มีดสั้น มีดต่อสู้ของหน่วยรบชั้นนำของกองทัพรัสเซีย
ทหารบางครั้งล้อเลียนสิ่งที่ดีที่สุด มีด- นี้ ปืน- ในความเป็นจริง มีดต่อสู้เป็นอาวุธชนิดพิเศษมาก ความสามารถในการถือซึ่งบางครั้งจำเป็นพอๆ กับการยิงที่รวดเร็วและแม่นยำเพื่อฆ่าและมีสมรรถภาพทางกายที่ยอดเยี่ยม
เรานำเสนอภาษารัสเซียที่ดีที่สุดให้กับคุณ มีดต่อสู้- ผู้ที่เข้าประจำการและใช้งานโดยกองกำลังพิเศษ ในกองทัพหรือในหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
พายุ
แบบจำลองการทดลองมีดสากลสำหรับ นาวิกโยธิน - การสร้างมีดสากลดึงดูดนักออกแบบที่พัฒนาอาวุธมีคมรุ่นใหม่มาโดยตลอด แต่การแก้ปัญหาที่หลากหลายด้วยความช่วยเหลือของเครื่องมือชิ้นเดียวนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
มีด Storm มีใบมีดสแตนเลสและด้ามจับเฉื่อยทางเคมีที่ทนต่อแรงกระแทกซึ่งเป็นผลมาจากการที่หน่วยนาวิกโยธินสามารถใช้การต่อสู้ระยะประชิดได้ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมันถูกพัฒนาขึ้น มีดนี้เป็นมีดต่อสู้ล้วนๆ - เนื่องจากไม่มีเลื่อยที่ก้นและไม่มีฟันเลื่อยบนใบมีด จึงแทบจะถือได้ว่าเป็นมีดสากล
คม
มีดสั่งทำจากมอสโก ซอบโดยบริษัท "AiR" จากเมือง Zlatoust มีให้เลือก 3 รุ่น - มีดต่อสู้มีดต่อสู้ระดับพรีเมี่ยมและการดัดแปลงพลเรือน ภาพด้านล่างแสดงเวอร์ชันการต่อสู้ เวอร์ชันรางวัลนั้นแตกต่างตรงที่ทำด้วยการปิดทอง แต่ในแง่ของคุณลักษณะทางยุทธวิธีและทางเทคนิค ก็ไม่แตกต่างจากเวอร์ชันการต่อสู้
DV-1 และ DV-2
มีด DV-1 และ DV-2 ต่างกันเพียงความยาวใบมีดเท่านั้น ได้รับการพัฒนาตามคำสั่งและร่วมมือกับเครื่องบินรบ กองกำลังพิเศษตะวันออกไกล- ชื่อของพวกเขาบ่งบอกสิ่งนี้ - DV แปลว่า "ตะวันออกไกล" เหล่านี้เป็นมีดตั้งแคมป์ขนาดใหญ่ที่สามารถทนต่องานหนักและสามารถใช้กับงานที่ยากที่สุดได้
ภาพด้านบนแสดงมีด DV-1 รูปทรงหอก ใบมีดและเพิ่มเติม การเหลาบนก้น ด้ามจับมีดทำจากวอลนัทคอเคเชียน ตัวป้องกันเหล็กและด้ามมีดทำจากวัสดุชนิดเดียวกัน มีด DV-1 มีปลายด้ามเป็นโลหะทั้งหมดผ่านด้ามจับ ชุดสกรู และปลอกหนัง
ภาพถ่ายแสดงมีด DV-2 รุ่นจำกัดรุ่นส่งออก ซึ่งแตกต่างจากมีดรุ่นต้นกำเนิดในเรื่องวัสดุที่ใช้ ใบมีดทำจากเหล็ก Z60 แทนเหล็กกล้าคาร์บอนทั่วไป 50MX14МФ สำหรับมีดเหล่านี้ และด้ามจับของมีดสามารถทำจากหนังได้ ในขณะที่รุ่นพื้นฐานมีเพียงวอลนัทเท่านั้น เมื่อมองแวบแรก มีดก็ประทับใจกับขนาดของมัน ความยาวรวม 365 มม. และความยาวใบมีด 235 มม. เพื่อป้องกันการกัดกร่อนและป้องกันแสงสะท้อน จึงมีการเคลือบสีดำด้านบนใบมีด การปลดคลิกเพียงครึ่งเดียว แม้จะมีความหนาทึบถึง 5.8 มม. ก็ช่วยให้ตัดได้ดี ที่ก้นของใบมีดมีส่วนที่มีมุมเอียงสร้างลิ่มที่ไม่แหลมซึ่งใช้สำหรับสับกระดูก รอยบากด้านหน้าการ์ด (choil) ช่วยให้คุณสามารถสกัดมีดได้โดยการสอดการ์ดระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง ด้ามจับดังกล่าวช่วยให้ดึงมีดที่ติดอยู่ออกได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับงานหลายๆ ชิ้นที่การวางมือบนมีดช่วยให้ควบคุมได้ดีขึ้น
DV-2 มีตัวป้องกันสองด้านซึ่งช่วยปกป้องมือได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้ามจับทำจากแผ่นหนังที่ติดกันแน่น มีส่วนตัดเป็นรูปวงรี ที่จับปิดท้ายด้วยอานม้าอันใหญ่ซึ่งใช้เพื่อจุดประสงค์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ อานม้าวางอยู่บนก้านทะลุแล้วขันให้แน่นด้วยน็อตแบน ปลอกมีดมีดีไซน์คลาสสิก ทำจากหนังหนา 2 ชั้น เชื่อมด้วยหมุดย้ำ ระบบกันสะเทือนเป็นแนวตั้งพร้อมสายรัดที่ยึดที่จับอย่างแน่นหนา
ลงโทษ
มีดซีรีส์ "Punisher" ได้รับการพัฒนาและผลิตสำหรับหน่วยบังคับใช้กฎหมายของ FSB ของรัสเซียโดยบริษัท Melita-K CJSC ซึ่งผลิตมีดคุณภาพสูงมาตั้งแต่ปี 1994 รวมถึงมีดต่อสู้และมีดสั้นหลากหลายประเภท “Punisher” มีให้เลือกสองแบบ – “ วซมาค-1" และ " เกจิ- นอกจากนี้ยังมีการดัดแปลงที่แตกต่างกันไปตามวัสดุของด้ามจับ ( หนังพิมพ์ลาย ยาง หรือกระตัน). « วซมาค-1" แตกต่างในส่วนรากของการลับคมแบบฟันปลา และ "Maestro" ต่างกันที่การลับแบบฟันปลาที่ด้านบน ประเภทของฝัก และประเภทของการตกแต่งใบมีด ( ป้องกันแสงสะท้อน สีดำ หรือลายพราง).
ยามเป็นแบบสองด้าน กว้าง ใบมีดสะดวกในการขุดและอนุญาตให้ใช้มีดเป็นส่วนเสริมเพิ่มเติมบนทางลาดที่มีดินร่วนหากจำเป็น ส่วนตัดของใบมีดมีช่องรูปพระจันทร์เสี้ยวซึ่งช่วยให้คุณสามารถเพิ่มความยาวได้ คมตัดในขณะที่ยังคงรักษามิติเชิงเส้นไว้ มีดนี้มีฝักที่ทำจากหนังคุณภาพสูงหรือมีดที่สามารถติดเข้ากับแขน ขา เข็มขัด และองค์ประกอบของอุปกรณ์ต่อสู้หรือเดินป่าได้ มีด " วซมาค-1“รับเข้าใช้บริการอย่างเป็นทางการ
อัศวิน
มีด NSN " วิเทียซ NSN», « วิเทียซ นิวเม็กซิโก», « อัศวิน“พัฒนาโดยคำสั่งของประธานาธิบดี” บีเคบี "วิเทียซ"» วีรบุรุษแห่งรัสเซีย S.I. Lysyuk เพื่อจัดเตรียมยูนิต วัตถุประสงค์พิเศษ- คุณสมบัติที่โดดเด่นของการออกแบบคือใบมีดขนาดใหญ่และหนักพร้อมใบมีดแคบ ซึ่งทำให้สามารถรักษาความเฉื่อยของการเคลื่อนไหวเมื่อกระแทก ลดน้ำหนักและเพิ่มความสามารถในการเจาะทะลุ และตัวป้องกันที่สะดวกสบายตามหลักกายวิภาคศาสตร์ที่ช่วยให้คุณถือมีดเข้าไปได้ มือของคุณขณะทำงาน
ต่อต้านการก่อการร้าย
มีด Anti-Terror ได้รับการออกแบบและผลิตสำหรับกองกำลังรักษาความปลอดภัยของ FSB ของรัสเซีย ใบมีดมีรูปร่างเป็นกลีบซึ่งช่วยให้สามารถใช้พื้นที่ทำงานของใบมีดได้สูงสุดและเพิ่มคุณสมบัติการตัด โครงสร้างใบมีดมีความสามารถในการเจาะทะลุสูง ส่วนการตัดมีช่องรูปพระจันทร์เสี้ยว ซึ่งช่วยให้คุณเพิ่มความยาวของคมตัดในขณะที่ยังคงขนาดเชิงเส้นไว้ ด้านหลังของใบมีดได้รับการเสริมความแข็งแกร่ง การ์ดป้องกันตามหลักสรีรศาสตร์มาตรฐานไม่อนุญาตให้มือหลุดในขณะที่กระแทก
คาทราน
ชุดมีดต่อสู้ " คาทราน» แตกต่างกันตามประเภทของใบมีดและวัสดุด้ามจับ ชุดมีด " คาทราน" ขึ้นอยู่กับการดัดแปลง ใช้เป็นมีดใต้น้ำ มีดต่อสู้ หรือมีดเอาชีวิตรอด ที่จับมีดมีตัวป้องกันสองด้านและด้ามมีดโลหะ วัสดุของด้ามจับ: หนัง ยาง หรือกระตัน ขึ้นอยู่กับการดัดแปลง - คาทราน-1» – มีดต่อสู้ใต้น้ำ ใบมีดมีความคมหนึ่งและครึ่ง การลับคมที่ก้นนั้นทำในรูปแบบของใบเลื่อยรูปคลื่น ส่วนรากมีตะขอสำหรับตัดอวนและลับคมแบบหยัก ที่จับยาง. ปลอกพลาสติกมีสายรัดสำหรับห้อยขา การเคลือบชิ้นส่วนโลหะเป็นโครเมียมสีดำ
« คาทราน-1-ส"- มีดเวอร์ชั่นบกนี้ แตกต่างในวัสดุใบมีด: เหล็ก 50х14 MF. การรักษาป้องกันแสงสะท้อนของชิ้นส่วนโลหะ ด้ามจับทำจากหนัง ฝักหนังพร้อมเม็ดพลาสติก - คาทราน-2» – มีดล่าสัตว์ด้วยการลับคมหนึ่งครึ่ง จุดลับที่ก้นมีมุมที่ออกแบบมาสำหรับสับ การรักษาป้องกันแสงสะท้อน ด้ามจับทำจากหนัง ฝักเป็นหนัง - คาทราน-45» – มีดต่อสู้- รุ่นพิเศษ พัฒนาตามสั่ง โดดเด่นด้วยการมีใบเลื่อยโลหะที่ก้นและการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน ด้ามจับทำจากหนัง ฝักหนัง. มีตัวเลือกพร้อมการเคลือบอำพรางชิ้นส่วนโลหะ
ชัยฏอน
กริชต่อสู้ " ชัยฏอน» พัฒนาขึ้นในปี 2544 ตามคำสั่งและร่วมกับพนักงานแผนกบังคับใช้กฎหมาย กระทรวงกิจการภายในแห่งสาธารณรัฐตาตาร์สถาน. ต่อสู้กริช“ Shaitan” มีให้เลือกสองแบบ: ที่จับเป็นหนังฝังและแบบโครงกระดูก (“ ไชตัน-เอ็ม- มีดมีใบมีดรูปใบไม้แคบพร้อมการลับสองด้าน ในส่วนรากจะมีการเหลาเป็นหยัก ฟันปลาได้รับการออกแบบเพื่อใช้เป็นเครื่องตัดสลิง และตัดเชือกปีนขนาด 10-12 มม. ได้อย่างง่ายดาย รูปร่างของใบมีดมีไว้สำหรับสร้างบาดแผลที่มีบาดแผลลึกเช่นกัน การใช้งานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดส่วนการทำงานของใบมีด ตัวป้องกันและที่จับทำมาอย่างสมมาตร อีกด้วย " ไชตัน-เอ็ม“สามารถใช้เป็นมีดขว้างได้ ทนทานต่อการขว้างถึง 3,000 ครั้ง ด้ามจับทำจากหนังซ้อนกัน ผ่านการดูแลรักษา การดูแลเป็นพิเศษ- ชิ้นส่วนโลหะทั้งหมดมีการเคลือบป้องกันแสงสะท้อน
อาเคล่า
มีด " อาเคล่า»ออกแบบเอง ซอบยังไง " เจ้าหน้าที่ตำรวจ » มีด- คุณลักษณะที่โดดเด่นคือขนาดที่เล็ก ซึ่งช่วยให้สามารถทำงานได้ในสภาพแวดล้อมในเมืองที่คับแคบ สถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน และสถานที่ที่เป็นไปไม่ได้ มีดเป็นแบบกริช สองคม ใบมีดมีสารเคลือบป้องกันแสงสะท้อน (โครเมียมดำ) ด้ามจับทำจากยาง MBS และจับกระชับมือ ที่อานม้าเป็นโลหะและมีรูสำหรับร้อยเชือกคล้อง
สเมิร์ช-5
มีด " สเมิร์ช-5» – คลาสสิค มีดต่อสู้- ต้นแบบของมีดนี้ถูกใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (HP-43) ใบมีดมีความสามารถในการเจาะทะลุสูง การ์ดป้องกันตามหลักสรีรศาสตร์ป้องกันไม่ให้มือหลุดระหว่างการตี ส่วนชนด้านบนของตัวป้องกันได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มแรงกดเมื่อตัดวัตถุแข็ง
เกิร์ซ่า
ตัวอย่างที่แสดงในภาพถ่ายถูกนำมาใช้โดยหน่วยพิเศษของ FSB มีด Gyurza ประกอบด้วยการดัดแปลงสองแบบและมีใบมีดแคบที่มีการลับคมครึ่งหนึ่ง ที่ส่วนก้นของการลับนั้นทำด้วยฟันเลื่อย ฟันเลื่อยช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ของมีด และยังใช้สำหรับตัดเชือกและสายเคเบิล และทดแทนเลื่อยในระดับที่จำกัด
งูเห่า
มีดต่อสู้" งูเห่า»ออกแบบเอง SOBR ของกระทรวงกิจการภายในของสหพันธรัฐรัสเซีย- นี่คือกริชขนาดเล็กที่มีใบมีดแคบและการ์ดป้องกันสองด้านที่สะดวกสบายทางกายวิภาค - งูเห่า“เป็นอาวุธร้ายแรงที่ช่วยให้คุณสามารถแก้ภารกิจการต่อสู้ในสถานที่แออัดที่มีการใช้ อาวุธปืน- กริชนี้ไม่เพียงแต่ออกแบบมาเพื่อการแทงเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ใช้เทคนิคการตัดและสับได้ทั้งแบบตรงและแบบย้อนกลับ
ช่างเทคนิคระเบิด
อันนี้ใหญ่และ มีดอันทรงพลังด้วยความยาวใบมีด 180 มม. ออกแบบตามสั่ง หน่วยทหารช่าง เอฟเอสบี. « ช่างเทคนิคระเบิด» ออกแบบเป็นมีดอรรถประโยชน์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานฟังก์ชั่นต่างๆ อาวุธทหาร, มีดเอาชีวิตรอดและเครื่องมือทางวิศวกรรม ปัจจุบันได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการสำหรับการจัดหา ใบมีดมีความสมมาตรโดยมีการลับที่แตกต่างกัน - ด้านหนึ่งของใบมีดจะมีการลับแบบปกติ ส่วนอีกด้านเป็นใบมีดหยักแบบละเอียด ด้ามไม้มีด้ามเหล็กซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งในการต่อสู้และเป็นค้อน
กริชแห่งหน่วยข่าวกรองทางการเงินของรัสเซีย
มีดต่อสู้ที่แสดงในภาพที่ผลิตโดย บริษัท AiR (Zlatoust) ยังคงคุณสมบัติทั้งหมดของกริชคลาสสิกไว้ - ใบมีดสองคม การ์ดและด้ามจับที่สมมาตร กริชนี้มีความน่าสนใจตรงที่เห็นได้ชัดว่าเป็นกรณีเดียวในรัสเซียยุคใหม่ที่มีการฟื้นฟูประเพณีอาวุธของแผนกซึ่งในฐานะที่เป็นแบบจำลองการต่อสู้ในขณะเดียวกันก็บ่งชี้ว่าเป็นของที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด โครงสร้างของรัฐบาล- มีดต่อสู้ชุดเล็กและชุดเดียวนี้ผลิตในปี 2551 ตามคำสั่งของ Financial Monitoring Service สำหรับพนักงานโดยเฉพาะ กริชทำจากสแตนเลส ด้ามจับทำจากหนัง ยามและก้นเป็นอะลูมิเนียม
โอที-4
อักษรย่อ “OTs” ย่อมาจาก “Weapon TsKIB” มีด OTs-04 ได้รับการพัฒนาที่ Tula Central Design Research Bureau (TsKIB) ในช่วงปลายยุค 80 - ต้นยุค 90 และมีไว้สำหรับกองกำลังพิเศษของกระทรวงกิจการภายใน มีดมีดีไซน์ที่ใหญ่มาก ก้นหนา 7 มม. ใบมีดมีความลาดเอียงเล็กน้อยที่ด้านหน้า ก้นใบมีดมีเลื่อยสองแถว แต่เนื่องจากฟันมีความสูงต่ำ ประสิทธิภาพจึงค่อนข้างต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเลื่อยไม้ดิบ ด้ามจับมีความสมมาตร พร้อมตัวป้องกันสองด้าน ทำจากพลาสติกและมีลอนขนาดใหญ่เพื่อการยึดเกาะที่ดีขึ้น
ฝักเป็นเหล็ก ตอกหมุดสองซีก ในนั้นใบมีดนั้นถูกยึดไว้ด้วยแผ่นสปริงซึ่งคล้ายกับมีดดาบปลายปืน AK ปลอกมีห่วงหนังสำหรับวางมีดแบบคลาสสิกบนเข็มขัด รวมทั้งยังมีสายหนังแบบปรับได้ที่ให้คุณวางมีดบนตัวและอุปกรณ์ของคุณได้หลายวิธี
การล่าสัตว์เป็นกิจกรรมที่ขัดแย้งกัน ที่นี่ ความคลาสสิกเก่าแก่ผสมผสานอย่างลงตัวกับความทันสมัย และการใช้ประโยชน์ได้จริงพร้อมกับความรื่นรมย์แห่งศิลปะ ขณะล่าสัตว์ คุณจะเห็นปืนทริกเกอร์ Tula เก่า ปืนกึ่งอัตโนมัติใหม่ ปืนราคาประหยัดที่ทำจากพลาสติกสีดำ และปืนชิ้นเดียวซึ่งมีราคาเทียบได้กับราคาอพาร์ทเมนต์ ดังนั้นมีดที่ใช้ที่นี่จึงแตกต่างกันมาก บางคนจะเลือกมีดที่มีรูปลักษณ์เรียบง่ายโดยไม่มีด้ายหรือสลัก ในขณะที่บางคนก็จะมีฝักพิเศษเฉพาะ ทำเอง.
ดังนั้นเรามาดูกันว่ามีอะไรอยู่ข้างในบ้าง นั่นก็คือ วัสดุ มีดมีให้เลือกมากมาย แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง
บางทีตัวเลือกที่เป็นประชาธิปไตยมากที่สุดก็คือ เหล็กกล้าคาร์บอน: ราคาไม่แพง ให้ความร้อนง่าย ทนทาน และยึดขอบได้ดี ด้วยการเติมโครเมียมลงในโลหะผสม เราก็สามารถปกป้องมีดได้อย่างน่าเชื่อถือ ผลกระทบที่เป็นอันตรายความชื้น. หนึ่งในโลหะผสมราคาประหยัดที่ดีที่สุดคือ 95X18 และมัน อะนาล็อกอเมริกัน 440D/440C. จับขอบได้ดีและทนทาน ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงได้รับความนิยมอย่างมาก
ลดราคาคุณยังสามารถหามีดที่ทำจาก เหล็กกล้าเครื่องมือเดิมพัฒนาขึ้นสำหรับเครื่องมือตัด (ดอกสว่าน ต๊าป แม่พิมพ์) ข้อได้เปรียบของพวกเขาคือความสามารถในการรับความแข็งสูง แต่นั่นคือสาเหตุที่พวกมันไวต่อสภาวะการรักษาความร้อน: หากคุณทำผิดพลาดมันเป็นเรื่องง่ายที่จะได้มีดที่ร้อนจัดซึ่งจะพังตามขอบอย่างรวดเร็วและมันจะยากมาก เพื่อลับคมด้วยมือ เมื่องอมีดดังกล่าวจะหักจนหมด และสุดท้าย ผู้พัฒนาเหล็กกล้าเครื่องมือไม่ได้กังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับความต้านทานการกัดกร่อน แต่การเกิดสนิมบนมีดนั้นไม่เหมาะสม คุณไม่ควรใช้มีดดังกล่าวในการล่าสัตว์หรือตกปลา
ด้วยเหตุผลเดียวกัน ดามัสกัสและ เหล็กสีแดงเข้มแม้จะมีไหวพริบโรแมนติกรอบคำเหล่านี้ แต่ก็มีข้อเสียบางประการเช่นกัน พวกเขาต้องการการดูแลอย่างระมัดระวัง เนื่องจากพื้นผิวที่มีพื้นผิวช่วยให้น้ำซึมผ่านรอยแตกขนาดเล็กได้ง่ายขึ้น ดามัสกัสราคาถูกซึ่งปลอมแปลงไม่ดีสามารถเริ่มแตกและสลายได้อย่างรวดเร็ว ในทางกลับกัน โลหะวิทยาสมัยใหม่ทำให้สามารถสร้างเหล็กดามัสกัสที่ไม่ไวต่อการเกิดสนิมได้และแม้แต่การผลิตเหล็กดังกล่าวในเชิงอุตสาหกรรม - เช่น Damasteel ของสวีเดน: หนึ่งในสายพันธุ์ของมันได้รับการออกแบบมาเพื่อการผลิตอาวุธปืน บาร์เรลและมีข้อกำหนดสำหรับความแข็งแรงของโลหะผสมนั้นสูงกว่ามีดในการผลิตมาก และดามัสกัสแบบเคลือบได้รับการปกป้องอย่างดีจากการบิ่นของคมตัด - มีดดังกล่าวตัดด้วยแผ่นเนื้อเดียวกันที่ทำจากเหล็กกล้าคาร์บอนสูงและ "วัสดุบุผิว" ของดามัสกัสมีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น
มีดต่อสู้ถือเป็นมีดที่ดีที่สุด เพราะสำหรับการต่อสู้จะต้องมีเหล็กที่แข็งแรง ด้ามจับที่สะดวกสบาย และใบมีดที่ลับคมอย่างดี ทั้งหมดนี้มีราคาของมัน มีผู้ผลิตหลายราย แต่คุณต้องมองหาอาวุธคุณภาพสูงจริงๆ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อหลายพันปีก่อน เมื่อหนึ่งในผู้คนที่เดินตัวตรงไม่ต้องการทำลายบางสิ่งเหมือนเมื่อก่อน แต่ต้องการตัดมันทิ้ง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เครื่องมือต่างๆ ได้รับการปรับปรุงจากศตวรรษสู่ศตวรรษ มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้มากขึ้น เราได้รวบรวมรายชื่อ มีดต่อสู้ที่ดีที่สุดในโลกในขณะนี้
ประดิษฐ์ขึ้นในสเปน มีจุดประสงค์เพื่อการแก้แค้นเป็นส่วนใหญ่ มันถูกกางออกด้วยตนเองและมีใบมีดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบมาก ซึ่งสามารถใช้เพื่อโจมตีได้แม้กระทั่งความผิดใดๆ ถูกสร้างขึ้นเนื่องจากการห้ามใช้ใบมีดจริง และมีการล็อคพิเศษที่ก้นเพื่อยึดใบมีดให้อยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่นเพียงจุดเดียว
2. มีดโบวี่
เครื่องตัดขนาดที่น่าประทับใจซึ่งมักพบได้ในหมู่เกษตรกรในสหรัฐฯ มันถูกสร้างขึ้นในลักษณะนี้โดยเจมส์ โบวี ซึ่งครั้งหนึ่งในฐานะพันเอก เคยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิวัติครั้งยิ่งใหญ่ของเท็กซัส ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ Crocodile Dundee ผู้โด่งดังปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชมในภาพยนตร์ทุกเรื่อง
ในการจัดอันดับมีดที่ดีที่สุดในโลกไม่มีใครสามารถทำได้หากไม่มียักษ์ตัวนี้ มีดแมเชเต้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้เดินทางผ่านป่าและต่อสู้กับศัตรูที่แท้จริง มันถูกคิดค้นโดยชาวสเปน แต่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษในช่วงสงครามเวียดนาม เพราะมันเข้าประจำการกับทหารอเมริกัน
4. คารัมบิต
เมื่อถามถึงมีดที่ดีที่สุดในโลก เจ้าหน้าที่ทหารหลายคนจะชี้ไปที่คารัมบิต ซึ่งบางทีอาจเป็นมีดที่อันตรายที่สุดชิ้นหนึ่งจริงๆ มีดมีลักษณะคล้ายเคียว ลับมีดด้านหนึ่ง ด้ามจับได้รับการดัดแปลงเพื่อการยึดเกาะที่แข็งแรงและมีร่องสำหรับนิ้วและนอกจากนั้นแล้วยังมีรูเพื่อให้อาวุธสังหารไม่หลุดออกจากมือในระหว่างการต่อสู้ ขนาดที่เล็กที่สุดช่วยให้คุณพกพาได้แม้ในกระเป๋าของคุณ
5. บาลิซอง
มีดผีเสื้อซึ่งใช้งานไม่ง่ายนัก Balisong ถือเป็นหนึ่งในมีดพับที่ดีที่สุดในโลกและหากในช่วงปลายศตวรรษที่แล้ว "ของเล่น" ดังกล่าวได้รับความนิยมใน พื้นที่หลังโซเวียตปัจจุบันมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในฟิลิปปินส์ในโรงเรียนการต่อสู้
ยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงซึ่งก่อนสงครามฟิลิปปินส์จะรวมอยู่ในรายชื่อมีดทำครัวที่ดีที่สุดในโลกเท่านั้น มันถูกใช้เพื่อฆ่าปศุสัตว์ขนาดใหญ่และแปรงล้าง แต่ทหารหันมาหามัน ทำให้เกิดความหวาดกลัวอย่างแท้จริงสำหรับชาวอเมริกัน โบโลมีลักษณะและขนาดบางส่วนคล้ายคลึงกับมีดแมเชเต้ ส่วนหนึ่งก็คล้ายคูครี
หนึ่งในอาวุธสังหารไม่กี่ชนิดที่รอดชีวิตมาตั้งแต่ยุคกลางและยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน เป็นคุณลักษณะหลักของนักรบเนปาลที่เรียกตัวเองว่ากุรข่า มีลักษณะโค้งและลับคมภายในของใบมีด
เป็นที่รู้กันว่าซามูไรถือดาบที่แตกต่างกันมากมาย แต่ทันโตะคืออาวุธสุดท้ายของพวกเขา บ่อยครั้งที่เขาช่วยตัดสินชะตากรรมของนักรบ บรรจุในกล่องเล็กมีด้ามจับเรียบลื่นสบายและใบมีดยาว 30 เซนติเมตร
9. เควเกน
คมมากจนสามารถเปลี่ยนมีดโกนได้ง่าย และด้วยขนาดที่เล็ก ทำให้สวมใส่สบายอยู่เสมอ Quiken นั้นง่ายต่อการซ่อนและใช้เพื่อป้องกันตัวเองเท่านั้น
10. มีดหนาม
เชื่อกันว่าต้นแบบของมีดทุบคือกาตาร์ของอินเดีย และอาวุธนี้ได้รับความนิยมในช่วงตื่นทอง มันง่ายที่จะซ่อนมันและเอามันออกไป แน่นอนว่ามันไม่เหมาะกับการต่อสู้ แต่มันจะช่วยให้คุณต่อสู้กลับและช่วยชีวิตคุณได้เสมอ
ฉันอยากจะเริ่มการทบทวนมีดต่างประเทศที่น่าสนใจที่สุดในอดีตด้วยมีดต่อสู้รูปสามเหลี่ยมซึ่งในเยอรมนียุคกลางมีความหมายเชิงปฏิบัติอย่างแท้จริง - เพื่อทำลายการเชื่อมโยงของจดหมายลูกโซ่ของอัศวินที่สวมชุดเกราะ กริชดังกล่าวเรียกว่าคำภาษาเยอรมันว่า "panzerbrecher" และส่วนใหญ่มักใช้เพื่อกำจัดศัตรูที่พ่ายแพ้
Misericorde กริชในตำนาน (misericord หรือ Misericordia) ซึ่งแปลว่า "กริชแห่งความเมตตา" มีจุดประสงค์ "อันสูงส่ง" แบบเดียวกันในฝรั่งเศส ต่างจาก panzerbrecher ตรงที่ Misericordia ไม่ได้เจาะเกราะลูกโซ่ แต่ด้วยดาบที่บางและแคบพวกเขาแทงอัศวินที่นอนอยู่บนพื้นและไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองโดยดันดาบเข้าไปในรอยแตกระหว่างแผ่นเกราะแผ่น มีดสั้นอื่น ๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน - บาสเซลาร์ดของสวิส, โรนเดลของสเปน, กริชของอิตาลีและกริชที่มีฟันพิเศษสำหรับจับใบดาบ
ในยุคแห่งอัศวิน กริชที่บางและทนทานเป็นคุณลักษณะที่ขาดไม่ได้ของอัศวิน หากสวมชุดเกราะ คุณสามารถกำจัดผู้พิชิตในการต่อสู้ได้ หากไม่มีชุดเกราะ คุณสามารถต่อสู้กับศัตรูในห้องคับแคบซึ่งคุณไม่สามารถหันหลังกลับด้วยดาบได้ อย่างไรก็ตาม มีดต่อสู้แบบสั้น ทันโตะ หรือดาบที่ยาวกว่าทันโตะ - วากิซาชิ เล็กน้อย - มีจุดประสงค์เดียวกันในญี่ปุ่นยุคกลาง
อย่างไรก็ตาม ด้วยการถือกำเนิดและการแพร่กระจายของอาวุธปืน อัศวินจึงต้องละทิ้งชุดเกราะหนักที่กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ ความต้องการ “มีดสั้นแห่งความเมตตา” หายไปโดยอัตโนมัติ พวกเขาถูกแทนที่ด้วยมีดสั้นสำหรับมือซ้าย - มีดซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในยุคของทหารเสือ พวกเขาไม่เพียงแต่สามารถส่งการโจมตีที่ไม่คาดคิดหรือหันเหดาบของศัตรูได้ แต่บางครั้งก็ทำให้ใบมีดที่ติดอยู่ในกับดักพิเศษของการ์ดหักอีกด้วย มีกระทั่งมีดพิเศษที่มีใบมีดสามใบซึ่งเป็นส้อมชนิดหนึ่งซึ่งผู้เชี่ยวชาญการฟันดาบจับดาบของคู่ต่อสู้ได้
ในศตวรรษที่ 17 ในกองทัพยุโรปตะวันตก ดาบค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยอาวุธที่ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น เช่น ดาบหรือดาบที่มีความหลากหลายมากกว่า และดากาก็สูญเสียผู้พิทักษ์ที่หรูหราทีละน้อยกลายเป็นมีดต่อสู้ "อาวุธแห่งโอกาสสุดท้าย" ของเอกชนและเจ้าหน้าที่หลังจากกระบี่หักและกระสุนทั้งหมดถูกยิง และยังเป็นเครื่องมือในชีวิตประจำวันของทหารที่จำเป็นทั้งในการรณรงค์และการหยุดพัก
ในบทความนี้เราจะไม่พิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมีดต่อสู้จากประเทศต่าง ๆ ของโลก งานดังกล่าวจะใช้เวลาหลายเล่ม ที่นี่เราจะเน้นเฉพาะมีดต่อสู้ที่น่าสนใจที่สุดของบางประเทศ - และน่าสนใจไม่เพียง แต่สำหรับนักสะสมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้อ่านทั่วไปที่ได้สัมผัสหัวข้อที่บทความนี้กล่าวถึงเป็นครั้งแรกด้วย
มีดโบวี่
บางทีมีดอเมริกันประเภทที่มีชื่อเสียงและเป็นตำนานที่สุด ย้อนกลับไปในสมัย Wild West ออกแบบในช่วงทศวรรษที่ 1930 โดย Reason Bowie เจ้าของสวน มีดดังกล่าวได้รับความนิยมจาก James น้องชายของ Reason ด้วยความที่เจมส์ โบวี่เป็นนักผจญภัยที่สิ้นหวังโดยธรรมชาติ จึงได้ส่งมีดที่เป็นชื่อของเขาให้กับคู่แข่งผิวขาวและพวกอินเดียนแดงหลายคนไปยังโลกหน้า ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับยศพันเอกของกองกำลังอาสาสมัครประชาชนเท็กซัสและยกย่องมีดของน้องชายของเขาไปทั่วอเมริกา
มีดซึ่งมีใบมีดคล้ายดาบขนาดใหญ่ ถือเป็นทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ของกองทัพอเมริกันในยุคของปืนไรเฟิลและปืนพกบรรจุปากกระบอกปืน ซึ่งต้องใช้เวลามากในการบรรจุกระสุนใหม่หลังการยิง ในช่วงสงครามกลางเมืองอเมริกา ค.ศ. 1861–1865 มีดโบวี่ถือเป็นอาวุธส่วนตัวประเภทหนึ่ง ต่อจากนั้นด้วยการถือกำเนิดของอาวุธปืนหลายนัด "มีดโบวี่" ขนาดใหญ่ก็สูญเสียความเกี่ยวข้องไป แต่ต้องขอบคุณนวนิยายและภาพยนตร์ในเวลาต่อมามันไม่สูญเสียสถานะในตำนาน รูปร่างที่ประสบความสำเร็จของมีดนี้ยังคงปรากฏอยู่ในลูกหลานรุ่นเล็กของบรรพบุรุษที่มีชื่อเสียง - มีดต่อสู้และยุทธวิธีของชาวอเมริกันจำนวนมาก ตัวอย่างเช่นในมีด Ka-Bar อันโด่งดังซึ่งจะกล่าวถึงด้านล่าง
มีดสลัก Mark I ของสหรัฐอเมริกา
ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มีความจำเป็นในการจัดหาอาวุธระยะประชิดให้กับผู้รบ ดาบปลายปืนที่มีอยู่ในเวลานั้นไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้ในระยะทางสั้น ๆ เนื่องจากมีมิติทางเรขาคณิตที่ใหญ่
ในเวลานี้สิ่งที่เรียกว่ามีดสลักปรากฏขึ้นซึ่งทำหน้าที่เป็นอาวุธระยะประชิด จากนั้นสนับมือทองเหลืองและกริชลูกผสมที่เรียกว่ามีดสนับมือก็แพร่หลายในหมู่เจ้าหน้าที่ทหารอเมริกัน
ภาพถ่ายแสดงกริชมาตรฐานของกองทัพสหรัฐฯ ของโมเดล “U.S. Mark I Trench Knife” ปี 1918
นี่เป็นอาวุธที่ค่อนข้างหลากหลายที่ให้คุณรวมการโจมตีได้ ส่วนโลหะด้ามจับเสริมด้วยส่วนที่ยื่นออกมาเป็นรูปกรวยเพื่อสร้างบาดแผลฉกรรจ์ใส่ศัตรู ด้านหลังของด้ามจับปลายเป็นอานม้าทรงกรวย ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสได้เช่นกัน
มีด Ka-Bar เป็นมีดต่อสู้คลาสสิกของอเมริกาที่มีใบมีดโบวี่ มีดต่อสู้และมีดสนามมาตรฐานของนาวิกโยธินสหรัฐ (USMC) และนาวิกโยธินสหรัฐในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ผลิตโดย Union Cutlery เป็นครั้งแรก ต่อมาถูกผลิตโดยผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงเช่น Case, Camillus และ Ontario ใบมีด Ka-Bar ทำจากเหล็กกล้าคาร์บอนและเคลือบสีดำเป็นส่วนใหญ่เพื่อป้องกันการกัดกร่อน ที่จับเป็นงานฝังหนัง สีน้ำตาล- ก้านเป็นหัวเหล็กซึ่งมีจุดประสงค์เช่นเดียวกับมีดต่อสู้หลาย ๆ อันคือ "ค้อนสนับมือทองเหลือง" ฝักทำจากหนังสีน้ำตาลแบบดั้งเดิมและมีตราสัญลักษณ์ USMC และตรานาวิกโยธินสหรัฐฯ
มีดต่อสู้ของกองกำลังพิเศษอเมริกัน First Special Services Forse (FSSF) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หน่วย FSSF ของสหรัฐฯ - แคนาดาถูกสร้างขึ้นในปี 1942 เพื่อปฏิบัติการพิเศษและติดตั้งมีดต่อสู้ V-42 Stiletto ใหม่จาก Case Cutlery แนวคิดนี้เป็นของผู้บัญชาการ FSSF ร.ท. พ.อ. Robert T. Frederick การต่อสู้ระยะประชิด อาจารย์ผู้สอน เดอร์มอต โอนีล และพันเอก ออร์วัล เจ. บอลด์วิน
ในบางแง่ V42 เป็นการพลิกโฉม F-S ซึ่งเป็นกริชคอมมานโดของอังกฤษ ด้ามจับของกริชทำจากหนังแทนทองแดงหรือทองเหลืองหล่อ ซึ่งเพิ่มความน่าเชื่อถือในการยึดเกาะ แผ่นหนังขนาดใหญ่ถูกวางไว้ด้านในของการ์ด ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดที่เจ้าของรู้สึกเมื่อถูกแทง ฐานของใบมีดที่ไม่ได้ลับทำให้สามารถเอานิ้วชี้ไปที่การ์ดแล้วดึงมีดที่ติดอยู่ในกระดูกของศัตรูออกมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการตีแบบเจาะ "การพิมพ์ด้วยนิ้วหัวแม่มือ" ที่มีรอยบากตามขวางจะถูกนำไปใช้กับส่วนที่ไม่ได้ลับคมของใบมีด (ริกัสโซ) ซึ่งวางแผ่นรองนิ้วหัวแม่มือไว้เมื่อจับมีดโดยตรง ด้ามจับที่มีใบมีดแนวนอนนี้เหมาะกว่าเมื่อแทงระหว่างซี่โครง และควรให้แน่ใจว่ามีการตัดในปริมาณที่มากขึ้น หลอดเลือด- ที่ด้านหลังของด้ามจับจะมี "เครื่องบดกะโหลกศีรษะ" ซึ่งเป็นกรวยโลหะสำหรับส่งแรงกระแทกที่ศีรษะและข้อต่อของศัตรู
ปัจจุบันรูปภาพของมีดต่อสู้ในตำนานเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์ SOCOM (หน่วยปฏิบัติการพิเศษ) สั่งการ ปฏิบัติการพิเศษทหารสหรัฐฯ; กองกำลังพิเศษของอเมริกา, กรีนเบเร่ต์อันโด่งดัง, กองกำลังพิเศษของแคนาดา JTF (Joint Task Force 2) นอกจากนี้ รูปภาพของ V42 ยังเป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์ของ Operational Detachment Delta ที่มีชื่อเสียงซึ่งต่อสู้ในเวียดนาม
Camillus Jet Pilots" มีดเอาชีวิตรอด
บริษัท Camillus Cutlery เป็นหนึ่งในบริษัทอเมริกันที่เก่าแก่ที่สุดที่ผลิตมีดสำหรับกองทัพนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง น่าเสียดายที่บริษัทล้มละลายเมื่อหลายปีก่อนและทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัท รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องหมายการค้าก็ถูกขายทอดตลาด ดังนั้นจึงยังคงมีความหวังในการกลับมาผลิตอีกครั้งในอีกที่หนึ่งโดยบุคคลอื่น แต่ภายใต้แบรนด์เดียวกัน
มีดเอาชีวิตรอด “Camillus Jet Pilots” Survival Knife” เป็นมีดต่อสู้ของนักบินทหารสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 เหมาะทั้งสำหรับวางบนสายพานและบนขนของของนักบินและเสื้อชูชีพ ด้วยดีไซน์พิเศษของฝัก ทำให้สามารถสวมใส่ได้ทั้งใน ตำแหน่งปกติและคว่ำ “โบลต์” - ตุ้มน้ำหนักที่ด้านบนของด้ามจับช่วยให้คุณสามารถส่งแรงกระแทกไปที่ศีรษะและข้อต่อของศัตรูได้รวมทั้งใช้ที่จับเป็นค้อนเพื่อเอาตัวรอดที่ยอดเยี่ยมในกรณีของนักบิน ลงจอดในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย ทดสอบซ้ำแล้วซ้ำอีกในสถานการณ์ที่รุนแรงโดยนักบิน USAF (กองทัพอากาศสหรัฐ) กองทัพอากาศสหรัฐ)
เอ.เอส.อี.เค. ระบบมีดเอาตัวรอด (ออนแทรีโอ)
ด้วยคุณสมบัติเชิงบวกทั้งหมดที่มีดเอาชีวิตรอดรุ่นก่อนหน้าสำหรับนักบินทหาร (มีดเอาชีวิตรอดของ Camillus Jet Pilots) จึงมีข้อเสียหลายประการเนื่องจากระดับของเทคโนโลยีสำหรับการผลิตนั้นสอดคล้องกับยุค 50 ของยุคสุดท้าย ศตวรรษ.
ปัญหาต่างๆ เช่น ความต้านทานการกัดกร่อนของใบมีดต่ำ หนังที่ด้ามจับและฝัก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเสียรูป และการเลื่อยที่ก้นไม่ได้ผล (สำหรับวัสดุใหม่) ทำให้มีดนี้ไม่สามารถใช้ในสภาพสมัยใหม่ได้สำเร็จ .
ในปี พ.ศ. 2546 มีการนำมีดชนิดใหม่มาใช้ เรียกว่า A.S.E.K. ระบบมีดเอาชีวิตรอด ผลิตโดยออนแทรีโอ นี่ไม่ใช่แม้แต่มีด แต่เป็นชุดเครื่องมือที่ให้ความสามารถในการออกจากเครื่องบินหลังจากเครื่องบินตกและอยู่รอดได้ในทุกสภาวะ
มีดมีใบเลื่อยที่ช่วยให้คุณตัดทั้งอลูมิเนียมเกรดอากาศยานและไม้ได้สำเร็จ ใบมีดถูกลับให้คมขึ้นครึ่งหนึ่ง ปลายด้ามจับมีด้ามยาวขนาดใหญ่สามารถใช้เป็นค้อนได้ นอกจากนี้ ที่อานม้ายังมีส่วนที่ยื่นออกมาเป็นรูปกรวยเพื่อให้แก้วและพลาสติกแตกได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ปลอกยังมีเครื่องมือพิเศษสำหรับตัดสายพานและหินเพชรขนาดเล็กสำหรับใช้ในการยืดใบมีดในสนาม
มีรูบนตัวป้องกันซึ่งคุณสามารถผูกไม้โดยใช้มีดเป็นปลายหอกได้
เอ.เอส.อี.เค. ระบบมีดเอาชีวิตรอดติดตั้งอยู่บนส่วนประกอบของอุปกรณ์หรือบนหน้าแข้งของนักบิน
M7 ดาบปลายปืน
ดาบปลายปืน M7 ของอเมริกาได้รับการพัฒนาในปี 1964 สำหรับปืนไรเฟิล M16 มันกลายเป็นหนึ่งในตัวอย่างสุดท้ายของมีดดาบปลายปืน ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วเป็นอาวุธ เป็นวิธีการเอาชนะศัตรู และไม่ใช่เครื่องมืออเนกประสงค์
มีดดาบปลายปืนอเมริกันทั้งชุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สองและหลังสงคราม เช่น M4 (สำหรับปืนสั้น M1), M5 (สำหรับปืนไรเฟิล M1 Garand), M6 (สำหรับปืนไรเฟิล M14) และ M7 อธิบายไว้ที่นี่ มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันที่ต้นกำเนิดคือ M3 Trench Knife ซึ่งเป็นมีดต่อสู้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในกองทัพอเมริกันตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1940 และผลิตโดยบริษัทหลายแห่ง ทั้งในอเมริกาและในประเทศอื่นๆ มีดดาบปลายปืนที่ระบุไว้ทั้งหมดสืบทอดใบมีดมาจาก M3 ซึ่งแตกต่างกันในความเป็นจริงเพียงด้ามจับและจุดยึดกับอาวุธเท่านั้น
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจก็คือ รูปทรงของใบมีด M3 ทำให้เราสามารถพิจารณาบรรพบุรุษของมันว่าเป็นมีดที่สั่งทำโดยกองทัพเยอรมัน ซึ่งในทางกลับกันก็เป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ รูปแบบของมีด "ร่องลึก" ที่ปรากฏในร่องลึกของ สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง. การกู้ยืมดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลกในอุตสาหกรรมอาวุธ เพราะในช่วงสงคราม ประสิทธิภาพมากกว่าความคิดริเริ่มเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง และตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จซึ่งพิสูจน์ถึงประสิทธิผลแล้วก็สามารถอยู่รอดได้ ชีวิตที่ยืนยาวมักถูกคัดลอกและลอกเลียนแบบบ่อยครั้ง ด้านที่แตกต่างกันด้านหน้า.
ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว M7 นั้นมีการออกแบบที่ค่อนข้างดั้งเดิม เมื่อมองแวบแรกก็ชัดเจนว่ามีดสั้นของเขาที่มีความยาวมากกว่า 170 มม. มีไว้เพื่อแทงทะลุ สิ่งนี้ได้รับการอำนวยความสะดวกด้วยโปรไฟล์ที่สมมาตรของใบมีดด้วยการลับคมครึ่งหนึ่ง มีพื้นที่ลับคมอยู่ที่ก้น โดยยาวเกือบครึ่งหนึ่งของความยาวของใบมีด ปัจจัยนี้เพิ่มความสามารถในการเจาะทะลุของดาบปลายปืนอย่างมีนัยสำคัญทั้งในมือของผู้ใช้และในตำแหน่งที่ติดกับปืนไรเฟิล
การ์ดที่พัฒนาแล้วมีวงแหวนในส่วนบนสำหรับยึดกับกระบอกอาวุธและที่ส่วนหลังมีส่วนโลหะขนาดใหญ่ที่มีองค์ประกอบสปริงโหลดซึ่งยึดดาบปลายปืนไว้บนตัวดึงพิเศษที่ด้านหน้าของปืนไรเฟิล -จบ. นอกเหนือจากการทำหน้าที่หลักแล้ว แผ่นก้นยังสามารถใช้เพื่อโจมตีได้ทั้งในรูปแบบค้อน ersatz และในการต่อสู้แบบประชิดตัวเนื่องจากการจัดเรียงชิ้นส่วนสลักที่ประสบความสำเร็จไม่อนุญาตให้ได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตี
ที่จับของมีดดาบปลายปืนนั้นประกอบขึ้นจากพลาสติกสองซีก โดยยึดเข้ากับก้านด้วยสกรูสองตัว แผ่นรองเหล่านี้มีรอยบากลึก ซึ่งช่วยให้ถือดาบปลายปืนในมือได้อย่างมั่นใจและสะดวกสบาย
ฝักที่ใช้กับดาบปลายปืน M7 เป็นแบบมาตรฐานที่ใช้กับดาบปลายปืนทั้งหมดในซีรีส์ รวมถึงมีด M3 ด้วย ความสามารถในการแลกเปลี่ยนกันได้นี้เกิดจากการระบุตัวตนของใบมีดของตัวอย่างเหล่านี้ ฝักทำจากพลาสติกสีเขียวแข็ง พร้อมด้วยปากโลหะและสปริงแบนที่ยึดใบมีดดาบปลายปืนไว้ด้านในอย่างแน่นหนา ปลอกดังกล่าวมีสองรุ่นซึ่งมีระบบกันสะเทือนต่างกัน ฝัก M8 มีเพียงห่วงธรรมดาสำหรับคล้องกับเข็มขัด ในขณะที่ M8A1 มีระบบกันสะเทือนพร้อมตะขอลวดสำหรับเข็มขัดปืนพก ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของเครื่องแบบกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปลอกชนิดใหม่สำหรับมีดดาบปลายปืนที่อธิบายไว้ได้ถูกนำมาใช้เพื่อส่งให้กับกองทัพสหรัฐฯ - M10 ฝักนี้มีสีดำ แคบกว่า M8 อย่างเห็นได้ชัด และสังเกตได้ง่ายจากการขยับขยายที่ปาก ระบบกันสะเทือนแบบฝัก M10 ทำจากผ้า Cordura ซึ่งมีการออกแบบคล้ายกับระบบกันสะเทือน M8A1 และยังได้รับการออกแบบมาเพื่อติดตั้งบนเข็มขัดปืนพกอีกด้วย
20 ปีหลังจากเริ่มการผลิต M7 ก็ยุติการเป็นดาบปลายปืนหลักของกองทัพสหรัฐฯ มันถูกแทนที่ด้วย M9 ซึ่งอธิบายไว้ด้านล่าง อย่างไรก็ตาม M7 ยังคงมีการผลิตในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา และเป็นผู้จัดหาให้กับกองทัพของพวกเขา จาก M7 บริษัท Ontario Knife Company ได้สร้างเวอร์ชันที่ทันสมัยด้วยด้ามจับรูปทรงแกนหมุนและใบมีดที่ทำจากเหล็กกล้าคาร์บอน 1,095
*โนจิ*
ออนแทรีโอ M9
นี่คือดาบปลายปืนซึ่งมีรูปลักษณ์ที่เป็นที่ยอมรับในโลกแห่งมีดต่อสู้แล้ว Ontario M9 เกิดค่อนข้างช้า - ในปี 1984 ได้รับการออกแบบโดยเจ้าของ Qual-A-Tec Charles "Mickey" Finn (1938-2007) ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีส่วนช่วยในการพัฒนามีดที่โดดเด่นเช่น Buck 184 Buckmaster จากผลการทดสอบของรัฐ ดาบปลายปืนนี้กลายเป็นปืนที่ดีที่สุดในบรรดาคู่แข่งรายอื่น และถูกนำมาใช้เพื่อให้บริการภายใต้ชื่อ M9 ซึ่งแทนที่ดาบปลายปืนหลักรุ่นก่อนหน้าของกองทัพอเมริกัน M7 ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1964 บางส่วน
M9 ผลิตโดยหลายบริษัท โดยบริษัทแรกคือ Phrobis (ก่อตั้งโดย Finn ด้วย) ตามมาด้วยผู้ผลิตเช่น Buck, LanCay และ Ontario ขณะนี้มีการผลิตดาบปลายปืน M9 มากกว่าสี่แสนอันและเป็นเพียงการส่งมอบอย่างเป็นทางการเท่านั้น ไม่สามารถนับจำนวนรุ่นเชิงพาณิชย์ สำเนา และ "ผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณ" ของมีดนี้ ซึ่งผลิตโดยบริษัทต่างๆ ตั้งแต่ Smith & Wesson ไปจนถึงผู้ผลิตชาวจีนนิรนาม
แรงจูงใจพื้นฐานในการออกแบบมีดนี้คือความปรารถนาที่จะได้รับมีดดาบปลายปืนซึ่งเป็นเครื่องมือมากกว่าอาวุธ เวลาของการโจมตีด้วยดาบปลายปืนนั้นผ่านไปอย่างไม่อาจเพิกถอนได้และ M7 ที่ยาวกว่านักล่าก็ถูกแทนที่ด้วย M9 ที่หนาและยาวกว่า นี่คือมีดขนาดใหญ่ซึ่งเป็นเครื่องมือสากลที่หยาบและ "ทำลายไม่ได้" อย่างแน่นอนที่ช่วยให้คุณไม่เพียง แต่ตัด - ดีอย่างน่าประหลาดใจเมื่อพิจารณาจากความหนาของใบมีดและความลาดชันต่ำ - แต่ยังสับ, แทง, กล่องเปิดและสังกะสีด้วยกระสุนด้วย ตัดผ่านลวดหนาม รวมทั้งและภายใต้แรงดันไฟฟ้า และทำงานประเภทอื่นๆ ที่หลากหลาย
รูปร่างใบมีดของ M9 ค่อนข้างชวนให้นึกถึง Buckmaster นี่ไม่ใช่มีดสั้น M7 และมีดดาบปลายปืนของสหรัฐฯ รุ่นก่อนๆ แต่เป็นมีดปลายแหลม ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "โบวี่" ฟินน์ปรับรูปลักษณ์ "แบบภาพยนตร์" ที่มากเกินไปของผลงานชิ้นก่อนของเขาให้ใช้งานได้จริงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ เลื่อยที่มีฟันขนาดใหญ่เกินไปและฟันเลื่อยก็ถูกถอดออกจากก้นด้วย พวกเขาถูกแทนที่ด้วยส่วนเลื่อยโลหะ คล้ายกับที่ใช้ในมีดเอาชีวิตรอดของนักบินชาวอเมริกัน
แผ่นป้องกันและที่ยึดของด้ามจับกลายเป็นมาตรฐานสำหรับมีดดาบปลายปืนของอเมริกา พวกมันเหมือนกันทุกประการกับองค์ประกอบที่คล้ายกันใน M7 วงแหวนในส่วนบนของการ์ดใช้สำหรับยึดกับตัวป้องกันแสงแฟลชของปืนไรเฟิล และการออกแบบแผ่นปิดท้ายนั้นมีชุดยึดแบบสปริงโหลดบนตัวดึงพิเศษใต้ลำกล้องปืนไรเฟิล ดาบปลายปืนนี้สามารถใช้ได้กับปืนไรเฟิล M16 ทุกรุ่น, ปืนสั้น M4, ปืนลูกซองหลายกระบอกที่ประจำการในกองทัพสหรัฐฯ รวมถึงอาวุธขนาดเล็กเชิงพาณิชย์จำนวนมากที่นำเสนอในตลาดต่างประเทศ ก้านใบมีดหนาผ่านด้ามจับทั้งหมดไปยังแผ่นก้นโดยที่น็อตถูกขันเข้ากับมันเพื่อกระชับโครงสร้างทั้งหมดให้แน่น
ด้ามจับของมีดดาบปลายปืนนั้นมีรูปทรงคล้ายแกนหมุน ซึ่งเป็นแบบดั้งเดิมสำหรับมีดต่อสู้ของอเมริกา ทั้งฝักและฝัก M9 หล่อจากพลาสติกหนา ชวนให้นึกถึง Bakelite
ฝักมีที่อานม้าโลหะซึ่งมีส่วนที่ยื่นออกมาซึ่งทำหน้าที่เป็นไขควงปากแบนพร้อมหมุด ซึ่งสามารถใช้ในการเจาะรูในใบมีด M9 เพื่อเปลี่ยนดาบปลายปืนและฝักให้เป็นเครื่องตัดลวด คุณลักษณะนี้มีให้เห็นในมีดดาบปลายปืนของโซเวียต แต่ในกรณีนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย - การออกแบบระบบกันสะเทือนช่วยให้คุณถอดปลอกออกเพื่อความสะดวกในการใช้งานด้วยเครื่องตัดลวดและติดกลับเข้าไปใหม่ภายในไม่กี่วินาที
ดาบปลายปืน M9 ยังคงอยู่ในการผลิต ในปี 1998 มีด M11 ถูกสร้างขึ้นสำหรับหน่วยทหารช่างซึ่งมีการกำหนดค่าที่แตกต่างกันและที่สำคัญที่สุดคือไม่สามารถติดเข้ากับอาวุธได้ การพัฒนาต่อมา เช่น ดาบปลายปืน OKC-3S ที่นาวิกโยธินสหรัฐฯ นำมาใช้ ก็มีลักษณะประจำตระกูลของ M9 เช่นกัน
มีด Navy Seal ของ Ontario Mk.3 Mod.0
ในกองทัพสหรัฐฯ เช่นเดียวกับกองกำลังทหารอื่นๆ ทั่วโลก มีการแข่งขันกันระหว่างหน่วยงานทหารต่างๆ โดยไม่เปิดเผยออกมา มันแสดงให้เห็นแม้กระทั่งในรูปแบบที่กำหนดรูปแบบของอาวุธและอุปกรณ์ที่แผนกหนึ่งหรือแผนกอื่นนำมาใช้ ในการกำหนดอาวุธและอุปกรณ์ "ภาคพื้นดิน" จะมีตัวอักษร M อยู่เสมอ - โมเดลและกะลาสีเรือรวมถึงนาวิกโยธินสหรัฐรวมถึงหน่วยกองกำลังพิเศษต่าง ๆ (เช่น US SOCOM - หน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ) กำหนดของพวกเขา รุ่นที่มีรหัสสองชั้น “Mk, Mod” เมื่อคุณเห็นการกำหนดเช่นนี้ คุณสามารถสรุปได้ว่าสิ่งของดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกองทัพเรือ USMC (US Marine Corps) หรือ US SOCOM
ทั้งหมดนี้ใช้กับมีดนี้ แม้แต่ผู้ผลิต Ontario Knife Co. ก็ยังตั้งข้อสังเกตบนเว็บไซต์ของตนเองว่ามีดนี้ใช้เฉพาะในกองทัพเรือเท่านั้น
ใบมีด Mk.3 นั้นชวนให้นึกถึงรูปทรงและการออกแบบของดาบปลายปืน AK มากกว่ารุ่นก่อนๆ นั่นคือ USN Mk.1 และ USN Mk.2 Ka-Bar ซึ่งเป็นมีดกองทัพเรืออเมริกันสองรุ่นก่อนหน้านี้ที่ใช้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ด้วยขนาดที่ใกล้เคียงกับดาบปลายปืน 6x3 และ 6x4 ที่อธิบายไว้ข้างต้นและรูปทรงใบมีดที่เกือบจะเหมือนกัน Mk.3 ยังมีมุมเอียงที่แหลมขึ้นอีกด้วย ซึ่งเรียกว่า "หอก" ซึ่งเมื่อรวมกับปลายใบมีดนักล่าที่แหลมคมแล้ว ทำให้มีดมีประสิทธิภาพในการเจาะสูงสุด ยิ่งกว่านั้นต้องคำนึงว่าปลายแหลมและบางเช่นนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง - การเปิดกระป๋องด้วยมีดค่อนข้างจะประมาท
ที่ก้นมีดมีเลื่อยคล้ายกับเลื่อยของมีดดาบปลายปืน M9 หรือ AK แต่มีฟันที่ใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัดกว่าของโซเวียต การ์ด Mk.3 มีลักษณะตรงและด้านเท่ากันหมด ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับถุงมือเป็นหลัก เนื่องจากขอบของการ์ดอาจบดขยี้มือได้ง่ายในระหว่างการใช้กำลัง ด้ามจับเป็นพลาสติก แบ่งเป็น 2 ซีก ยึดด้วยสกรู รอยบากที่ด้ามจับมีความดุดัน ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้มีดหลุดออกจากมือเมื่อทำงาน สภาวะที่รุนแรง- เชือกคล้องที่ลอดผ่านรูที่ปลายด้ามจับก็มีจุดประสงค์เดียวกันเช่นกัน ด้ามจับปิดท้ายด้วยแผ่นก้นแบนขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถทำหน้าที่ของค้อนและเครื่องบดหัวกะโหลกได้
ปลอกมีด Mk.3 ทำจากพลาสติก พร้อมด้วยสปริงแบนอันทรงพลังที่ยึดใบมีดได้อย่างสมบูรณ์แบบ และป้องกันไม่ให้มีดหลุดออกจากปลอก แม้จะอยู่ในตำแหน่งกลับด้านที่มีการสั่นแรงก็ตาม ระบบกันสะเทือนของฝักทำจากผ้า Cordura มีสายรัดสำหรับยึดที่จับของมีดและลวดยึดแบบงอที่ออกแบบมาเพื่อติดเข้ากับเข็มขัดปืนพกซึ่งเป็นกระสุนมาตรฐานสำหรับกองทัพอเมริกัน
เมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติทั้งหมดแล้วเราสามารถพูดได้ว่า Mk.3 นั้นเป็นมีดที่มีความสามารถและเชื่อถือได้ซึ่งสามารถให้บริการผู้ใช้ทั้งในฐานะเครื่องมือและเป็นอาวุธ
ออนแทรีโอ SP15 LSA
ตัวแทนของซีรีส์ SP นี้พร้อมกับ SP3 ที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ถือได้ว่าเป็นทายาทของมีดต่อสู้ Fairbairn-Sykes และ V-42 ที่มีชื่อเสียงของสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวย่อ LSA ย่อมาจาก Land, Sea, Air ซึ่งแปลง่ายๆ ว่า “บนบก บนน้ำ และในอากาศ” ตามที่ผู้ผลิตระบุชื่อนี้ควรพูดถึงความเก่งกาจของมีดนี้และความกว้างของการใช้งาน ต่างจากกริช SP3 รุ่นก่อน โดย SP15 ได้รับการซื้ออย่างเป็นทางการจากกองทัพสหรัฐฯ และได้รับหมายเลข NSN สิ่งนี้ทำให้เราสามารถพิจารณาความแตกต่างระหว่างกริชทั้งสองเป็นการเปลี่ยนแปลงในการออกแบบ SP3 เพื่อให้ลูกค้าภาครัฐพอใจและให้แนวคิดเกี่ยวกับข้อกำหนดของกองทัพ
ใบมีด SP15 เรียบกว่าและเน้นการตัดมากกว่าใบมีดกริช SP3 ซึ่งได้มาจากดาบปลายปืน M7 การทำให้ด้านตัดของใบมีดมีความลาดเอียงสูงขึ้นนั้นไม่สมมาตร ที่ด้านก้นของใบมีดจะมีฟันปลาขนาดใหญ่กินพื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของใบมีด ใบมีดปลอมที่ก้นไม่ได้ลับให้คมในรุ่นพื้นฐาน แต่การนำมันมารวมกันทำให้สามารถทำเช่นนี้ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเจาะทะลุ
ด้ามจับ SP15 พร้อมตัวป้องกันแบบสมมาตรสำหรับการตีสองหน้านั้นยืมมาจาก SP3 โดยมีข้อแตกต่างหลักประการหนึ่ง เครื่องบดหัวกะโหลกรูปทรงกรวยซึ่งทำซ้ำรูปร่างของชิ้นส่วนที่คล้ายกันใน V-42 ในตำนานได้ถูกแทนที่ด้วยอานม้าแบน มีประสิทธิภาพน้อยลงใน การต่อสู้ด้วยมือเปล่ามันมีประโยชน์มากกว่าอย่างมากเนื่องจากสามารถใช้เป็นค้อนได้ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าในกองทัพสมัยใหม่ มีดเป็นเครื่องมือเป็นหลัก ไม่ใช่อาวุธ
ฝักของ SP15 นั้นคล้ายคลึงกับฝักของมีดอื่นๆ ในซีรีย์นี้ ประกอบด้วยสองส่วน - ฐานทำจากหนังหนา ครึ่งบนทำจากผ้าลูกฟูก ที่ด้านล่างของฝักมีสายสำหรับยึดที่ขาระบบกันสะเทือนเป็นแบบคลาสสิกแนวตั้งทำจากหนัง ปลอกมีสายรัดนิรภัยสองเส้นพร้อมปุ่ม โดยอันหนึ่งจะยึดมีดไว้โดยการ์ด และอันที่สองจะอยู่ที่ด้ามจับบริเวณแผ่นชนเพื่อให้มั่นใจว่า ตำแหน่งที่เก็บไว้ความกระชับของด้ามจับกับร่างกายมากขึ้นและไม่อนุญาตให้เกาะติดกับกิ่งไม้และวัตถุระหว่างการเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉงในสภาพการต่อสู้
ดำน้ำ/สาธิต
Scuba/Demo ไม่เพียงแต่เป็นหนึ่งในมีดของกองกำลังพิเศษอเมริกันที่หายากที่สุด แต่ยังเป็นหนึ่งในมีดทหารที่หายากที่สุดตลอดกาลอีกด้วย ตามความเป็นจริง วันนี้มีมีดดั้งเดิมเพียงอันเดียวเท่านั้น เริ่มแรกมีการผลิตมีด 39 เล่ม และ 38 เล่มถูกส่งไปยังกองกำลังพิเศษของกองทัพบกบนชายฝั่งเวียดนามเหนือ มีผู้เสียชีวิต 36 รายระหว่างปฏิบัติการทางทหาร ส่วนมีดอีก 2 เล่มไม่มีใครพบเห็นอีกเลย SOG UBA/Demo ได้สร้างตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์ของมีดที่หายากที่สุดตลอดกาลขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
มีดเหล่านี้อีกชุดได้รับการปล่อยตัวเพียงครั้งเดียวในวันครบรอบ 20 ปีของผู้ผลิตมีด บริษัท SOG ซึ่งอันที่จริงชื่อนั้นมาจากมีด "SOG" (กลุ่มปฏิบัติการพิเศษ) ในตำนานที่ออกให้กับนาวิกโยธินสหรัฐฯ ( USMC) นาวิกโยธินสหรัฐ ขณะนี้ SCUBA/Demo ไม่มีการผลิตอีกต่อไป
มีดต่อสู้ Fairbairn-Sykes (F-S)
กริชคอมมานโดของอังกฤษ ซึ่งเดิมใช้โดยหน่วยนาวิกโยธินในปัจจุบัน สร้างขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 30 ของศตวรรษที่ 20 โดยอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้สอนหน่วยคอมมานโดชาวอังกฤษในการยิงและการต่อสู้ระยะประชิดทั้งแบบมีและไม่มีอาวุธ กัปตัน William Ewart Fairbairn และ Eric Anthony Sykes ผู้ซึ่งได้รับประสบการณ์ในการต่อสู้แบบประชิดตัวจริง ถนนในเซี่ยงไฮ้ เมืองท่าทางตอนใต้ของจีน อดีตอาณานิคมของจักรวรรดิอังกฤษ
ใบมีดขนาด 12 นิ้วมีพื้นฐานมาจากดาบปลายปืนของ Metford ที่ปลดประจำการแล้ว และด้ามจับรูปทรงแกนหมุนก็คัดลอกมาจากด้ามดาบ ด้ามของมีดสั้นเล่มแรกทำด้วยไม้และมีปุ่มทองเหลือง ช่วยให้สามารถโจมตีอย่างรุนแรงได้ ฝักมีไว้สำหรับสวมกริชทั้งด้ามขึ้นและลง ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2483 Fairbairn และ Sykes เริ่มร่วมมือกับบริษัท Wilkinson Sword ซึ่งส่งผลให้มีการผลิตกริชที่ตั้งชื่อตามผู้สร้าง Fairbairn-Sykes (F-S) ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2484 มีดต่อสู้อื่น ๆ อีกมากมายปรากฏขึ้นตามกริชนี้รวมถึง V-42, Marine Raider Stitiletto และอื่น ๆ
จนถึงทุกวันนี้ “F-S” ยังเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยคอมมานโดของนาวิกโยธินและ กองกำลังทางอากาศวัตถุประสงค์พิเศษในกองทัพอังกฤษ
สสส. เอ-เอฟ ก่อนออกแบบ
ในปี 1942 พันเอก Rex Applegate ได้พัฒนามีดต่อสู้รุ่นแรก ซึ่งเรียกว่า OSS A-F และเป็นตัวเชื่อมโยงระดับกลางระหว่างมีดต่อสู้ F-S และ A-F กว่าครึ่งศตวรรษผ่านไป และ Boker ได้ว่าจ้าง Hiro ผู้ผลิตมีดชื่อดังจากเมือง Seki ของญี่ปุ่น เพื่อสร้างมีดอันโด่งดังขึ้นมาใหม่ ซึ่งยังคงมีต้นฉบับเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น Boker ผลิตมีดเหล่านี้เพียง 600 เล่มเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันเป็นของหายากสำหรับนักสะสม ซึ่งหนึ่งในนั้นแสดงไว้ในรูปภาพ
ใบมีด OSS A-F กว้างและมีรูปร่างใกล้เคียงกับมีด A-F มากขึ้น ทำจากสแตนเลส ด้ามจับมีลักษณะเป็นแกนหมุน ทำจากหนังฝัง รูปทรงคล้ายกัน มีด F-Sแต่มีขนาดใหญ่กว่า ยามและอานม้าทำจากทองเหลืองขัดเงา
ต่อมามีการเปลี่ยนแปลงการออกแบบนี้อันเป็นผลมาจากมีดต่อสู้ A-F ที่รู้จักกันดีปรากฏขึ้น
มีดต่อสู้ Boker Applegate-Fairbairn (A-F)
เผยการใช้กริชหน่วยคอมมานโดในตำนาน "F-S" ของอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แถวสุดท้ายข้อบกพร่องที่หนึ่งในผู้สร้าง F-S, William Ewart Fairbairn และพันเอก Rex Applegate ตัดสินใจกำจัดในภายหลังด้วยการสร้างเพิ่มเติม รุ่นที่ทันสมัยมีดต่อสู้ มากเกินไป ใบมีดยาว F-S สั้นลงเหลือ 15 ซม. ปลายมีดใหม่ซึ่งบางเกินไปและหักออกง่าย มีขนาดใหญ่ขึ้น ที่จับทรงกลมซึ่งหมุนได้ในมือนั้นเรียบขึ้นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น หากในช่วงที่สอง เวิลด์ เอฟ-เอสบางครั้งต้องทำจากดาบปลายปืนที่เลิกใช้งานแล้วสำหรับมีดใหม่พวกเขาเริ่มใช้สแตนเลสอุณหภูมิ 44 °C ซึ่งเป็นหนึ่งในเหล็กมีดที่ดีที่สุดซึ่งลับได้ดีและในขณะเดียวกันก็รักษาคมได้เป็นเวลานาน ดังนั้นกริช Applegate-Fairbairn ใหม่เนื่องจากประสบการณ์การใช้งานจริงของผู้สร้างจึงกลายเป็นหนึ่งในมีดต่อสู้ที่มีชื่อเสียงและโด่งดังที่สุดในโลก ปัจจุบันในรูปแบบของการดัดแปลงด้วยใบมีดสีดำและการ์ดสีดำนั้นให้บริการกับ GSG 9 (Grenzschutzgruppe German - "Border Protection Group") ซึ่งเป็นหน่วยกองกำลังพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายของตำรวจสหพันธรัฐเยอรมัน
โบเกอร์ สแมตเช็ต
มีดถัดไปที่ Fairbairn สร้างขึ้นหลังจาก F-S คือสิ่งที่เรียกว่า Smatchet ซึ่งเป็นมีดสับที่มีใบมีดรูปใบไม้กว้างที่สามารถใช้เป็นทั้งอาวุธและเป็นเครื่องมือได้ มีดที่คล้ายกันถูกนำไปให้บริการด้วยบริการ OSS ซึ่งเป็นสำนักบริการยุทธศาสตร์ลับแห่งอเมริกา (OSS)
แบบจำลองที่แสดงในภาพเป็นผลงานของพันเอก Rex Applegate หนึ่งในผู้เขียนมีด A-F อันโด่งดัง ซึ่งใช้ความพยายามอย่างมากในการโปรโมตมันออกสู่ตลาด เป็นผลให้ Boker ผลิตมีดชุดนำร่องพร้อมด้ามไมคาร์ตาจำนวน 2,200 เล่ม และหลังจากประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ Boker Smatchet ก็เริ่มผลิตมีด Boker Smatchet พร้อมด้ามพลาสติก
มีดดำน้ำ Boker Titanium
มีดดำน้ำนี้ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดัง Dietmar Pohl และแชมป์นักดำน้ำชาวเยอรมัน Jens Ho:ner หลังจากทดสอบต้นแบบหลายชิ้นที่ทำจากเหล็กและไทเทเนียม ก็บรรลุเป้าหมายสุดท้าย นั่นคือมีดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการดำน้ำลึก
มีดดำน้ำ Boker Titanium มีหลายรุ่น - ด้วยการลับคมสองคมอย่างง่ายด้วยปลายที่ถูกตัดทอนและยังมีใบมีดที่มาพร้อมกับใบมีดหยักคู่ซึ่งสะดวกในการตัดเชือก ตาข่าย และท่อหายใจของนักดำน้ำศัตรู . มีดขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาพร้อมด้ามจับขนาดใหญ่ ฝักทำจาก Kydex และปรับให้เหมาะกับการติดไว้ที่ปลายแขนหรือขาของนักดำน้ำ
มีดสนามเพลาะ
ในปี 1915 บริษัท Heinrich Boker & Co. จาก "เมืองแห่งดาบ" ของเยอรมัน โซลินเกนได้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้สร้างมีดที่มีใบมีดบางทำจากเหล็กยืดหยุ่นคุณภาพสูงสำหรับการต่อสู้ด้วยมือเปล่าในสนามเพลาะ เป็นผลให้มีดสลักอันโด่งดังของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสองปรากฏขึ้นโดยมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ผลิตโดยหลาย บริษัท และใช้โดยผู้ก่อวินาศกรรมและเจ้าหน้าที่ข่าวกรองชาวเยอรมันในระหว่างการปฏิบัติการพิเศษตลอดจนในการต่อสู้ระยะประชิดซึ่งเนื่องจากความรัดกุม ขัดขวางการใช้ปืนไรเฟิลที่มีดาบปลายปืนติดอยู่
นอกจากนี้จากมุมมองทางประวัติศาสตร์ มีด "ร่องลึก" ของเยอรมันอีกรุ่นหนึ่งที่มีไว้สำหรับการต่อสู้ระยะประชิดอาจน่าสนใจ ภาพถ่ายแสดงมีดบูตที่ผลิตขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองโดย Puma จากโซลินเกน มีดมีใบมีดบางทำจากเหล็กยืดหยุ่นพร้อมเครื่องหมายของผู้ผลิต ด้ามจับทำจากเบกาไลท์ ฝักมีคลิปสำหรับคล้องกับเข็มขัดหรือเสื้อผ้า มีดต่อสู้ล้วนๆที่ไม่มีการจีบใด ๆ มีไว้สำหรับการต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่ไม่เหมือนกับ HP-40 ตรงที่มันอยู่ไกลจากการเป็นอาวุธคู่หูแห่งชัยชนะ แต่เป็นเพียงถ้วยรางวัลทางทหารของผู้ชนะ
บุนเดสแวร์ คัมพ์เมสเซอร์
แม้ว่าจะถูกพันธนาการด้วยข้อจำกัดมากมายหลังความพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพเยอรมันก็ยังจำเป็นต้องมีมีด การมีมีดหลายเล่มแบบพับได้ในกองทัพไม่สามารถแก้ปัญหาได้ - Bundeswehr รุ่นเยาว์ต้องการมีดขนาดเต็มซึ่งรวมฟังก์ชั่นของมีดต่อสู้และเครื่องมือเข้าด้วยกัน
อย่างไรก็ตามมีดดังกล่าวปรากฏเฉพาะในปี 2511 กองทัพนำมาใช้ภายใต้ชื่อ Kampfmesser - "มีดต่อสู้" - และเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างเรียบง่ายและเชื่อถือได้ซึ่งชวนให้นึกถึงมีดสลักของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ใบมีดมีการลับด้านเดียวโดยมีความลาดเอียงจากตรงกลางใบมีด ซึ่งมีความหนา 3.5 มม. ทำให้มีคุณสมบัติในการตัดที่ดีโดยไม่ทำให้สูญเสียความแข็งแรง ตัวป้องกันมีดทำจากเหล็กมีการหยุดด้านเดียวที่พัฒนาขึ้นโดยโค้งงอไปทางด้ามจับซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้ความพยายามอย่างมากในการแทงและในขณะเดียวกันก็ปกป้องมือของนักสู้ได้อย่างน่าเชื่อถือ ก้านใบมีดยาวตลอดความยาวของด้ามจับ โดยยึดสองซีกของด้ามจับที่หล่อจากพลาสติกทนแรงกระแทกโดยใช้สกรูสองตัว นอกจากนี้ สกรูด้านหลังยังมีรูทะลุ ทำให้คุณสามารถคล้องเชือกคล้องหรือสายนิรภัยผ่านเข้าไปได้
ฝักดาบนั้นแทบไม่มีความแตกต่างในการออกแบบจากฝักดาบปลายปืนจากสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสอง เป็นแบบโลหะทั้งหมดโดยมีสปริงแบนด้านในและมีหมุดรูปเห็ดที่ด้านนอกของฝัก ระบบกันสะเทือนแบบหนังพร้อมสายรัดเพิ่มเติมที่ระดับสกรูด้านบนของด้ามจับยึดติดกับหมุด
ไอค์ฮอร์น แคมป์เมสเซอร์ 2000
หลังจากที่มีดต่อสู้ Kampfmesser ถูกนำมาใช้ในปี 1968 กองทัพเยอรมันและหน่วยข่าวกรองไม่สามารถทำอะไรกับโมเดลนี้เพียงอย่างเดียว ต้องขอบคุณกฎหมายใหม่ของเยอรมัน หน่วยต่างๆ สามารถซื้ออุปกรณ์และอาวุธให้ตรงกับความต้องการของพวกเขา ซึ่งนำไปสู่การเกิดขึ้นของ ปริมาณมากมีดหลากหลายชนิด ทั้งสองนี้เป็นมีดที่พัฒนาโดย บริษัท เยอรมัน (Boker, Puma) และมีดต่างประเทศ (Glock, Ontario) นอกจากนี้ กองทัพยังประสบความสำเร็จในการใช้มีดดาบปลายปืนสำหรับปืนไรเฟิล Bundeswehr หลัก H&K G3 ที่ผลิตโดยบริษัทอาวุธชื่อดัง Heckler & Koch ซึ่งเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จด้วยมีดสั้นและการลับด้านเดียว และหลังจากการล่มสลายของ GDR ก็ยังมีมีดดาบปลายปืนหลายแบบสำหรับ AK ที่ผลิตในเยอรมนีตะวันออก ซึ่งสืบทอดมาจาก NVA (Nationale Volksarmee, National People's Army of the GDR)
บริษัทหลายแห่งพัฒนาและเสนอมีดต่อสู้ที่ออกแบบโดย Bundeswehr เอง ทั้งแบบที่สร้างขึ้นแยกกัน (เช่น Eickhorn ACK ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จ) และแบบที่พัฒนาตามตัวอย่างที่มีอยู่ มีการเสนอการดัดแปลงมีด Boker Applegate-Fairbairn เช่นเดียวกับดาบปลายปืนหลายแบบสำหรับ AK และ H&K G3 โดยไม่มีจุดยึดกับปืนไรเฟิล พวกเขาทั้งหมดไม่ผ่านการทดสอบด้วยเหตุผลใดก็ตาม
ในที่สุด หลังจากผลการแข่งขันที่จัดขึ้นในปี 2544 มีดที่ผลิตโดย Eickhorn-Solingen Ltd. ก็ได้รับการยอมรับให้เข้าประจำการกับ Bundeswehr ภายใต้ชื่อดั้งเดิม Kampfmesser 2000
ใบมีดเล่มนี้น่าสนใจครับ นักวิจัยและนักสะสมหลายคนเห็นตรงกันว่านักออกแบบของ KM2000 เลือกรูปทรง "แทนโต้แบบอเมริกัน" เนื่องจากความนิยมเป็นหลัก ไม่ใช่เพราะข้อดีในการใช้งานจริง แต่ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มีดนี้ก็กลายเป็นมีดต่อสู้ตัวแรกที่กองทัพนำมาใช้ (และยังยอมรับในการจัดหากองกำลังนาโต้ด้วย) ด้วยรูปทรงใบมีดที่คล้ายกัน
กระดูกสันหลังตรง มีลักษณะเป็นรูปลิ่ม มีความลาดเอียงตรงสูงถึงหนึ่งในสามของใบมีด ทั้งหมดนี้ทำให้มีดมีรูปลักษณ์ที่ดุร้ายและดุร้าย ในเวลาเดียวกัน KM 2000 ปฏิบัติตามข้อกำหนดของข้อกำหนดทางเทคนิคอย่างสมบูรณ์ สามารถตัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ (แน่นอนว่าปรับตามคุณสมบัติของวัสดุใบมีด สแตนเลส 440C) และสับได้ดี น้ำหนักมีดประมาณ 300 กรัม ใบมีดยาว 170 มม. ประมาณครึ่งหนึ่งของคมตัดของ KM 2000 มีการลับแบบฟันปลา ซึ่งไม่เด่นชัดมากนักเพื่อไม่ให้รบกวนการทำงานปกติ แต่ช่วยให้คุณสามารถตัดสายเคเบิลหรือเชือกได้ในคราวเดียว ความหนาของใบมีด 5 มม. ก็เพียงพอที่จะงัดฝาปิดท่อระบายน้ำออกได้ และหากจำเป็น ก็เพื่อรองรับน้ำหนักตัวของนักสู้เมื่อใช้เป็นตัวรองรับ รสที่ทอดยาวไปตามความยาวของด้ามจับจะยื่นออกมาจากด้านหลังของด้ามจับและสามารถใช้เป็นค้อน เครื่องบดแก้ว หรือ "เครื่องบดหัวกะโหลก" ได้ ในขณะเดียวกัน พื้นผิวเรียบก็ไม่รบกวนการใช้เข็มวินาทีในสถานการณ์ที่ต้องใช้แรงเพิ่มเติม
ปลอก KM2000 ทำจากพลาสติกและมีสปริงแบนสำหรับยึดมีดไว้ด้านใน ที่ด้านหน้ามีเข็มขัดเส้นหนึ่งหุ้มไว้ มีส่วนของวัสดุขัดถูเคลือบด้วยเพชร ซึ่งใช้สำหรับปรับคมตัดให้ตรงในสนาม ที่ปลายฝักจะมีรูที่มีเชือกร้อยผ่าน ซึ่งใช้สำหรับยึดขาเพิ่มเติมเมื่อแขวน KM2000 ไว้บนสายพาน ตัวเลือกระบบกันสะเทือนนี้ไม่ใช่ทางเลือกเดียวที่เป็นไปได้ - ที่ด้านหลังของฐาน Cordura ของฝักมีตัวยึดที่ให้คุณติดเข้ากับอุปกรณ์ชิ้นใดก็ได้
ลาเวนเจอร์ 2413
กริชฝรั่งเศสรุ่นปี 1916 ชื่อแปลว่า "Avenger 1870" อาวุธทหารราบ กองทัพฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สร้างขึ้นเพื่อการสู้รบในสนามเพลาะโดยเฉพาะ
เมื่อเริ่มสงครามเป็นที่ชัดเจนว่าดาบปลายปืนยาวของปืนไรเฟิล French Lebel ไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ประชิดตัว ด้วยเหตุนี้ กองบัญชาการฝรั่งเศสจึงเริ่มติดอาวุธให้ทหารราบอย่างเร่งรีบด้วยมีดสั้นเล่มใหม่ในปี พ.ศ. 2459 ซึ่งชื่อดังกล่าวสะท้อนถึงความปรารถนาของรัฐบาลฝรั่งเศสที่จะกอบกู้ความพ่ายแพ้ในสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซียน พ.ศ. 2413-2414 อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้งานได้จริง แต่กริชก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างเป็นทางการในการให้บริการและผลิตโดยบริษัทเอกชนหลายแห่ง ซึ่งอธิบายความแตกต่างในด้านขนาด ผิวสำเร็จ และคุณภาพของกริชเหล่านี้ที่ยังมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้
รุ่น XSF-1
มีดดังกล่าวได้รับการออกแบบโดยทหารผ่านศึก ทหารแคนาดา นักดำน้ำ นักประดาน้ำ ผู้ฝึกสอนการเก็บทุ่นระเบิด และผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ Brent Beshara คุณลักษณะที่น่าสนใจของมีดของอดีตทหารกองกำลังพิเศษคือทั้งรูปทรงดั้งเดิมของใบมีดสองคมและการลับแบบ "สิ่ว" ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้แบบประชิดตัว Brent Beshara ได้สร้างมีดต่อสู้ที่มีความทนทานอย่างยิ่ง ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้แรงขับอันทรงพลังซึ่งสามารถเจาะเกราะของร่างกายได้ เช่นเดียวกับบาดแผลลึกที่คอและ แขนขาของศัตรูด้วยปลายดาบยาว การออกแบบปลอกทำให้สามารถวางมีดได้เกือบทุกตำแหน่งบนร่างกาย ปัจจุบันมีด XSF-1 ผลิตโดย Masters of Defense (MOD)
สไตรเดอร์ เอสเอ็มเอฟ มาร์ซ็อก
มีดพับ Strider SMF Marsoc เป็นมีดพับยุทธวิธีตัวแรกในรอบ 60 ปีที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับหน่วย SOCOM (หน่วยปฏิบัติการพิเศษ) แรกของนาวิกโยธินสหรัฐฯ
มีดรุ่นต่อสู้นี้ผลิตโดย Strider Knives แห่งซานมาร์คอส แคลิฟอร์เนีย มีใบมีดเคลือบลายพรางยาว 100 มม. ทำจากเหล็กมีด CPM S30V คาร์บอนสูง ส่วนของด้ามจับที่ใช้ล็อคเฟรมทำจากไททาเนียม ส่วนครึ่งหลังทำจากไฟเบอร์กลาส G10
มีดเวอร์ชันล่าสุดประกอบด้วยตัวกันโคลง Hinderer Lockbar ซึ่งเป็นกลไกที่ออกแบบโดยช่างทำมีด Rick Hinderer และได้รับอนุญาตให้ใช้ใน Strider อุปกรณ์กันโคลง Lockbar เป็นแผ่นโลหะที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้แผ่นล็อคงอออกไปด้านนอก มีดดั้งเดิมที่พัฒนาขึ้นสำหรับนาวิกโยธินโดย SOCOM ในปี 2546 ไม่มีคุณสมบัตินี้ แต่รุ่นต่อ ๆ ไปมี
ก่อนหน้านี้ มีดพิเศษสำหรับหน่วยนาวิกโยธินถูกผลิตขึ้นในช่วงต้นปี พ.ศ. 2485 เมื่อรุ่นการต่อสู้แบบประชิดตัวด้วยมีด Fairbairn-Sykes (F-S) ได้รับการดัดแปลงโดยพันโท Clifford Shuey มีดนี้ผลิตโดยบริษัท Camillus Cutlery แห่งเมือง Camillus รัฐนิวยอร์ก มันถูกเรียกว่า United States Marine Raider Stiletto หรือ USMC Stiletto และผลิตสำหรับนาวิกโยธินจนถึงปี 1944 อันที่จริง มีดนี้เป็นสำเนาของมีดต่อสู้ Fairbairn-Sykes ที่มีชื่อเสียง ซึ่งมีการผลิต 14,370 ยูนิต
เมื่อการปลดประจำการครั้งแรกถูกสร้างขึ้น มีการตัดสินใจว่าจะไม่ใช้การต่อสู้แบบดั้งเดิมของนาวิกโยธิน มีดกะบาร์- แต่เราเลือกมีดพับ Strider's SMF ซึ่งมีขนาดกะทัดรัดและพกพาสะดวกกว่า
มีดรุ่นต่อสู้ของ Strider SMF Marsoc มีเครื่องหมายบนด้ามจับซึ่งระบุวันที่สร้าง First SOCOM Marine Detachment (“030620” หรือ 20 มิถุนายน 2546) รวมถึงคำจารึกว่า “DET-1” นอกจากนี้ เวอร์ชันการต่อสู้ยังมีตราสัญลักษณ์ของ Marine Raiders ซึ่งเป็นหน่วยชั้นยอดของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อปฏิบัติการสะเทินน้ำสะเทินบก
กล็อค เฟลด์เมสเซอร์ 78
มีดต่อสู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 มี "พ่อแม่" และแหล่งที่อยู่อาศัยมากมายในสายเลือดซึ่งเพียงพอสำหรับนวนิยายแนวผจญภัย ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทออสเตรียเก่าแก่ Ludwig Zeitler ในช่วงครึ่งหลังของปี 1970 โดยเป็นการพัฒนามีดต่อสู้อเมริกันที่ได้รับความนิยมในสงครามโลกครั้งที่สอง - M3 (ในทางกลับกันเป็นการคิดใหม่เกี่ยวกับมีดของกองทัพเยอรมัน) แต่ในรูปแบบใหม่ ระดับเทคโนโลยีและการใช้วัสดุที่ทันสมัย ในไม่ช้าบริษัทก็หยุดดำรงอยู่ และกองทัพออสเตรียไม่เคยรับผลิตผลจากบริษัทนี้เลย
จากนั้นก็ถึงคราวของชาวเยอรมัน บริษัท A.Eickhorn GmbH กำลังพัฒนาการออกแบบและผลิตมีดเชิงพาณิชย์จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นการพัฒนาเพิ่มเติมของมีด Zeitler 77 ความแตกต่างจากต้นแบบคือรูปร่างของใบมีดที่แตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งเป็นตัวป้องกันที่ได้รับการพัฒนามากขึ้น ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น สองด้านรวมถึงชิ้นส่วนพลาสติกรูปแบบต่าง ๆ - ที่จับและปลอก มีดเล่มนี้ไม่ได้ถูกกำหนดให้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
ร่องรอยของมีดเพิ่มเติมนำไปสู่ออสเตรียบ้านเกิดของเขาอีกครั้งไปยัง บริษัท Glock ซึ่งตอนนั้นมีส่วนร่วมในการผลิตใบมีดทหารช่างเครื่องมือต่าง ๆ ระเบิด ฯลฯ - บริษัท Glock กลายเป็นที่รู้จักในเรื่องปืนพกในเวลาต่อมาเล็กน้อย และตอนนี้กองทัพออสเตรียก็ให้ความสนใจกับมีดดังกล่าวในที่สุด โดยนำแบบจำลองที่เรียกว่า Glock Feldmesser 78 มาใช้ในกองทัพ
Feldmesser ซึ่งแปลว่า "มีดสนาม" มีสองรูปแบบหลัก มีดรุ่นปี 1978 เป็นรุ่นพื้นฐานทางการทหาร และรุ่นปี 1981 แตกต่างตรงที่มีเลื่อยอยู่ที่ก้นเท่านั้น
ใบมีดแบบคลิปพอยต์ ยาว 165 มม. และหนา 4 มม. ทำจากเหล็กกล้าคาร์บอน ซึ่งผู้ผลิตระบุว่าเป็น “สปริง”
เหล็กได้รับการชุบแข็งถึง 55 HRC ซึ่งเพียงพอสำหรับมีดใช้งานและช่วยลับคมในสนามได้อย่างมาก เพื่อป้องกันการกัดกร่อนและป้องกันแสงสะท้อน ใบมีดของการปรับเปลี่ยนทั้งสองแบบจึงถูกเคลือบด้วยฟอสเฟต ซึ่งทำให้ได้สีดำด้าน ที่ป้องกันมีดเป็นแบบสองด้าน โดยส่วนที่ยื่นออกมาด้านบนจะโค้งงอไปทางใบมีด ทำให้เกิดเป็นที่เปิดสำหรับกล่องตลับหรือขวด บางครั้งข้อเท็จจริงนี้อาจถูกตั้งคำถาม แต่ข้อมูลได้รับการยืนยันจากผู้ผลิต
ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดคำถามในหมู่คนรักมีดก็คือความเป็นไปได้ที่จะติดมีดกล็อคเป็นดาบปลายปืนกับปืนไรเฟิลออสเตรีย สเตเยอร์ ส.ค- ตัวเลือกนี้ได้รับการพิจารณาอย่างแน่นอนเมื่อพัฒนามีดและด้วยเหตุนี้จึงมีโพรงเหลืออยู่ในด้ามจับซึ่งถือเป็นภาชนะสำหรับ NAZ (อุปกรณ์ฉุกเฉินที่พกพาได้) อย่างไม่เหมาะสม อะแดปเตอร์พิเศษถูกเสียบเข้าไปในช่องนี้ซึ่งทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ยึดสำหรับติดมีดเข้ากับปืนไรเฟิล กองทัพออสเตรียละทิ้งโครงการนี้ และสำหรับมีดกล็อคที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ ช่องสำหรับอะแดปเตอร์จะปิดโดยมีฝาปิด
ด้ามจับมีรูปทรงและขนาดที่สะดวกสบาย ทั้งหมดนี้ช่วยให้คุณจับมีดได้อย่างมั่นใจทั้งด้วยถุงมือและด้วยมือเปล่า จุดศูนย์ถ่วงของมีดอยู่ระหว่างใบมีดกับด้ามจับโดยตรง ซึ่งช่วยให้คุณใช้มีดที่มีใบมีดค่อนข้างสั้นในการสับได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่โครงสร้างของใบมีดและการออกแบบด้ามจับของมีดนี้กำหนดเทคนิคการต่อสู้ด้วยมีดที่เจาะทะลุเป็นหลัก
ด้ามจับนั้นมีรูปร่างเหมือนแกนหมุนพร้อมเข็มขัดห้าเส้น หล่อจากพลาสติกบนก้านที่ขยายเข้าไปประมาณครึ่งทาง แม้ว่าการเชื่อมต่อนี้จะมีความเปราะบางอย่างเห็นได้ชัด แต่การทดสอบมีดหลายครั้งแสดงให้เห็นว่าแรงที่ต้องใช้ในการหักมีดไม่น่าจะเป็นไปได้ในสภาวะจริง เช่น มีการบันทึกกรณีมีดแทงกระทะเหล็ก ในกรณีนี้ มีดไม่ได้รับความเสียหาย ยกเว้นสารเคลือบที่ฉีกออกที่ปลาย
ฝักเป็นพลาสติกทำโดยการฉีดขึ้นรูป สลักที่ยึดมีดโดยเกี่ยวเข้ากับตัวป้องกันและระบบกันสะเทือนนั้นประกอบเข้าด้วยกันโดยมีฝักเป็นส่วนประกอบ ที่ปลายฝักจะมีรูระบายน้ำและมีห่วงซึ่งคุณสามารถคล้องสายรัดเพื่อยึดฝักเข้ากับขาได้
ปลอกและด้ามจับของมีด Glock ของการดัดแปลงทั้งสองอาจเป็นสีเขียว (รุ่นทหาร), สีดำ (รุ่นเชิงพาณิชย์และใช้ในบริการพิเศษบางอย่าง), สีทราย (รุ่นเชิงพาณิชย์)
มีด Glock และการดัดแปลงต่าง ๆ ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในโลกในฐานะมีดต่อสู้ซึ่งรวมการทำงานของเครื่องมือและอาวุธเข้าด้วยกัน นอกจากกองทัพออสเตรียแล้ว พวกเขายังประจำการอยู่ในหลายประเทศในยุโรป โดยไม่ต้องกลายเป็นมีดต่อสู้หลักของ Bundeswehr พวกมันยังคงถูกใช้ในขอบเขตที่จำกัดในเยอรมนี เช่น โดยหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายที่มีชื่อเสียง GSG9 มีดกล็อคมีจำหน่ายทั่วไปในตลาดการค้า น้ำหนักเบา สะดวกสบาย เชื่อถือได้ - ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่ามีด Glock ครองตำแหน่งหนึ่งในมีดต่อสู้ที่ดีที่สุดในโลก
อัตราส่วน Extrema Fulcrum S
หนึ่งในมีดต่อสู้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิตาลี เชื่อถือได้อย่างยิ่ง ใบมีดสามารถรับน้ำหนักจุดได้สูงสุด 150 กก. รูปแบบทันโตของญี่ปุ่นที่ได้รับการทดสอบมานานหลายศตวรรษ เกี่ยวข้องกับการใช้มีดในระยะยาวในสภาวะที่รุนแรง โดยไม่กระทบต่อคุณภาพการตัดของมีด จุดศูนย์ถ่วงเลื่อนไปข้างหน้า และน้ำหนักที่สำคัญของใบมีดทำให้สามารถสับฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโดยหน่วย Nibbio ของกองทัพอิตาลีในอัฟกานิสถาน มันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทดลองของสำนักงานใหญ่ของกองทหารอัลไพน์ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายคือการเลือกมีดอเนกประสงค์สากลสำหรับทหารราบ
การทดสอบ Extrema Ratio Fulcrum ประสบความสำเร็จอย่างมากจนถูกนำมาใช้เพื่อสร้าง Fulcrum Bayonet ซึ่งเป็นดาบปลายปืนที่ติดตั้งกับปืนไรเฟิลแทนที่จะเป็นการ์ด ซึ่งโดยวิธีการที่มีดที่แสดงในภาพถูกตัดโดยผู้ขายซึ่งแปลโดยอัตโนมัติ อาวุธมาตรฐานทหารอิตาลีในหมวดมีดทำครัว
มีด Fulcrum S ที่แสดงในภาพเป็นมีด Fulcrum รุ่นสั้นกว่า ซึ่งมีลักษณะเกือบเหมือนกัน แต่เบากว่าเล็กน้อย
อัตราส่วน Extrema Col Moschin
Col Moschin ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการในปี 2545 โดยกรมทหาร Ninth Incursori (กองกำลังพิเศษของอิตาลี) “โมเดลนี้คือมีดต่อสู้ที่เป็นแก่นสาร” Extrema Ratio ซึ่งนักออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากมีดสั้นที่ไม่สมมาตรซึ่งใช้โดยสตอร์มทรูปเปอร์ Arditi (ภาษาอิตาลีแปลว่า “กล้าหาญ”) ของกองทัพอิตาลีในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ใบมีดของมีดต่อสู้ Col Moschin ซึ่งแตกต่างจากรุ่นพลเรือนที่แสดงในรูปภาพนั้นถูกลับให้คมทั้งสองด้านซึ่งช่วยให้คุณทำการตัดก้นเมื่อมีดขยับกลับ การเคลือบป้องกันแสงสะท้อนของใบมีดมีชื่อทางการทหารว่า Testudo ซึ่งแปลว่า "เต่า" ซึ่งเป็นรูปแบบการต่อสู้ของกองทหารโรมัน ใบมีดมีโลโก้ของกรมทหารที่เก้า - ร่มชูชีพ ปีก คบเพลิง กลาดิอุสไขว้ (ดาบโรมัน) และหมายเลข "9"
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะถูกควบคุมให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งในการต่อสู้ระยะประชิด จุดศูนย์ถ่วงของมีดจะเลื่อนไปทางด้ามจับ ซึ่งได้รับการออกแบบในลักษณะที่สามารถจ่ายแรงกระแทกและสร้างความเสียหายทั้งร้ายแรงและแสงที่ควบคุมได้
อัตราส่วนสุดขีด ปราเอโทเรียนที่ 2
มีดต่อสู้จากบริษัท Extrema Ratio ชื่อดังของอิตาลี มีให้เลือกสองรุ่น - Praetorian II และ Praetorian IIT ซึ่งมีรูปร่างของใบมีดต่างกัน ด้ามจับของกริชนี้ช่วยให้คุณใช้ทั้งด้ามจับไปข้างหน้าและย้อนกลับในการต่อสู้ได้สำเร็จเท่ากัน และยังสามารถวางอุปกรณ์ป้องกันไว้ระหว่างนิ้วมือโดยวางฝ่ามือบางส่วนไว้บนริกัสโซ (ส่วนที่ไม่ได้ลับคมของใบมีด) ด้ามจับนี้จะเปลี่ยนมีดให้กลายเป็นจาวาราที่ขยายใหญ่ขึ้น ปลายด้านหนึ่งเป็นใบมีดที่แหลม และอีกด้านเป็นหัวกะโหลกแตก ด้ามจับทำจากโฟมโพลีเมอร์ชวนให้นึกถึงหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ ในมือเปล่าจะรู้สึกก้าวร้าวมากเกินไป เนื่องจากควรใช้มีดด้วยมือที่สวมถุงมือไว้
มีดถูกสร้างขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Praetoriana ในระหว่างที่มีการพัฒนาใบมีดชนิดใหม่ การ์ดมีดถูกปัดเศษ และด้ามจับที่ยืมมาจากมีดทัสคาเนีย ได้รับการแก้ไขให้เข้ากันได้กับปลอกแข็งแบบใหม่
ทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับ Praetorian II คือเวอร์ชัน II T ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนปลายกริชแบบคลาสสิกและมีรูปร่างเหมือนกลาดิอุสของโรมัน โซลูชันการออกแบบนี้เปลี่ยนมีดให้กลายเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สถานการณ์ที่ยากลำบากโดยไม่ทำให้คุณสมบัติการตัดและเจาะของใบมีดเสื่อมลง
มีดปราบปรามอัตราส่วน Extrema
มีดสั้นที่มีลักษณะเฉพาะของผู้ผลิตที่ชัดเจนในชื่อ - Suppressor Knife "มีดปราบปราม" ได้รับการพัฒนาสำหรับ "GIS" (Gruppo Intervento Speciale) ซึ่งเป็นทีมกองกำลังพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายชั้นยอดของตำรวจอิตาลี
มันเป็นการนำ V42 มาใช้ใหม่ ซึ่งเป็นมีดต่อสู้หน่วยรบพิเศษของอเมริกาจากสงครามโลกครั้งที่สอง พร้อมด้วยการ์ดดัดแปลงและวัสดุที่ทันสมัย นอกจากใบมีดแล้ว ยังมีตัวกระแทกหัวกระโหลกเหล็กที่ปลายด้ามโพลีเอไมด์อีกด้วย เช่นเดียวกับมีดรุ่นก่อน ๆ ด้ามจับทำจากโฟมโพลีเมอร์ซึ่งชวนให้นึกถึงหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ มีดต้องใช้มือที่สวมถุงมือ
ปลอกยุทธวิธีสามารถติดตั้งได้หลายตำแหน่ง รวมถึงที่ขาด้วย ข้างในบรรจุกล่องแข็งที่มีฟังก์ชั่นยึดมีดเข้ากับฝักโดยอัตโนมัติ เจ้าของมีดต่อสู้คนหนึ่งให้คำอธิบายสั้น ๆ แต่กระชับของ Suppressor Knife: "วิธีแก้ปัญหาที่ซับซ้อน" คุณไม่สามารถพูดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
คริส รีฟ กรีน เบเร็ตต์
ผู้สร้างมีด Chris Reeve Green Berett และ Chris Reeve Pacific Bowie เกิดและเติบโตในแอฟริกาใต้ รับราชการในกองทัพ และเป็นนักล่ามืออาชีพ ในปี 1989 เขาย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งเขาเปิดบริษัทผลิตมีดของตัวเองขึ้นมา
Green Berett เป็นมีดต่อสู้รุ่นแรกของ Chris Reeve ที่ได้รับการทดสอบโดยกองกำลังพิเศษของสหรัฐอเมริกา การโฆษณาแบบอเมริกันวางตำแหน่งมีดนี้ดังนี้: “มีดกรีนเบเรต์ก็เหมือนกับผู้ชายที่ตั้งใจจะให้มีดนั้นมีประสิทธิภาพ โหดร้าย และไม่ประนีประนอม”
ปัจจุบัน Chris Reeve Green Berett ออกให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรคุณสมบัติกองกำลังพิเศษ พวกเขารู้จักกันในชื่อ "The Yarborough" สำหรับคนอื่น ๆ ก็คือ "The Green Berett Knife" อย่างไรก็ตาม Yarborough เป็นนามสกุลของร้อยโทชาวอเมริกัน William Yarborough เจ้าหน้าที่ของกองพันพลร่มที่ 504 ซึ่งในปีพ. ศ. 2484 ได้เสนอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ลักษณะเฉพาะสำหรับผ้าโพกศีรษะของกองกำลังพิเศษของอเมริกา: ร่มชูชีพที่ล้อมรอบด้วยปีกของนกอินทรี
ซก หน่วยซีลกองทัพเรือ 2543
ในปี 2000 โมเดลนี้ชนะการแข่งขันมีดของรัฐสำหรับหน่วยลาดตระเวนและก่อวินาศกรรมของกองทัพเรือสหรัฐฯ “SEAL” (Sea Air Land) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเล่น “ หน่วยซีลกองทัพเรือ- ออกแบบโดยอาศัยพื้นฐานอย่างอื่น รุ่นยอดนิยมบริษัทนี้ โบวี่ อย่างไรก็ตามมีขนาดวัสดุที่ใช้ทำและจำนวนที่แตกต่างกัน คุณสมบัติการออกแบบซึ่งควรค่าแก่การพูดถึงอย่างละเอียด
ใบมีดทำจากเหล็ก AUS 6 ความแข็ง 56–58 HRC ผ่านกระบวนการแช่แข็งลึกและเคลือบด้วยสารเคลือบป้องกันแสงสะท้อนสีเทาอ่อน การลับมีดด้านเดียว อีกด้านหนึ่งมีใบมีดปลอม ซึ่งยืดออกเกือบตลอดความยาวของใบมีด การออกแบบนี้ช่วยเพิ่มคุณสมบัติการเจาะของมีดได้อย่างมาก ในส่วนรากของใบมีดจะมีฟันเลื่อย โดยเริ่มจากใบมีดทันที (ส่วนที่ไม่ได้ลับคมของใบมีดใกล้กับตัวป้องกัน) มีดยังค่อนข้างเหมาะสำหรับการโจมตีแบบฟันที่รุนแรง
การ์ดมีขนาดใหญ่มาก โดยเปลี่ยนผ่านไปยังด้ามจับได้อย่างราบรื่น โดยประกอบเข้ากับด้ามจับโดยใช้การฉีดขึ้นรูป
ด้ามจับทำจากกระตันและปิดด้วยรอยบาก เพื่อความสะดวกในการจับ มีร่องนิ้ว แต่ไม่ลึกเกินไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยในการใช้งานจริง รูปทรงของด้ามจับเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าในหน้าตัด ขยายตรงกลาง โดยทั่วไปแล้ว รูปทรงของด้ามจับทำให้จับได้สะดวกไม่ว่าจะถือแบบใดก็ตาม
ฝักทำจาก Kydex และยึดมีดไว้แน่นกับปาก อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยยังมีสายรัดนิรภัยเพิ่มเติมแบบมีปุ่มอีกด้วย ฝักมีรูและตาไก่สำหรับติดเข้ากับชุดเครื่องแบบได้ในแทบทุกตำแหน่ง มีวิธีใส่เข็มขัดด้วย
เกอร์ลาช เอ็ม 92
มีดต่อสู้มาตรฐานของกองทัพอากาศโปแลนด์ คล้ายกับมีด M3 Trench ของอเมริกาหรือ Glock Feldmesser ของออสเตรีย จากคุณสมบัติดังกล่าวเป็นที่น่าสังเกตว่าวิธีการยึดมีดในฝักและการโค้งงอของตัวป้องกันที่ไม่เคยมีมาก่อนซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคนิคการใช้มีด ที่ปากฝักมีลิ้นสปริงที่พอดีกับช่องของตัวป้องกันและยึดมีดไว้ มีดนั้นเรียบง่าย มีประสิทธิภาพ และราคาไม่แพงในการผลิต
ใบมีดออกซิไดซ์ยาว 175 มม. บนริกัสโซซึ่งมีตราประทับพร้อมเม็ดมะยมและชื่อของผู้ผลิต "Gerlach" ด้ามจับทำจากยางแข็ง ฝักได้รับการออกแบบให้สามารถติดมีดในตำแหน่งใดก็ได้ รวมถึงที่ขาด้วย
คอร์โว
มีดคอมมานโดของชิลีมีความน่าสนใจเป็นหลักเนื่องจากมีใบมีดที่มีรูปร่างผิดปกติ ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญด้านมีดชื่อดัง Dietmar Pohl เชื่อว่ามีดรูปตะขอมีต้นกำเนิดมาจากเครื่องมือดั้งเดิมในการทำงานภาคสนาม
อย่างไรก็ตาม “เครื่องมือดั้งเดิม” นี้ให้บริการกับกองกำลังพิเศษของชิลี และผลิตโดยบริษัทอย่างเป็นทางการของรัฐ “Famae” ซึ่งสาธิตการทำงานของมีดสองคมนี้ ซึ่งผ่านการทดสอบตามเวลา เช่น ญี่ปุ่น แบบฟอร์มทันโต แต่เป็นที่ชัดเจนว่าการต่อสู้ด้วยมีดดังกล่าวต้องใช้ทักษะพิเศษ
แม้ว่ากองกำลังพิเศษของชิลีจะมีทักษะดังกล่าวก็ตาม ตัวอย่างเช่น มีข้อมูลว่าในการต่อสู้เพื่อชิงเมืองอาริกาเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2423 นักรบชิลีในการต่อสู้ประชิดตัว จริงๆ แล้วทำลายกองหลังชาวเปรูประมาณพันคนด้วยคอร์โวสเพียงคนเดียว นั่นก็คือมีดมีประวัติศาสตร์ประเพณีค่อนข้างสมบูรณ์ของจริง การใช้การต่อสู้- ควรคำนึงว่ามีมีดรุ่นหนึ่งที่มีต้นกำเนิดเก่าแก่กว่านี้ - นักวิจัยบางคนเชื่อว่า Corvo ถูกใช้ในจักรวรรดิอินคาซึ่งรวมถึงส่วนหนึ่งของดินแดนของชิลีสมัยใหม่
แปลจากภาษาสเปน "corvo" แปลว่า "โค้ง" ในวรรณคดี มีดดังกล่าวถูกกล่าวถึงครั้งแรกในบทกวีวีรชนภาษาสเปนเรื่อง La Araucana โดย Don Alonso de Ercilla y Zúñiga ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1578 และเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการพิชิตดินแดนของชาว Araucans ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองของชิลีโดยชาวสเปน
สงครามโลกครั้ง
Kukri เป็นมีดต่อสู้ของกลุ่ม Gurkhas ซึ่งเป็นทหารรับจ้างบนที่สูงชาวเนปาล ซึ่งทำหน้าที่ในกองทัพอังกฤษตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 และมีส่วนร่วมในความขัดแย้งด้วยอาวุธทั้งหมดที่บริเตนใหญ่เข้ามาเกี่ยวข้องในช่วงเวลานี้ ต้องขอบคุณชาวกูรข่าที่ต่อสู้ทั้งในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง และต่อมาในฮ่องกง มาลายา บอร์เนียว ไซปรัส หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ โคโซโว บอสเนีย และอัฟกานิสถาน โดยเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยปืนไรเฟิล ร่มชูชีพ วิศวกรรม และหน่วยพิเศษ จนทำให้กุกรีเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
มีหลายกรณีที่หน่วยคอมมานโดเนปาลตัดหัวของคู่ต่อสู้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวด้วยคูคริส ค่อนข้างเป็นไปได้ว่านี่ไม่ใช่ตำนาน ความรู้สึกในการถือคูครีในมือของคุณนั้นไม่คลุมเครือ - ขวานที่มีใบมีดที่ผิดปกติมากซึ่งสะดวกในการสับกิ่งไม้และกิ่งก้านและหากจำเป็นและมีความชำนาญที่เหมาะสมก็สามารถใช้เป็นพลั่วทหารช่างได้ กล่าวโดยย่อคือเครื่องมือสากลเพื่อความอยู่รอด
เทคโนโลยีในการทำกุกรีเนปาลดั้งเดิมนั้นน่าสนใจ มีดทำด้วยมือตั้งแต่ต้นจนจบ ใบมีดหนาผลิตจากเหล็กกล้าคาร์บอนสูง ด้ามจับทำจากเขาควาย
Ctrl เข้า
สังเกตเห็นแล้ว อ๋อ. ใช่แล้ว เลือกข้อความแล้วคลิก Ctrl+ป้อน
มีดต่อสู้ (หรือมีดยุทธวิธี) เป็นมีดที่ออกแบบมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารโดยเฉพาะ จุดประสงค์หลักของพวกเขาคือการต่อสู้ระยะประชิด ตั้งแต่ครั้งสุดท้าย สงครามสนามเพลาะมีดต่อสู้ได้กลายเป็นมัลติฟังก์ชั่นมากขึ้น สามารถใช้สับกิ่งไม้ เปิดกล่องกระสุน และอื่นๆ ได้
มีดสั้นเป็นมีดต่อสู้ประเภทหนึ่ง ใบมีดทั้งสองด้านลับคมตลอดความยาว กริชต่อสู้มีลักษณะคล้ายดาบที่มีปลายและด้าม และใช้สำหรับแทง ใบมีดที่ลับทั้งสองด้านและตรงกลางหนาขึ้น ทำให้กริชแตกต่างจากมีดทั่วไป/มีดในครัวเรือน
มีดและมีดต่อสู้ที่อันตรายที่สุด 10 อันดับแรก
มีดต่อสู้มีรูปร่าง คม โครงสร้างและวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป นี่คือมีดและมีดต่อสู้ที่ "อันตราย" ที่สุด 10 อันดับ
10.BC-41
พ.ศ.-41- เป็นการผสมผสานระหว่างกริชต่อสู้และสนับมือทองเหลือง ใช้โดยหน่วยคอมมานโดอังกฤษในสงครามโลกครั้งที่สองเพื่อการต่อสู้ระยะประชิดและการซุ่มโจมตี นี่เป็นมีดต่อสู้ที่หายากมาก ออกแบบโดย Charles Clements และผลิตในเมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ
ใบมีดแบบ "คลิปพอยต์" (ที่มีสันเอียง) ติดไว้อย่างแน่นหนากับด้ามจับรูปข้อนิ้วทองเหลืองที่ทำจากพลาสติกแข็ง - เบกาไลต์ ความยาวของด้ามจับประมาณ 12 ซม. ความยาวของส่วนเปิดของใบมีดประมาณ 13 ซม. นิ้ว. มีดยาวรวมประมาณ 25 ซม. ด้ามทองเหลืองส่วนที่กว้างที่สุด 12 ซม. มีด BC-41เหมาะสำหรับคนมือเล็กๆ และถือว่าดีที่สุดในยุคนี้
9. ดันกริช
ดันกริช(หรือเรียกอีกอย่างว่ามีดแทง มีดสั้น “มีดเล่มแรก”) เป็นมีดต่อสู้สั้นที่มีด้ามจับรูปตัว T ออกแบบมาให้กำหมัดโดยหันใบมีดไปข้างหน้า มักจะยื่นออกมาระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง นี้ แยกสายพันธุ์มีดต่อสู้ที่ออกแบบมาเพื่อการฉีดยาพิษถึงชีวิตอย่างกะทันหันมากกว่าการต่อสู้แบบเปิด
ถือมีดในแนวนอน ส่วนตรงกลางด้ามจับซึ่งอยู่ระหว่างนิ้วทำจากอลูมิเนียมหล่อ ส่วนปลายทั้งสองด้านทำจากเหล็ก ใบมีดมีขอบสองคมและหน้าตัดมีลักษณะคล้ายเพชรแบน ความยาวรวมของมีดสั้น (จากปลายถึงปลายด้าม) คือ 18.5 ซม.
8. มีดซีล SOG 2000
เอสโอจีซีล 2000ออกแบบมาสำหรับหน่วยทหารชั้นยอด - "" ก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกของหน่วยดังกล่าว จะต้องผ่านโครงการฝึกทหารที่เข้มงวด มีผู้สมัครเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้มแข็งและเตรียมพร้อมพอที่จะรับราชการและได้รับเกียรติให้สวมตรีศูลบนหน้าอก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของหน่วยซีลกองทัพเรือ
ด้วยเหตุนี้ เอสโอจีซีล 2000- อาวุธพิเศษ ความยาวรวมของมีดคือ 30.5 ซม. มาพร้อมกับใบมีดเคลือบผง ใบมีดยาว และด้ามจับตามหลักสรีรศาสตร์พร้อมช่องสำหรับนิ้ว และหัวด้ามจับพร้อมเบรกเกอร์กระจก ชุดนี้มีปลอกไนลอนด้วย
7. มีดต่อสู้ Fairbairn-Sykes
มีดต่อสู้ Fairbairn-Sykesถูกสร้างขึ้นในปี 1941 สำหรับหน่วยคอมมานโดของอังกฤษและหน่วยพิเศษของนาวิกโยธินสหรัฐฯ - ผู้บุกรุก มีดต่อสู้นี้ถูกใช้ในการโจมตีโดยไม่ตั้งใจเพื่อสร้างบาดแผลและบาดแผลแทง
ผู้ออกแบบอาวุธคือ William Ewart Fairbairn และ Eric Anthony Sykes F-S มีคมสองคมและมีลักษณะคล้ายกริชต่อสู้ ความยาวใบมีด 19 ซม. มีดที่เป็นที่สนใจของนักสะสมจำนวนมาก
6. ฟิกซ์เซชั่น โบวี่
ตรึงโบวี่- มีดต่อสู้ที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ผลิตโดย SOG. เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของบริษัทนี้ มันเป็นหนึ่งในตัวแทนที่ดีที่สุดของอาวุธประเภทนี้
เม็ดมีดที่เรียบระหว่างใบมีดและครอสการ์ด ด้ามจับที่มีพื้นผิวที่ป้องกันการลื่นไถล ฟูลเลอร์ ร่องสำหรับนิ้วหัวแม่มือที่ก้น ช่องเจาะบนการ์ดรูปกากบาท - ทุกสิ่งบ่งบอกว่ามีดนั้นมีสภาพดั้งเดิมเหมือนเจ้าของ ความสมดุลและสัดส่วนที่ยอดเยี่ยมทำให้มีความคล่องตัว ความยาวของใบมีดเกือบ 18 ซม. ความยาวรวม 31 ซม. ด้ามจับทำจากกระตัน ฝักทำจากไนลอน