศาสตร์ชาวอังกฤษผู้โด่งดัง Augustus de Morgan (1806-1871) ภรรยาของเขา นักคณิตศาสตร์สมัครเล่น Mary Sommerville และ Charles Babbage
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2378 เอดาแต่งงานกับวิลเลียม กษัตริย์องค์ที่ 18 ซึ่งต่อมากลายเป็นเอิร์ลแห่งเลิฟเลซคนแรก เอดามีลูกชายคนหนึ่งในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2379 ลูกสาวหนึ่งคนในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2381 และบุตรชายคนที่สองเมื่อปลายปี พ.ศ. 2382 แต่ทั้งครอบครัวไม่เป็นกังวลและสุขภาพที่ไม่ดีของ Ada ก็ทำให้ความมุ่งมั่นของเธอในการเรียนคณิตศาสตร์ไม่สั่นคลอน
22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2384 เอดาแจ้งแบบเบจว่าเธอกำลังจัดการกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเขา คอมพิวเตอร์- ในเวลานี้ Babbage ทำงานอย่างหนักเพื่อปรับปรุงโครงสร้างของเครื่องมือวิเคราะห์ แต่อีกประเด็นหนึ่งก็มีความสำคัญสำหรับนักวิทยาศาสตร์ในขณะนั้นเช่นกัน นั่นคือการให้รัฐบาลสนับสนุนเงินทุนในการสร้างเครื่องมือวิเคราะห์ สิ่งนี้จำเป็นต้องมีการเผยแพร่แนวคิดเรื่องการคำนวณอัตโนมัติให้แพร่หลายการนำเสนอหลักการทำงานของเครื่องมือวิเคราะห์ที่ชัดเจนและเข้าใจได้สำหรับประชาชนทั่วไป ผู้ช่วยที่มีความสามารถจะไม่ทำร้ายเขาเลย
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2385 นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี L.F. Menabrea ตีพิมพ์บทความเรื่อง “Sketch of the Analytical Engine Invented by Charles Babbage” ไม่นานหลังจากที่เรียงความปรากฏ เอดา เลิฟเลซก็แปลบทความนี้ แบบเบจแนะนำให้เธอเพิ่มบันทึกลงในภาพร่างของเมนาเบรีย
Ada Lovelace ชอบแนวคิดนี้และเริ่มนำไปใช้ทันที เอด้าทำงานหนักมากและมีความตึงเครียดมาก เธอยื่นหน้าบันทึกให้ Babbage ซึ่งตรวจดูแล้วส่งความคิดเห็นกลับมาหรือส่งต่อให้เครื่องพิมพ์
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2386 Ada รายงานต่อ Babbage ว่าเธอได้ "รวบรวมรายการการดำเนินการสำหรับการคำนวณค่าสัมประสิทธิ์ทุกค่าสำหรับตัวแปรทุกตัว" อย่างอิสระ กล่าวคือ เขียนโปรแกรมคำนวณเลขเบอร์นูลลี ในเดือนสิงหาคมของปีเดียวกัน มีการตีพิมพ์บทความแปลของ Menabrea และ "Notes" ใน บางแวดวง Ada Lovelace ได้รับชื่อเสียงไปทั่วโลก
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 50 เอดาแสดงสัญญาณแรกของมะเร็ง และในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 เอดาเสียชีวิตก่อนวันเกิดปีที่ 37 ของเธอเพียงไม่กี่วัน ซึ่งมีอายุเท่ากับลอร์ดไบรอน ตามความประสงค์ของเธอ เธอถูกฝัง (3 ธันวาคม) ข้างหลุมศพพ่อของเธอในห้องใต้ดินของครอบครัว Byron ใน Nottinghamshire
Augusta Ada Lovelace ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในชีวิตอันแสนสั้นของเธอ แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่มาจากปากกาของเธอ ได้จารึกชื่อของเธอไว้ในประวัติศาสตร์คณิตศาสตร์เชิงคำนวณและ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในฐานะโปรแกรมเมอร์คนแรก เครื่องมือวิเคราะห์ของ Babbage ไม่เคยถูกสร้างขึ้น และโปรแกรมที่เขียนโดย Ada Lovelace ไม่เคยมีการดีบั๊กหรือทำงาน แต่มีข้อความจำนวนหนึ่งที่ Lovelace สร้างขึ้นในปี 1843 เกี่ยวกับ บทบัญญัติทั่วไปการเขียนโปรแกรม (หลักการบันทึกเซลล์ทำงาน การเชื่อมโยงสูตรที่เกิดซ้ำกับกระบวนการคำนวณแบบวนรอบ ฯลฯ) ยังคงความสำคัญพื้นฐานสำหรับการเขียนโปรแกรมสมัยใหม่
Ada Augusta Lovelase - 12/10/1815 - 29/12/1852 สหราชอาณาจักร
เคาน์เตสอาดา เลิฟเลซ ลูกสาวของกวีไบรอน ศึกษาดาราศาสตร์ ละติน ดนตรี และคณิตศาสตร์ เธอร่วมกับ Charles Babbage นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ เธอทำงานเพื่อสร้างโปรแกรมเลขคณิตสำหรับเครื่องคำนวณของเขา งานของเธอในพื้นที่นี้ได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2386 อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นถือว่าไม่เหมาะสมที่ผู้หญิงจะเผยแพร่ผลงานของเธอ ชื่อเต็มและเลิฟเลซใส่เพียงชื่อย่อของเธอในชื่อเท่านั้น ดังนั้นงานทางคณิตศาสตร์ของเธอเช่นเดียวกับงานของนักวิทยาศาสตร์หญิงคนอื่น ๆ จึงถูกลืมเลือนมาเป็นเวลานาน
Ada Lovelace รับหน้าที่แปลเรียงความของ Menabrea เกี่ยวกับการสร้าง Sir Charles "ภาพร่างของเครื่องมือวิเคราะห์ที่ Charles Babbage คิดค้น" เป็นภาษาของ Byron ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2386 จดหมายของ Ada เขียนถึงที่ปรึกษาของเธอว่า "ฉันต้องการแทรกข้อความบางอย่างเกี่ยวกับตัวเลขเบอร์นูลลีลงในบันทึกย่อของฉัน เพื่อเป็นตัวอย่างว่าเครื่องจักรสามารถคำนวณฟังก์ชันโดยนัยได้อย่างไรโดยไม่ต้องตัดสินใจก่อน ความช่วยเหลือจากบุคคลศีรษะและมือ” เพียงไม่กี่หน้าเหล่านี้ก็มีตัวอย่างของ "ครั้งแรกในประวัติศาสตร์" ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญหลายคน โปรแกรมคอมพิวเตอร์- สิ่งที่ซ่อนอยู่ในข้อความในบทความของ Menabrea คือทฤษฎีการเขียนโปรแกรมที่สอดคล้องกัน! มันเกือบจะเหลือเชื่อเหมือนภาพ ยานอวกาศท่ามกลางภาพวาดหิน Lady Ada แนะนำแนวคิดของ "วงจร", "เซลล์ทำงาน", "บัตรกระจาย" กำหนดการเชื่อมโยงของสูตรที่เกิดซ้ำกับกระบวนการคำนวณแบบวนรอบอธิบายหลักการพื้นฐานของอัลกอริทึมโดยพัฒนาจาก A ถึง Z ซึ่งเป็นโปรแกรมคำนวณที่คุ้มค่า โครงการหลักสูตรปัจจุบันเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยไซเบอร์เนติกส์ นอกจากนี้เธอยังทำนายทิศทางที่เป็นไปได้อีกด้วย การใช้งานจริงเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์: การแต่งเพลง การออกแบบวัตถุกราฟิกที่ซับซ้อน และแม้แต่เกมคอมพิวเตอร์!
หลังจากการตีพิมพ์หมายเหตุ Charles Babbage เริ่มเรียก Ada Lovelace ว่า “ล่ามที่รักของฉัน” เขาไม่รู้ว่าหลังจากผ่านไปหนึ่งศตวรรษครึ่ง ความรุ่งโรจน์ของ "ล่าม" ที่ทำงานหนักจะไม่เพียงทำให้ความรุ่งโรจน์ของผู้สร้างเครื่องคอมพิวเตอร์จางหายไป แต่ยังรวมถึงความรุ่งโรจน์ของผู้แต่ง "ชิลเด ฮาโรลด์" ด้วย
กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาในช่วงกลางทศวรรษที่ 70 ของศตวรรษนี้อนุมัติชื่อ "Ada" เป็นชื่อของภาษาโปรแกรมแบบครบวงจรสำหรับกองทัพอเมริกัน และต่อมาสำหรับทั้ง NATO
เลดี้เลิฟเลซเป็น "ลูกสาวของบ้านและหัวใจ" คนเดียวของจอร์จ กอร์ดอน ไบรอน ชีวิตครอบครัวของกวีผู้ยิ่งใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาแต่งงานกับแอนนาเบลลา มิลแบงก์เมื่อวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2358 ในวันที่ 10 ธันวาคม พวกเขามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อออกัสตา อาดา และในเดือนมกราคม พ.ศ. 2359 ทั้งคู่แยกทางกันตลอดไป เมื่อลอร์ดไบรอนพบลูกสาวของเขาครั้งสุดท้าย เธอมีอายุเพียงเดือนเดียว
ความสามารถทางคณิตศาสตร์ของ Ada เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว เลดี้ไบรอนและเธอ เพื่อนทางปัญญา- ศาสตราจารย์และนาง de Morgan, Babbage, Mary Sommerville - สนับสนุนความหลงใหลในคณิตศาสตร์ของ Augusta Ada อย่างมาก ศาสตราจารย์เดอ มอร์แกนมีความเห็นสูงเกี่ยวกับความสามารถของนักเรียนของเขา และยังเปรียบเทียบเธอกับมาเรีย แอกเนซี นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีผู้โดดเด่นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม Ada ยังเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในหลายรายการ เครื่องดนตรีและพูดได้หลายภาษา
ชีวิตครอบครัวของ Augusta Ada มีความสุขมากกว่าชีวิตครอบครัวของเธอ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2378 เธอแต่งงานกับวิลเลียม ลอร์ดคิงที่ 18 ซึ่งต่อมากลายเป็นเอิร์ลแห่งเลิฟเลซคนแรก เซอร์วิลเลียม ซึ่งในขณะนั้นอายุ 29 ปี เป็นคนสุขุม ใจเย็น และสุภาพ เขาเห็นด้วยกับการแสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของภรรยาและช่วยเหลือเธออย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทั้งคู่เป็นผู้นำวิถีชีวิตทางสังคม โดยจัดงานเลี้ยงตอนเย็นและงานเลี้ยงรับรองเป็นประจำซึ่งมี “ทั่วทั้งลอนดอน” เข้าร่วม
หนึ่งในแขกประจำในตอนเย็นเหล่านี้ Albany Fonblanc บรรณาธิการนิตยสารยอดนิยมของ Examiner ได้ทิ้งภาพเหมือนของนายหญิงของบ้านไว้ดังนี้:
“เธอไม่เหมือนใครและมีพรสวรรค์ที่ไม่ใช่บทกวี แต่เป็นความสามารถทางคณิตศาสตร์และอภิปรัชญา...
นอกเหนือจากความสามารถแบบผู้ชายอย่างสมบูรณ์ในการเข้าใจ ซึ่งแสดงออกมาในความสามารถในการเข้าใจแก่นแท้ของเรื่องโดยรวมอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว เลดี้เลิฟเลซยังมีเสน่ห์ทั้งหมดของตัวละครผู้หญิงที่ประณีต ลักษณะนิสัย รสนิยม การศึกษาของเธอ โดยเฉพาะด้านดนตรีที่เธอบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบ เป็นความเป็นผู้หญิงในความหมายที่สวยงามที่สุดของคำนี้ และผู้สังเกตการณ์ผิวเผินคงไม่มีทางคาดเดาได้ว่าความแข็งแกร่งและความรู้ภายในที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสง่างามของผู้หญิงของเธอนั้นมีมากเพียงใด ในระดับเดียวกับที่เธอรังเกียจความเหลื่อมล้ำและความซ้ำซากจำเจ เธอมีความสุขกับสังคมแห่งปัญญาอย่างแท้จริง และด้วยเหตุนี้จึงกระตือรือร้นที่จะแสวงหาคนรู้จักทุกคนที่มีชื่อเสียงในด้านวิทยาศาสตร์ ศิลปะ และวรรณคดี”
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 50 เอดาป่วยหนักและเสียชีวิตในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2395 ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ 37 ของเธอเพียงไม่กี่วัน (เธอเสียชีวิตในวัยเดียวกับลอร์ดไบรอน) ตามความประสงค์ของเธอ เธอถูกฝังไว้ข้างหลุมศพพ่อของเธอในห้องใต้ดินของครอบครัว Byron ใน Newstead
Stefan Zweig เคยเขียนเกี่ยวกับ “ ชั่วโมงที่ดีที่สุดมนุษยชาติ." เพลงนี้เขียนในชั่วข้ามคืนโดยกัปตันกองทัพผู้ต่ำต้อย Rouget de Lille ทำให้ชื่อของเขาเป็นอมตะ หลายสิบหน้าที่เขียนก่อนการดวลโดย Evariste Galois เผยนักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ไปทั่วโลก "ความคิดเห็นของนักแปล" โดย Augusta Ada Lovelace ได้ทิ้งชื่อของเธอไว้ในประวัติศาสตร์ไซเบอร์เนติกส์และเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ตลอดไป
ไบรอนเป็นกวีโรแมนติก ครั้งสุดท้ายเมื่อเห็นลูกสาวก็อายุยังไม่ถึงหนึ่งเดือน ในวัยนี้มักจะยังยากที่จะบอกว่าลูกจะเป็นอย่างไร แต่ไบรอนก็เหมือนกับคนอื่นๆ กวีผู้ยิ่งใหญ่กลายเป็นศาสดาพยากรณ์: ออกัสตา อาดาดูเหมือนพ่อของเธอในรูปลักษณ์ภายนอก แต่สืบทอดความชอบของแม่เธอ
แอนนา อิซาเบลลา ไบรอน วันที่ดีขึ้นในชีวิตครอบครัว เธอได้รับสมญานามว่า “ราชินีแห่งสี่เหลี่ยมด้านขนาน” จากสามีของเธอ การแต่งงานของทั้งคู่อยู่ได้ไม่นาน แอนนาซึ่งอยู่ในสภาพซีดเซียวและเหนื่อยล้าจากความฟุ่มเฟือยของสามีจึงกลับไปบ้านพ่อแม่ของเธอ Augusta Ada ลูกสาวของ Byron มีอายุได้ประมาณหนึ่งเดือน
การไปอิตาลีเพื่อที่จะไม่กลับไปลอนดอนอีก Byron ผู้โรแมนติกผู้กบฏและผู้สนับสนุน Luddites ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขากำลังจะทิ้งตำนานไซเบอร์เนติกส์ในอนาคตไว้ในเปล
แม่ของทารกแรกเกิดมอบลูกให้กับพ่อแม่ของเธอและไปล่องเรือเพื่อสุขภาพ นางไบรอนกลับมาเมื่อถึงเวลาต้องเริ่มเลี้ยงดูลูก
เริ่มต้นด้วย Augustus Ada ย่อเป็น "Ada" เพื่อให้การกล่าวถึงชื่อของหญิงสาวจะหายไปจากบ้านตลอดไป - ลูกพี่ลูกน้องไบรอนซึ่งเขามีมากกว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวได้เป็นอมตะใน Stanzas ถึง Augusta ญาติและแขกไม่ควรพูดถึงกวีผู้น่าอับอายและหนังสือของเขาก็ถูกแยกออกจากห้องสมุดของครอบครัว
“ ราชินีแห่งสี่เหลี่ยมด้านขนาน” มีความสนใจในคณิตศาสตร์มากพอ ๆ กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วและทางโลก ของพวกเขา ทักษะการวิเคราะห์แอนนาต้องการค้นหาและพัฒนา ลูกสาวของตัวเองตรงกันข้ามกับความโน้มเอียงโรแมนติกที่หญิงสาวสามารถสืบทอดมาจากพ่อของเธอได้
นางไบรอนเชิญเธอ อดีตครู- ออกัสตัส เดอ มอร์แกน นักคณิตศาสตร์ชาวสก็อต เขาแต่งงานกับแมรี ซอมเมอร์วิลล์ผู้โด่งดัง ซึ่งครั้งหนึ่งแปลจากภาษาฝรั่งเศส “บทความเกี่ยวกับกลศาสตร์ท้องฟ้า” โดยนักดาราศาสตร์ปิแอร์ ลาปลาซ แมรี่คือผู้ที่กลายมาเป็นลูกศิษย์ของเธอซึ่งปัจจุบันเรียกว่า "แบบอย่าง"
หญิงสาวไม่ทำให้ความคาดหวังของแม่ผิดหวัง เมื่ออายุได้ 13 ปี เธอวาดภาพในอัลบั้มของเด็กผู้หญิง อากาศยาน- อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานว่าเอดาแอบเขียนบทกวี โดยรู้สึกละอายใจเหมือนเป็นโรคระบาดทางพันธุกรรม เธอตระหนักถึงความโน้มเอียงทางบทกวีของเธอในภายหลัง เมื่ออายุได้ 30 ปี เอดาเขียนถึงแม่ของเธอว่า “ถ้าคุณให้บทกวีแก่ฉันไม่ได้ คุณจะให้วิทยาศาสตร์ด้านกวีนิพนธ์แก่ฉันไหม”
ในที่สุดปัญหาในวัยเด็กทั้งหมดและ โรคภัยไข้เจ็บที่ยาวนานเอดาอายุได้สิบเจ็ดเมื่อถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เธอสามารถออกไปสู่โลกภายนอกและได้รับการแนะนำให้รู้จักกับกษัตริย์และราชินี สันนิษฐานว่าในงานเลี้ยงครั้งหนึ่งเธอจะได้พบกับคนที่เธอสามารถอุทิศชีวิตให้ได้ นั่นคือวิธีที่คุณได้รับมัน
คุณไบรอนตัวน้อยได้ยินชื่อชาร์ลส์ แบบเบจที่โต๊ะอาหารเย็นจากแมรี ซอมเมอร์วิลล์เป็นครั้งแรก ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาพวกเขาก็พบกันครั้งแรก
เมื่อพูดถึงนักคณิตศาสตร์ในตำนานสองคน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะละสายตาจากตัวเลข ตอนที่พวกเขารู้จักกัน Charles Babbage ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เช่นเดียวกับเซอร์ไอแซก นิวตันที่อยู่ก่อนหน้าเขาหนึ่งศตวรรษครึ่ง
ไม่กี่ปีก่อนเข้ารับตำแหน่ง Babbage ได้เขียนคำอธิบายเกี่ยวกับเครื่องลอการิทึมที่สามารถคำนวณด้วยความแม่นยำระดับ N20 ได้สำเร็จ ภาพวาดที่มีลูกกลิ้งและเกียร์จำนวนมากซึ่งขับเคลื่อนด้วยคันโยกวางอยู่บนโต๊ะของนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2366 ได้มีการจ่ายเงินทุนก้อนแรกเพื่อสร้างคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในโลกที่เรียกว่า Babbage's Analytical Engine การก่อสร้างใช้เวลาสิบปี การออกแบบเครื่องจักรมีความซับซ้อนมากขึ้น และในปี พ.ศ. 2376 เงินทุนก็หยุดลง
Ada Byron อายุสิบแปดปีเมื่อเธอเห็น Babbage ครั้งแรก เธอเกิดเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2358 ดังนั้นความใกล้ชิดของเธอกับศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์จึงเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2376 เดียวกัน ดังนั้นการที่นักคณิตศาสตร์ผู้น่าสงสารคนนี้ได้รู้จักกับขุนนางผู้ร่าเริงและร่าเริงจึงเป็นประโยชน์ต่อทั้งแบบเบจและวิทยาศาสตร์
ในสังคมชั้นสูงในสมัยนั้น การพูดคุยเรื่องเครื่องจักรมหัศจรรย์ถือเป็นกระแสนิยม คณะผู้แทนสตรีชั้นสูงในชุดเดรสส่งเสียงดังเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการของนักวิทยาศาสตร์ Augustus de Morgan กล่าวถึงการพบกันครั้งแรกของ Ada กับโปรโตคอมพิวเตอร์ว่า “ในขณะที่แขกบางคนมองด้วยความประหลาดใจกับอุปกรณ์ที่น่าทึ่งนี้ผ่านสายตาของคนป่าเถื่อนที่เห็นกระจกเป็นครั้งแรก คุณ Byron ที่ยังเด็กมากสามารถเข้าใจการทำงานของเครื่องจักรและรู้สึกชื่นชม ศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่สิ่งประดิษฐ์"
ความหลงใหลที่ผูกพัน Ada และ Babbage คือความหลงใหลในวิทยาศาสตร์ เขาอายุมากกว่าเธอยี่สิบสี่ปี และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่เคยไปไกลกว่าความร่วมมือทางธุรกิจ ในปีพ.ศ. 2377 มิสไบรอนแต่งงานกับวิลเลียม คิง วัย 29 ปี ซึ่งในไม่ช้าก็ได้รับตำแหน่งลอร์ดเลิฟเลซ ทั้งสามีของเธอและลูกสามคนในวัยเดียวกันไม่ได้ขัดขวางเอดาจากการยอมจำนนอย่างกระตือรือร้นต่อสิ่งที่เธอถือว่าเรียก การแต่งงานทำให้งานของเธอง่ายขึ้น: เธอมีแหล่งเงินทุนอย่างต่อเนื่องในรูปแบบของคลังของครอบครัวเอิร์ลแห่งเลิฟเลซ
จดหมาย “สำคัญ” ฉบับแรกถึง Babbage เขียนขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2379 เมื่อ Ada ตั้งครรภ์ลูกชายคนแรกของเธอ Byron Noel การติดต่อดำเนินต่อไปจนกระทั่งคุณหญิงสิ้นพระชนม์
ขณะที่เอดาถูกเธอฟุ้งซ่านชั่วคราว ครอบครัวใหม่เมฆมารวมตัวกันเหนือแบบเบจ อุปกรณ์ที่เข้าใจยากของเขาล้าสมัยในบ้านเกิดของเขาและนักประดิษฐ์ถูกบังคับให้ไปเทศนาในทวีป ในปี ค.ศ. 1842 Manibera นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีเริ่มคุ้นเคยกับเครื่องมือวิเคราะห์ มีความยินดีและได้สร้างเครื่องมือวิเคราะห์ขึ้นมาเป็นครั้งแรก คำอธิบายโดยละเอียดสิ่งประดิษฐ์ บทความนี้ตีพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศส และ Ada เป็นผู้แปลเป็นภาษาอังกฤษ ต่อมา แบบเบจได้เชิญเธอให้แสดงความคิดเห็นโดยละเอียดเกี่ยวกับข้อความดังกล่าว ความคิดเห็นเหล่านี้ทำให้ลูกหลานมีเหตุผลเรียก Ada Byron เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก เหนือสิ่งอื่นใด เธอบอกกับ Babbage ว่าเธอได้ร่างแผนปฏิบัติการสำหรับเครื่องมือวิเคราะห์ด้วยความช่วยเหลือซึ่งทำให้สามารถแก้สมการเบอร์นูลลีได้ ซึ่งแสดงกฎการอนุรักษ์พลังงานของของไหลที่กำลังเคลื่อนที่ “แผนปฏิบัติการ” ไม่ใช่โปรแกรมคอมพิวเตอร์เครื่องแรกในโลก “เครื่องวิเคราะห์” เคาน์เตสเขียนว่า “จะสามารถทอสูตรพีชคณิตได้ เช่นเดียวกับที่เครื่องจักรของ Jacquard สามารถถักดอกไม้และใบไม้ได้” ความหลงใหลที่สองของ Ada รองจากคณิตศาสตร์คือดนตรี เมื่อรวมเอาความหลงใหลของเธอเข้าด้วยกัน โปรแกรมเมอร์คนแรกแนะนำว่าเมื่อเวลาผ่านไป เครื่องมือวิเคราะห์จะสามารถแต่งเพลงได้ ตอนนี้เราสามารถประเมินความถูกต้องและความแม่นยำของการพยากรณ์ของเธอได้แล้ว
ผู้ร่วมสมัยสงสัยว่า Ada Lovelace สมรู้ร่วมคิดกับลูซิเฟอร์และ Charles Dickens เชื่ออย่างจริงจังว่าหลังจากที่เธอไปเยี่ยมชมเส้นทางของ วิญญาณชั่วร้าย- ความสงสัยจากโลกอื่นไม่ได้เกิดขึ้นเพราะซาตานได้เปิดเผยบางสิ่งที่คล้ายกับความลับของดินปืนแก่เธอ และไม่ใช่เพราะเธอฉลาดอย่างชั่วร้าย เป็นไปได้มากว่าสังคมลอนดอนรู้สึกหวาดกลัวกับการโจมตีที่ผู้หญิงคนนี้ร้องขอเงินภายใต้บุตรบุญธรรมของเธอ เอดาเองก็ไม่รังเกียจที่จะแสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของปีศาจ เพราะเธอเป็นลูกสาวของพ่อเธอ ในจดหมายถึงกูรูของเธอลงวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2386 เธอเขียนว่า “Babbage ที่รักของฉัน ฉันทำงานเพื่อคุณเหมือนปีศาจ (ซึ่งบางทีฉันอาจเป็น)” คำกล่าวของเธอเกี่ยวกับตัวเธออีกประการหนึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง:“ ฉันสาบานกับปีศาจว่าจะใช้เวลาไม่ถึง 10 ปีก่อนที่ฉันจะดูดเลือดจำนวนหนึ่งจากความลึกลับของจักรวาลและในลักษณะที่จิตใจและริมฝีปากของมนุษย์ธรรมดา ทำไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่าพลังและความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวนั้นยังไม่ได้ใช้อยู่ในสิ่งมีชีวิตตัวน้อยของฉัน…”
ดังนั้น เธอจึงเป็นผู้สนับสนุนคนแรก จากนั้นจึงเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์และโปรดิวเซอร์ผู้กระตือรือร้นของ Charles Babbage แต่เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์นักคณิตศาสตร์หรือไม่ ความสามารถในการวิเคราะห์ของเธอเกินจริงหรือไม่ บางทีตัวละครในตำนาน "เอดา ไบรอน" ดูเหมือนจะทำให้หนังสือวิทยาศาสตร์ยอดนิยมมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อย เช่น "นักคณิตศาสตร์ก็เป็นคนเช่นกัน (รวมถึงชีวประวัติของผู้หญิงเจ็ดคนและตัวแทนของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ )"
ในสารานุกรมทั้งหมด ตั้งแต่บริแทนนิกาไปจนถึงสหภาพโซเวียตผู้ยิ่งใหญ่ ออกัสตา อาดา คิง เลิฟเลซปรากฏว่าเป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ เป็นหลัก งานทางวิทยาศาสตร์มีการระบุการแปลบทความของ Menabria เรื่อง "Elements of Babbage's Analytical Engine" และคำอธิบายประกอบในบทความดังกล่าว เพียงแต่ว่า Ada ต่างจาก Babbage ทั่วไปที่รู้ดีพอควร ภาษาฝรั่งเศส- เธอแปลจดหมายและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก และเธอไม่ได้แก้สมการเบอร์นูลลีซึ่งขาดไม่ได้ในระบบชลศาสตร์ แต่เพียงเสนอแนะว่าสามารถแก้ไขได้โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์
ข้อเสนออีกประการหนึ่งที่เอดาทำกับแบบเบจเกือบจะฆ่าเขา อาชีพทางวิทยาศาสตร์- เลดี้เลิฟเลซแน่ใจว่าเครื่องจักรสามารถแก้ไขปัญหาเชิงปฏิบัติได้แล้ว กล่าวคือ การทำนายการเดิมพันแบบ win-win ในการแข่งขัน อย่างไรก็ตามอาจมีบางอย่างผิดปกติกับเครื่องจักรหรือโดยธรรมชาติ แต่ม้าก็ดื้อรั้นปฏิเสธที่จะวิ่งตามระบบที่คิดค้นขึ้นมาสำหรับพวกมัน หลังจากสูญเสียเงินของเธอและสามีไป เอดาก็มองหาเหตุฉุกเฉินอย่างสิ้นหวัง กระแสทางการเงินแต่กลับพบเพียงกลุ่มนักแบล็กเมล์มืออาชีพเท่านั้น น่าเศร้าที่ครอบครัว Loveless ได้รับการช่วยเหลือจากความหายนะโดยสิ้นเชิงเพียงเพราะ Ada เสียชีวิตกะทันหันด้วยโรคมะเร็งเท่านั้น Babbage รอดชีวิตมาได้ยี่สิบปี แต่คอมพิวเตอร์เชิงกลของเขายังสร้างไม่เสร็จ
ในปี 1991 นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้สร้างเครื่องกลขึ้นมา คอมพิวเตอร์- การหารหรือการคูณหนึ่งครั้งใช้เวลา 2-3 นาที ความเร็วของคอมพิวเตอร์สมัยใหม่คือ 10 ถึงกำลัง 8 ของการทำงานต่อวินาที
ในปี 1975 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ตัดสินใจเริ่มพัฒนาภาษาโปรแกรมสากล รัฐมนตรีอ่านที่จัดทำโดยเลขานุการ ทัศนศึกษาทางประวัติศาสตร์และไม่ลังเลเลยที่จะอนุมัติทั้งโครงการและชื่อที่เสนอสำหรับภาษาในอนาคต - "อาดา"
เอดาเสียชีวิตเมื่อ 123 ปีก่อน ชะตากรรมของพ่อซึ่งอิทธิพลของแม่ของ Ada ต้องการปกป้องเธออย่างมากส่งผลกระทบต่อชะตากรรมของลูกสาวที่ชอบด้วยกฎหมายเพียงคนเดียวของเขาอย่างแปลกประหลาด พวกเขามีความคล้ายคลึงกัน: นักอุดมคตินิยมผมดำที่มีดวงตาที่ลุกเป็นไฟ พร้อมที่จะตายเพื่ออิสรภาพของประเทศที่ห่างไกลของผู้อื่น หรือเสียสละทุกสิ่งเพื่อสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีใครยอมรับ Ada Lovelace และ George Gordon Byron ไม่เคยพบกันเลยในช่วงชีวิตของพวกเขา แต่ทั้งคู่เสียชีวิตเมื่ออายุ 36 ปี และถูกฝังไว้ในดิน Nottinghamshire ในห้องใต้ดินของตระกูล Byron (กับ)