ฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นเมื่อใด ฤดูร้อนคือเมื่อใด ฤดูใบไม้ร่วงคือเมื่อใด และฤดูหนาวคือเมื่อใด ฤดูกาลของปฏิทิน
1. งานห้องปฏิบัติการครั้งที่ 1
การวิจัยลักษณะอุตุนิยมวิทยาของสภาพอากาศ
1.1. สถานีอุตุนิยมวิทยา
1.2. โปรแกรมและเงื่อนไขการสังเกต เวลา
1.3. ความกดอากาศ
1.4. อุณหภูมิและความชื้นของอากาศ
1.6. การตกตะกอนของบรรยากาศ
1.7. ระยะเวลาของแสงแดด
1.8. ความขุ่นมัว
1.9. รังสีแสงอาทิตย์
2. งานห้องปฏิบัติการหมายเลข 2
ศึกษาการระเหยจากพื้นผิว
เครื่องระเหย N.N. โทโปลนิทสกี้
2.1. การออกแบบและหลักการทำงานของเครื่องระเหย
2.2. สมการสมดุลความร้อน
2.3. ดำเนินการทดสอบ
2.4. กำลังประมวลผลผลลัพธ์
2.5. รายการเครื่องมือและอุปกรณ์
3. งานห้องปฏิบัติการหมายเลข 3
การหาสมดุลของอัลเบโด้และรังสีของชั้นแอคทีฟของพื้นผิวโลก
3.1. แนวคิดพื้นฐานที่ใช้ในอุตุนิยมวิทยา
3.2. คำอธิบายของเครื่องมือแอกติโนเมตริก
3.3. ดำเนินงาน
3.4. รายการเครื่องมือและอุปกรณ์
4. งานห้องปฏิบัติการหมายเลข 4
4.1. รังสีดวงอาทิตย์และความสมดุลของรังสี
4.2. แสงอาทิตย์
4.3. อุณหภูมิอากาศ
4.4. อุณหภูมิดิน
4.6. ความชื้น
4.7. การตกตะกอนของบรรยากาศ
4.8. หิมะปกคลุม
4.9. ความขุ่นมัว
4.10. ปรากฏการณ์บรรยากาศ
งานห้องปฏิบัติการหมายเลข 1
การวัดลักษณะสภาพอากาศอุตุนิยมวิทยา
วัตถุประสงค์ของงาน:การทำความคุ้นเคยกับเครื่องมือและวิธีการสังเกตการณ์อุตุนิยมวิทยา
1.1. สถานีอุตุนิยมวิทยา
ภารกิจหลักของบริการอุตุนิยมวิทยาคือ: ดำเนินการสังเกตการณ์, ประมวลผลข้อมูลที่ได้รับ, รวบรวมและสรุปข้อมูลเกี่ยวกับระบอบอุตุนิยมวิทยา, ให้ข้อมูลสภาพอากาศแก่องค์กรตลอดจนคำเตือนเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาที่เป็นอันตรายต่อการผลิต
สถานีอุตุนิยมวิทยาติดตั้งที่ไซต์พิเศษ ต้องวางบนพื้นผิวเรียบและเปิดโล่ง ห่างจากโครงสร้างขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำ และเคลื่อนย้ายออกจากสิ่งกีดขวางเล็กๆ (บ้าน ต้นไม้ ฯลฯ) ในระยะห่างอย่างน้อย 10 เท่าของความสูงของสิ่งกีดขวางเหล่านี้ และจากสถานที่สำคัญ (ป่า กลุ่มอาคารขนาดใหญ่ ฯลฯ) ไปจนถึงระยะทาง 20 เท่าของความสูง
แหล่งอุตุนิยมวิทยามีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส (20 x 20 ม.) โดยด้านใดด้านหนึ่งหันจากเหนือจรดใต้ พื้นที่นี้ปูด้วยทรายหนาอย่างน้อย 10 ซม. และล้อมรั้วด้วยตาข่ายโลหะสูงประมาณ 150 ซม.
สิ่งต่อไปนี้ได้รับการติดตั้งที่ไซต์อุตุนิยมวิทยา (รูปที่ 1.1):
บูธไซโครเมทริก
บูธเครื่องบันทึก BS-1;
ใบพัดสภาพอากาศ FVL และ FVT;
มาตรวัดปริมาณน้ำฝน Tretyakov 0-1;
เครื่องระเหยชดเชยของระบบ Topolnitsky N.M.
เกจวัดหิมะ, เกจวัดเพอร์มาฟรอสต์;
บารอมิเตอร์ปรอท (ติดตั้งในสถานีตรวจอากาศ)
รูปที่ 1.1 แหล่งอุตุนิยมวิทยา:
F1 - ใบพัดสภาพอากาศพร้อมกระดานไฟ F2 - ใบพัดสภาพอากาศพร้อมกระดานหนัก BP - บูธไซโครเมทริก; BS - บูธสำหรับเครื่องบันทึก O - มาตรวัดปริมาณน้ำฝน Tretyakov, I - เครื่องระเหย Topolnitsky; P 1, P 2, P 3 - แผ่นวัดหิมะ เครื่องวัดเพอร์มาฟรอสต์, PV - ศาลาสำหรับเครื่องมือ
ในบางกรณีจะมีการจัดโพสต์อุตุนิยมวิทยา เสาอุตุนิยมวิทยาติดตั้งอยู่ในสถานที่เดียวกันกับสถานีตรวจอากาศ สิ่งต่อไปนี้ได้รับการติดตั้งบนเว็บไซต์:
บูธไซโครเมทริก BP - 1;
ใบพัดสภาพอากาศ FVL และ FVT;
มาตรวัดปริมาณน้ำฝน Tretyakov หรือมาตรวัดปริมาณน้ำฝน Davitaya;
เครื่องระเหย Topolnitsky N.M.
ที่แหล่งผลิตของสถานประกอบการทางการเกษตรและพีทจะมีการจัดจุดสังเกตปริมาณน้ำฝน จุดสังเกตปริมาณน้ำฝนติดตั้งเครื่องวัดปริมาณน้ำฝนหรือมาตรวัดปริมาณน้ำฝนดาววิตยา มีการติดตั้งมาตรวัดปริมาณน้ำฝน (หรือมาตรวัดปริมาณน้ำฝน) ไว้ใกล้กับโรงจอดรถสนาม
1.2. โปรแกรมและเงื่อนไขการสังเกต เวลา
ที่สถานีอุตุนิยมวิทยาตลอดทั้งปี การสังเกตประกอบด้วยความกดอากาศ อุณหภูมิและความชื้นของอากาศ อุณหภูมิอากาศสูงสุดและต่ำสุด การตกตะกอน ความเร็วและทิศทางลม รวมถึงการสังเกตความขุ่นมัวและปรากฏการณ์อื่น ๆ ด้วยสายตา (น้ำค้าง น้ำค้างแข็ง ฝนละออง น้ำแข็ง ฯลฯ .) ในช่วงที่อบอุ่นของปี (1 พฤษภาคม - 30 กันยายน) การสังเกตการระเหยจะดำเนินการและในฤดูใบไม้ร่วงฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ - การสังเกตความสูงของหิมะปกคลุมและการแช่แข็งของดิน - การละลาย
โพสต์อุตุนิยมวิทยาเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมถึง 30 กันยายน การสังเกตจะดำเนินการตามโปรแกรมของสถานีอุตุนิยมวิทยา ยกเว้นการวัดความลึกของหิมะปกคลุม และการแข็งตัวของดินและการละลาย
การสังเกตจะดำเนินการที่สถานี เสา จุดที่ 9 เวลาคลอดบุตรมอสโก 15 และ 21 ชั่วโมง (ที่สถานีที่ตั้งอยู่ในโซนเวลา III และ IV - เวลา 6; 12; 18 นาฬิกา)
ปริมาณน้ำฝนวัดที่ 9; 21 ชั่วโมง (หรือที่ 6; 18 ชั่วโมง) การสังเกตการระเหยจะดำเนินการที่ 8; 15; 21 โมง (หรือเวลา 5; 12; 18 โมง) วัดความลึกของหิมะที่ 9 นาฬิกา
ระยะเวลาการสังเกตถือเป็นช่วงเวลา 10 นาทีสิ้นสุดที่ชั่วโมงที่กำหนดอย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่น หากระบุช่วงเวลา 9 ชั่วโมง การสังเกตจะดำเนินการตั้งแต่ 8 ชั่วโมง 50 นาที จนถึง 9 โมงเช้า นาฬิกาที่ใช้สังเกตการณ์จะได้รับการตรวจสอบทุกวันโดยใช้สัญญาณวิทยุตามเวลาที่แน่นอน ความแม่นยำในการกำหนดระยะเวลาการสังเกต ± 1 นาที
เครื่องมืออุตุนิยมวิทยาจำนวนหนึ่งได้รับการติดตั้งในทิศทางที่เคร่งครัดตามแนวเส้นลมปราณทางภูมิศาสตร์ (เส้นเที่ยง) ทิศทางนี้เกิดขึ้นพร้อมกับทิศทางของเงาจากเสาแนวตั้งในเวลาเที่ยงวันจริง เที่ยงแท้คือเวลาที่ดวงอาทิตย์อยู่ทางทิศใต้พอดี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทราบเวลาเที่ยงตรงของมอสโก
พื้นฐานในการกำหนดเวลาคือการเคลื่อนที่ที่ชัดเจนของดวงอาทิตย์ข้ามท้องฟ้าในแต่ละวัน วันสุริยคติที่แท้จริงคือช่วงเวลาหนึ่ง
ระหว่างเที่ยงแท้ของสองวันติดกัน ความยาวของวันสุริยคติที่แท้จริงจะเปลี่ยนแปลงตลอดทั้งปี ดังนั้นจึงมีการใช้แนวคิดเรื่องวันสุริยคติเฉลี่ยและเวลาสุริยคติเฉลี่ย
ในการกำหนดเวลาสุริยะที่แท้จริง คุณต้องเพิ่มการแก้ไขเวลาสุริยะเฉลี่ยในท้องถิ่น จำนวนการแก้ไขในแต่ละวันจะเป็นไปตามตาราง 1.1.
โปรดบอกฉันว่าคุณใช้เวลาสุดสัปดาห์นี้อย่างไร? คุณขี่จักรยาน อาบแดดกลางแดด เล่นหิมะ หรือปั้นตุ๊กตาหิมะหรือเปล่า? คุณใส่เสื้อผ้าอะไรก่อนออกไปข้างนอก?
ปรากฎว่าเราทำสิ่งที่น่าสนใจมากมายทุกวัน ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของปี ในฤดูร้อนเราผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติ ในฤดูใบไม้ร่วงเราเก็บสมุนไพรจากใบไม้ ในฤดูหนาวเราไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งและเล่นสกี และในฤดูใบไม้ผลิเราก็ถอดเสื้อผ้าที่อบอุ่นออกและเพลิดเพลินไปกับแสงแดดอันอ่อนโยน ทุกฤดูกาลจะนำสิ่งที่แตกต่างและแปลกใหม่มาให้ แต่ละฤดูกาลเปลี่ยนวิถีชีวิต ประเภทเสื้อผ้า ส่งผลต่อการเดินและความบันเทิง จำบทเรียนในโรงเรียนของคุณในหัวข้อฤดูกาลในเรื่องประวัติศาสตร์ธรรมชาติ
ซับซ้อนเล็กน้อย?
จากนั้นที่นี่: ฤดูกาลสำหรับเด็ก +3 ถึง>7
สี่ฤดูกาล:
ฤดูกาลประกอบด้วยสี่ฤดูกาล ได้แก่ ฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงกลางวันยาวที่สุดและดวงอาทิตย์ขึ้นสูงเหนือขอบฟ้า ฤดูหนาว - กลางวันสั้นและกลางคืนยาวนาน ฤดูนอกฤดูของฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านระหว่างฤดูร้อนและฤดูหนาว
(สำหรับเขตอบอุ่นทางตอนกลางของรัสเซีย)
ฤดูร้อนถูกแทนที่ด้วยฤดูใบไม้ร่วงที่เย็นสบาย จากนั้นฤดูหนาวก็หนาวเข้ามา และฤดูใบไม้ผลิที่รอคอยมานานก็มาถึง - และต่อๆ ไปเป็นจำนวนไม่สิ้นสุดในแต่ละปี ความลึกลับของปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้คืออะไร และเหตุใดฤดูกาลบนโลกจึงเปลี่ยนแปลง?
เพื่อให้เห็นภาพว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร สมควรที่จะบอกว่าโลกเคลื่อนที่ไปในอวกาศอย่างไร
มีสองการเคลื่อนไหวเหล่านี้:
- 1) โลกรอบแกนของมัน (เส้นธรรมดาที่ผ่านศูนย์กลางของขั้วเหนือและขั้วใต้) ทำการปฏิวัติเต็มจำนวนต่อวัน ต้องขอบคุณปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ทำให้กลางวันหลีกทางให้กลางคืน เมื่อเป็นเวลาเที่ยงที่ร้อนบนทวีปที่หันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ จะเป็นคืนที่มืดมิดในทวีปที่ไม่มีแสงสว่าง
- 2) โลกเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางรูปวงรีรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดการปฏิวัติเต็มรูปแบบภายใน 1 ปี
อะไรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล?
วงโคจรของโลกเป็นรูปวงรี ไม่ใช่วงกลม และในวงโคจรนี้มีจุดที่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด (ดวงอาทิตย์ใกล้ดวงอาทิตย์) โดยที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 147 ล้านกิโลเมตร และจุดที่ไกลที่สุด (เอเฟเลียน 152 ล้านกิโลเมตร) ระยะทางที่แตกต่างกัน 3% นี้ส่งผลให้ปริมาณพลังงานแสงอาทิตย์ที่โลกได้รับที่จุดเสี่ยงภัยและจุดไกลฟ้าแตกต่างกันประมาณ 7% อย่างไรก็ตาม มีความเข้าใจผิดอย่างมากว่ายิ่งโลกอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากเท่าไรก็ยิ่งอุ่นขึ้นเท่านั้น และในทางกลับกัน ยิ่งอยู่ไกลเท่าไรก็ยิ่งหนาวมากขึ้นเท่านั้น นี่ผิด! เพียงใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในซีกโลกเหนือ เดือนมกราคมก็ตก ซึ่งเป็นช่วงกลางฤดูหนาวที่หนาวที่สุดของฤดูหนาว
ที่น่าสนใจคือตำแหน่งของโลกไม่เกี่ยวอะไรกับฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงเลย บทบาทสำคัญแสดงโดยมุมเอียงของแกนโลกซึ่งก็คือ 23.5° ขณะที่โลกเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ในระหว่างปี ซีกโลกเหนือหรือซีกโลกใต้จะหมุนไป มันอยู่บนซีกโลกที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดซึ่งฤดูร้อนนั้นจะเริ่มขึ้น เนื่องจากได้รับแสงแดดและความร้อนมากกว่า 3 เท่า ในทางกลับกัน เมื่อหันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น และได้รับความร้อนและแสงแดดน้อยลง เป็นเวลาฤดูหนาวแล้ว
หากไม่มีมุมเอียงและลูกโลกเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ในแนวตั้งอย่างเคร่งครัด ก็จะไม่มีฤดูกาลเลย เนื่องจากจุดใดๆ ของโลกในด้านที่ส่องสว่างจะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เท่ากัน เนื่องจาก ซึ่งอากาศจะอุ่นขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลในซีกโลกเหนือเป็นอย่างไร?
ฤดูร้อน
เมื่อโลกเคลื่อนที่ตลอดทั้งปีในวงโคจร ซีกโลกเหนือจะตั้งอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากขึ้น เนื่องจากมุมของแกนของมัน และฤดูร้อนก็เริ่มต้นขึ้นที่นั่น เวลากลางวันจะมีระยะเวลาเพิ่มขึ้น และในพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับเสามากขึ้น แม้ในเวลาเที่ยงคืนก็ยังได้รับแสงสว่างจากภายนอก
ฤดูหนาว
นอกจากนี้ในกระบวนการเคลื่อนที่ไปตามวงโคจรของมัน โลกพบว่าตัวเองอยู่อีกฟากหนึ่งซึ่งสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ และตอนนี้มุมเอียงได้ขจัดซีกโลกเหนือออกจากรังสีอบอุ่นของดวงอาทิตย์และฤดูหนาวที่เข้ามาปกคลุมที่นั่น เวลาที่มืดมนของวันจะเพิ่มขึ้น และเวลากลางวันจะสั้นลง ในเวลานี้ ฤดูร้อนมาถึงทวีปซีกโลกใต้แล้ว
นี่คือลักษณะการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลในทวีปต่างๆ ของโลก:
เป็นที่น่าสนใจที่ผู้อยู่อาศัยในเขตเส้นศูนย์สูตรและเขตร้อนทราบเกี่ยวกับการเริ่มต้นของสภาพอากาศหนาวเย็นจากข่าวลือ ที่นี่ การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลเกิดขึ้นอย่างราบรื่นจนแทบแทบไม่รู้สึกเลย เพราะเส้นศูนย์สูตรไม่ว่าดาวเคราะห์จะอยู่ในวงโคจรจะอยู่ที่ตำแหน่งใดก็ตาม มักจะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เกือบเท่าๆ กันเสมอ
ระยะเวลา Equinox:
- วสันตวิษุวัต- 20 - 21 มีนาคม ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากซีกโลกใต้ไปทางเหนือ
- วันวสันตวิษุวัต- 22 - 23 กันยายน ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากซีกโลกเหนือไปทางทิศใต้
ด้วยเหตุนี้ ฤดูกาลในซีกโลกเหนือจึงตรงกันข้ามกับฤดูกาลในซีกโลกใต้ ในช่วงระหว่างเดือนมีนาคมถึงกันยายน ซีกโลกเหนือหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์เกือบตลอดเวลา และได้รับความร้อนจากรังสีดวงอาทิตย์มากกว่าซีกโลกใต้ของโลก นี่เป็นช่วงฤดูร้อนในซีกโลกเหนือที่กลางวันยาวขึ้นและกลางคืนสั้นลง
หลังจากผ่านไปหกเดือน ตำแหน่งของโลกที่มีต่อดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนไป แต่ความโน้มเอียงยังคงอยู่ บัดนี้ ในละติจูดใต้ของซีกโลก เวลากลางวันจะยาวนานขึ้น และดวงอาทิตย์ก็ขึ้นสูงขึ้น ในขณะที่ฤดูหนาวกำลังมาถึงในละติจูดเหนือของซีกโลก วัฏจักรของเวลาตลอดทั้งปีนี้เพียงพอที่จะทำให้พื้นที่บางส่วนของโลกร้อนขึ้นหรือเย็นลง ด้วยเหตุนี้ฤดูกาลจึงค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงและแบ่งออกเป็นฤดูกาล
โลกประกอบด้วยเขตภูมิอากาศซึ่งสอดคล้องกับสภาพอากาศบางอย่าง นี่เป็นเพราะคุณสมบัติทางกายภาพที่แตกต่างกันของพื้นผิวโลกและน้ำในส่วนต่าง ๆ ของโลก ดังนั้นในทวีปต่างๆ ฤดูกาลภูมิอากาศจึงเริ่มต้นแตกต่างกันไปตามฤดูกาลทางดาราศาสตร์
ดังนั้นในทวีปหนึ่งหิมะอาจตกในฤดูหนาว ฝนตกในฤดูร้อน และอีกทวีปหนึ่งอาจไม่มีหิมะหรือฝนเลยเป็นเวลานาน แต่ฤดูฝนที่ตกหนักจะตกเป็นฤดูที่กำหนดอย่างเคร่งครัด แห่งปี
โซนภูมิอากาศบนโลก:
- แถบเส้นศูนย์สูตร- ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงมีลักษณะเป็นฤดูแล้ง ในขณะที่ฤดูร้อนและฤดูหนาวมีลักษณะเป็นปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น
- โซนเขตร้อน- สภาพอากาศที่แห้งร้อนยาวนานเกือบตลอดปี และในช่วงฤดูฝนจะมีฝนตกชุกมากเพียงปีละครั้งเท่านั้น ฤดูนี้ยังเป็นฤดูที่ค่อนข้างหนาวของปีอีกด้วย
- เขตอบอุ่น(ยุโรปตะวันตก รัสเซียกลาง) ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนค่อนข้างแห้งและมีฝนตกในระยะสั้น ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวมีลักษณะเป็นฝนจำนวนมากและมีหิมะปกคลุมอย่างมั่นคง
- อาร์กติกและแอนตาร์กติกา- ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของขั้วโลกทั้งกลางวันและกลางคืนเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศไม่สามารถมองเห็นได้จริง และอุณหภูมิจะต่ำกว่าศูนย์เสมอ
และนี่คือวิธีที่ช่างภาพชาวนอร์เวย์ Eirik Solheim มองเห็นฤดูกาล โดยผสมผสานฟุตเทจจากสถานที่เดียวกันให้เป็นวิดีโอความยาว 40 วินาทีของฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไม่ซ้ำใคร:
(หนึ่งปีใน 40 วินาที เอริค โซลไฮม์)
วิดีโอที่ไม่ซ้ำใครเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติตามฤดูกาลตลอดทั้งปีในเวลาเพียง 40 วินาที ผู้เขียนถ่ายภาพหนึ่งภาพเกือบทุกวันเป็นเวลาหนึ่งปี ผลลัพธ์ที่ได้คือการลดการทดลองที่ผิดปกติให้กลายเป็นวิดีโอสั้น ๆ ที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าธรรมชาติเปลี่ยนแปลงอย่างไรเมื่อผ่านไปทั้งสี่ฤดูกาล
สรุป:ฤดูร้อนมาถึงช่วงเวลาที่ซีกโลกที่เราอาศัยอยู่หันหน้าเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้นและได้รับความร้อนมากขึ้น และเมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงน้อยลงในซีกโลกของเรา ฤดูหนาวก็มาถึง ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับระยะห่างของโลกจากดวงอาทิตย์ แต่เกิดขึ้นเนื่องจากการเอียงของแกนโลกที่ 23.5°
จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของสี่ฤดูกาลในประเทศต่างๆ ของยุโรปและอเมริกานั้นนับได้สองวิธี - ทางดาราศาสตร์และปฏิทิน นอกจากนี้ยังมีหลักการอุตุนิยมวิทยา ปรากฏการณ์ และวัฒนธรรมในการกำหนดการเริ่มต้นฤดูกาลของปี
ในรัสเซียเป็นธรรมเนียมที่จะต้องนับตามหลักการปฏิทิน ดังนั้นวันที่ 1 มีนาคมจึงถือเป็นวันแรกของฤดูใบไม้ผลิ และวันที่ 8 มีนาคมถือเป็นวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ แต่ถ้าคุณอ่านหนังสือของนักเขียนชาวอเมริกัน คุณจะสังเกตเห็นวลีเช่น “วันที่ 10 มีนาคม มันเป็นช่วงปลายฤดูหนาว” ความจริงก็คือว่าในสหรัฐอเมริกา ในแคนาดาและหลายประเทศในยุโรป เป็นเรื่องปกติที่จะนับการเริ่มต้นฤดูกาลตามหลักดาราศาสตร์
ตามหลักการทางดาราศาสตร์ การเริ่มต้นฤดูกาลจะเกิดขึ้นในวันที่ครีษมายัน:
- ฤดูใบไม้ผลิ(20 หรือ 21 มีนาคม);
- ฤดูร้อน(20 หรือ 21 มิถุนายน);
- ฤดูใบไม้ร่วง(22 หรือ 23 กันยายน);
- ฤดูหนาว(21 - 22 ธันวาคม)
แต่ครีษมายันตกวันต่างกันในแต่ละปี (ต่างกัน 1 - 2 วัน) ดังนั้น เพื่อความสะดวก ในประเทศที่ใช้วิธีการทางดาราศาสตร์ ฤดูกาลใหม่มักจะเริ่มในวันที่ 21 ของเดือนที่เกี่ยวข้อง ด้วยเหตุนี้จึงเชื่อกันว่าคริสต์มาสคาทอลิกเป็นวันหยุดที่ตรงกับต้นฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม ในชีวิตประจำวัน ชาวยุโรปจำนวนมากใช้หลักปฏิทินที่เรียบง่ายกว่า
แนวทางที่แตกต่างนี้มักทำให้ชาวต่างชาติและนักเดินทางประหลาดใจ จะต้องนำมาพิจารณาเมื่ออ่านวรรณกรรมระดับชาติ (อย่างไรก็ตาม ผู้แปลมักจะให้คำอธิบายในเชิงอรรถในกรณีเช่นนี้)
วิธีทางดาราศาสตร์ยังอธิบายสาเหตุของการเริ่มต้นวันหยุดฤดูร้อนอย่างกว้างขวางในยุโรปในเวลาต่อมามากกว่าในรัสเซีย วันหยุดในประเทศแถบยุโรปมักจะตกในช่วงกลางเดือนกันยายน ซึ่งสอดคล้องกับการสิ้นสุดเทศกาลวันหยุดหลักด้วย
จากมุมมองด้านอุตุนิยมวิทยา หลักการทางดาราศาสตร์สำหรับประเทศในยุโรปส่วนใหญ่นั้นใกล้เคียงกับการเริ่มต้นฤดูกาลจริงมากกว่าในปฏิทิน เดือนธันวาคม แม้ว่าจะเป็นเดือนที่มืดมนที่สุดของปี แต่มักจะหนาวน้อยกว่าเดือนมีนาคม (ซึ่งอธิบายได้จากความเฉื่อยของสภาพอากาศ - โลกซึ่งมีความร้อนสะสมจะปล่อยออกมาช้ากว่าที่อุ่นขึ้น) โดยปกติต้นเดือนมิถุนายนจะเย็นกว่าต้นเดือนกันยายน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเล)
แต่จากมุมมองของนักอุตุนิยมวิทยาและนักอุตุนิยมวิทยา ไม่มีวันเริ่มต้นฤดูกาลที่แน่นอน! ฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิอากาศเฉลี่ยรายวันเกิน 0 C มีแนวโน้มลดลง ดังนั้นใน Yakutia ฤดูหนาวจึงเริ่มในปลายเดือนกันยายนและใน Krasnodar - ต้นเดือนมกราคม และฤดูร้อนซึ่งเริ่มต้นเมื่ออุณหภูมิอากาศเฉลี่ยรายวันเพิ่มขึ้นจาก +15 C จะไม่เกิดขึ้นเลยในบางภูมิภาคของรัสเซีย ตัวอย่างเช่นใน Murmansk เกิดขึ้นเฉพาะในปีที่อากาศอบอุ่นเท่านั้น
ในยุคต่างๆ ในประเทศต่างๆ การเริ่มต้นของฤดูกาลหนึ่งๆ จะถูกกำหนดตามประเพณีทางวัฒนธรรมและศาสนา ตัวอย่างเช่น ในไอร์แลนด์ สิงหาคมหมายถึงเดือนแห่งฤดูใบไม้ร่วง ตามประเพณีของชาวเซลติก และในมาตุภูมิจนถึงศตวรรษที่ 18 ฤดูกาลถูกนับตามวันหยุดสำคัญ: ฤดูใบไม้ผลิมาถึงที่การประกาศ (25 มีนาคม) และคงอยู่จนถึงการประสูติของยอห์นผู้ให้บัพติศมา (24 มิถุนายน)
ในที่สุด ยังมีหลักการทางฟีโนโลยีในการกำหนดการเริ่มต้นของฤดูกาลใหม่ - ตามพฤติกรรมของธรรมชาติ ตามหลักการนี้ สปริงจะเกิดขึ้นเมื่อมีแผ่นน้ำแข็งละลายปรากฏขึ้นในสนาม และจะจบลงเมื่อดอกกุหลาบบาน
รอบปีแบ่งออกเป็นสี่ช่วงตามอัตภาพ ช่วงเวลาเหล่านี้เรียกว่าฤดูกาล และแต่ละฤดูกาลก็มีชื่อเป็นของตัวเอง อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตว่าแนวคิดเรื่องฤดูกาลก็แตกต่างกันเช่นกัน ตัวอย่างเช่น มีฤดูกาลตามปฏิทิน ฤดูกาลทางดาราศาสตร์ และฤดูกาลภูมิอากาศ มาดูกันดีกว่า
ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลก เป็นเรื่องปกติที่จะแบ่งปีออกเป็นฤดูกาล มีสี่ฤดูกาลดังกล่าว และหากคุณใช้ปฏิทิน ระบบจะจัดสรรสามเดือนจากปฏิทินสำหรับแต่ละฤดูกาล ในกรณีนี้ แต่ละฤดูกาลจะถือเป็นเวลาตามปฏิทินของปีได้ อย่างไรก็ตาม มีข้อยกเว้นอยู่ ตัวอย่างเช่น ตามปฏิทินอินเดีย ปีปฏิทินแบ่งออกเป็นหกฤดูกาลมากกว่าสี่ฤดูกาล และตามปฏิทิน Finno-Ugric Sami ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ปีนี้แบ่งออกเป็นแปดฤดูกาล แต่ละฤดูกาลของปฏิทินจะสอดคล้องกับสถานที่ที่ชัดเจนในปฏิทิน ทุกคนรู้จักชื่อของตัวเอง: ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง จำนวนวันทั้งหมดในหนึ่งปีจะแบ่งออกประมาณเท่าๆ กันระหว่างสี่ฤดูกาล
ฤดูกาลทางดาราศาสตร์ไม่เหมือนกับฤดูกาลในปฏิทิน แต่คำนวณตามจุดของครีษมายันและฤดูหนาว รวมถึงจุดของวสันตวิษุวัตและฤดูใบไม้ผลิ ครีษมายันเป็นเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์เมื่อศูนย์กลางของดวงอาทิตย์เคลื่อนผ่านจุดสุริยุปราคาซึ่งอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด จุดดังกล่าวเรียกว่าจุดครีษมายัน และหากเชื่อมโยงกับปีปฏิทิน ก็จะมีการระบุวันที่ไว้อย่างชัดเจน หากเราพิจารณาซีกโลกเหนือของโลก ครีษมายันจะเกิดขึ้นในวันที่ 22 หรือ 21 ธันวาคม และครีษมายันในซีกโลกนี้จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 มิถุนายน (และหากปีนั้นเป็นปีอธิกสุรทิน ก็จะเกิดขึ้นในวันที่ 20 หรือ 21 มิถุนายน) ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจก็คือ ชื่อของกระบวนการเหล่านี้จะตรงกันข้ามกับซีกโลกเหนือ สำหรับซีกโลกใต้ ครีษมายันที่นี่เกิดขึ้นในฤดูร้อน และครีษมายันในฤดูหนาว แนวคิดอีกประการหนึ่งที่ปรากฏ กล่าวคือ วิษุวัต คือปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่ศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ในกระบวนการเคลื่อนที่ที่มองเห็นได้ตัดผ่านเส้นศูนย์สูตรท้องฟ้า ตามที่ระบุไว้ข้างต้น มีวสันตวิษุวัตและฤดูใบไม้ร่วง สำหรับซีกโลกเหนือ จุดวสันตวิษุวัตจะผูกกับวันที่ 20 มีนาคม ในขณะนี้ กระบวนการที่ดวงอาทิตย์เปลี่ยนจากซีกโลกใต้ไปเป็นซีกโลกเหนือเกิดขึ้น วันวสันตวิษุวัตเกิดขึ้นในวันที่ 23 หรือ 22 กันยายน เมื่อดวงอาทิตย์เคลื่อนกลับจากซีกโลกเหนือไปทางทิศใต้ แน่นอนว่าสำหรับซีกโลกใต้ แนวความคิดจะถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ตรงกันข้าม Equinox ของเดือนมีนาคมจะกลายเป็นฤดูใบไม้ร่วง และ Equinox ของเดือนกันยายนจะกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ
มีวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นระบบความรู้พิเศษและชุดข้อมูลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในฤดูกาลใดฤดูกาลหนึ่งบนโลก ชื่อของวิทยาศาสตร์นี้คือ ฟีโนโลยี และเป็นวิทยาศาสตร์ที่กำหนดช่วงเวลาของการเริ่มต้นและสิ้นสุดฤดูกาลในแง่ของกระบวนการทางภูมิอากาศและปฏิสัมพันธ์ต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น แต่ละฤดูกาลซึ่งกำหนดไว้ในปรากฏการณ์วิทยาสำหรับโซนใดโซนหนึ่งของโลก จะมีสภาพอากาศและอุณหภูมิเป็นของตัวเอง
ไม่รู้ว่าทำไม แต่พอได้ยินคำว่า อุตุนิยมวิทยา ก็มีภาพปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา - กบถือร่มกระโดดฝ่าแอ่งน้ำ แม้ว่าอุตุนิยมวิทยาจะไม่ได้เกี่ยวกับฝนและปริมาณฝนอื่นๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพอากาศที่ดีด้วย...ฉันจำช่วงเวลาที่รายงานสภาพอากาศพูดง่ายๆ ว่าไม่น่าเชื่อถือ
คุณยายของฉันมักจะบอกฉันว่า:
- หยิบร่ม
“แต่พวกเขาบอกทางวิทยุว่าฝนจะไม่ตก!”
“นั่นคือเหตุผลที่คุณรับมัน”
และในช่วงวัยรุ่นของฉัน คุณยายของฉันมักจะพูดถูก ในปัจจุบัน นักอุตุนิยมวิทยาแทบจะไม่ผิดเลย
วันอุตุนิยมวิทยาโลก ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม วันนี้เมื่อปี พ.ศ. 2493 องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ได้ก่อตั้งขึ้น แต่วันอุตุนิยมวิทยาโลกเริ่มมีการเฉลิมฉลองทุกปีในปี พ.ศ. 2504 เท่านั้น
ในวันนี้ ในหลายประเทศทั่วโลก มีการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย การบรรยาย และอื่นๆ อีกมากมาย
คำว่าอุตุนิยมวิทยาประกอบด้วยคำภาษากรีกสองคำคือ อุกกาบาต- ปรากฏการณ์บรรยากาศจากภาษากรีก metéōros- ยกขึ้นสวรรค์และ โลโก้- คำพูดการสอน
พจนานุกรมอธิบายของ Ozhegov ตีความคำว่าอุตุนิยมวิทยาดังนี้:
“ศาสตร์แห่งสถานะทางกายภาพของชั้นบรรยากาศโลกและกระบวนการที่เกิดขึ้นในนั้น”
ผู้คนเริ่มดูเมื่อใด ตามหลักเหตุผลแล้ว ย้อนกลับไปในสมัยโบราณ แต่ในตอนแรกทุกสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นในธรรมชาติทำให้คนโบราณหวาดกลัวและพวกเขาก็เชื่อมโยงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติกับเทพเจ้าต่าง ๆ เช่น Zeus, Jupiter, Perun, Dazhdbog และอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่มีผู้ที่หวาดกลัวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่สังเกต วิเคราะห์ พยายามค้นหารูปแบบในสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
อารยธรรมโบราณของจีน, อินเดีย, อียิปต์, กรีซ, โรมได้พยายามจัดระบบการสังเกตของพวกเขาแล้ว มีบทความทางวิทยาศาสตร์ฉบับแรกเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศและเครื่องมือในการสังเกตสภาพอากาศปรากฏขึ้น
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นในวรรณกรรมในยุคนั้น ตัวอย่างเช่น นี่คือสิ่งที่เราสามารถอ่านได้จากโฮเมอร์ในโอดิสซีย์ของเขา:
“ข้ามทะเล มีลมพัดพาเรือที่ไม่มีการป้องกันไปทุกที่ จากนั้น Noth ก็โยนมันไปที่ Boreas อย่างรวดเร็ว จากนั้น Eurus ที่มีเสียงดัง เล่นกับมัน และทรยศต่อเรือลำนี้ต่อการปกครองแบบเผด็จการของ Zephyr”
ตัวละครในข้อความนี้คือ: Boreas - ชื่อกรีกโบราณสำหรับลมเหนือ, Not - ลมใต้, ลมตะวันออก Eurus และลมตะวันตก - Zephyr
เมื่อพิจารณาจากวิธีที่พวกมันมาแทนที่กัน นักวิทยาศาสตร์ได้ข้อสรุปว่าพายุไซโคลนเคลื่อนตัวเหนือเรือจากตะวันตกไปตะวันออก เนื่องจากพวกมันมักเคลื่อนที่บ่อยที่สุด ลมตะวันออกหลังจากผ่านศูนย์กลางของพายุไซโคลนจะถูกแทนที่ด้วยลมตะวันตก โดยทั่วไป โฮเมอร์บอกเราว่าในสมัยโบราณพายุพัดเข้าสู่ละติจูดกลาง
แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น หลังจากเจาะลึกคำอธิบายของโฮเมอร์เกี่ยวกับภาพธรรมชาติแล้ว พวกเขาสามารถสร้างแผนที่สภาพอากาศที่เคยสังเกตเมื่อ 3,000 ปีก่อนได้ เมื่อดูพายุไซโคลนและแอนติไซโคลนที่บันทึกไว้ เราสามารถสรุปได้ว่าเช่นเดียวกับที่พวกมันควบคุมธาตุอากาศในสมัยโบราณ พวกมันก็ควบคุมพวกมันในปัจจุบัน
สภาพอากาศไม่เพียงถูกสังเกตโดยนักกวีและกะลาสีเรือโบราณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชาวนา นักล่า และผู้คนในอาชีพอื่นด้วย การสังเกตของพวกเขาทีละน้อยส่งผลให้เกิดความเชื่อโชคลางพื้นบ้านทั้งชุด
บางส่วนจากการสังเกตระยะยาวส่วนใหญ่มักจะกลายเป็นที่เชื่อถือได้ แต่สมมติฐานส่วนใหญ่ไม่มีมูลความจริง
น่าเสียดายที่หลายคนเชื่อเรื่องไสยศาสตร์พื้นบ้านอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า และสื่อบางประเภทก็กระตุ้นความสนใจในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน
แต่จะเกิดอะไรขึ้นในทางปฏิบัติ? ชายคนนั้นอ่านลางบอกเหตุแล้วไม่เป็นความจริงแต่เขาลืมไปนานแล้วและครั้งต่อไปอ่านเรื่องเดียวกันเขาก็เชื่ออีกครั้งโดยลืมตรวจสอบ
ตัวอย่างเช่น - "6 มีนาคม: Timofey-spring - ลมอุ่น", "14 มีนาคม: Evdokia-Plyuschikha - ละลาย" และอื่น ๆ แต่มันเกิดขึ้นทุกปีเหรอ?
จริงอยู่ มีความเชื่อโชคลางพื้นบ้านที่สันนิษฐานว่าในปีต่างๆ สภาพอากาศในวันที่เหล่านี้อาจแตกต่างกันได้
สัญญาณที่แม่นยำที่สุดคือสัญญาณที่เกี่ยวข้องกับการสังเกตพืชและสัตว์ เมื่อไม่นานมานี้ เรากำลังบ่นเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า "ฤดูหนาวของยุโรป" ซึ่งในหลายภูมิภาคไม่มีหิมะหรือน้ำค้างแข็งในเดือนธันวาคม แต่ปรากฎว่าไม่มีอะไรใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์...
ในตอนต้นของสหัสวรรษแรกและดินแดนโลกเก่าอีกหลายแห่งที่ยังไม่มีใครอยู่ทั่วมหาสมุทรแอตแลนติก อากาศค่อนข้างอบอุ่น ภาวะโลกร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นในช่วงคริสตศักราช 800-900 เมื่อชาวไวกิ้งผู้โด่งดัง Erik the Red และ Leif the Happy ออกเดินทางจากดินแดนของนอร์เวย์สมัยใหม่ไปถึงชายฝั่งของเกาะซึ่งเรียกว่า Green Country - Greenland กล่าวคือ ในสมัยนั้น กรีนแลนด์ที่เป็นน้ำแข็งมีสภาพอากาศที่อบอุ่นและอบอุ่น ตามที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าความร้อนยังคงอยู่จนถึงปี 1400-1450 ในอังกฤษเมื่อพิจารณาจากเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร องุ่นก็ปลูกในเวลาเดียวกัน
แต่ตั้งแต่ปี 1500 ถึง 1850-1860 สภาพอากาศในยุโรปค่อนข้างหนาวและมีฝนตก การสะสมของหิมะจำนวนมากทำให้เกิดการเติบโตของธารน้ำแข็งและการเคลื่อนตัวของพวกมันไปสู่หุบเขาที่มีสภาพอากาศอบอุ่น นักวิทยาศาสตร์เรียกศตวรรษที่ 16-18 ว่ายุคน้ำแข็งน้อย
นับตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ภาวะโลกร้อนเริ่มขึ้น โดยช่วงที่อบอุ่นที่สุดในยุโรปคือช่วงทศวรรษที่ 30 และ 40 ของศตวรรษที่ผ่านมา
สิ่งเดียวกันนี้อาจไม่สามารถพูดเกี่ยวกับรัสเซียได้
ในรัสเซียก่อนการปฏิวัติและต่อมาก็มีการประกาศน้ำค้างแข็งคริสต์มาสและศักดิ์สิทธิ์
และในช่วงวัยเด็กของฉัน เรามักจะไม่ไปโรงเรียนเพราะน้ำค้างแข็งรุนแรงในเดือนธันวาคมและมกราคม
เป็นที่น่าสนใจว่าในสมัยโบราณอุตุนิยมวิทยามีความเกี่ยวข้องกับอุกกาบาตซึ่งเป็นวัตถุของจักรวาลที่ตกลงสู่พื้นโลก สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะอริสโตเติลซึ่งอาศัยอยู่ในศตวรรษที่ 4 พ.ศ e. ผู้เขียนบทความเกี่ยวกับปรากฏการณ์ท้องฟ้า - "อุตุนิยมวิทยา"
ในเวลานั้นเชื่อกันว่าปรากฏการณ์ท้องฟ้าทั้งหมดเนื่องจากเกิดขึ้นในทรงกลมท้องฟ้าอันเดียวควรได้รับการศึกษาโดยศาสตร์แห่งเดียว นักวิทยาศาสตร์โบราณได้รวมฝน ลูกเห็บ วัตถุที่ประกอบด้วยน้ำหรือน้ำแข็ง ดาวหาง อุกกาบาต รุ้งกินน้ำ และแสงออโรร่าไว้ในอุตุนิยมวิทยา อริสโตเติลไม่ได้รวมดวงดาวไว้ในอุตุนิยมวิทยา เนื่องจากในสมัยนั้นถือว่าดวงดาวไม่เคลื่อนไหวและไม่เปลี่ยนแปลง
และแม้ว่าในภายหลังความคิดของอริสโตเติลเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบางอย่างจะไม่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม "อุตุนิยมวิทยา" ของเขาเป็นผู้บุกเบิกการเกิดขึ้นของวิทยาศาสตร์แห่งบรรยากาศและธรรมชาติ
วิทยาศาสตร์ธรรมชาติใดๆ ก็ตามประกอบด้วยการสังเกต การทดลอง และทฤษฎี ถ้าคุณไม่ปฏิบัติตามไตรลักษณ์นี้ คุณก็อาจได้ข้อสรุปที่ผิดพลาดได้
เราสามารถพูดได้ว่าวิทยาศาสตร์โบราณก้าวไปข้างหน้า แต่ในยุคกลาง วิทยาศาสตร์กลับเสื่อมถอยลง ความรู้เข้ามาแทนที่ความเชื่อของคริสตจักร ทฤษฎีของนักโหราศาสตร์ และนักมายากลทุกประเภท
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่ยอมแพ้ เชื่อกันว่าอุตุนิยมวิทยาทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เริ่มมีการพัฒนาในศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการวางรากฐานของฟิสิกส์
นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่กาลิเลโอร่วมกับนักเรียนของเขาได้คิดค้นเทอร์โมมิเตอร์ในปี 1610 ซึ่งทำให้สามารถสังเกตได้ละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 Academy of Experimentation ในทัสคานีได้จัดเครือข่ายการสำรวจด้วยเครื่องมือเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ดำเนินการในหลายจุดในยุโรป โปรแกรมการเดินทางทางทะเลทั้งหมดรวมถึงการบังคับสังเกตธรรมชาติ
ในช่วงเวลานี้ Royal Society of London ก่อตั้งขึ้นเพื่อจัดระเบียบและสนับสนุนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในประเทศ เจ. จุรินทร์ นักฟิสิกส์ แพทย์ และเลขาธิการสมาคมฯ ได้กล่าวปราศรัยกับนักวิทยาศาสตร์จากประเทศต่างๆ เพื่อขอสังเกตการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาและส่งผลการตรวจไปยังลอนดอน คำร้องขอที่เป็นลายลักษณ์อักษรนั้นมาพร้อมกับคำแนะนำว่าควรสังเกตอะไรและมีเครื่องมืออะไรบ้าง
ในศตวรรษที่ 17 อี. ฮัลลีย์ให้คำอธิบายเกี่ยวกับมรสุมเป็นครั้งแรก และอี. แฮดลีย์ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับลมค้าขาย
ในรัสเซีย การสังเกตอย่างเป็นระบบเริ่มขึ้นในกลางศตวรรษที่ 18 ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ชาวรัสเซีย M.V. Lomonosov ถือว่าอุตุนิยมวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์อิสระ โดยเชื่อว่าจุดประสงค์ของมันคือ "การทำนายสภาพอากาศ"
หลังจากนั้นไม่นาน รัสเซียก็สร้างเครือข่ายสถานีของตนเองในไซบีเรีย
Great Northern Expedition ซึ่งวางแผนโดย Peter I ได้ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ Yekaterinburg ถึง Yakutsk ด้วยการสังเกตการณ์ คำแนะนำสำหรับผู้สังเกตการณ์ถูกรวบรวมในปี 1732 โดย Daniil Bernoulli สมาชิกของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในปี พ.ศ. 2392 หอดูดาวทางกายภาพหลักปรากฏในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 มีการวางรากฐานของอุตุนิยมวิทยาแบบไดนามิก
การมีส่วนร่วมอย่างมากต่อวิทยาศาสตร์ในการศึกษากระบวนการทางบรรยากาศเกิดขึ้นโดย Coriolis และ Poisson ในฝรั่งเศส, V. Ferrel ในสหรัฐอเมริกา, G. Helmholtz ในเยอรมนี, G. Mohn และ K. Guldberg ในนอร์เวย์
แต่การพัฒนาด้านอุตุนิยมวิทยานั้นรวดเร็วเป็นพิเศษในศตวรรษที่ 20 มีแนวทางใหม่และโอกาสใหม่เกิดขึ้น และสั่งสมประสบการณ์อันกว้างขวางในความร่วมมือระหว่างประเทศแล้ว
น่าเสียดายที่การเติบโตของอุตสาหกรรมส่งผลเสียต่อบรรยากาศ และมลพิษทางอากาศยังคงเป็นปัญหาอันดับ 1 ในศตวรรษที่ 21 ทั่วโลก การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติในรูปแบบของพายุเฮอริเคน แผ่นดินไหว และน้ำท่วมเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่ความจำเป็นในการพิจารณาคุณสมบัติของกระบวนการในชั้นบรรยากาศอย่างรอบคอบมากขึ้น ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตอันใกล้นี้นักอุตุนิยมวิทยาจะสามารถพยากรณ์สภาพอากาศได้อย่างแม่นยำและใช้เวลานาน
ปัจจุบัน Russian Hydrometeorological Service มีหน้าที่รับผิดชอบในการพยากรณ์อากาศในประเทศของเรา
เป้าหมายหลักของกิจกรรมคือการลดภัยคุกคามต่อชีวิตมนุษย์และความเสียหายต่อเศรษฐกิจจากสภาพอากาศ
โดยสรุป ผมอยากจะนึกถึง A.S. Pushkin ซึ่งอยู่ในยุคที่ผู้คนยังไม่สามารถพึ่งพาการพยากรณ์อากาศจากนักพยากรณ์อากาศได้ เขาจึงให้คำแนะนำในการสังเกตตัวเองและเน้นไปที่รูปแบบพื้นฐานที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ:
“ลองสังเกตป้ายต่างๆแล้วเราจะยิ้มด้วยความโล่งใจ ดีแค่ไหน ที่ได้ยินพยากรณ์อากาศจากมืออาชีพ
คนเลี้ยงแกะและชาวนาในวัยเด็ก
มองดูสวรรค์เงาตะวันตก
พวกเขารู้ทั้งลมและฟ้าอากาศแล้ว
และฝนอาจตก ความสุขของทุ่งนาเล็ก ๆ
และน้ำค้างแข็งในช่วงต้นก็เป็นอันตรายต่อองุ่น”
(“ สัญญาณ” (1821) A.S. พุชกิน)
มาแสดงความยินดีกับพวกเขาในวันหยุดและขอให้พวกเราทุกคนมีอากาศดี