ปืนใหญ่ยิงยังไง.. วิธีสร้างปืนใหญ่ที่ยิงได้! ระบบปืนใหญ่สมัยใหม่
พื้นฐานของ ROA
การโจมตีของเยอรมนีและพันธมิตรเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2484 สร้างความตกตะลึงอย่างรุนแรงต่อสหภาพโซเวียต ไม่เพียงแต่ทางการทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเมืองด้วย สงครามได้เปิดเผยทุกสิ่งที่ซ่อนอยู่จวบจนปัจจุบันทันที ความขัดแย้งภายในรัฐโซเวียต ในสภาวะของการสอดแนมและความหวาดกลัวอย่างไร้ความปราณี แน่นอนว่าความขัดแย้งเหล่านี้ไม่สามารถอยู่ในรูปแบบของการต่อต้านที่เปิดกว้างได้ แต่ในพื้นที่ที่ถูกยึดครองด้วยการยุติกิจกรรมของเครื่องมือ NKVD ความเปราะบางของรากฐานทางอุดมการณ์ของอำนาจโซเวียตก็ถูกเปิดเผยทันที ด้วยพฤติกรรมทั้งหมดของพวกเขา ชาวโซเวียตแสดงให้เห็นว่าคำขวัญโอ้อวดของหลักคำสอนบอลเชวิคเกี่ยวกับความสามัคคีที่ไม่ละลายน้ำของสังคมโซเวียต ความภักดีที่ไม่สั่นคลอนต่อพรรคคอมมิวนิสต์ และ "ความรักชาติของสหภาพโซเวียต" อย่างไม่เห็นแก่ตัวไม่สามารถทนต่อการทดสอบความแข็งแกร่งครั้งแรก ในพื้นที่ที่ถูกคุกคามจากการรุกรานของเยอรมัน ผู้อยู่อาศัยต่อต้านคำสั่งของพรรคและเจ้าหน้าที่โซเวียตในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ให้อพยพและทำลายทรัพย์สินของรัฐ ประชากรส่วนใหญ่อย่างล้นหลามทักทายกองทหารศัตรูด้วยความปรารถนาดีที่ชัดเจนหรือตามนั้น อย่างน้อยด้วยความอยากรู้อยากเห็นและปราศจากความเกลียดชังใดๆ ซึ่งขัดกับความเชื่อโดยสิ้นเชิง การเบี่ยงเบนจากกฎนี้ชัดเจนยิ่งขึ้นในพฤติกรรมของทหารกองทัพแดง พวกเขาได้รับการสอนมานานแล้วว่าในการสู้รบพวกเขาสามารถชนะหรือตายเท่านั้น ไม่มีทางเลือกที่สาม (สหภาพโซเวียตเป็นประเทศเดียวที่การยอมจำนนเท่ากับการละทิ้งและการทรยศ และทหารที่ถูกจับถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย) แต่ถึงแม้จะมีการฝึกซ้อมทางการเมืองและการคุกคามทั้งหมดนี้ ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2484 ทหาร เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ทางการเมือง และนายพลของกองทัพแดงอย่างน้อย 3.8 ล้านคนก็ตกเป็นเชลยของชาวเยอรมัน - และโดยรวมในช่วงปีสงครามตัวเลขนี้สูงถึง 5.24 ล้านคน ประชากรที่ต้อนรับผู้รุกรานอย่างเป็นมิตรและเปิดเผย ปราศจากความเกลียดชังหรือความเป็นปรปักษ์ ทหารกองทัพแดงหลายล้านคนที่ชอบการเป็นเชลยมากกว่าตาย "เพื่อมาตุภูมิ เพื่อสตาลิน" - ทั้งหมดนี้เป็นตัวแทนของทรัพยากรที่สำคัญสำหรับ สงครามทางการเมืองต่อต้านระบอบการปกครองของสหภาพโซเวียต
ด้วยจินตนาการจำนวนหนึ่ง เราสามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฮิตเลอร์ทำสงครามกับสหภาพโซเวียตตามสโลแกนโฆษณาชวนเชื่อดั้งเดิมของเขาเอง - เป็นสงครามปลดปล่อย ไม่ใช่สงครามที่รุนแรง คุณยังสามารถอ้างถึงความคิดเห็นของบารอน เคาล์บาร์ส ผู้อพยพชาวรัสเซีย ซึ่งเป็นคนสนิทของพลเรือเอกคานาริสและอับเวห์รชาวเยอรมันในเรื่องของรัสเซีย ผู้มีส่วนร่วมในการสมรู้ร่วมคิดเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 ซึ่งเชื่อว่า "การสร้างรัสเซีย รัฐบาลแห่งชาติ“จะเขย่ารากฐานอำนาจของโซเวียต” และคอลบาร์สไม่ได้อยู่คนเดียว พล.ต. Holmston-Smyslovsky เขียนไว้หลังสงครามไม่นาน:
Vlasov เป็นผู้สืบทอดแนวคิดสีขาวในการต่อสู้เพื่อ ชาติรัสเซีย- สำหรับพวกบอลเชวิคมันเป็นอย่างนั้น ปรากฏการณ์อันเลวร้ายที่ซ่อนอยู่ภายในตัวมันเอง ภัยคุกคามความตาย- หากชาวเยอรมันเข้าใจ Vlasov และหากสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไป ROA ที่มีลักษณะภายนอกผ่านการโฆษณาชวนเชื่อเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการต่อสู้ใด ๆ จะทำให้ทั้งสั่นคลอน ระบบที่ซับซ้อนกลไกของรัฐโซเวียต *
ดังที่บารอน คอลบาร์ส กล่าวไว้ในระหว่างการสอบสวนในปี พ.ศ. 2487 เชลยศึกโซเวียต 80% “เพื่อให้กองทัพอาสาสมัครรัสเซียประจำชาติในเครื่องแบบรัสเซียต่อสู้กับลัทธิบอลเชวิส” Y. Ternovsky และ T. Bezdetny เขียนเกี่ยวกับสิ่งเดียวกัน:“ มีเวลา - ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม - เมื่อนักโทษเกือบทั้งหมดพร้อมที่จะต่อสู้กับลัทธิบอลเชวิสแม้จะอยู่ในตำแหน่ง กองทัพเยอรมัน- นายพล Vlasov และผู้ร่วมงานที่ใกล้ชิดที่สุดของเขา ซึ่งรู้เงื่อนไขในสหภาพโซเวียตเป็นอย่างดี แม้กระทั่งในปี 1943 ก็แสดงความมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในแนวทางนโยบายของเยอรมันในภาคตะวันออกจะนำไปสู่การล่มสลายของระบอบสตาลิน
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสตาลินกลัวความคิดที่ว่ารัฐบาลรัสเซียจะปรากฏตัวในฝั่งเยอรมัน และเป็นผลมาจากนโยบายของเยอรมันในสหภาพโซเวียตซึ่งน่ารังเกียจต่อความรู้สึกระดับชาติของชาวรัสเซียเท่านั้นที่สตาลินได้รับโอกาสในการนำแนวคิดระดับชาติมาใช้ในการต่อสู้กับภัยคุกคามจากต่างประเทศต่อการปกครองของเขา ด้วยการใช้มาตรการที่รุนแรง (เช่น การประหารชีวิตผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งแนวรบด้านตะวันตก นายพลแห่งกองทัพบก ดี. จี. พาฟโลฟ และนายพลของกองบัญชาการแนวหน้า) ควบคู่ไปกับการรณรงค์โฆษณาชวนเชื่อที่จัดฉากอย่างชาญฉลาด โซเวียต ความเป็นผู้นำสามารถฟื้นฟูขวัญกำลังใจของกองทัพแดงที่ถูกทำลายและเอาชนะวิกฤติได้ในระดับหนึ่ง
แม้ว่าแผนการเชิงรุกของฮิตเลอร์ไม่อนุญาตให้ระดมกำลังที่มีศักยภาพของกองกำลังต่อต้านโซเวียต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายหลังไม่ได้ใช้งาน ขบวนการต่อต้านสตาลินของรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ใน แวร์มัคท์ของเยอรมันผู้อุปถัมภ์และผู้สนับสนุนที่มีอิทธิพล ค่อยๆ ดำเนินไปอย่างช้าๆ แต่แน่นอน แม้จะอยู่ในสภาพที่ไม่เอื้ออำนวยของนาซีเยอรมนีก็ตาม แม้จะมีการต่อต้านที่ทรงพลัง แต่ก็กลายเป็น "กำลังที่สาม" ระหว่างสตาลินและฮิตเลอร์ และหลังจากความพ่ายแพ้และความพ่ายแพ้ ในที่สุดก็เป็นรูปเป็นร่างในขบวนการปลดปล่อยของนายพลวลาซอฟ
เนื่องจากชาวเยอรมันขัดขวางการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติรัสเซียและด้วยเหตุนี้จึงได้ขจัดข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการจัดตั้งกองทัพแห่งชาติรัสเซีย จากนั้นสำหรับพลเมืองโซเวียตที่ต้องการต่อสู้กับลัทธิบอลเชวิส (ในตอนแรกสิ่งเหล่านี้รวมเฉพาะตัวแทนที่มีสิทธิพิเศษของชนกลุ่มน้อยและคอสแซคแห่งชาติเท่านั้น และ ต่อมายังมีชาวยูเครน เบลารุส และรัสเซีย) ในเวลานั้นมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น: เข้าร่วม "สมาคมเพื่อนร่วมชาติ" ที่จัดโดยกองบัญชาการทหารเยอรมัน หรือไปเป็นอาสาสมัคร ("hivi") ไปยังหน่วยเยอรมัน การสร้างกองทหารตะวันออกและหน่วยตะวันออกได้กลายเป็นหัวข้อของการวิจัยโดยละเอียดแล้ว ประวัติศาสตร์ของพวกเขายังคงได้รับการศึกษาต่อไป เราจะกล่าวถึงเฉพาะที่นี่ว่าภายในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2486 สมาคมอาสาสมัครภายใน Wehrmacht ของเยอรมันมีจำนวนกองพันรัสเซีย 90 กองพัน หน่วยรบ 140 หน่วยที่มีกำลังเทียบเท่ากับกองทหาร กองพันภาคสนาม 90 กองพันของกองทหารตะวันออก และหน่วยทหารขนาดเล็กที่ไม่สามารถคำนวณได้ และ ในหน่วยเยอรมันมีอาสาสมัครตั้งแต่ 400 ถึง 600,000 คน ภายใต้คำสั่งของเยอรมัน มีการก่อตัว "รัสเซีย" ขนาดใหญ่หลายแห่ง (กองพลคอซแซคที่ 1, กองทหารคอซแซคอิสระหลายกอง, กองทหารม้า Kalmyk) [ข้อความหายไปในต้นฉบับ - I. Dubrava] ...อาสาสมัครได้รับการปล่อยตัวโดยตรงจากค่ายเชลยศึก - ในกรณีหลัง พวกเขาควรจะเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรเตรียมความพร้อมที่ Stalage Za ใน Luckenwalde ซึ่งเป็นที่ที่พันเอก V. Pozdnyakov (ซึ่งต่อมาถูกแทนที่โดยพันโท B. Vlasov) ได้ทำการทดสอบ ความเหมาะสมของพวกเขา นักเรียนนายร้อยทุกคนได้รับการปล่อยตัวอย่างเป็นทางการจากการถูกจองจำและได้รับสถานะเป็นทหารประจำกองทัพปลดปล่อย พวกเขาได้รับเครื่องแบบ - เครื่องแบบสนามสีเทาพร้อมสายสะพายไหล่ (จำลองมาจากกองทัพก่อนการปฏิวัติของรัสเซีย) ตกแต่งด้วยไตรรงค์ - ขาว - น้ำเงิน - แดง - ดอกโบตั๋นประจำชาติรัสเซียพร้อมสัญลักษณ์ ROA ที่แขนเสื้อซ้าย Vlasov ได้แต่งตั้งพลตรี I. A. Blagoveshchensky อดีตผู้บัญชาการกองพลน้อยของการป้องกันชายฝั่งโซเวียตเป็นหัวหน้าหลักสูตรและตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2486 ตำแหน่งนี้จัดขึ้นโดยพลตรี F. I. Trukhin อดีตหัวหน้าแผนกปฏิบัติการของสำนักงานใหญ่ของ เขตทหารพิเศษบอลติก (แนวรบด้านตะวันตกเฉียงเหนือ) ผู้นำที่โดดเด่นซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้าง ROA เมื่อในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 Trukhin ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของกองทัพของคณะกรรมการเพื่อการปลดปล่อยแห่งประชาชนรัสเซีย (KONR) พันโท G. Pshenichny กลายเป็นหัวหน้าหลักสูตรใน Dabendorf ซึ่งสูญเสียความสำคัญในอดีตไป
คำสั่งของรัสเซียใน Dabendorf ได้รับการจัดระเบียบตาม ตามหลักการดังต่อไปนี้: ทำงานเคียงข้างกับหัวหน้าหลักสูตรคือหัวหน้าหน่วยฝึกอบรมพันเอก A. I. Spiridonov และหัวหน้าหน่วยรบพันตรี V. I. Strelnikov (ในขณะนั้นพันเอก Pozdnyakov ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองพันของนักเรียนนายร้อยด้วยจัดเป็น ห้าบริษัท) สมาชิกที่โดดเด่นของเจ้าหน้าที่ฝึกอบรมพลเรือนคือ N. Shtifanov และ A. N. Zaitsev ซึ่งดำเนินการโต้เถียงทางอุดมการณ์กับลัทธิสตาลิน เช่นเดียวกับ Trukhin และเจ้าหน้าที่หลักสูตรอื่น ๆ Zaitsev เป็นสมาชิกขององค์กรผู้อพยพชาวรัสเซีย NTS (สหภาพแรงงานแห่งชาติ) ซึ่งเป็นสมาคมทางการเมืองที่ได้รับอิทธิพลจากแนวคิดของนักปรัชญาชาวรัสเซีย Berdyaev, Lossky, Frank และการสอนสังคมคาทอลิก - ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน - พยายาม ผสมผสานลัทธิเสรีนิยมแบบตะวันตกเข้ากับสถิติระดับปานกลาง สมัครพรรคพวกของ NTS ถูกต่อต้านโดยกลุ่มที่รวมตัวกันรอบ ๆ M.A. Zykov ใน "สำนักบรรณาธิการรัสเซีย" ซึ่งตีพิมพ์หนังสือพิมพ์สองฉบับ: "อาสาสมัคร" สำหรับอาสาสมัครและหนังสือพิมพ์ "Zarya" สำหรับเชลยศึก บรรณาธิการตีพิมพ์สามสิบสามประเด็นแรกโดยแยกจากกันโดยสิ้นเชิง ส่วนที่เหลืออยู่ภายใต้การเซ็นเซอร์ของเยอรมัน ความแตกต่างระหว่างสองทิศทางนี้โดยพื้นฐานแล้วอาจเป็นได้ว่าทิศทางแรกมุ่งเป้าไปที่อุดมคติมากกว่า ส่วนเป้าหมายที่สองคือเป้าหมายทางวัตถุมากกว่า Zykov เองซึ่งแสดงตัวว่าเป็นผู้สนับสนุนอย่างกระตือรือร้นต่อตำแหน่งต่อต้านสตาลินในระดับชาติยังคงล้มเหลวในการถอยห่างจากโลกทัศน์ของลัทธิมาร์กซิสต์โดยสิ้นเชิง
อย่างเป็นทางการ ชาวเยอรมันควบคุมหลักสูตรทั้งหมด แต่ในทางปฏิบัติการควบคุมนี้ยังไม่สมบูรณ์และครอบคลุม การฝึกอบรมเชิงทฤษฎีในดาเบนดอร์ฟประกอบด้วยสามส่วนใหญ่: เยอรมนี; รัสเซียและบอลเชวิค; ขบวนการปลดปล่อยรัสเซีย สำหรับชาวเยอรมัน เฉพาะหัวข้อแรกเท่านั้นที่สำคัญ แต่ไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้นที่นี่: ฝ่ายบริหารหลักสูตรของรัสเซียยังถือว่าจำเป็นต้องทำให้นักเรียนคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์และการเมืองของเยอรมนีด้วย ท้ายที่สุดมีเพียง Reich เท่านั้นที่ต่อสู้กับลัทธิบอลเชวิสอย่างแข็งขันและมีเพียงในประเทศนี้เท่านั้นที่ขบวนการปลดปล่อยรัสเซียได้รับโอกาสในการเป็นรูปเป็นร่างทางการทหารและการเมือง อย่างไรก็ตาม ประเด็นด้านภาษาเยอรมันมีบทบาทรองในการฝึกอบรม และให้ความสนใจหลักในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับกิจการรัสเซีย ทั้งหมด สื่อการศึกษาได้รับการพัฒนาโดยเจ้าหน้าที่ของโรงเรียน Dabendorf และได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของสมาชิกชั้นนำของขบวนการปลดปล่อย หลักสูตรนี้สอนวิชาต่างๆ เช่น ประวัติศาสตร์ของชาวรัสเซีย และการพัฒนาสถานะรัฐของรัสเซีย การปราบปรามอุดมการณ์ในสหภาพโซเวียต นโยบายเกษตรกรรมของอำนาจโซเวียต คำถามด้านแรงงานและขบวนการสตาฮานอฟ ปัญญาชนและวัฒนธรรมของโซเวียต ครอบครัว เยาวชน การเลี้ยงดูและการศึกษาในสหภาพโซเวียต การต่อสู้แย่งชิงอำนาจของโซเวียตต่อประชาชน นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลโซเวียต นโยบายต่างประเทศของสหภาพโซเวียต และความสัมพันธ์เยอรมัน-รัสเซียในอดีตและปัจจุบัน ส่วนที่สามสรุปแนวคิดเกี่ยวกับขบวนการปลดปล่อยรัสเซียตามจิตวิญญาณของการอุทธรณ์ Smolensk ปี 1943 มีการอภิปรายรายละเอียดในแต่ละหัวข้อในการบรรยาย การสัมมนา และรายงาน ผู้ฟังยังได้ตีพิมพ์สื่อจาก "ห้องสมุดโฆษณาชวนเชื่อ" (จัดพิมพ์โดย "สำนักพิมพ์ของหลักสูตรโฆษณาชวนเชื่อของ ROA")
ควบคู่ไปกับความพยายามที่จะฝึกอบรมนักโฆษณาชวนเชื่อที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับแนวคิดของขบวนการปลดปล่อยในรูปแบบอาสาสมัครและค่ายเชลยศึก มีการให้ความสนใจอย่างมากต่อปัญหาในการจัดตั้งกองกำลังเจ้าหน้าที่รัสเซียชุดใหม่ สั่งให้พัฒนากฎระเบียบทางทหารของ ROA และหลังจากที่ Blagoveshchensky ถูกแทนที่ด้วยพลตรี Trukhin หลักสูตรการโฆษณาชวนเชื่อก็มีลักษณะทางทหารที่เข้มงวด มีการจัดตั้งคณะกรรมการคุณสมบัติพิเศษเพื่อกำหนดตำแหน่งทางทหารและมีการพัฒนาเงื่อนไขในการเลื่อนตำแหน่ง ครอบครองสถานที่ขนาดใหญ่ในตาราง เจาะนักเรียนนายร้อยต้องได้รับวินัยที่เข้มงวดและจำเป็นต้องพัฒนาทักษะทางทหาร พล.ต.ตรุขิน มอบให้ ความหมายพิเศษการฟื้นฟูประเพณีเจ้าหน้าที่รัสเซียเก่า เขาบรรยายเป็นการส่วนตัวในหัวข้อ "เจ้าหน้าที่คืออะไร", "จริยธรรมของเจ้าหน้าที่", "พันธสัญญาของ Suvorov" ตัวเขาเองสามารถเป็นตัวอย่างที่มีชีวิตของเจ้าหน้าที่ที่เป็นแบบอย่างได้ นายพล Vlasov, Malyshkin และ Trukhin ดูแลล่วงหน้าในการเลือกผู้บัญชาการและเจ้าหน้าที่ที่เหมาะสมสำหรับกองทัพปลดปล่อยรัสเซียที่พวกเขาคิดขึ้นมา ผู้บัญชาการที่ถูกจับของกองทัพแดงซึ่งอาสารับราชการใน ROA ถูกรวบรวมใน Dabendorf และเริ่มเตรียมพร้อมที่นี่สำหรับภารกิจข้างหน้า
เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2487 นายพล Vlasov ได้พบกับ Reichsführer SS Himmler และฝ่ายเยอรมันได้อนุมัติขบวนการปลดปล่อยรัสเซีย ถึงเวลาแล้วสำหรับการก่อตัวของ ROA - จะต้องดำเนินการนี้โดยเร็วที่สุด เห็นได้ชัดว่าในตอนแรกนายพล Vlasov และผู้นำคนอื่น ๆ ของขบวนการปลดปล่อยหวังว่าจะจัดตั้งกองทหารราบมากกว่าสิบกองพล กองทหารรถถังอย่างน้อยหนึ่งกอง กองพลสำรองหรือกองทหารหลายกอง โรงเรียนนายทหาร กลุ่มสนับสนุน และการบินภายในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2488 การก่อตัวของดิวิชั่นสามมีการวางแผนในเดือนมกราคม พ.ศ. 2488 แต่ในขณะเดียวกันผู้นำของ ROA เชื่อว่าการแบ่งแยกระลอกแรกเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ภายใน Wehrmacht มีอาสาสมัครชาวรัสเซียอีกหลายแสนคน และหากเราเพิ่มทหารที่ไม่ใช่สัญชาติรัสเซีย ก็อาจมีได้ถึง 800,000 คน ในการสนทนากับฮิมม์เลอร์เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2487 Vlasov เรียกร้องให้ยุบหน่วยอาสาสมัครและย้ายภายใต้คำสั่งของเขา ตามบันทึกความทรงจำของผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติรัสเซียที่ 1 พล.ต. Holmston-Smyslovsky ในการสนทนากับเขา Vlasov เสนอให้รวม RNA กับ ROA ในขณะที่แต่งตั้ง Holmston-Smyslovsky เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของ ROA และพันตรี นายพล Trukhin ในฐานะผู้บัญชาการของ RNA แปรสภาพเป็น ROA กองพลชุดแรก กองพลที่สองจะประกอบด้วยดิวิชั่นที่ 1 และ 2 ของ ROA กองพลที่สาม - "Schutzkorps" ของรัสเซียและดิวิชั่นที่ 3 ของ ROA แต่แผนนี้ไม่บรรลุผลเนื่องจากความแตกต่างระหว่างมุมมองของ Vlasov และ Holmston-Smyslovsky ซึ่งเชื่อว่าการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยควรลดลงเฉพาะการดำเนินการทางทหารเท่านั้น และข้อเรียกร้องทางการเมืองของแถลงการณ์ปรากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนดังกล่าว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง Vlasov เชื่อว่าเขาสามารถพึ่งพาทรัพยากรมนุษย์ที่กว้างขวาง - เชลยศึกโซเวียตหนึ่งล้านครึ่งและอีกหลายล้านคนที่เรียกว่า "คนงานตะวันออก" ในเยอรมนี โดยทั่วไป สถานการณ์กับบุคลากรดูเหมือนจะเอื้ออำนวยอย่างมาก ตามทฤษฎีแล้วจะเพียงพอสำหรับสามสิบแผนก จริงอยู่ทั้ง Vlasov และ Trukhin เข้าใจว่าปริมาณของการก่อตัวจะขึ้นอยู่กับความพร้อมของเจ้าหน้าที่จำนวนที่เหมาะสม นายทหารชั้นประทวน และผู้เชี่ยวชาญอื่น ๆ เป็นหลักรวมถึงการพิจารณาว่าจะสามารถจัดเตรียมการก่อตัวในจำนวนที่เพียงพอได้หรือไม่ อาวุธ อุปกรณ์ และการขนส่ง เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 Vlasov ตอบคำถามจาก Reichsmarshal Goering ถูกบังคับให้ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่บังคับบัญชาที่มีอยู่เพียงพอที่จะจัดตั้งแผนกเพียงห้าแผนกดังนั้นจึงจำเป็นต้องดูแลการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เร่งรัดในสถาบันการศึกษาต่างๆและ ในหลักสูตรที่มีโปรแกรมสั้นลง
ถึงกระนั้น ที่น่าแปลกก็คือ แม้จะมีความยากลำบากทั้งหมดนี้ ผู้นำของขบวนการปลดปล่อยก็คาดว่าจะจัดตั้งหน่วยงานขึ้น 10 หน่วยงานภายในฤดูร้อนปี 2488 แต่เมื่อปีที่แล้ว Vlasov เองได้คัดค้านการเร่งรีบในการจัดตั้งกองทัพเนื่องจาก "สิ่งเดียวที่ดีต่อสุขภาพคือสิ่งที่พัฒนาแบบออร์แกนิก" ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2486 ในจดหมายถึงนักอุตสาหกรรมชาวเยอรมันรายใหญ่คนหนึ่ง Vlasov กล่าวถึง การเตรียมการอย่างละเอียดสองฝ่ายแรกซึ่งอาจเข้าสู่การปฏิบัติโดยไม่คาดคิดและเด็ดขาด เขาเขียนว่า “เฉพาะเมื่อแผนกพิจารณาคดีเหล่านี้แสดงตัวออกมาเท่านั้น เราจึงจะเริ่มสร้างแผนกต่อไปได้”* ฮิมม์เลอร์ยังจินตนาการถึงกระบวนการนี้เมื่อในการสนทนากับวลาซอฟเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2487 เขาตกลงที่จะจัดตั้งกองทหารราบสามหน่วยทันที เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2488 ฮิมม์เลอร์ในการสนทนากับตัวแทนของเขาที่ Vlasov, SS Oberführer Dr. Kröger ได้เน้นย้ำอีกครั้งถึงความจำเป็นในการจัดตั้งกองทัพปลดปล่อย "ทีละน้อย" เขาเชื่อว่า "สองฝ่ายแรกควรเข้าสู่สนามรบอย่างเต็มกำลัง" ซึ่งพวกเขาควรได้รับโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองภายใต้คำสั่งของ Vlasov "ด้วยการกระทำที่คิดมาอย่างดี" โดยเป้าหมายหลักคือ มีผลกระทบการโฆษณาชวนเชื่อต่อศัตรู ถ้อยคำที่ว่า "สองฝ่ายแรก" ทำให้สามารถสรุปได้ว่าฮิมม์เลอร์สนใจในการพัฒนาต่อไปของกองทัพปลดปล่อย ตามคำแนะนำของเขา ดร. โครเกอร์แสดงความชัดเจนในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2488 ว่าในอนาคตอันใกล้นี้ กองทัพปลดปล่อยจะถูกขยายเป็นสิบหน่วยตามขนาดที่ต้องการ และในความเป็นจริง ในเวลานี้ การก่อตัวของดิวิชั่นสามเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ใน การพูดในที่สาธารณะ Vlasov และพนักงานของเขาแสดงความมั่นใจหลายครั้งว่าพวกเขาจะสามารถจัดตั้งกองทัพของตนเองได้ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ในการกล่าวปาฐกถาพิเศษในการชุมนุมที่เบอร์ลินเฮาส์แห่งยุโรป Vlasov กล่าวว่ามีโอกาสทุกครั้งในเวลาที่สั้นที่สุดที่เป็นไปได้ในการสร้างกองทัพที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากกองทัพของประชาชนรัสเซียพร้อม ที่จะต่อสู้อย่างไม่เห็นแก่ตัวเพื่อจุดประสงค์ของมัน พลโท G.N. Zhilenkov หัวหน้าแผนกโฆษณาชวนเชื่อหลักของ KONR (คณะกรรมการเพื่อการปลดปล่อยแห่งประชาชนรัสเซีย) พูดในแง่ดีไม่น้อยในการประชุมกับตัวแทนของสื่อมวลชนเยอรมันและต่างประเทศเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 พลตรี Trukhin ในบทความที่น่าตื่นเต้นของเขาในหนังสือพิมพ์ KONR เรื่อง "The Will of the People" ลงวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 เขียนว่าพวกเขาจะสามารถสร้างกองกำลังที่สามารถเอาชนะ... เครื่องจักรสงครามของลัทธิบอลเชวิส:
อาจกล่าวได้ว่ากองทัพแดงจะถูกต่อต้านโดยกองทหารที่ไม่ด้อยกว่าทั้งด้านเทคนิคและการฝึกทหาร และในทางศีลธรรม พวกเขาจะเหนือกว่าอย่างแน่นอน เพราะทหารและเจ้าหน้าที่กองทัพปลดปล่อยประชาชน รัสเซียเข้าสู่การต่อสู้ในนามของความคิดอันยิ่งใหญ่ในการปลดปล่อยมาตุภูมิจากลัทธิบอลเชวิสในนามของความสุขของประชาชน ขณะนี้มีความเป็นไปได้ที่จะรายงานว่ากองทัพเพื่อการปลดปล่อยของประชาชนรัสเซียจะเป็นอิสระโดยสมบูรณ์ อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลโท A. A. Vlasov และจะรวมถึงสาขาทั้งหมดของกองทัพที่จำเป็นในการดำเนินการ สงครามสมัยใหม่และอาวุธตาม คำสุดท้ายเทคโนโลยี
นักประวัติศาสตร์ไม่สนใจที่จะพิจารณาคำถาม: ผู้นำของขบวนการปลดปล่อยในช่วงสงครามนี้ยังคงหวังว่าจะประสบความสำเร็จบนพื้นฐานใด ดังที่เห็นได้ชัดจากคำพูดของ Trukhin ความหวังนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของขบวนการมากนัก แต่ขึ้นอยู่กับพลังของอิทธิพลทางการเมืองและการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งในความเห็นของพวกเขา หน่วยงาน ROA ครอบครอง ในปี 1943 Vlasov ผู้รู้สถานการณ์ใน กองทัพโซเวียต ดำเนินการต่อจากข้อเท็จจริงที่ว่าแม้แต่ "การใช้กำลังที่ค่อนข้างไม่มีนัยสำคัญ" ก็นำมาซึ่ง "งานที่มีประสิทธิผลในการทำลายกองทัพแดงและแนวหลังอันใกล้"* ในเวลาเดียวกันเขาประกาศความพร้อมที่จะนำเสนอ "แผนการโดยละเอียด" ที่จะช่วย "ในเวลาอันสั้นเพื่อสร้างความเสียหายอย่างมากให้กับศัตรูหรือแม้กระทั่งบดขยี้เขาให้สิ้นซาก... บนแนวรบเลนินกราดอันทรงเกียรติในพื้นที่ โอราเนียนบัม, ปีเตอร์ฮอฟ, ครอนสตัดท์ Vlasov บอกเป็นนัยอย่างชัดเจนว่าแม้แต่กลุ่มนายทหารระดับสูงของกองทัพแดงก็ยังแอบเห็นอกเห็นใจกับแนวคิดเรื่องการปลดปล่อย พลโท M.F. Lukin ผู้บัญชาการกองทัพที่ 19 และกองกำลังทั้งหมดที่ถูกล้อมรอบใกล้ Vyazma ก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน ในปีพ.ศ. 2486 Vlasov เสนอให้ "สร้างการติดต่อกับผู้นำกองทัพแดงและผู้ปฏิบัติงานของรัฐบาลโซเวียต" ซึ่งสามารถเห็นอกเห็นใจกับขบวนการปลดปล่อย เขากล่าวถึงการมีอยู่ของ "สหภาพเจ้าหน้าที่รัสเซีย" ที่เป็นความลับซ้ำแล้วซ้ำอีก ตามที่ Sergei Frelikh คนสนิทของ Vlasov กล่าว Vlasov กล่าวว่า: "ฉันเป็นมิตรกับนายพลส่วนใหญ่ ฉันรู้ว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับอำนาจของโซเวียต และพวกนายพลก็รู้ว่าฉันรู้เรื่องนี้ เราไม่จำเป็นต้องแกล้งกัน"* ดังที่ดร. Kreger กล่าวไว้ในตอนนั้น “Vlasov และผู้คนของเขาเข้าใจว่าความรู้สึกกบฏอยู่ในอากาศ... บางทีพวกเขาอาจรู้มากกว่านี้ แต่พวกเขาเงียบ” เห็นได้ชัดว่าในปี 1944 Vlasov และสหายของเขายังคงทะนุถนอมความหวังเช่นนี้ ดังนั้น Vlasov อาจเชื่อมโยงการคำนวณบางอย่างกับผู้บัญชาการแนวรบเบโลรุสเซียที่ 2 จอมพลแห่งสหภาพโซเวียต K.K. Rokossovsky ซึ่งเขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีจากการรับราชการครั้งก่อน พนักงานเผด็จการคนหนึ่งของคณะกรรมการหลักของการโฆษณาชวนเชื่อ KONR อธิบายว่า:“ ตอนที่ฉันอยู่ในเรือนจำกลางมอสโก ฟันของ Rokossovsky หลุดออกไป คุณคิดว่าเขายกโทษให้สตาลินสำหรับเรื่องนี้จริงๆ หรือไม่“ * (ในเรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจที่จะสังเกตว่าในบันทึกความทรงจำของเขา "หน้าที่ของทหาร" (มอสโก, 1980), Rokossovsky ซึ่งแตกต่างจากผู้นำกองทัพโซเวียตคนอื่น ๆ ละเว้นโดยสิ้นเชิงจากสิ่งใด ๆ คำกล่าวเกี่ยวกับ Vlasov) และไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พลตรี S.K. Bunyachenko คือร้อยโท Semenov บุตรชายของนายพล ซึ่งคาดว่าจะรับราชการอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของแนวรบเบโลรุสเซียที่ 2 อย่างไรก็ตามเรื่องราวลึกลับเกี่ยวกับวิธีการที่นายพลของฝ่ายบริหารทหารโซเวียตในเยอรมนีจัดการสอบสวนผู้หมวด Semenov หลังสงครามซึ่งเสียชีวิตในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2488 ในการต่อสู้กับ SS และถูกฝังอยู่ในหมู่บ้าน Kozoedy ดูเหมือนมาก เชื่อถือได้.
การมองโลกในแง่ดีของผู้นำขบวนการปลดปล่อยอาจดูเหมือนไม่ยุติธรรม หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานเชิงปฏิบัติตลอดเวลา ดังนั้นในปี 1943 ปรากฎว่าเมื่อใดก็ตามที่กองกำลังของรัสเซียเข้าสู่การต่อสู้กับหน่วยของกองทัพแดง อีกด้านหนึ่งก็แสดงความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างเช่นการรุกของกลุ่ม "Druzhina" ในภาคกลางของแนวรบด้านตะวันออกในปี 2486 ถูกอ้างถึง: "พวกเขารีบไปข้างหน้าตะโกนว่า" ไชโย "รายงานดังกล่าว" และทันทีที่ทหารกองทัพแดงตระหนักว่า คือชาวรัสเซีย พวกวลาโซวิตที่กำลังก้าวหน้า พวกเขาก็ยอมแพ้ทันที” เหตุการณ์ที่น่าทึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่ของกองพลคอซแซคที่ 1 (กองทหารม้าคอซแซคที่ 15) ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2487 ได้เข้าสู่การต่อสู้กับกองกำลังโซเวียตในยูโกสลาเวียซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในเรื่องราวของคอสแซคมีการกล่าวถึงการบินไปด้านข้างของพวกเขาทั้งหกอย่างสม่ำเสมอ เครื่องบินโซเวียตภายใต้การบังคับบัญชาของผู้พัน นักบินโซเวียตโดยตระหนักว่าพวกเขากำลังติดต่อกับคอสแซคจึงทำการโจมตีการก่อตัวของติโตแล้วจึงลงจอดในพื้นที่ของแผนกคอซแซคใกล้กับเบเยโลวาร์ในโครเอเชีย จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2487 ทหารกองทัพแดงไม่น้อยกว่า 803 นายแปรพักตร์ไปยังคอสแซค ในบรรดาความสำเร็จของพวกเขาคอสแซคยังกล่าวถึงความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงในพื้นที่ Pitomaki เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2487 ของโซเวียตที่ 133 กองทหารองครักษ์ซึ่งมีผู้แปรพักตร์จำนวนมากจากที่นั่นด้วย เรื่องราวนี้ได้รับการยืนยันจากแหล่งข้อมูลอื่นระบุว่าในวันนั้นกรมทหารม้าดอนที่ 5 (กองพันพลาสตัน) ภายใต้การบังคับบัญชาของพันเอก I.N. Kononov และ Tersky ที่ 6 ภายใต้การบังคับบัญชาของพันโทเจ้าชายคาร์ลแห่งซาล์มสกี้ทำให้เกิด "ความสับสนอย่างมาก" ใน ยุทธการปิโตมัก "ในหน่วยโซเวียตที่รุกคืบผ่านดราวา ส่งพวกเขาไปสู่การบินที่ "ไม่มีการควบคุม" และยึดอาวุธจำนวนมาก รวมทั้งปืนห้ากระบอก การโจมตีกลุ่มโจมตี ROA ภายใต้คำสั่งของพันเอก Sakharov เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ในภูมิภาค Oder ก็มีแนวโน้มเช่นกัน ตามเอกสารของเยอรมัน การแสดงที่ไม่คาดคิดครั้งแรกของกองทัพ Vlasov ส่วนหนึ่งทำให้เกิด "ความสับสนและความประหลาดใจมหาศาล" ในหมู่ทหารกองทัพแดง ทหารโซเวียตจากสามกองทหารที่แตกต่างกันถูกจับหรือแปรพักตร์ให้กับชาววลาโซวิต เมื่อปรากฏในระหว่างการสอบสวน อาจมีนักโทษเพิ่มมากขึ้นหากกองทัพแดงไม่คิดว่าการใช้เพื่อนร่วมชาติในฝั่งศัตรูเป็นเพียงกลอุบายทางทหารของชาวเยอรมัน
แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึงการกระทำเฉพาะเพียงอย่างเดียวเกี่ยวกับ "มาตรฐาน" ดังที่ Vlasov กล่าวไว้ แต่ถึงกระนั้นปฏิกิริยาของศัตรูก็สามารถบ่งบอกได้ว่าไม่ใช่สูญหายไปทั้งหมด กรณีดังกล่าวสร้างความประทับใจอย่างมากต่อ Vlasov และผู้นำคนอื่น ๆ ของขบวนการปลดปล่อย การพูดในคาร์ลสแบดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 Vlasov ประกาศอย่างกล้าหาญ:
ความคิดของเราเป็นอมตะ เจ้าหน้าที่และทหารของกองทัพแดงในภาคส่วนหน้าที่หน่วยของเราต่อต้านพวกเขา พบกับเจ้าหน้าที่และทหารของ ROA ในฐานะพี่น้องร่วมสายเลือด และเข้าร่วมกับพวกเขาในการต่อสู้กับลัทธิบอลเชวิส *
ไม่ว่าจะเป็นกรณีนี้จริง ๆ หรือว่า Vlasov มีความคิดเพ้อฝันหรือไม่นั้นยากที่จะตัดสิน แต่ไม่ว่าในกรณีใด มีสัญญาณว่าเมื่อเวลาผ่านไปผู้นำของ ROA จะสามารถเอาชนะทหารโซเวียตบางส่วนซึ่งเป็นพี่น้องของพวกเขาในชุดเครื่องแบบกองทัพแดงจากฝ่ายขบวนการปลดปล่อยได้ พล.ต.ตรุขินแสดงความหวังดังนี้
ทหารและเจ้าหน้าที่กองทัพแดง คนงาน ชาวนา และปัญญาชนในแนวหลังโซเวียตเป็นเพื่อนของเรา วันนี้พวกเขามักจะเป็นคนที่มีใจเดียวกันของเรา และพรุ่งนี้พวกเขาจะเป็นพี่น้องร่วมรบของเรา พวกเขาจะเข้าร่วมการต่อสู้กับเรากับบอลเชวิค การปกครองแบบเผด็จการ เราจะต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อเอาชีวิตรอดกับกองทัพแดง เนื่องจากมันเป็นอาวุธที่อยู่ในมือของลัทธิบอลเชวิส แต่ในทหารและเจ้าหน้าที่ของกองทัพแดงทุกคน เราเห็นสหายร่วมรบของเราในวันพรุ่งนี้
มีเหตุผลอื่นที่ทำให้ Vlasov และผู้นำของขบวนการปลดปล่อยต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการจัดตั้งกองกำลังของตนเองเพื่อ "เข้มแข็งทางทหารให้ได้มากที่สุด" พวกเขาเชื่อว่ายิ่งกองทัพแดงเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกมากเท่าใด ความขัดแย้งภายในของสังคมโซเวียตก็จะยิ่งปรากฏเร็วขึ้นเท่านั้น และแน่นอนว่าสิ่งเดียวกันนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นที่นี่ได้ แม้ว่าจะมีการควบคุมและการเฝ้าระวังที่เข้มงวดที่สุดก็ตาม สงครามรักชาติพ.ศ. 2355 ทำให้เกิดการจลาจลของ Decembrist? หลังจากการขับไล่ชาวเยอรมันออกจากประเทศและการเปลี่ยนแปลง พรมแดนของรัฐสหภาพโซเวียต แรงจูงใจของความรักชาติของสหภาพโซเวียตสูญเสียความสำคัญในอดีตในกองทัพแดง ทหารกองทัพแดงสามารถมองเห็นด้วยตาตนเองว่าผู้คนอาศัยอยู่ในประเทศอื่นอย่างไรและเชื่อมั่นในการโฆษณาชวนเชื่อของสหภาพโซเวียตที่ผิดพลาด ในสถานการณ์เช่นนี้ กองกำลังของกองทัพแดงตามการคำนวณของ Vlasov และพรรคพวกของเขาควรเริ่มที่จะข้ามไปด้านข้างของหน่วยงานระดับชาติของรัสเซีย ด้วยความหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น มีการวางแผนที่จะใช้วิธีการโฆษณาชวนเชื่อทุกประเภท เช่น การหย่อนใบปลิวหลายล้านใบพร้อมแถลงการณ์ปรากจากเครื่องบินเหนือหน่วยโซเวียต Vlasov ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการต่อต้านในสาธารณรัฐบอลติกผ่านช่องทางต่าง ๆ ซึ่งเพิ่งยึดครองโดยสหภาพโซเวียตในเบลารุสและที่สำคัญที่สุดคือในยูเครนและได้รับแจ้งอย่างดีเกี่ยวกับปัญหานี้ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2487 เขาได้กล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับปัญหาการต่อสู้ของกองทัพกบฎยูเครน (UPA) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชากรส่วนสำคัญซึ่งสิ้นสุดลงในช่วงทศวรรษที่ห้าสิบเท่านั้นและถึงแม้จะมี จุดโซเวียตมุมมอง ไม่ใช่กลุ่มที่แยกออกจากกันซึ่งขัดแย้งกับอำนาจของสหภาพโซเวียต แต่เป็นการปะทะกันของสองโลกทัศน์ที่แตกต่างกัน ในความเป็นจริง กองทหารโซเวียตในยูเครนในเวลานั้นสามารถยึดได้เฉพาะทางรถไฟสายหลัก ทางหลวง และเท่านั้น เมืองใหญ่ๆดินแดนที่เหลืออยู่ในมือของ UPA ซึ่งเป็นเหยื่อซึ่งเป็นผู้บัญชาการของแนวรบยูเครนที่ 1 นายพลวาตูตินแห่งกองทัพ ตามคำกล่าวของ Vlasov หากการลุกฮือของประชาชนเกิดขึ้นในยูเครน มันจะส่งผลกระทบอย่างมากต่ออารมณ์ของทหารโซเวียตอย่างแน่นอน และเมื่อทหารกองทัพแดงเริ่มคุ้นเคยกับแถลงการณ์ KONR มากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาก็คงจะเข้าใจเป้าหมายของ การปลดปล่อยและการต่อสู้ระดับชาติของทุกคนที่อาศัยอยู่ในดินแดนสหภาพโซเวียต
เมื่อถึงเวลานั้น Vlasov สหายของเขาและเพื่อนชาวเยอรมันได้ดำเนินการตามเหตุผลมานานแล้วจากความพ่ายแพ้ของเยอรมนีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่คิดว่าการล่มสลายของ Reich เป็นจุดสิ้นสุดของขบวนการปลดปล่อยรัสเซีย . ดังที่นักการเมืองผู้อพยพชาวจอร์เจีย D.V. Vachnadze เล่า Vlasov บอกเขาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2488 ว่าเขาจะใช้มาตรการทั้งหมดและควบคุมความพยายามทั้งหมดเพื่อให้ได้เงินทุนจากชาวเยอรมันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อเพิ่มกองกำลังของพวกเขา "ซึ่งฉันจะต้องการในวันพรุ่งนี้" . เมื่อพิจารณาว่าความเป็นพันธมิตรระหว่างมหาอำนาจตะวันตกกับสหภาพโซเวียตเป็นความจำเป็นที่เกิดจากสงคราม รัสเซียจึงพยายามสร้างกองทัพที่พร้อมรบมากที่สุด ซึ่งในช่วงเวลาแห่งการล่มสลายของเยอรมนีสามารถทำหน้าที่เป็น "กำลังที่สาม" ซึ่งพวกเขา ต้องการรักษาไว้ในช่วงหลังสงครามและหวังว่าจะได้รับการยอมรับจากชาวอเมริกันอย่างแน่นอน แน่นอนว่านี่เป็นการคำนวณผิดทางการเมืองที่สำคัญของผู้นำขบวนการปลดปล่อย ปัจจุบัน ความศรัทธาของพวกเขาที่มีต่ออำนาจตะวันตกที่เป็นประชาธิปไตยอาจดูไร้เดียงสา แต่ความหวังของรัฐบุรุษในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษที่ว่าความพ่ายแพ้ของเยอรมนีจะนำมาซึ่งยุคแห่งความร่วมมืออย่างสันติกับสหภาพโซเวียตของสตาลินนั้นไร้เดียงสาไม่น้อยไปกว่านี้หรือ?
เมื่อเกิดขึ้นในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อปลายปี พ.ศ. 2487 กองทัพ KONR ตั้งแต่แรกเริ่มถือว่าตนเองเป็นกองทัพรัสเซียโดยเฉพาะซึ่งเป็นปัจจัยทางทหารใหม่ “สิ่งนี้ (ROA) เป็นรูประดับชาติ สาระสำคัญ เป้าหมาย และจิตวิญญาณ” โบรชัวร์ “ROA Warrior” ตีพิมพ์ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2488 กล่าว จริยธรรม รูปลักษณ์ พฤติกรรม" - ทายาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ประเพณีที่ดีที่สุดกองทัพรัสเซีย ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของประเพณีของกองทัพรัสเซีย ซึ่งปกคลุมไปด้วยเกียรติยศอันไม่เสื่อมคลายตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา”* เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 พล.ต. Trukhin เรียกร้องให้เปลี่ยน "ความรักชาติที่ดีของประชาชนซึ่งพวกบอลเชวิคคาดเดาเช่นนั้น ... ให้เป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริง" ของกองทัพนี้ “ผู้รักชาติที่ซื่อสัตย์เท่านั้น... ที่สามารถถือว่าตนเองเป็นทายาทจากการกระทำอันยิ่งใหญ่และเกียรติยศทางทหารของผู้บัญชาการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของรัสเซีย - Peter I, Suvorov, Kutuzov, Bagration, Skobelev และ Brusilov” เขากล่าว เป้าหมายของการต่อสู้ได้รับการประกาศว่าคือการฟื้นฟู "รัฐรัสเซียแห่งชาติ" "ไม่ใช่แค่การกลับไปสู่ยุคเก่า แต่เป็นการสร้างรัสเซียใหม่ การฟื้นฟูรัสเซียบนรากฐานใหม่"
จากหนังสือ Luftwaffelmen โดย Sidorov Alex83. การสอนพื้นฐานของค่ายทหาร - Avdeev! - I! - Apestin! - I! - Belov! กฎระเบียบมีผลบังคับใช้สำหรับบุคลากรทางทหารทุกคน
จากหนังสือ ประเทศของฉันและประชาชนของฉัน บันทึกความทรงจำขององค์ทะไลลามะที่ 14 โดย กยัตโซ เทนซินพื้นฐานของการปฏิบัติพระพุทธศาสนา การปฏิบัติพระพุทธศาสนาที่แท้จริงไม่ได้สำเร็จได้ด้วยการกระทำภายนอกเพียงอย่างเดียว เช่น อยู่ในวัดหรือท่องคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ เราสามารถโต้แย้งได้ว่ากิจกรรมประเภทนี้ในตัวเองเป็นงานทางจิตวิญญาณหรือไม่เพราะว่า
จากหนังสือเล่มที่ 5 วารสารศาสตร์ จดหมาย ผู้เขียน เซเวรียานิน อิกอร์ จากหนังสือ 100 เรื่อง Docking [ตอนที่ 2] ผู้เขียน ซีรอมยัตนิคอฟ วลาดิมีร์ เซอร์เกวิช3.6 รากฐานทางทฤษฎี "มาตรการและกิจกรรม" จำนวนหนึ่งมีส่วนทำให้ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและมั่นคงของเทคโนโลยีจรวดและอวกาศของโซเวียตตลอดจนเทคโนโลยีระดับสูงและการทหารอื่น ๆ หนึ่งในมาตรการที่ทรงพลังที่สุดคือวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มันมีผลกระทบต่อ
จากหนังสือ Notes of a Space Counterintelligence Officer ผู้เขียน ริบคิน นิโคไล นิโคลาวิชความเข้าใจพื้นฐาน หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการคนแรกของฉันใน Akhtubinsk คือ Boris Aleksandrovich Shchepansky - ผู้พันร่างท้วมซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในด้านการต่อต้านข่าวกรองการบินของตะวันออกไกลและไซบีเรียซึ่งเป็นบุคคลพิเศษมาก อย่างไรก็ตามเขาสูบบุหรี่อย่างไร้ความปราณีและ
จากหนังสือเกี่ยวกับผู้อื่นและตัวคุณเอง ผู้เขียน สลัตสกี้ บอริส อับราโมวิชความรู้พื้นฐานในช่วงก่อนยุโรป นั่นคือช่วงเวลาที่ผู้คนหลายพันหลายพันคนโดยบังเอิญได้รับมอบหมายให้ทำรูปแบบการต่อสู้ที่ซับซ้อนห่างไกลจากศัตรู ประสบความปรารถนาอย่างกะทันหัน: นอนลงโดยมีปืนกลอยู่หลังพุ่มไม้ แล้วแต่ว่าอันไหนจะประจบประแจงกว่ากัน และเปียกรอจนมองเห็นผ่านช่องสายตา -
จากหนังสืออัลบั้มเดมเบล ผู้เขียน มาชาร์ตเซฟ ยูริบทที่ 1 พื้นฐานของการรับราชการทหารเรือ “ ขอแสดงความยินดีผู้หมวดคุณกำลังไปที่ขั้วโลก” รองหัวหน้าแผนกบุคคลของฐานทัพเรือเลนินกราดทักทายฉันด้วยคำพูดเหล่านี้ ดูเหมือนโชคชะตาจะพลิกผันอีกครั้ง ตลอดชีวิตของฉันฉันใฝ่ฝันที่จะเป็นพลเรือน
จากหนังสือของมาร์กาเร็ต แธตเชอร์: จากร้านขายของชำสู่สภาขุนนาง โดย ธีริโอต์ ฌอง หลุยส์บทที่แปดพื้นฐานของลัทธิแทตเชอริซึม “ผลลัพธ์ทั้งหมดของอิทธิพลของกิจกรรมทางการเมืองของฉันที่มีต่อเพื่อนบ้านของฉันจะถูกสรุปในวันที่พิพากษาครั้งสุดท้ายเท่านั้น ความคิดนี้ทำให้เกิดความสับสน ตื่นเต้น และวิตกกังวล แต่ฉันปลอบใจตัวเองด้วยสิ่งนี้: เมื่อฉันลุกขึ้นจากหลุมศพเพื่อฟังคำพิพากษาครั้งสุดท้าย
จากหนังสือ Gone Beyond the Horizon ผู้เขียน คุซเนตโซวา ไรซา คาริโตนอฟนาปรับปรุงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาค ผู้เชี่ยวชาญมีมติเป็นเอกฉันท์ในการระบุอาการของอาการป่วยไข้ของอังกฤษที่เกิดขึ้นในปี 1979 ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเลขสองหลัก การขาดดุลงบประมาณ หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นโดยสัมพันธ์กันซึ่งกลายเป็นหนี้สิน
จากหนังสือ Living with Taste หรือ Tales from an Experienced Cook ผู้เขียน เฟลด์แมน อิไซ อับราโมวิชใหม่ "ความรู้พื้นฐาน" เมื่อกลับมาที่ "Uzkoye" Vanya บอกกับหัวหน้ากลุ่มผู้เขียน F.V. Konstantinov ว่าเขาปฏิเสธและไม่ควรเขียนตำราเรียนที่สร้างขึ้นโดยการตัดสินใจของพรรคคองเกรสครั้งที่ 20 เนื่องจากเขาได้รับการลงโทษอย่างเข้มงวดจากพรรค แต่นั่นคือทั้งหมด:
จากหนังสือ In Search of Memory [การเกิดขึ้นของวิทยาศาสตร์ใหม่ของจิตใจมนุษย์] ผู้เขียน แคนเดล เอริค ริชาร์ดพื้นฐานของมารยาท วิธีเตรียมตัวสำหรับมื้อกลางวันหรือมื้อเย็นตามเทศกาล การทำให้แขกมาถึงเพื่อเฉลิมฉลองถือเป็นงานที่ยากสำหรับเจ้าบ้าน เหล้าเรียกน้ำย่อยเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาของเธอ ส่วนใหญ่แล้วเหล้าก่อนอาหารหมายถึงการปฏิบัติต่อแขกก่อนงานเลี้ยงด้วยของหวานเข้มข้นจำนวนเล็กน้อย
จากหนังสือของ Rimsky-Korsakov ผู้เขียน คูนิน โจเซฟ ฟิลิปโปวิช15. พื้นฐานทางชีวภาพบุคลิกภาพ จากการทดลองกับ Aplysia ฉันได้เรียนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมนั้นมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงในจุดแข็งของการเชื่อมต่อซินแนปติกระหว่างเซลล์ประสาทที่สนับสนุนพฤติกรรมนั้น แต่การทดลองไม่ได้บอกว่าทำอย่างไร
จากหนังสือประดิษฐ์ในสหภาพโซเวียต ผู้เขียน ซาดอร์นอฟ มิคาอิล นิโคลาวิช15. รากฐานทางชีวภาพของความเป็นปัจเจกบุคคล การอภิปรายเกี่ยวกับงานของเฮล์มโฮลทซ์เกี่ยวกับการอนุมานโดยไม่รู้ตัวนั้นมีพื้นฐานมาจากสิ่งพิมพ์ต่อไปนี้: C. Frith, Disorders of cognition and allowances ofจิตใต้สำนึกกระบวนการ: An Introduction, in: E. Kandel et al., Principles of Neural Science , ฉบับที่ 5 (นิวยอร์ก: McGraw-Hill,
จากหนังสือฟรอยด์ โดย กาย ปีเตอร์รากฐานและรากฐาน ชะตากรรมบนเวทีของ “The Tale of the Invisible City” ไม่มีความสุข โอเปร่านี้ไม่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงทั้งในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในปี 2450 และอีกหนึ่งปีต่อมาในมอสโก ประชาชนทั่วไปพบว่ามีเนื้อหาที่ไม่สุภาพและจริงจังมากเกินไป ไม่มีอะไรในนั้นที่ชัดเจนสำหรับทุกคน
จากหนังสือของผู้เขียนพื้นฐานของละคร ฉันพบเขาระหว่างเซสชั่นในห้องสมุด เรานั่งโต๊ะเดียวกัน เป็นเวลาสามวันที่เขาหมกมุ่นอยู่กับอุณหพลศาสตร์จนไม่สนใจฉันเลย ฉันไม่มีเวลาด้วยเพราะการทดสอบทฤษฎีการละครเป็นหนึ่งในข้อสอบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
จากหนังสือของผู้เขียนการประยุกต์ใช้รากฐานของสังคมของฟรอยด์ในการค้นพบของเขากับงานประติมากรรม วรรณกรรม และภาพวาดนั้นค่อนข้างท้าทาย แต่ก็ดูซีดเซียวเมื่อเปรียบเทียบกับความพยายามของเขาในการขุดค้นรากฐานของวัฒนธรรมที่ห่างไกลออกไป เมื่อนายอายุเกินห้าสิบแล้ว เขาก็ตั้งภารกิจนี้เอง
ตำนานและแบบเหมารวมที่น่าทึ่งจำนวนมากเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของกองทัพ Vlasov รวมถึงบุคลิกภาพของนายพล Vlasov น่าเสียดายที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจำนวนของพวกเขามีความก้าวหน้าอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ปัญหาก็คือ วลี "ขบวนการ Vlasov" นั้นเอง ถ้าเราหมายถึงว่าเป็นปรากฏการณ์ทางการเมืองประเภทหนึ่ง แน่นอนว่าจะกว้างกว่าสิ่งที่เรียกว่า "กองทัพ Vlasov" มาก ความจริงก็คือผู้เข้าร่วมในขบวนการ Vlasov ไม่เพียงแต่ถือได้ว่าเป็นบุคลากรทางทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึง พลเรือนซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับการเกณฑ์ทหารเลย ตัวอย่างเช่นสมาชิกของ "กลุ่มช่วยเหลือ" ของ KONR ซึ่งเกิดขึ้นในค่ายแขกรับเชิญหลังเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487: เหล่านี้เป็นข้าราชการของคณะกรรมการและสถาบันแผนกต่างๆ หลายพันคน - ทั้งหมดถือได้ว่าเป็นผู้เข้าร่วมใน ขบวนการ Vlasov แต่ไม่ใช่บุคลากรทางทหารของกองทัพ Vlasov
บ่อยครั้งเมื่อเราได้ยินวลี "กองทัพ Vlasov" เราจะมีความสัมพันธ์ดังต่อไปนี้: Russian Liberation Army (ROA) แต่ในความเป็นจริง ROA เป็นเพียงนิยาย มันไม่เคยมีอยู่ในฐานะสมาคมปฏิบัติการ นี่เป็นเพียงแสตมป์โฆษณาชวนเชื่อที่ปรากฏเมื่อปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายน พ.ศ. 2486 และ "อาสาสมัคร" ชาวรัสเซียทั้งหมดที่เรียกว่า (หรือเกือบทั้งหมด) ซึ่งรับใช้ในกองทัพเยอรมัน: ไฟรวิลลิเกอร์ บางส่วนเป็นกีวี - พวกเขาทั้งหมดสวมเครื่องหมายบั้งนี้และถือเป็นสมาชิกของกองทัพที่ไม่เคยมีตัวตน ในความเป็นจริง พวกเขาเป็นสมาชิกของกองทัพเยอรมัน Wehrmacht เป็นอันดับแรกและสำคัญที่สุด จนถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2487 หน่วยเดียวที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของ Vlasov คือบริษัทรักษาความปลอดภัยที่กระจัดกระจายอยู่ใน Dabendorf และ Dahlen ซึ่งนายพลถูกกักบริเวณในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือไม่มีกองทัพ Vlasov และเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487 หรือถูกต้องกว่านั้นในเดือนตุลาคมเท่านั้นที่เริ่มสร้างสำนักงานใหญ่ที่มีคุณสมบัติจริงจังและจริงจังอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตามต้องบอกว่า Vlasov ทำหน้าที่ตัวแทนมากกว่าในกองทัพของเขา ผู้จัดงานที่แท้จริงซึ่งเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาคือ Fyodor Ivanovich Trukhin เจ้าหน้าที่ทั่วไปมืออาชีพ อดีตหัวหน้าแผนกปฏิบัติการของแนวรบตะวันตกเฉียงเหนือ รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเหนือ- แนวรบด้านตะวันตกซึ่งถูกยึดในวันสุดท้ายของเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2484 ที่จริงแล้วคือนายพล Trukhin ที่เป็นผู้สร้างกองทัพ Vlasov อย่างแท้จริง เขาเป็นรองผู้อำนวยการฝ่ายกิจการคณะกรรมการ กิจการทหาร และรองหัวหน้าแผนกทหารของ Vlasov
ผู้สร้างกองทัพ Vlasov ที่แท้จริงคือนายพล Fedor Trukhin
หากเราพูดถึงโครงสร้างของกองทัพ Vlasov มันจะพัฒนาดังต่อไปนี้: ประการแรก Vlasov และ Trukhin นับความจริงที่ว่าชาวเยอรมันจะโอนหน่วยหน่วยย่อยและรูปแบบของรัสเซียที่มีอยู่ทั้งหมดภายใต้การบังคับบัญชาของพวกเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปข้างหน้า สิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2488 กองทัพ Vlasov ทางนิตินัยได้รวมกองพลคอซแซคสองกอง: ในกองพลคอซแซคแยกใน อิตาลีตอนเหนือมีกองกำลังรบ 18.5 พันนายและในกองพลคอซแซคที่ 15 ของฟอน Pannwitz โดยไม่มีบุคลากรชาวเยอรมันมีคนประมาณ 30,000 คน เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2488 Vlasov เข้าร่วมโดยคณะรัสเซียซึ่งมีจำนวนไม่มากนักประมาณ 6 พันคน แต่ประกอบด้วยบุคลากรที่ค่อนข้างเป็นมืออาชีพ ดังนั้น ณ วันที่ 20-22 เมษายน พ.ศ. 2488 มีผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาของนายพล Vlasov ประมาณ 124,000 คน หากเราแยกชาวรัสเซียออกจากกัน (โดยไม่มีชาวยูเครนและชาวเบลารุส) ผู้คนประมาณ 450 - 480,000 คนก็ผ่านกองทัพ Vlasov ในจำนวนนี้ 120 - 125,000 คน (ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2488) ถือได้ว่าเป็นบุคลากรทางทหารของ Vlasov
การรับรองบุคลากรทางทหารที่มาถึงกองหนุนเจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยคณะกรรมการรับรองคุณสมบัติภายใต้การนำของพันตรี Arseny Demsky คณะกรรมการประเมินความรู้ การฝึกอบรม ความเหมาะสมทางวิชาชีพอดีตเจ้าหน้าที่โซเวียต ตามกฎแล้วทหารรักษาตำแหน่งทหารเก่าของเขาไว้โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการเก็บรักษาเอกสารหรือการ์ดเชลยศึกซึ่งมีการบันทึกไว้ แต่บางครั้งเขาก็ได้รับมอบหมายตำแหน่งที่สูงกว่า ตัวอย่างเช่นในคณะกรรมการหลักของการโฆษณาชวนเชื่อ Vlasov ดำรงตำแหน่งวิศวกรทหารอันดับสอง Alexey Ivanovich Spiridonov - เขาได้รับการยอมรับเข้าสู่ ROA ทันทีในฐานะพันเอกแม้ว่ายศทหารของเขาจะไม่สอดคล้องกับตำแหน่งนี้ก็ตาม Andrei Nikitich Sevastyanov หัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ของสำนักงานใหญ่กลาง โดยทั่วไปมีบุคลิกใน ประวัติศาสตร์รัสเซียไม่ซ้ำกัน (เราจะพูดสองสามคำเกี่ยวกับเขาด้านล่าง) ได้รับยศเป็นพลตรีใน ROA
การประชุม KONR ในกรุงเบอร์ลิน พฤศจิกายน พ.ศ. 2487
ชะตากรรมของ Andrei Nikitich Sevastyanov แทบไม่เคยได้รับความสนใจจากนักประวัติศาสตร์และนักวิจัยเลย เขาเป็นบุตรชายของเสมียนมอสโกหรือแม้แต่พ่อค้าของกิลด์ที่สอง (รุ่นต่างกัน) เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนพาณิชยกรรมในมอสโกหลังจากนั้นเขาก็ศึกษาในระดับอุดมศึกษามาระยะหนึ่ง โรงเรียนเทคนิค- ก่อนการปฏิวัติ เขาเข้าประจำการในกองทัพจักรวรรดิ และได้รับการปล่อยตัวโดยมียศธงสำรอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเริ่มต้นขึ้น Sevastyanov ไปที่แนวหน้าทันทีเพื่อยุติสงครามในฤดูใบไม้ร่วงปี 2460 ด้วยยศร้อยเอก โดยหลักการแล้วไม่มีอะไรต้องแปลกใจที่นี่ อย่างไรก็ตาม เราทราบว่าในช่วงสามปีนี้ของสงคราม ฮีโร่ของเราได้รับรางวัลทางทหารของรัสเซียถึง 7 รางวัล รวมถึงเหรียญกางเขนเซนต์จอร์จระดับที่ 4 และคำสั่งของเซนต์วลาดิเมียร์ด้วยดาบ เท่าที่ทราบนี่เป็นกรณีเดียวในประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเมื่อนายทหารที่ไม่ใช่อาชีพ (Sevastyanov มาจากกองหนุน) ได้รับคำสั่งทางทหารเจ็ดคำสั่งซึ่งรวมถึงคำสั่งทางทหารสูงสุดสองคำสั่งด้วย ในเวลาเดียวกันเขายังได้รับบาดเจ็บสาหัส: ในระหว่างการโจมตีโดยทหารม้าออสเตรีย Sevastyanov ได้รับบาดเจ็บจากมีดที่ศีรษะและใช้เวลาเกือบทั้งปี 1917 ในโรงพยาบาล
ในปี 1918 Sevastyanov สมัครเป็นทหารในกองทัพแดง ซึ่งเขาถูกไล่ออกเนื่องจากความคิดเห็นต่อต้านโซเวียต เขาเข้าและออกจากคุกเป็นเวลายี่สิบปี และในปีพ. ศ. 2484 ใกล้เคียฟตามเวอร์ชันหนึ่งเขาเดินไปที่ฝั่งศัตรูด้วยตัวเองตามที่กล่าวไว้อีกฉบับหนึ่งเขาถูกจับ
ในกองทัพแดง Sevastyanov ได้รับการรับรองบัตรของเขาอยู่ในตู้เก็บเอกสารของเจ้าหน้าที่บังคับบัญชา แต่เขาไม่เคยได้รับยศทหารเลย เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรออยู่ ตามเวอร์ชันหนึ่งเขาควรได้รับตำแหน่งกัปตันซึ่งสอดคล้องกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างหัวหน้าปืนใหญ่ของกองทัพที่ 21 จึงสั่งให้ Sevastyanov สวมเพชรหนึ่งเม็ดในรังดุมของเขา ปรากฎว่า Andrei Nikitich ถูกจับด้วยยศผู้บัญชาการกองพลซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่มีอยู่ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2484 อีกต่อไป และบนพื้นฐานของรายการนี้ ROA ได้รับรอง Sevastyanov ให้เป็นพลตรี
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 Andrei Sevastyanov พร้อมด้วยนายพล ROA มิคาอิล Meandrov และ Vladimir Artsezo ซึ่งทำหน้าที่ภายใต้ Vlasov ภายใต้นามแฝง "ภูเขาน้ำแข็ง" ถูกส่งผู้ร้ายข้ามแดนโดยชาวอเมริกันไปยังตัวแทนโซเวียต ในปี 1947 ตามคำตัดสินของ Military Collegium ของศาลฎีกาแห่งสหภาพโซเวียตเขาถูกยิง
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2488 มีผู้ใต้บังคับบัญชาของนายพล Vlasov ประมาณ 124,000 คน
หากเราประเมินขนาดของคณะเจ้าหน้าที่ของกองทัพ Vlasov ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2488 มีผู้คนตั้งแต่ 4 ถึง 5,000 คนในระดับตั้งแต่ร้อยโทถึงนายพลรวมถึงแน่นอนผู้อพยพผิวขาวที่เข้าร่วม Vlasov ในกลุ่มที่ค่อนข้างกะทัดรัด . เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ของคณะรัสเซีย ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่ทหารภายใต้การนำของพลโท Boris Aleksandrovich Shteifon วีรบุรุษแห่ง Battle of Erzurum ในปี 1916 ผู้บัญชาการค่าย Gallipoli ผู้เข้าร่วมในขบวนการ White เป็นที่น่าสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ผู้อพยพผิวขาวเกือบทั้งหมดมีตำแหน่งที่แยกจากกันและสำคัญมากในกองทัพของ Vlasov
หากเราเปรียบเทียบจำนวนเจ้าหน้าที่โซเวียตที่ถูกจับกับจำนวนผู้อพยพผิวขาวที่เข้าร่วมกองทัพ Vlasov อัตราส่วนจะอยู่ที่ประมาณ 1:5 หรือ 1:6 ในเวลาเดียวกันเราสังเกตว่าอย่างหลังเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บัญชาการของกองทัพแดงในทางที่ดี อาจกล่าวได้ว่าเจ้าหน้าที่ของกองทัพรัสเซียพร้อมสำหรับการสร้างสายสัมพันธ์กับ Vlasovites มากกว่าทหารกองทัพแดง
สิ่งนี้สามารถอธิบายได้อย่างไร? ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการปรากฏตัวของนายพล Vlasov มีความชอบธรรมทางจิตใจในสายตาของผู้อพยพผิวขาว ในช่วงทศวรรษที่ 30 นิตยสารเกี่ยวกับการอพยพของทหารผิวขาว (“ Chasovoy” และอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง) เขียนด้วยความยินดี (ทฤษฎีของ“ Comor Sidorchuk” ได้รับความนิยมอย่างมาก) ว่าจะมีผู้บัญชาการยอดนิยมของกองทัพแดงบางคนที่จะ นำประชาชนต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ แล้วเราจะสนับสนุนผู้บัญชาการกองพลนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะต่อต้านเราในช่วงสงครามกลางเมืองก็ตาม และเมื่อ Vlasov ปรากฏตัว (การพบกันครั้งแรกของ Vlasov กับพลตรีของนายพล Alexei von Lampe เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2486 ในบ้านของอดีตรองผู้อำนวยการแผนกเกษตร Fyodor Schlippe สหายร่วมรบของ Stolypin การปฏิรูปเกษตรกรรม) เขาสร้างความประทับใจได้ดีมาก
ดังนั้น ให้เราเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง มีผู้อพยพผิวขาวในกองทัพ Vlasov มากกว่าที่เข้าร่วมในขบวนการต่อต้าน หากคุณดูตัวเลขอย่างเป็นกลาง ผู้อพยพผิวขาวชาวรัสเซียประมาณ 20,000 คนต่อสู้เคียงข้างศัตรูในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ทหารแห่งกองทัพปลดปล่อยรัสเซีย 2487
"การบัพติศมาด้วยไฟ" ของ ROA ไม่นับการสู้รบที่การก่อตัวเกิดขึ้นก่อนที่พวกเขาจะเข้าสู่กองทัพของ Vlasov เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 กลุ่มโจมตีภายใต้คำสั่งของพันเอกอิกอร์ ซาคารอฟ ก่อตั้งขึ้นจากพลเมืองโซเวียต อาสาสมัครที่รับใช้ในกองทัพวลาซอฟ และผู้อพยพผิวขาวหลายคน พร้อมด้วยกองทัพเยอรมัน ได้เข้าร่วมในการต่อสู้กับกองทหารราบที่ 230 ของกองทัพแดง ซึ่งยึด ขึ้นตำแหน่งการป้องกันในภูมิภาคโอเดอร์ ก็ต้องบอกว่าการกระทำของ กปปส. ค่อนข้างมีประสิทธิผล ในบันทึกประจำวันของเขา เกิ๊บเบลส์ตั้งข้อสังเกตว่า "ความสำเร็จอันโดดเด่นของกองทหารของนายพลวลาซอฟ"
> ตอนที่สองโดยการมีส่วนร่วมของ ROA ซึ่งจริงจังกว่ามากเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2488 - การดำเนินการที่เรียกว่า " สภาพอากาศเดือนเมษายน- นี่คือการโจมตีบนหัวสะพานของป้อมปราการโซเวียต หัวสะพาน Erlenhof ทางตอนใต้ของFürstenbergซึ่งได้รับการปกป้องโดยกองพันปืนกลและปืนใหญ่แยกที่ 415 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เสริมกำลังที่ 119 ของกองทัพโซเวียตที่ 33 และ Sergei Kuzmich Bunyachenko อดีตผู้พันของกองทัพแดง พลตรีของ ROA ได้นำกองทหารราบสองนายของเขาเข้าปฏิบัติการ อย่างไรก็ตาม ภูมิประเทศที่นั่นไม่เอื้ออำนวยมากนัก และแนวหน้าการโจมตีอยู่ห่างออกไปเพียง 504 เมตร และผู้โจมตีก็เผยตัวเองจากด้านข้างไปยังแผงกั้นที่แข็งแกร่ง ปืนใหญ่โซเวียต UR ที่ 119 ความสำเร็จนั้น (เพื่อก้าวไป 500 เมตร ยึดแนวสนามเพลาะแรกและยึดไว้จนถึงวันถัดไป) ทำได้โดยกองทหารที่ 2 เท่านั้น กองทหารที่ 3 ภายใต้การบังคับบัญชาของ Georgy Petrovich Ryabtsev ซึ่งรับราชการภายใต้นามแฝง "Alexandrov" อดีตพันตรีในกองทัพแดงผู้พันของกองทัพ Vlasov พ่ายแพ้
อย่างไรก็ตาม ชะตากรรมของ Ryabtsev ซึ่งยิงตัวเองบนเส้นแบ่งเขตในสาธารณรัฐเช็กหลังจากการจลาจลในปรากนั้นน่าสนใจมาก อันดับแรก สงครามโลกครั้งที่เขาถูกจับโดยชาวเยอรมันและหนีไปในฐานะนายทหารชั้นสัญญาบัตรในกองทัพรัสเซียไปยังพันธมิตรซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส เขาต่อสู้ในกองทหารต่างด้าวแล้วเดินทางกลับรัสเซีย เขารับราชการในกองทัพแดงในปี พ.ศ. 2484 เขาเป็นผู้บัญชาการกองทหารที่ 539 เขาถูกจับโดยชาวเยอรมันเป็นครั้งที่สอง ใช้เวลาสองปีในค่าย ส่งรายงานไปยัง ROA และลงทะเบียนเป็นผู้ตรวจการของพลตรี Blagoveshchensky
ในสายตาของผู้อพยพผิวขาว รูปร่างหน้าตาของ Vlasov นั้นมีความสมเหตุสมผลทางจิตวิทยา
กรมทหารที่ 2 นำโดยพันโท Vyacheslav Pavlovich Artemyev ซึ่งเป็นทหารม้าอาชีพก็เป็นตัวละครที่น่าสนใจเช่นกัน เขาถูกชาวเยอรมันจับตัวในเดือนกันยายน พ.ศ. 2486 ที่บ้านเขาถือว่าเสียชีวิตและได้รับรางวัล Order of the Red Banner ภายหลังมรณกรรม หลังสงคราม Artemyev หลีกเลี่ยงการส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังฝ่ายบริหารของสหภาพโซเวียต เขาเสียชีวิตในเยอรมนีในยุค 60
แต่เรื่องราวชีวิตของนายพล Ivan Nikitich Kononov อาจกลายเป็นพื้นฐานสำหรับภาพยนตร์หรือเรื่องราวนักสืบได้อย่างง่ายดาย อดีตทหารกองทัพแดงผู้บัญชาการกองทหารที่ 436 ของกองทหารราบที่ 155 โคโนนอฟเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2484 พร้อมด้วยทหารและผู้บัญชาการกลุ่มใหญ่พอสมควรเดินไปที่ฝั่งศัตรูโดยเสนอให้สร้างหน่วยคอซแซคทันที ในระหว่างการสอบสวนโดยชาวเยอรมัน Kononov ระบุว่าเขาเป็นหนึ่งในคอสแซคที่ถูกอดกลั้น พ่อของเขาถูกแขวนคอในปี 2462 พี่ชายสองคนเสียชีวิตในปี 2477 และที่น่าสนใจคือชาวเยอรมันยังคงรักษาตำแหน่งพันตรีที่ได้รับมอบหมายให้ Kononov ในกองทัพแดง ในปี 1942 เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นพันโท ในปี 1944 เป็นพันเอกของ Wehrmacht และในปี 1945 เขากลายเป็นพลตรีของ KONR ในช่วงหลายปีที่เขารับราชการใน Wehrmacht Kononov ได้รับรางวัลทางการทหารสิบสองรางวัล - นอกเหนือจาก Order of the Red Star ที่ได้รับจากที่บ้าน
สำหรับชะตากรรมของพันเอกแห่งกองทัพแดง พล.ต. KONR Sergei Kuzmich Bunyachenko มีความคลุมเครือมากมาย Bunyachenko เกิดมาในครอบครัวชาวยูเครนที่ยากจน ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งเสียชีวิตจาก Holodomor ในปีพ.ศ. 2480 ในการประชุมงานปาร์ตี้ เขาวิพากษ์วิจารณ์การรวมกลุ่ม ซึ่งเขาถูกไล่ออกจากงานปาร์ตี้ทันที อย่างไรก็ตาม การขับไล่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา ถูกแทนที่ด้วยการตำหนิอย่างรุนแรง ในปีพ.ศ. 2485 Bunyachenko ได้สั่งการกองพลทหารราบที่ 389 ในแนวรบคอเคเซียน และตามคำสั่งของนายพล Maslennikov ได้ระเบิดสะพานในส่วน Mozdok-Chervlenoe ก่อนที่หน่วยกองทัพแดงบางหน่วยจะมีเวลาข้ามได้ Bunyachenko กลายเป็นแพะรับบาปส่งไปยังศาลทหารซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตซึ่งถูกแทนที่ด้วยค่ายแรงงานบังคับสิบปีด้วยการออกเดินทางหลังจากสิ้นสุดสงคราม ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2485 Bunyachenko เข้าควบคุมกองพลปืนไรเฟิลแยกที่ 59 อ่อนแอลงอย่างมาก โดยแพ้การรบครั้งก่อน มากกว่า 35% ของกำลังพล ในช่วงกลางเดือนตุลาคมในการสู้รบป้องกันอย่างดุเดือด กองพลน้อยประสบความสูญเสียครั้งใหม่และในเดือนพฤศจิกายนก็ถูกทำลายในทางปฏิบัติ Bunyachenko ยังถูกกล่าวหาว่าพ่ายแพ้ครั้งนี้และถูกคุกคามด้วยการจับกุมครั้งใหม่ จากนั้นมีการพัฒนาเหตุการณ์สองเวอร์ชัน: ตามหนึ่งในนั้น Bunyachenko ถูกจับโดยกลุ่มลาดตระเวนของกองทหารราบที่ 2 ของโรมาเนียตามที่อีกคนหนึ่งบอกเขาเองก็เดินไปที่ด้านข้างของเยอรมันในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2485 ( อย่างไรก็ตาม ปัญหาในกรณีนี้ก็คือ ชาวเยอรมันส่งผู้แปรพักตร์ไปยังค่ายพิเศษ และบุนยาเชนโกก็อยู่ในค่ายปกติจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2486)
หลังจากการจลาจลในปราก หลังจากยกเลิกแผนกตามคำสั่งของ Vlasov และถอดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของเขา Bunyachenko ก็เข้าไปในคอลัมน์สำนักงานใหญ่ไปยังสำนักงานใหญ่ของกองทัพอเมริกันที่ 3 เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 เขาพร้อมด้วยเสนาธิการของแผนก พันโท KONR Nikolaev และหัวหน้าหน่วยข่าวกรองกองพล กัปตัน KONR Olkhovik ถูกย้ายโดยหน่วยลาดตระเวนอเมริกันไปยังคำสั่งของกองพลรถถังโซเวียตที่ 25 Nikolaev และ Olkhovik ถูกยิงแยกกัน และ Bunyachenko ถูกรวมอยู่ในกลุ่มเจ้าหน้าที่และนายพลที่เกี่ยวข้องกับคดี Vlasov - เขาถูกแขวนคอพร้อมกับผู้บัญชาการทหารสูงสุดของ ROA ในเวลาเดียวกันมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าเป็น Bunyachenko ที่ถูกทรมานในระหว่างการสอบสวน: การสอบสวนซึ่งตัดสินโดยรายการในโปรโตคอลใช้เวลา 6-7 ชั่วโมง Sergei Kuzmich เป็นคนมีหลักการหยาบคายกักขฬะ แต่การรวมกลุ่มทำให้เขาประทับใจมาก โดยทั่วไปเป็นที่น่าสังเกตว่านี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้ขบวนการ Vlasov เกิดขึ้น
นายพล Vlasov กำลังตรวจสอบทหาร ROA, 1944
สมมติว่าบางคำเกี่ยวกับการบินของกองทัพ Vlasov เป็นที่ทราบกันดีว่าในบรรดา "เหยี่ยว" ของนายพลนั้นมีวีรบุรุษสามคนของสหภาพโซเวียต: Bronislav Romanovich Antilevsky, Semyon Trofimovich Bychkov และ Ivan Ivanovich Tennikov ซึ่งมีประวัติที่มีการศึกษาน้อยที่สุด
นักบินอาชีพตาตาร์แบ่งตามสัญชาติ Tennikov ปฏิบัติภารกิจการต่อสู้เพื่อปกปิดสตาลินกราดเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2485 บนเกาะ Zaikovsky ต่อสู้กับนักสู้ศัตรูชน Messerschmitt-110 ของเยอรมันยิงมันตกและรอดชีวิตมาได้ มีเวอร์ชันหนึ่งที่เขาได้รับรางวัลฮีโร่แห่งสหภาพโซเวียตสำหรับความสำเร็จนี้ แต่ชื่อของเขาไม่อยู่ในรายชื่อผู้ที่ถูกลิดรอนชื่อนี้ Tennikov ทำหน้าที่ในการบินของโซเวียตจนถึงฤดูใบไม้ร่วงปี 1943 เมื่อเขาถูกยิงตกและถือว่าสูญหาย ขณะอยู่ในค่ายเชลยศึก เขาเข้ารับราชการหน่วยข่าวกรองเยอรมัน และถูกย้ายไปยังกองทัพ Vlasov เนื่องจากเหตุผลด้านสุขภาพ เขาจึงไม่สามารถบินและทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่โฆษณาชวนเชื่อได้ เกี่ยวกับ ชะตากรรมในอนาคตไม่มีใครรู้เกี่ยวกับ Tennikov หลังจากเดือนเมษายน พ.ศ. 2488 ตามเอกสารของกองอำนวยการบุคลากรหลัก กระทรวงกลาโหม ระบุว่าเขายังคงเป็นผู้สูญหาย
นักบินผู้อพยพผิวขาวยังรับใช้กับ Vlasov: Sergei Konstantinovich Shabalin - หนึ่งในนักบินที่ดีที่สุดของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง Leonid Ivanovich Baidak ซึ่งในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2463 ได้วางรากฐานสำหรับความพ่ายแพ้ของกองทหารม้าที่ 1 ของ Dmitry Zhlob, Mikhail Vasilyevich Tarnovsky - ลูกชายของช่างทำปืนชื่อดังชาวรัสเซีย พันเอก กองทัพรัสเซีย วีรบุรุษ สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นวาซิลี ทาร์นอฟสกี้ เมื่ออายุ 13 ปี มิคาอิลและครอบครัวของเขาออกจากบ้านเกิด เขาอาศัยอยู่ครั้งแรกในฝรั่งเศส จากนั้นในเชโกสโลวะเกีย สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนการบินที่นั่น และกลายเป็นนักบินมืออาชีพ ในปีพ. ศ. 2484 Tarnovsky เข้ารับราชการจากหน่วยงานโฆษณาชวนเชื่อของเยอรมัน เขาเป็นผู้ประกาศและบรรณาธิการของรายการหลายรายการในสถานีวิทยุ Vineta พัฒนาสคริปต์และจัดรายการวิทยุที่มีลักษณะต่อต้านสตาลินและต่อต้านโซเวียต ในฤดูใบไม้ผลิปี พ.ศ. 2486 ในเดือนพฤษภาคม เขาได้ยื่นใบสมัครเข้าร่วม ROA เขาประจำการใกล้กับเมืองปัสคอฟในกองพันทหารองครักษ์ จากนั้นจึงย้ายไปหน่วยกองทัพอากาศ ซึ่งเขาเป็นผู้บังคับบัญชาฝูงบินฝึก
ทำไมเราถึงมุ่งเน้นไปที่ Tarnovsky? ความจริงก็คือเมื่อยอมจำนนต่อชาวอเมริกันแล้วเขาในฐานะที่เป็นอาสาสมัครของสาธารณรัฐเชโกสโลวักก็ไม่ถูกส่งตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังเขตยึดครองของสหภาพโซเวียต อย่างไรก็ตาม Tarkovsky แสดงความปรารถนาที่จะแบ่งปันชะตากรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาและติดตามพวกเขาเข้าไปในเขตโซเวียต เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม เขาถูกศาลทหารตัดสินประหารชีวิต ยิงเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2489 ในเมืองพอทสดัม ในปี 1999 เขาได้รับการฟื้นฟูโดยสำนักงานอัยการเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ฮีโร่คนที่สามของสหภาพโซเวียตใน ROA คือนักบิน Ivan Tennikov
และสุดท้ายคือคำสองสามคำเกี่ยวกับองค์ประกอบทางอุดมการณ์ของขบวนการ Vlasov ให้เราสรุปวิทยานิพนธ์สั้น ๆ - วาดข้อสรุปของคุณเอง ตรงกันข้ามกับแบบแผนและตำนานทั่วไป เจ้าหน้าที่ Vlasov ส่วนใหญ่เริ่มร่วมมือกับศัตรูหลังจากสตาลินกราด นั่นคือในปี 1943 และบางคนเข้าร่วมกองทัพของนายพลในปี 1944 และแม้กระทั่งในปี 1945 กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าหากเขาสมัครเป็นทหารใน ROA หลังปี 2486 ความเสี่ยงต่อชีวิตของบุคคลไม่ได้ลดลง แต่เพิ่มขึ้น: สถานการณ์ในค่ายเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบกับเดือนแรกของสงครามที่มีเพียงการฆ่าตัวตายเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วม Vlasov กองทัพในช่วงปีนี้
เป็นที่ทราบกันดีว่า Vlasov มีคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงไม่เพียง แต่ในยศทหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมุมมองทางการเมืองด้วย ดังนั้นหากในช่วงสงครามอันเลวร้ายเช่นนี้การทรยศครั้งใหญ่ของนายพลและเจ้าหน้าที่ที่ถูกจับต่อรัฐและคำสาบานเกิดขึ้นก็ยังจำเป็นต้องมองหาเหตุผลทางสังคม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เจ้าหน้าที่หลายพันนายของกองทัพรัสเซียถูกศัตรูจับตัวไป แต่ไม่มีอะไรแบบนี้ ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้แปรพักตร์สักคนเดียว (ยกเว้น Ensign Ermolenko) ที่ใกล้ชิดด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ในศตวรรษที่ 19
สำหรับการพิจารณาคดีของนายพล Vlasov และผู้นำคนอื่น ๆ ของ ROA ในตอนแรกผู้นำของสหภาพโซเวียตวางแผนที่จะพิจารณาคดีสาธารณะในห้องโถงของสภาสหภาพแรงงานเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจนี้ก็ถูกละทิ้งในเวลาต่อมา บางทีเหตุผลก็คือผู้ถูกกล่าวหาบางคนสามารถแสดงความคิดเห็นในการพิจารณาคดีที่อาจสอดคล้องกับความรู้สึกของประชากรบางส่วนที่ไม่พอใจกับระบอบการปกครองของสหภาพโซเวียต
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2489 โปลิตบูโรของคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์บอลเชวิคทั้งหมดได้มีคำตัดสินเกี่ยวกับโทษประหารชีวิต เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม นายพล Vlasov และผู้ติดตามของเขาถูกแขวนคอ
Vlasovites หรือนักสู้ของกองทัพปลดปล่อยรัสเซีย (ROA) - เข้า ประวัติศาสตร์การทหารตัวเลขไม่ชัดเจน จนถึงขณะนี้นักประวัติศาสตร์ไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ ผู้สนับสนุนถือว่าพวกเขาเป็นนักสู้เพื่อความยุติธรรมผู้รักชาติที่แท้จริงของชาวรัสเซีย ฝ่ายตรงข้ามมั่นใจอย่างไม่มีเงื่อนไขว่าชาว Vlasovites เป็นผู้ทรยศต่อมาตุภูมิซึ่งข้ามไปด้านข้างของศัตรูและทำลายเพื่อนร่วมชาติของพวกเขาอย่างไร้ความปราณี
เหตุใด Vlasov จึงสร้าง ROA
ชาว Vlasovites วางตำแหน่งตนเองว่าเป็นผู้รักชาติของประเทศและประชาชนของตน แต่ไม่ใช่จากรัฐบาล เป้าหมายของพวกเขาควรจะโค่นล้มระบอบการเมืองที่จัดตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้คนมีชีวิตที่ดี นายพล Vlasov ถือว่าลัทธิบอลเชวิสโดยเฉพาะสตาลินซึ่งเป็นศัตรูหลักของชาวรัสเซีย เขาเชื่อมโยงความเจริญรุ่งเรืองของประเทศของเขาด้วยความร่วมมือและความสัมพันธ์ฉันมิตรกับเยอรมนี
ทรยศต่อมาตุภูมิ
Vlasov ข้ามไปฝั่งศัตรูในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับสหภาพโซเวียต การเคลื่อนไหวที่เขาส่งเสริมและมีส่วนร่วม อดีตทหารกองทัพแดงมุ่งเป้าที่จะทำลายรัสเซีย เมื่อสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อฮิตเลอร์ชาว Vlasovites จึงตัดสินใจสังหารทหารธรรมดาเผาหมู่บ้านและทำลายบ้านเกิดของพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น Vlasov ยังมอบ Order of Lenin ให้กับ Brigadeführer Fegelein เพื่อตอบสนองต่อความภักดีที่แสดงต่อเขา
เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี นายพล Vlasov ให้คำแนะนำทางทหารอันมีค่า เมื่อทราบถึงปัญหาและแผนงานของกองทัพแดง เขาจึงช่วยเยอรมันวางแผนการโจมตี ในบันทึกประจำวันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการโฆษณาชวนเชื่อของ Third Reich และ Gauleiter แห่งเบอร์ลิน Joseph Goebbels มีรายการเกี่ยวกับการพบปะของเขากับ Vlasov ซึ่งให้คำแนะนำแก่เขาโดยคำนึงถึงประสบการณ์ในการปกป้อง Kyiv และ Moscow ในวิธีที่ดีที่สุด เพื่อจัดระบบป้องกันเบอร์ลิน เกิ๊บเบลส์เขียนว่า:“ การสนทนากับนายพลวลาซอฟเป็นแรงบันดาลใจให้ฉัน ฉันได้เรียนรู้ว่าสหภาพโซเวียตต้องเอาชนะวิกฤติแบบเดียวกับที่เรากำลังเอาชนะอยู่นี้ และแน่นอนว่ามีทางออกจากวิกฤตนี้อย่างแน่นอน หากคุณตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและไม่ยอมแพ้”
ในปีกของพวกฟาสซิสต์
Vlasovites มีส่วนร่วมในการตอบโต้อย่างโหดร้ายต่อ พลเรือน- จากบันทึกความทรงจำของหนึ่งในนั้น: “ ในวันรุ่งขึ้น Shuber ผู้บัญชาการเมืองสั่งให้ขับไล่เกษตรกรของรัฐทั้งหมดไปยัง Chernaya Balka และฝังศพคอมมิวนิสต์ที่ถูกประหารชีวิตอย่างเหมาะสม สุนัขจรจัดจึงถูกจับโยนลงน้ำเมืองก็เคลียร์... อันดับแรกจากชาวยิวและคนที่ร่าเริงในเวลาเดียวกันจาก Zherdetsky จากนั้นจากสุนัข และฝังศพไปพร้อมๆ กัน ติดตาม. มันจะเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไรสุภาพบุรุษ? ท้ายที่สุดแล้ว มันยังไม่ใช่ปีที่สี่สิบเอ็ด แต่เป็นปีที่สี่สิบสอง! ถึงแม้ว่าจะเป็นงานรื่นเริงแล้ว กลเม็ดแห่งความสนุกสนานก็ต้องถูกซ่อนไว้อย่างช้าๆ เมื่อก่อนมันเป็นไปได้ด้วยวิธีง่ายๆ ยิงแล้วขว้างไปบนหาดทรายชายฝั่ง และตอนนี้ - ฝัง! แต่ช่างเป็นความฝัน!”
ทหาร ROA ร่วมกับพวกนาซีทุบกองกำลังของพรรคพวกโดยพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยความปีติยินดี: “ พวกเขาแขวนคอผู้บัญชาการพรรคพวกที่ถูกจับไว้บนเสาเมื่อรุ่งสาง สถานีรถไฟจากนั้นก็ดื่มต่อ พวกเขาร้องเพลงภาษาเยอรมัน กอดผู้บังคับบัญชา เดินไปตามถนน และสัมผัสพยาบาลที่หวาดกลัว! แก๊งค์จริง!
การบัพติศมาด้วยไฟ
นายพล Bunyachenko ผู้บังคับบัญชากองพลที่ 1 ของ ROA ได้รับคำสั่งให้เตรียมกองพลสำหรับการโจมตีหัวสะพานที่กองทหารโซเวียตยึดครองโดยมีหน้าที่ผลักดันกองทหารโซเวียตกลับไปที่ฝั่งขวาของแม่น้ำ Oder ในสถานที่แห่งนี้ สำหรับกองทัพของ Vlasov มันเป็นการบัพติศมาด้วยไฟ - มันต้องพิสูจน์สิทธิที่จะดำรงอยู่
เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ROA เข้าสู่ตำแหน่งเป็นครั้งแรก กองทัพยึด Neuleveen ทางตอนใต้ของ Karlsbize และ Kerstenbruch Joseph Goebbels ยังตั้งข้อสังเกตไว้ในสมุดบันทึกของเขาว่า "ความสำเร็จอันโดดเด่นของกองทหารของนายพล Vlasov" ทหาร ROA เล่น บทบาทสำคัญในการต่อสู้ - เนื่องจากชาว Vlasovites สังเกตเห็นแบตเตอรี่พรางตัวของปืนต่อต้านรถถังโซเวียตที่พร้อมสำหรับการรบในเวลาที่เหมาะสม หน่วยเยอรมันจึงไม่ตกเป็นเหยื่อของการสังหารหมู่นองเลือด เพื่อช่วย Fritz พวก Vlasovites ฆ่าเพื่อนร่วมชาติอย่างไร้ความปราณี
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ROA ควรจะยึดและติดตั้งหัวสะพานตลอดจนดูแลการผ่านของเรือไปตาม Oder เมื่อในระหว่างวัน ปีกซ้าย แม้จะมีการสนับสนุนด้วยปืนใหญ่ที่แข็งแกร่ง แต่ก็หยุดลง ชาวรัสเซียซึ่งชาวเยอรมันที่เหนื่อยล้าและท้อแท้รอคอยด้วยความหวังก็ถูกใช้เป็น "คูลัก" ชาวเยอรมันส่ง Vlasovites ไปปฏิบัติภารกิจที่อันตรายที่สุดและล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด
การจลาจลในปราก
ชาว Vlasovites ปรากฏตัวในปรากที่ถูกยึดครอง - พวกเขาตัดสินใจต่อต้านกองทหารเยอรมัน เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 พวกเขาเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มกบฏ กลุ่มกบฏแสดงความโหดร้ายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน - พวกเขายิงอย่างหนัก ปืนกลต่อต้านอากาศยานโรงเรียนเยอรมัน ทำเอานักเรียนกลายเป็นเลือดนองเลือด ต่อจากนั้น ชาว Vlasovites ที่ล่าถอยจากปรากปะทะกับชาวเยอรมันที่ล่าถอยในการต่อสู้ประชิดตัว ผลของการจลาจลคือการปล้นและสังหารพลเรือนและไม่ใช่แค่ชาวเยอรมันเท่านั้น
มีหลายสาเหตุที่ ROA มีส่วนร่วมในการจลาจล บางทีเธออาจพยายามได้รับการอภัยโทษจากชาวโซเวียตหรือขอลี้ภัยทางการเมืองในเชโกสโลวะเกียที่ได้รับอิสรภาพ ความคิดเห็นที่เชื่อถือได้ประการหนึ่งยังคงมีอยู่ คำสั่งเยอรมันออกคำขาด: ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งปฏิบัติตามคำสั่งของตน ไม่เช่นนั้นจะถูกทำลาย ชาวเยอรมันระบุชัดเจนว่า ROA จะไม่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างอิสระและปฏิบัติตามความเชื่อมั่นของตน จากนั้นชาว Vlasovites ก็หันไปก่อวินาศกรรม
การตัดสินใจผจญภัยที่จะมีส่วนร่วมในการจลาจลทำให้ ROA เสียค่าใช้จ่ายอย่างมาก: ชาว Vlasovites ประมาณ 900 คนถูกสังหารในระหว่างการสู้รบในปราก (อย่างเป็นทางการ - 300 คน) ผู้บาดเจ็บ 158 คนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยจากโรงพยาบาลในปรากหลังจากการมาถึงของกองทัพแดง ผู้ละทิ้ง Vlasov 600 คน ถูกระบุตัวในกรุงปราก และถูกยิงโดยกองทัพแดง
ตอนนี้ไม่มีความลับว่าสงครามปี 1941 - 1945 มีองค์ประกอบของสงครามกลางเมืองครั้งที่สอง เนื่องจากมีผู้คนประมาณ 2 ล้านคนต่อสู้กับลัทธิบอลเชวิสซึ่งยึดอำนาจอย่างผิดกฎหมายในปี 2460 พลเมืองของสหภาพโซเวียต 1.2 ล้านคนและผู้อพยพผิวขาว 0.8 ล้านคน SS มีเพียง 40 แผนก โดย 10 แผนกประกอบด้วยพลเมือง จักรวรรดิรัสเซีย(ยูเครนที่ 14, ลัตเวียที่ 15 และ 19, เอสโตเนียที่ 20, รัสเซียที่ 29, เบโลรุสเซียที่ 30, คอซแซคเอสเอสสองดิวิชั่น, คอเคซัสเหนือ, กองพัน SS วาเรียก, เดสนา, แนชทิกัล, ดรูชิน่าและอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมี RNA ของนายพล Smyslovsky รัสเซีย คณะของนายพล Skorodumov, คอซแซคสแตนแห่งโดมานอฟ, ROA ของนายพล Vlasov, กองทัพกบฎยูเครน (UPA), ฝ่ายตะวันออกของ Wehrmacht, ตำรวจ, กลุ่ม Hiwis มีเพื่อนร่วมชาติของเราหลายคนโดยตรงในหน่วยเยอรมัน และไม่ใช่แค่ในรูปแบบระดับชาติเท่านั้น
วันนี้ผมอยากจะพูดคุยเกี่ยวกับ ROA ( กองทัพปลดปล่อยรัสเซีย) นายพลวลาซอฟ
ป.ล. บทความนี้ไม่ได้ให้เหตุผลกับ ROA และไม่ได้กล่าวหาใดๆ เลย บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อการอ้างอิงทางประวัติศาสตร์เท่านั้น ทุกคนตัดสินใจด้วยตัวเองว่าพวกเขาเป็นวีรบุรุษหรือผู้ทรยศ แต่นี่เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของเราและฉันคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์นี้
กองทัพปลดปล่อยรัสเซีย , ROA - หน่วยทหารที่ต่อสู้เคียงข้างอดอล์ฟฮิตเลอร์เพื่อต่อต้านสหภาพโซเวียตซึ่งก่อตั้งโดยสำนักงานใหญ่ของกองทัพ SS ของเยอรมันในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติจากผู้ทำงานร่วมกันชาวรัสเซีย
กองทัพส่วนใหญ่ก่อตั้งขึ้นจากเชลยศึกโซเวียต เช่นเดียวกับผู้อพยพชาวรัสเซีย อย่างไม่เป็นทางการ สมาชิกถูกเรียกว่า "Vlasovites" ตามผู้นำของพวกเขา พลโท Andrei Vlasov
เรื่องราว:
ROA ก่อตั้งขึ้นโดยส่วนใหญ่มาจากเชลยศึกโซเวียตซึ่งถูกเยอรมันจับเป็นส่วนใหญ่ในช่วงเริ่มต้นของมหาสงครามแห่งความรักชาติ ระหว่างการล่าถอยของกองทัพแดง ผู้สร้าง ROA ประกาศว่าเป็นกลุ่มทหารที่สร้างขึ้นสำหรับ “ การปลดปล่อยรัสเซียจากลัทธิคอมมิวนิสต์ "(27 ธันวาคม 2485) พลโท Andrei Vlasov ซึ่งถูกจับในปี 2485 พร้อมด้วยนายพล Boyarsky เสนอในจดหมายถึงคำสั่งของเยอรมันเพื่อจัดระเบียบ ROA นายพล Fyodor Trukhin ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ นายพล Vladimir Baersky (Boyarsky) เป็นรองของเขา พันเอก Andrei Neryanin ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าแผนกปฏิบัติการของสำนักงานใหญ่ ผู้นำของ ROA ยังรวมถึงนายพล Vasily Malyshkin, Dmitry Zakutny, Ivan Blagoveshchensky และอดีตผู้บังคับการกองพล Georgy Zhilenkov ตำแหน่งนายพล ROA จัดขึ้นโดยอดีตพันตรีกองทัพแดงและพันเอก Wehrmacht Ivan Kononov นักบวชบางคนจากผู้อพยพชาวรัสเซียรับใช้ในโบสถ์ค่าย ROA รวมถึงนักบวช Alexander Kiselev และ Dmitry Konstantinov
ในบรรดาผู้นำของ ROA ก็มีอดีตนายพลด้วย สงครามกลางเมืองในรัสเซียจากขบวนการสีขาว: V. I. Angeleev, V. F. Belogortsev, S. K. Borodin, พันเอก K. G. Kromiadi, N. A. Shokoli, พันโท A. D. Arkhipov รวมถึง M. V. Tomashevsky, Yu. K. Meyer, V. Melnikov, Skarzhinsky, Golub และคนอื่น ๆ รวมถึงพันเอก I.K. เคยเป็นร้อยโทในกองทัพสเปนภายใต้การนำของนายพลเอฟ. ฟรังโก) ให้การสนับสนุนโดย: นายพล A.P. Arkhangelsky, A.A. Polyakov, V.V. Krasnov, นายพล G.V.
หลายๆ อย่างสำหรับการสร้าง ROA ผู้ทำงานร่วมกันนั้นทำโดยผู้ที่ทำหน้าที่ในนั้น กองทัพเยอรมันกัปตัน V.K. Shtrik-Shtrikfeldt
กองทัพได้รับการสนับสนุนทางการเงินทั้งหมดจากธนาคารของรัฐของเยอรมนี.
อย่างไรก็ตาม มีการต่อต้านกันระหว่างอดีตนักโทษโซเวียตและผู้อพยพผิวขาว และฝ่ายหลังก็ค่อยๆ ถูกขับออกจากผู้นำของ ROA ส่วนใหญ่ทำหน้าที่ในรูปแบบอาสาสมัครรัสเซียอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ROA (เพียงไม่กี่วันก่อนสิ้นสุดสงคราม ซึ่งติดอยู่กับ ROA อย่างเป็นทางการ) - กองพลรัสเซีย กองพลน้อยของนายพล A.V. Turkul ในออสเตรีย ชาติรัสเซียที่ 1 กองทัพบก " Varyag" โดยพันเอก M. A. Semenov แยกกองทหารพันเอก Krzhizhanovsky เช่นเดียวกับในรูปแบบคอซแซค (กองทหารม้าคอซแซคที่ 15 และคอซแซคสแตน)
เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2488 ROA ได้รับสถานะเป็นกองทัพของมหาอำนาจพันธมิตร โดยรักษาความเป็นกลางต่อสหรัฐอเมริกาและบริเตนใหญ่ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ได้มีการลงนามคำสั่งยุบ ROA
หลังจากชัยชนะของสหภาพโซเวียตและการยึดครองเยอรมนี สมาชิก ROA ส่วนใหญ่ถูกย้ายไปยังทางการโซเวียต “ชาววลาโซวิต” บางส่วนสามารถหลบหนีและเข้าไปหลบภัยได้ ประเทศตะวันตกและหลีกเลี่ยงการลงโทษ
สารประกอบ:
เมื่อปลายเดือนเมษายน พ.ศ. 2488 A. A. Vlasov มีกองทัพดังต่อไปนี้ภายใต้การบังคับบัญชาของเขา:
กองพลที่ 1 พล.ต.บุนยาเชนโก (22,000 คน)
กองพลที่ 2 พลตรี G. A. Zverev (13,000 คน)
กองพลที่ 3 พลตรี ม.เอ็ม. ชาโปวาลอฟ (ไม่มีอาวุธ มีเพียงสำนักงานใหญ่และอาสาสมัคร 10,000 คน)
กองพลสำรองของพันโท (ต่อมาเป็นพันเอก) S. T. Koida (7,000 คน) เป็นผู้บัญชาการเพียงคนเดียวของขบวนการขนาดใหญ่ที่หน่วยงานยึดครองของสหรัฐฯ ไม่ได้รับการส่งมอบให้กับฝ่ายโซเวียต
กองทัพอากาศของนายพล V.I. Maltsev (5,000 คน)
แผนกสัตวแพทย์
โรงเรียนเจ้าหน้าที่ของนายพล M. A. Meandrov
ชิ้นส่วนเสริม,
กองพลรัสเซียของพลตรี B. A. Shteifon (4,500 คน) นายพล Steifon เสียชีวิตกะทันหันในวันที่ 30 เมษายน กองพลที่ยอมจำนนต่อกองทัพโซเวียตนำโดยพันเอก Rogozhkin
ค่ายคอซแซคของพลตรี T. I. Domanov (8,000 คน)
กลุ่มพลตรี A.V. Turkul (5200 คน)
กองทหารม้าคอซแซคที่ 15 ภายใต้พลโทเอช. ฟอน แพนน์วิตซ์ (มากกว่า 40,000 คน)
กองทหารสำรองคอซแซคของนายพล A. G. Shkuro (มากกว่า 10,000 คน)
และการก่อตัวเล็ก ๆ หลายแห่งที่มีคนน้อยกว่า 1,000 คน
การรักษาความปลอดภัยและการลงโทษพยุหเสนา กองพัน บริษัท; กองทัพปลดปล่อยรัสเซียแห่ง Vlasov; กองกำลังรักษาความปลอดภัยของรัสเซีย Shteifon; กองพลคอซแซคที่ 15 ฟอน Pannwitz; รูปแบบการทหารส่วนบุคคลที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ ROA; "ผู้ช่วยอาสาสมัคร" - "hivi"
โดยรวมแล้วการก่อตัวเหล่านี้มีจำนวน 124,000 คน ชิ้นส่วนเหล่านี้กระจัดกระจายเป็นระยะทางไกลจากกันมาก
ฉัน, ลูกชายผู้ซื่อสัตย์ของมาตุภูมิของฉันด้วยการเข้าร่วมกองทัพปลดปล่อยรัสเซียโดยสมัครใจฉันขอสาบานอย่างจริงจัง: จะต่อสู้กับพวกบอลเชวิคอย่างซื่อสัตย์เพื่อประโยชน์ของมาตุภูมิของฉัน ในการต่อสู้กับครั้งนี้ ศัตรูทั่วไปในด้านกองทัพเยอรมันและพันธมิตร ข้าพเจ้าขอสาบานว่าจะซื่อสัตย์และเชื่อฟังผู้นำและผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพปลดปล่อยทั้งหมดอย่างอดอล์ฟ ฮิตเลอร์อย่างไม่มีข้อกังขา ฉันพร้อมแล้วที่จะปฏิบัติตามคำสาบานนี้ว่าจะไม่ละเว้นตัวเองและชีวิตของฉัน
ฉันในฐานะลูกชายผู้ซื่อสัตย์ของมาตุภูมิของฉันสมัครใจเข้าร่วมกับกลุ่มนักสู้ของกองทัพของประชาชนรัสเซียโดยสมัครใจสาบานต่อหน้าเพื่อนร่วมชาติของฉัน - เพื่อประโยชน์ของประชาชนของฉันภายใต้คำสั่งหลักของนายพล Vlasov เพื่อ ต่อสู้กับลัทธิบอลเชวิสจนเลือดหยดสุดท้าย การต่อสู้ครั้งนี้ดำเนินไปโดยประชาชนผู้รักเสรีภาพที่เป็นพันธมิตรกับเยอรมนีภายใต้การบังคับบัญชาหลักของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ฉันสาบานว่าจะซื่อสัตย์ต่อสหภาพนี้ เพื่อปฏิบัติตามคำสาบานนี้ ฉันพร้อมที่จะสละชีวิต
สัญลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์:
ธงที่มีไม้กางเขนเซนต์แอนดรูว์และธงไตรรงค์ของรัสเซียถูกใช้เป็นธงของ ROA โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ไตรรงค์ของรัสเซียนั้นได้รับการบันทึกไว้ในวิดีโอของขบวนพาเหรดของกองพลทหารองครักษ์ที่ 1 ของ ROA ในปัสคอฟเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2486 ในบันทึกภาพถ่ายของขบวน Vlasov ใน Munsingen รวมถึงเอกสารอื่น ๆ
เครื่องแบบและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ใหม่ของ ROA สามารถมองเห็นได้ใน 43-44 บนทหารของกองพันตะวันออกที่ประจำการอยู่ในฝรั่งเศส เครื่องแบบทำจากวัสดุสีเทาอมฟ้า (ผ้าของกองทัพฝรั่งเศสที่ยึดมาได้) และส่วนที่ตัดเย็บเป็นชุดเสื้อคลุมรัสเซียและเครื่องแบบเยอรมัน
สายสะพายไหล่ของทหาร นายทหารชั้นสัญญาบัตร และเจ้าหน้าที่เป็นประเภทกองทัพซาร์ของรัสเซีย และเย็บจากผ้าสีเขียวเข้มขอบสีแดง เจ้าหน้าที่มีแถบสีแดงแคบๆ หนึ่งหรือสองแถบตามสายสะพายไหล่ สายสะพายไหล่ของนายพลก็เป็นแบบราชวงศ์เช่นกัน แต่สายสะพายไหล่สีเขียวแบบเดียวกันที่มีขอบสีแดงนั้นพบได้บ่อยกว่า และ "ซิกแซก" ของนายพลก็มีแถบสีแดง การวางตำแหน่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในหมู่นายทหารชั้นประทวนนั้นค่อนข้างสอดคล้องกับตำแหน่งของกองทัพซาร์ สำหรับนายทหารและนายพล จำนวนและตำแหน่งของดวงดาว (แบบจำลองภาษาเยอรมัน) สอดคล้องกับหลักการของเยอรมนี:
ในรูปจากซ้ายไปขวา: 1 - ทหาร, 2 - สิบโท, 3 - นายทหารชั้นสัญญาบัตร, 4 - จ่าสิบเอก, 5 - ร้อยโท (ร้อยโท), 6 - ร้อยโท (ร้อยโทอาวุโส), 7 - กัปตัน, 8 - พันตรี 9 - พันโท , 10 - พันเอก, 11 - พลตรี, 12 - พลโท, 13 - ทั่วไป อันดับสูงสุดสุดท้ายใน ROA คือ Petlitsy รวมถึงสามประเภทด้วย - ทหาร และนายทหารชั้นสัญญาบัตร นายทหาร นายพล รังดุมของนายทหารและนายพลถูกขอบด้วยแฟลเจลลาสีเงินและสีทองตามลำดับ อย่างไรก็ตาม มีรังดุมที่สามารถสวมใส่ได้ทั้งทหารและเจ้าหน้าที่ รังดุมนี้มีขอบสีแดง กระดุมเยอรมันสีเทาถูกวางไว้ที่ด้านบนของรังดุม และมีขนาด 9 มม. เรียงไปตามรังดุม แกลลอนอลูมิเนียม
“รัสเซียเป็นของเรา อดีตของรัสเซียก็เป็นของเรา อนาคตของรัสเซียก็เป็นของเราเช่นกัน” (พล. อ. เอ. วลาซอฟ)
อวัยวะการพิมพ์:หนังสือพิมพ์ นักสู้อาร์โอเอ"(2487) รายสัปดาห์" อาสาสมัคร" (พ.ศ. 2486-44) " แผ่นพับด้านหน้าสำหรับอาสาสมัคร "(พ.ศ. 2487)" ผู้ส่งสารอาสาสมัคร "(พ.ศ. 2487)" เตือน"(พ.ศ. 2486)" เพจจิตอาสา "(พ.ศ. 2487)" เสียงของนักรบ"(พ.ศ. 2487)" ซาเรีย" (พ.ศ. 2486-44) " งาน », « ที่ดินทำกิน", รายสัปดาห์" จริงหรือเปล่า"(พ.ศ. 2484-43)" ด้วยความเกลียดชัง». สำหรับกองทัพแดง: « นักรบของสตาลิน », « นักรบผู้กล้าหาญ », « กองทัพแดง », « ทหารแนวหน้า», « นักรบโซเวียต ».
นายพล Vlasov เขียนว่า: "ลัทธิสังคมนิยมแห่งชาติโดยตระหนักถึงความเป็นอิสระของแต่ละชนชาติได้เปิดโอกาสให้ประชาชนชาวยุโรปทุกคนได้มีโอกาสสร้างชีวิตของตนเองในแบบของตนเอง ด้วยเหตุนี้ ประชาชนแต่ละคนจึงจำเป็นต้องมีพื้นที่อยู่อาศัย ฮิตเลอร์ถือว่าการครอบครองของตนเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน ดังนั้น การยึดครองดินแดนรัสเซียโดยกองทหารเยอรมันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การทำลายล้างชาวรัสเซีย แต่ในทางกลับกัน - ชัยชนะเหนือสตาลินจะกลับคืนสู่รัสเซีย ปิตุภูมิของพวกเขา ภายในตระกูลยุโรปใหม่”
เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2487 ที่สำนักงานใหญ่ของ Reichsführer SS ในปรัสเซียตะวันออก มีการประชุมระหว่าง Vlasov และ Himmler ซึ่งในระหว่างนั้นฝ่ายหลังกล่าวว่า: "นายพล ฉันได้พูดคุยกับ Fuhrer จากนี้ไปคุณสามารถพิจารณาตัวเองได้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดที่มียศพันเอก” ไม่กี่วันต่อมา การปรับโครงสร้างสำนักงานใหญ่ก็เริ่มขึ้น ก่อนหน้านั้น ไปที่สำนักงานใหญ่ ยกเว้น Vlasov และ V.F. Malyshkin รวม: ผู้บัญชาการสำนักงานใหญ่พันเอก E.V. Kravchenko (ตั้งแต่ 09.1944 พันเอก K.G. Kromiadi) หัวหน้าสำนักงานส่วนตัว พันตรี M.A. Kalugin-Tenzorov ผู้ช่วยกัปตัน R. Antonov ของ Vlasov ผู้จัดการฝ่ายจัดหา ผู้หมวด V. Melnikov เจ้าหน้าที่ประสานงาน S.B. Frelnkh และทหาร 6 นาย
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 การประชุมก่อตั้งคณะกรรมการเพื่อการปลดปล่อยแห่งประชาชนรัสเซีย (KONR) เกิดขึ้นในกรุงปราก และ A. Vlasov ได้รับเลือกเป็นประธาน ในตัวเขา กล่าวเปิดงาน Vlasov กล่าวว่า: “ วันนี้เราสามารถรับรองกับ Fuhrer และชาวเยอรมันทั้งหมดได้ว่าในการต่อสู้ที่ยากลำบากกับศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของทุกชนชาติ - ลัทธิบอลเชวิสประชาชนในรัสเซียเป็นพันธมิตรที่ซื่อสัตย์ของพวกเขาและจะไม่มีวันวางอาวุธ แต่จะยอมไหล่ ที่จะเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเขาจนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์” ในการประชุมมีการประกาศการสร้างกองทัพ KONR (AF KONR) ซึ่งนำโดย Vlasov
หลังการประชุม บริษัทรักษาความปลอดภัยของพันตรี Begletsov และบริษัทจัดการของพันตรี Shishkevich ถูกย้ายจาก Dabendorf ไปยัง Dahlem พันตรีคิตรอฟได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการสำนักงานใหญ่แทนโครเมียดี Kromiadi ถูกย้ายไปยังตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานส่วนตัวของ Vlasov ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเขา พันโท Kalugin ไปยังตำแหน่งหัวหน้าแผนกความมั่นคง
เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2488 Vlasov, Aschenbrener, Kroeger ได้พบกับ Baron Stengracht รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมัน มีการลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับการอุดหนุน KONR และเครื่องบินโดยรัฐบาลเยอรมัน ปลายเดือนมกราคม พ.ศ. 2488 เมื่อ Vlasov เยือนรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมัน von Ribbentorp เขาได้แจ้งให้ Vlasov ทราบว่ามีการให้สินเชื่อเงินสดสำหรับ KONR Andreev ให้การเป็นพยานเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการพิจารณาคดี: “ ฉันในฐานะหัวหน้าแผนกการเงินหลักของ KONR รับผิดชอบทรัพยากรทางการเงินทั้งหมดของคณะกรรมการ ทั้งหมด ทรัพยากรทางการเงินฉันได้รับจากธนาคารรัฐเยอรมันจากบัญชีกระแสรายวันของกระทรวงมหาดไทย ฉันได้รับเงินทั้งหมดจากธนาคารด้วยเช็คที่ออกโดยตัวแทนของกระทรวงกิจการภายใน Sievers และ Ryuppei ซึ่งควบคุมกิจกรรมทางการเงินของ KONR จากการตรวจสอบดังกล่าว ฉันได้รับคะแนนประมาณ 2 ล้านคะแนน”
เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2488 ฮิตเลอร์ได้แต่งตั้งวลาซอฟเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพรัสเซีย ROA เริ่มได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นกองทัพของพลังพันธมิตร ซึ่งอยู่ภายใต้การปฏิบัติงานชั่วคราวของ Wehrmacht
"โทรเลขจากReichsführer SS ถึงนายพล Vlasov รวบรวมตามคำแนะนำของObergruppenführer Berger ตั้งแต่วันที่ลงนามคำสั่งนี้ Fuhrer ได้แต่งตั้งคุณให้เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของแผนกรัสเซียที่ 600 และ 650 ในเวลาเดียวกันคุณจะเป็น ขอแสดงความนับถือต่อผู้บังคับบัญชาสูงสุดของขบวนการรัสเซียที่เกิดขึ้นใหม่และจัดกลุ่มใหม่ทั้งหมด” สิทธิทางวินัยของผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะได้รับการยอมรับและในขณะเดียวกันก็สิทธิในการเลื่อนตำแหน่งเป็นนายทหารชั้นนายพัน ผู้พันและนายพลเกิดขึ้นตามข้อตกลงกับหัวหน้าผู้อำนวยการหลักของ SS ตามบทบัญญัติที่มีอยู่สำหรับจักรวรรดิเยอรมันผู้ยิ่งใหญ่
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ผู้ตรวจการกองพลอาสาสมัคร E. Kestring แจ้ง Vlasov ว่าเมื่อพิจารณาถึงความสำเร็จในการสร้างกองพลที่ 1 และความคืบหน้าในการจัดตั้งกองพลที่ 2 เขาสามารถเข้าควบคุมกองพลที่ 2 ได้อย่างเป็นทางการ
ขบวนพาเหรดกล่าวคำสาบานเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่เมืองมูซิงเกน Kestring, Aschenbrenner ผู้บัญชาการกรมทหารที่ 5 เข้าร่วมขบวนพาเหรด ในเมืองสตุ๊ตการ์ท ฟาเยล หัวหน้าสถานที่ทดสอบในเมืองมูซิงเกน นายพล เวนนิเกอร์. ขบวนพาเหรดเริ่มต้นด้วยการที่ Vlasov เดินไปรอบๆ กองทหาร Bunyachenko ยกมือทักทายชาวอารยันแล้วรายงาน หลังจากเสร็จสิ้นการทัวร์ Vlasov ก็ขึ้นไปบนโพเดียมและกล่าวว่า: “ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของการต่อสู้ร่วมกันมิตรภาพของชาวรัสเซียและชาวเยอรมันเกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายทำผิดพลาด แต่พยายามแก้ไข - และสิ่งนี้พูดถึงก สิ่งสำคัญในการทำงานของทั้งสองฝ่ายคือความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ฉันขอขอบคุณเจ้าหน้าที่รัสเซียและเยอรมันที่มีส่วนร่วมในการก่อตั้งสหภาพนี้ ฉันเชื่อมั่นว่าในไม่ช้าเราจะกลับไปสู่บ้านเกิดของเราพร้อมกับทหารและเจ้าหน้าที่เหล่านั้น ที่ฉันเห็นที่นี่ มิตรภาพของชาวรัสเซียและเยอรมันจงเจริญ! จากนั้นขบวนแห่กองที่ 1 ก็เริ่มขึ้น มีกองทหารราบพร้อมปืนไรเฟิลสามกอง, กองทหารปืนใหญ่, กองรบต่อต้านรถถัง, ทหารช่างและกองพันสัญญาณ ขบวนปิดล้อมด้วยเสารถถังและปืนอัตตาจร ในวันเดียวกันนั้น กองพลรัสเซียได้ประกาศเข้าสู่ ROA
ข้อความคำสาบานของ ROA/AF KONR: “ในฐานะลูกชายผู้ซื่อสัตย์แห่งมาตุภูมิของฉัน ฉันสมัครใจเข้าร่วมกองกำลังของคณะกรรมการเพื่อการปลดปล่อยแห่งประชาชนรัสเซีย ต่อหน้าเพื่อนร่วมชาติของฉัน ฉันสาบานอย่างจริงจังว่าจะต่อสู้อย่างซื่อสัตย์จนเลือดหยดสุดท้ายภายใต้คำสั่งของนายพล Vlasov เพื่อประโยชน์ของประชาชนของฉันในการต่อต้านลัทธิบอลเชวิส การต่อสู้ครั้งนี้กำลังดำเนินอยู่โดยประชาชนผู้รักเสรีภาพทุกคนภายใต้การบังคับบัญชาสูงสุดของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ฉันสาบานว่าฉันจะยังคงซื่อสัตย์ต่อสหภาพนี้”
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 รองผู้แทนสภากาชาดระหว่างประเทศในเยอรมนีได้รับบันทึก KONR เกี่ยวกับการปกป้องผลประโยชน์ของเชลยศึกจาก ROA หากพวกเขายอมจำนนต่อตัวแทนของมหาอำนาจตะวันตก เมื่อติดต่อกับสภากาชาดสากล Vlasov ได้รับความช่วยเหลือจาก Baron Pilar von Pilah เลขาธิการองค์กร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชาวรัสเซีย
ภายในสิ้นเดือนมีนาคม พ.ศ. 2488 กำลังรวมของกองทัพ KONR อยู่ที่ประมาณ 50,000 คน
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2488 ที่ All-Cossack Congress ในเมือง Virovitica (โครเอเชีย) มีการตัดสินใจที่จะรวมกองทหารคอซแซคเข้ากับกองทัพ KONR Vlasov ก็เข้าร่วมโดยกลุ่มพลตรี A.V. Turkul ซึ่งเริ่มก่อตั้งกองทหารใน Lienz, Ljubljana และ Villach
พลตรีสมีสลอฟสกี้ ซึ่งเป็นหัวหน้ากองทัพแห่งชาติรัสเซียที่ 1 ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับวลาซอฟ การเจรจากับนายพลชานดรุกเกี่ยวกับการรวมแผนก SS "กาลิเซีย" ในกองทัพ KONR ยังคงไม่มีผลลัพธ์ คำสั่งของเยอรมันไม่ได้ส่งกองพลทหารราบที่ 9 ให้กับ Vlasov พลตรีฟอน เฮนนิง ในประเทศเดนมาร์ก ต่อมากองทหารกองหนึ่งได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกองพลที่ 1 (714) ประจำการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ในแนวรบ Oder ภายใต้คำสั่ง (ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม) ของพันเอก Igor Konst Sakharov (ผู้เข้าร่วมในสงครามกลางเมืองสเปน หัวหน้าสาขาสเปนของพรรคฟาสซิสต์รัสเซีย)
เพื่อทดสอบความสามารถในการรบของกองทัพ KONR ตามคำสั่งของฮิมม์เลอร์กลุ่มโจมตี (505 คน) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดยพันเอก I.K. ซาคารอฟ. กลุ่มนี้ติดอาวุธด้วยปืนไรเฟิล SG-43 ปืนกลมือ MP-40 และเฟาสต์ผู้อุปถัมภ์ นำเข้าสู่การรบเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ในพื้นที่ระหว่าง Wriezen และ Gustebise ในภูมิภาค Küstrin โดยมีเป้าหมายเพื่อขับไล่กองทหารโซเวียตออกจากหัวสะพานบนฝั่งตะวันตกของ ออร์เดอร์ การปลดประจำการซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนกDöberitzเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้กับกองพลที่ 230 ผู้บัญชาการกองทัพบกที่ 9 พล. บุสส์สั่งผู้บัญชาการกองพลที่ 101 นายพล เบอร์ลินและผู้บัญชาการกองพล พันเอกฮุนเบอร์ "ต้อนรับรัสเซียด้วยความเป็นมิตร" และ "ประพฤติตนอย่างชาญฉลาดกับพวกเขาในทางการเมือง" กองทหารได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ปลดปล่อยจำนวนหนึ่ง การตั้งถิ่นฐานในภาค SD ที่ 230 ของกองทัพแดงและชักชวนทหารของตนให้ยุติการต่อต้านและยอมจำนน ในระหว่างการโจมตีตอนกลางคืนและการสู้รบ 12 ชั่วโมง ชาว Vlasovites ซึ่งแต่งกายด้วยเครื่องแบบกองทัพแดงสามารถยึดจุดแข็งได้หลายจุดและจับกุมเจ้าหน้าที่ 3 นายและทหาร 6 นายได้ ในวันต่อมา กองทหารของ Sakharov ได้ทำการลาดตระเวนสองครั้งในภูมิภาคของเมือง Schwedt และมีส่วนร่วมในการขับไล่การโจมตีด้วยรถถังโดยทำลายรถถัง 12 คัน เกี่ยวกับการกระทำของชาวรัสเซีย ผู้บัญชาการกองทัพที่ 9 นายพลทหารราบ Busse รายงานต่อผู้บังคับบัญชาหลักของกองกำลังภาคพื้นดินเยอรมัน (OKH) ว่าพันธมิตรรัสเซียสร้างความโดดเด่นด้วยการกระทำที่เชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่และความกล้าหาญของทหาร . เกิ๊บเบลส์เขียนไว้ในสมุดบันทึกของเขาว่า: "... ระหว่างปฏิบัติการของซาคารอฟในพื้นที่คึสทริน กองทหารของนายพล Vlasov ต่อสู้อย่างยอดเยี่ยม... Vlasov เองเชื่อว่าแม้ว่าโซเวียตจะมีรถถังและอาวุธเพียงพอ แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญกับความยากลำบากที่แทบจะผ่านไม่ได้จากเสบียงจากด้านหลัง พวกเขามีรถถังจำนวนมากที่มุ่งไปที่ Oder แต่มีน้ำมันไม่เพียงพอ ... " ยีน. เบอร์ลินมอบ Iron Crosses ให้กับทหารและเจ้าหน้าที่เป็นการส่วนตัว (Sakharov ได้รับรางวัล Iron Cross ชั้น 1) Vlasov ได้รับการแสดงความยินดีเป็นการส่วนตัวจาก Himmler ในโอกาสนี้ หลังจากนั้น ฮิมม์เลอร์บอกกับฮิตเลอร์ว่าเขาต้องการมีกองทหารรัสเซียอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขามากขึ้น
เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ในการประชุมครั้งสุดท้ายของ KONR มีการตัดสินใจที่จะค่อยๆ ดึงรูปแบบทั้งหมดเข้าสู่เทือกเขาแอลป์ของออสเตรีย เพื่อยอมจำนนต่อแองโกล-อเมริกัน
เมื่อวันที่ 13 เมษายน Zehnder เอกอัครราชทูตสวิสประจำกรุงเบอร์ลินกล่าวว่าการมาถึงของชาว Vlasovites ในดินแดนสวิสนั้นไม่เป็นที่พึงปรารถนาเพราะ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของประเทศได้ รัฐบาลสวิสก็ปฏิเสธที่จะให้ Vlasov เป็นการส่วนตัวเช่นกัน
ในเดือนเมษายน Vlasov ส่งกัปตัน Shtrik-Shtrikfeld และนายพล Malyshkin ไปทำภารกิจติดต่อกับพันธมิตร
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ROA กลุ่มทางใต้ได้แสดงในภูมิภาค Budweis-Linz กองพลที่ 1 ย้ายมาที่นี่จากแนวหน้าโอเดอร์ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม พระองค์ทรงอยู่ใกล้กรุงปราก ซึ่งในเวลานี้เกิดการกบฏขึ้น Chehir วิทยุขอความช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม Vlasov ยอมจำนนต่อชาวอเมริกันและอยู่ในป้อมปราการ Shlisselburg ในฐานะเชลยศึก เมื่อเวลา 14.00 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม ภายใต้การคุ้มครองของขบวนรถอเมริกัน เขาถูกส่งไปยังสำนักงานใหญ่ระดับสูงของอเมริกา ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีการเจรจา คอลัมน์ยานพาหนะถูกหยุดโดยเจ้าหน้าที่โซเวียต พวกเขาจ่อเรียกร้องให้ Vlasov และ Bunyachenko ซึ่งอยู่กับเขาย้ายเข้าไปในรถของพวกเขา เจ้าหน้าที่และทหารอเมริกันไม่ได้เข้าไปยุ่ง นักประวัติศาสตร์ชาวเยอรมันเชื่อว่ารองเสนาธิการกองพลที่ 12 ของกองทัพอเมริกัน พันเอกพี. มาร์ตินมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้
เจ้าหน้าที่ ROA ถูกยิงโดยไม่มีการพิจารณาคดี และคนอื่นๆ ถูกส่งไปยังค่ายกักกันโดยบรรทุกสินค้าที่ล็อกไว้ ผู้ที่ไม่ได้ถูกตัดสินประหารชีวิตและเงื่อนไขค่ายตามคำสั่งของคณะกรรมการป้องกันประเทศเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ได้รับการระงับข้อพิพาทพิเศษเป็นเวลา 6 ปี
นอกจาก Vlasov, Malyshkin, Zhilenkov, Trukhin, Zakutny, Blagoveshchensky, Meandorov, Maltsev, Bunyachenko, Zverev, Korbukov และ Shatov ยังปรากฏตัวในการพิจารณาคดีแบบปิด ศาลตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ประโยคดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2489
1. ผู้บัญชาการทหารสูงสุด: พลโท Andrei A. Vlasov อดีตผู้บัญชาการกองทัพช็อกที่ 2 ของกองทัพแดง กางเขนเหล็ก (02/09/1945)
2. NS และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด: พลตรี F.I. Trukhin (08.1946, ถูกแขวนคอ) อดีตรองผู้ว่าการ NSh ของแนวรบด้านตะวันตกเฉียงเหนือของกองทัพแดง
3. รอง นส. : พันเอก (ตั้งแต่ 24/09/2487 พลตรี) V.I. โบยาร์สกี้
4. เจ้าหน้าที่ในสังกัดผู้บัญชาการทหารสูงสุดสำหรับงานมอบหมายพิเศษ: Nikolai Aleksan Troitsky (เกิด พ.ศ. 2446) สำเร็จการศึกษาจากสถาบันสารพัดช่าง Simbirsk ในปี พ.ศ. 2467 จากนั้นจากสถาบันสถาปัตยกรรมมอสโก เขาทำงานในคณะกรรมการประชาชนเพื่อการศึกษา เลขาธิการวิทยาศาสตร์ของสมาคมสถาปัตยกรรมมอสโก และรองเลขาธิการวิทยาศาสตร์ของสถาบันสถาปัตยกรรมแห่งสหภาพโซเวียต เขาถูกจับกุมในปี พ.ศ. 2480 และถูกสอบสวนที่ Lubyanka เป็นเวลา 18 เดือน เขาถูกจับในปี พ.ศ. 2484 และจนถึงปี พ.ศ. 2486 เขาอยู่ในค่ายกักกัน ผู้ร่วมเขียนประกาศปราก KONR หลังสงครามหนึ่งในผู้นำและผู้จัดงาน SBONR ในปี พ.ศ. 2493-55 ผู้อำนวยการสถาบันมิวนิกเพื่อการศึกษาประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสหภาพโซเวียต ผู้แต่งหนังสือ "ค่ายกักกันแห่งสหภาพโซเวียต" (มิวนิก, 2498) และเรื่องสั้นชุด
5. ผู้ช่วยกลุ่มผู้นำสำนักงานใหญ่: ร้อยโท A.I. โรมาชิน, โรมาชกิน.
6. ผู้บัญชาการเสนาธิการ: พันเอก E.V. คราฟเชนโก
7. เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการพิเศษ : ร้อยโท M.V. โทมาเชฟสกี้. สำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยคาร์คอฟ
8. เจ้าหน้าที่ประสานงาน: นิโคล. วลาดิม. Vashchenko (2459 - หลังปี 2516) นักบินถูกยิงตกและถูกจับในปี 2484 เขาสำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรการโฆษณาชวนเชื่อใน Luckenwald และ Dabendorf
หัวหน้าสำนักงาน: ร้อยโท S.A. ชีโก้
ผู้แปล: ร้อยโทเอเอ คูเบคอฟ
หัวหน้าหน่วยทั่วไป: ร้อยโท Prokopenko
หัวหน้าฝ่ายจัดหาอาหาร: กัปตัน V. Cheremisinov
ฝ่ายปฏิบัติการ:
1. หัวหน้ารอง NS: พันเอก Andrey Geor Aldan (Neryanin) (2447 - 2500 วอชิงตัน) ลูกชายของคนงาน ในกองทัพแดง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2462 สำเร็จการศึกษาหลักสูตรทหารราบและโรงเรียนนายร้อย เอ็มวี Frunze (1934 ด้วยเกียรตินิยม) ในปีพ.ศ. 2475 เขาถูกไล่ออกจาก CPSU(b) เนื่องจากการเบี่ยงเบนไปทางซ้าย-ทรอตสกี จากนั้นจึงกลับเข้ารับตำแหน่งอีกครั้ง หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของเขตทหารอูราล (พ.ศ. 2484) ถูกจับใกล้กับเมือง Vyazma ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2484 โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกปฏิบัติการของสำนักงานใหญ่กองทัพบกที่ 20 ในปี พ.ศ. 2485-44 สมาชิกของกลุ่มต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากล เขารับผิดชอบกิจกรรมองค์กรของสำนักงานใหญ่ ROA ประธานสหภาพนักรบแห่งขบวนการปลดปล่อย (สหรัฐอเมริกา) สมาชิกของสำนักกลาง SBONR
2. รอง: พันโทโคโรวิน
3. หัวหน้าแผนกย่อย: V.F. ริล.
4. หัวหน้าแผนก: V.E. มิเชลสัน.
แผนกข่าวกรอง:
ในขั้นต้น หน่วยข่าวกรองของกองทัพและพลเรือนอยู่ภายใต้เขตอำนาจของแผนกรักษาความปลอดภัย KONR พันโท N.V. เทนโซโรวา. เจ้าหน้าที่ของเขาคือพันตรี M.A. คาลูกินและบี หัวหน้าแผนกพิเศษของสำนักงานใหญ่ของเขตทหารคอเคซัสเหนือ เมเจอร์เอเอฟ ชิคาลอฟ. เมื่อวันที่ 02.1945 หน่วยข่าวกรองทางทหารแยกออกจากหน่วยข่าวกรองพลเรือน ภายใต้การดูแลของพลตรี Trukhin เริ่มสร้างหน่วยข่าวกรองแยกต่างหากของ ROA และมีการจัดตั้งแผนกข่าวกรองที่สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ แผนกแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม:
หน่วยสืบราชการลับ: ร้อยโท N.F. ตัวผู้ (ผู้ช่วยอาวุโสหัวหน้าแผนกที่ 2) ต่อมาเป็นร้อยโทบี. ไก;
การต่อต้านข่าวกรอง
กลุ่มข่าวกรองศัตรู: ร้อยโท A.F. Vronsky (ผู้ช่วยหัวหน้าแผนกที่ 1)
ตามคำสั่งของพล.ต.ตรุกคิน ลงวันที่ 8.03 น. ในปี พ.ศ. 2488 แผนก l/s ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 21 นาย นอกเหนือจากหัวหน้า ต่อมาแผนกนี้รวมถึงกัปตัน V. Denisov และเจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ
1. หัวหน้า: พันตรี I.V. กราเชฟ
2. หัวหน้าฝ่ายต่อต้านข่าวกรอง: พันตรี Chikalov กำกับดูแล หน่วยสืบราชการลับในการปฏิบัติงาน ROA ตั้งแต่ปีพ. ศ. 2488 ได้จัดฝึกอบรมบุคลากรข่าวกรองทางทหารและการก่อการร้ายในสหภาพโซเวียต
แผนกต่อต้านข่าวกรอง:
หัวหน้าพันตรี Krainev
ฝ่ายสืบสวน:
หัวหน้า: พันตรีกาลานิน
แผนกจดหมายลับ:
หัวหน้า: กัปตัน P. Bakshansky
แผนกทรัพยากรบุคคล:
หัวหน้า: กัปตัน Zverev
ฝ่ายสื่อสาร:
หัวหน้าสำนักงาน ร้อยโทอาวุโส V.D. คอร์บูคอฟ
แผนก VOSO:
หัวหน้า: พันตรี จี.เอ็ม. เครเมนสกี้
แผนกภูมิประเทศ:
หัวหน้า: พันโท G. Vasiliev ร้อยโทอาวุโสของกองทัพแดง
แผนกการเข้ารหัส:
หัวหน้าคนที่ 1: พันตรี A. Polyakov
2. รอง: พันโท ไอ.พี. พาฟลอฟ. ร้อยโทอาวุโสของกองทัพแดง
แผนกการก่อตัว:
หัวหน้าคนที่ 1: พันเอก I. D. Denisov
รองที่ 2: พันตรี บธ. นิกิฟอรอฟ
3. หัวหน้ากลุ่มแผนกรูปขบวน: กัปตัน G.A. เฟโดเซฟ
4. หัวหน้ากลุ่มแผนกก่อตัว: กัปตัน V.F. เดมิดอฟ
5. หัวหน้ากลุ่มแผนกก่อตัว: กัปตัน S.T. คอซลอฟ
6. หัวหน้ากลุ่มแผนกการก่อตัว: พันตรี G.G. สวิริเดนโก.
ฝ่ายฝึกการต่อสู้:
1. หัวหน้า: พลตรี Asberg (Artsezov, Asbjargas) (b. Baku), อาร์เมเนีย จบการศึกษา โรงเรียนทหารใน Astrakhan ผู้บัญชาการหน่วยรถถัง พันเอกแห่งกองทัพแดง เขาออกมาจากที่ล้อมใกล้กับเมืองตากันรอก ถูกศาลทหารตัดสินลงโทษ และถูกตัดสินประหารชีวิตในปี พ.ศ. 2485 ซึ่งถูกแทนที่ด้วยกองพันทัณฑ์ ในการรบครั้งแรกเขาไปสู้กับชาวเยอรมัน
2. รอง: พันเอก อ.น. ทาวันต์เซฟ.
หัวหน้าหมวดย่อยที่ 1 (การฝึกอบรม): พันเอก F.E. สีดำ
3. หัวหน้าหมวดย่อยที่ 2 (โรงเรียนทหาร): พันเอกเอ.เอ. เดนิเซนโก.
4. หัวหน้าหมวดย่อยที่ 3 (กฎบัตร): พันโท A.G. มอสวิเชฟ.
ฝ่ายบัญชาการ:
ประกอบด้วย 5 กลุ่ม
1. หัวหน้า: พันเอก (02.1945) Vladimir Vas. Poznyakov (05/17/1902, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - 21/12/1973, ซีราคิวส์, สหรัฐอเมริกา) ในกองทัพแดงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2462 ในปี พ.ศ. 2463 เขาสำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรการบังคับบัญชาคาลูกา เวลา 09.20 น. ผู้สอนกิจการหนังสือพิมพ์แนวรบด้านตะวันตกเฉียงใต้ ในปี พ.ศ. 2464-26 นักเรียนโรงเรียนเคมีทหารชั้นสูง ตั้งแต่ 01.26 น. หัวหน้าฝ่ายบริการเคมีของกองทหารราบที่ 32 Saratov ในปี พ.ศ. 2471-31 ครูที่ Saratov School of Reserve Commanders ในปี พ.ศ. 2474-32 ครูที่โรงเรียนเกราะ Saratov ในปี พ.ศ. 2475-36 หัวหน้าฝ่ายบริการเคมีของโรงเรียนหุ้มเกราะ Ulyanovsk กัปตัน (2479) เมเจอร์ (1937) ในปี พ.ศ. 2480-39 ถูกจับกุมและทรมาน ในปี พ.ศ. 2482-41 อาจารย์วิชาเคมีที่โรงเรียนเทคนิคยานยนต์ Poltava ตั้งแต่เวลา 03.41 น. หัวหน้าฝ่ายบริการเคมีภัณฑ์ อบต. 67 พันโท (05/29/1941) 10.1941 ถูกยึดใกล้เมือง Vyazma ในปีพ.ศ. 2485 หัวหน้าตำรวจค่ายใกล้กับเมือง Bobruisk ขณะนั้นอยู่ที่หลักสูตรโฆษณาชวนเชื่อในเมือง Wulheide 04.1943 ที่โรงเรียนนักโฆษณาชวนเชื่อ Dabendorf ผู้บัญชาการกองร้อยนักเรียนนายร้อยที่ 2 ตั้งแต่เวลา 07.43 น. เขาเป็นหัวหน้าหลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับนักโฆษณาชวนเชื่อใน Luckenwalde ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2487 เขาเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้โฆษณาชวนเชื่อ ROA ในรัฐบอลติก ตั้งแต่ 11.1944 หัวหน้าแผนกบังคับบัญชาของสำนักงานใหญ่ ROA เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2488 เขาถูกตัดสินประหารชีวิตโดยไม่ปรากฏตัว ตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 50 สอนในโรงเรียนทหารของกองทัพสหรัฐฯ และทำงานให้กับ CIA ตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 60 สอนที่โรงเรียนการบินทหารในเมืองซีราคิวส์ ผู้แต่งหนังสือ: “The Birth of the ROA” (Syracuse, 1972) และ “A.A. วลาซอฟ" (ซีราคิวส์, 1973)
2. รอง: พันตรี V.I. สเตรลนิคอฟ
3. หัวหน้าหมวดย่อยที่ 1 (เจ้าหน้าที่ทั่วไป): กัปตันยา ก. คาลินิน
4. หัวหน้าหมวดย่อยที่ 2 (ทหารราบ): พันตรี A.P. Demsky
5. หัวหน้าหมวดย่อยที่ 3 (ทหารม้า): ร้อยโทอาวุโส N.V. วาชเชนโก.
6. หัวหน้าหมวดย่อยที่ 4 (ปืนใหญ่): พันโท M.I. ปันเควิช.
7. หัวหน้าหมวดย่อยที่ 5 (กองกำลังรถถังและวิศวกรรม): กัปตัน A. G. Kornilov
8. หัวหน้าแผนกย่อยที่ 6 (ฝ่ายบริหาร เศรษฐกิจ และการทหาร): พันตรี V.I. ปานยศ.
กองทัพปลดปล่อยรัสเซีย - ROA ส่วนที่ 1
ผู้เหยียดเชื้อชาติสมัยใหม่ของปูตินกล่าวหายูเครนถึงบาปและอาชญากรรมทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นสหพันธรัฐรัสเซียที่ส่งกองทหารเข้าสู่แหลมไครเมียอย่างโจ่งแจ้งและเริ่มการสังหารหมู่ที่ไร้เหตุผลใน Donbass โดยยึดส่วนหนึ่งของภูมิภาคโดเนตสค์และลูกันสค์ ... ซีเรีย ตุรกี ... นักโฆษณาชวนเชื่อชาวรัสเซียไม่มีความละอายหรือมโนธรรม
สำหรับพวกเขา ยูเครนเป็นรัฐบาลเผด็จการฟาสซิสต์ ซึ่ง "สมาชิกของแคว้นกาลิเซียของบันเดรา" อยู่ในอำนาจ...
พิพิธภัณฑ์โปสเตอร์ยูเครนในนิตยสาร "พิพิธภัณฑ์แห่งยูเครน" เตือนเราอย่างสุภาพถึง Russian Academy of Arts ของ Vlasov อาชญากรรมและสัญลักษณ์ของพวกเขา ซึ่งน่าประหลาดใจที่กลายเป็นรัฐในสหพันธรัฐรัสเซีย
แล้วใครคือ “ฟาสซิสต์ เผด็จการทหาร และนาซี”? ฉันอยากจะถามผู้สืบทอดการโฆษณาชวนเชื่อของ Goebbels และอุดมการณ์ฟาสซิสต์ของ Vlasov...
บริการกดของพิพิธภัณฑ์โปสเตอร์ยูเครน
กองทัพปลดปล่อยรัสเซีย, ROA- ชื่อที่จัดตั้งขึ้นในอดีตของกองทัพของคณะกรรมการเพื่อการปลดปล่อยแห่งประชาชนแห่งรัสเซีย (KONR) ซึ่งต่อสู้จากฝ่าย Third Reich เพื่อต่อต้านระบบการเมืองของสหภาพโซเวียตตลอดจนจำนวนทั้งสิ้นของคนส่วนใหญ่ หน่วยต่อต้านโซเวียตรัสเซียและหน่วยจากผู้ร่วมมือรัสเซียภายใน Wehrmacht ในปี 1943-1944 ส่วนใหญ่ใช้ในระดับกองพันและกองร้อยที่แยกจากกัน และก่อตั้งขึ้นโดยโครงสร้างทางทหารต่างๆ ของเยอรมัน (สำนักงานใหญ่ของกองกำลัง SS เป็นต้น) ในช่วง Great Patriotic สงคราม.
เครื่องราชอิสริยาภรณ์กองทัพปลดปล่อยรัสเซีย (เครื่องราชอิสริยาภรณ์แขนเสื้อ) ช่วงเวลาที่แตกต่างกันในขณะนั้นมีคนสวมใส่ประมาณ 800,000 คน แต่มีเพียงหนึ่งในสามของจำนวนนี้เท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากผู้นำของ ROA ว่าจริงๆ แล้วเป็นของการเคลื่อนไหวของพวกเขา
จนถึงปี พ.ศ. 2487 ROA ยังไม่มีรูปแบบทางทหารใดๆ เป็นพิเศษ แต่ส่วนใหญ่ถูกใช้โดยทางการเยอรมันเพื่อโฆษณาชวนเชื่อและรับสมัครอาสาสมัครเข้ารับราชการ กองพลที่ 1 ของ ROA ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 หลังจากนั้นไม่นานก็มีการสร้างรูปแบบอื่นๆ และเมื่อต้นปี พ.ศ. 2488 รูปแบบการทำงานร่วมกันอื่นๆ ก็รวมอยู่ใน ROA
กองทัพถูกสร้างขึ้นในลักษณะเดียวกับตัวอย่างเช่นกองพันเฉพาะกิจพิเศษคอเคเชียนเหนือ "เบิร์กมันน์", กองทัพจอร์เจียแห่ง Wehrmacht - ส่วนใหญ่มาจากเชลยศึกโซเวียตหรือจากกลุ่มผู้อพยพ อย่างไม่เป็นทางการ กองทัพปลดปล่อยรัสเซียและสมาชิกถูกเรียกว่า "Vlasovites" ตามชื่อผู้นำของพวกเขา อดีตพลโท Andrei Vlasov ของสหภาพโซเวียต
เมื่อปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2485 กองทัพช็อกที่ 2 ของแนวรบ Volkhov ถูกตัดขาดจากกองกำลังหลักของกองทัพแดง นักสู้ส่วนใหญ่เสียชีวิต ผู้รอดชีวิตกระจัดกระจายไปทั่ว ป่าพรุ- ในสถานการณ์วิกฤตินี้ผู้บัญชาการกองทัพและในเวลาเดียวกันรองผู้บัญชาการของแนวรบ Volkhov นายพล A. Vlasov ได้ละทิ้งกองทหารที่ได้รับมอบหมายให้เขาและหายตัวไปในทิศทางที่ไม่รู้จัก เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2485 Vlasov ยอมจำนนต่อชาวเยอรมัน เนื่องจากตำแหน่งทางการที่สูงของเขา Vlasov จึงรู้มากดังนั้นในไม่ช้าเขาก็ถูกส่งไปยังค่ายเชลยศึก Vinnitsa ซึ่งอยู่ภายใต้เขตอำนาจของหน่วยข่าวกรองทหารเยอรมัน - Abwehr ที่นั่น Vlasov ประกาศความยินยอมที่จะมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับกองทัพแดงที่อยู่ข้างนาซี เมื่อต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2485 เขาเสนอให้ทางการเยอรมันจัดตั้งอาสาสมัครอิสระ "กองทัพปลดปล่อยรัสเซีย" (ROA) เพื่อต่อสู้เป็นพันธมิตรกับเยอรมนีเพื่อต่อต้านระบอบสตาลิน แนวคิดนี้ทำให้ผู้นำนาซีสนใจ และ Vlasov ก็ได้รับความไว้วางใจให้รับสมัครอาสาสมัครในค่ายเชลยศึกและในหมู่ผู้อพยพ Vlasov ดำเนินภารกิจในการรวมกองกำลังต่อต้านโซเวียตทั้งหมดเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติจริงแผนนี้ถูกเลื่อนออกไปโดยฮิตเลอร์ เมื่อพิจารณาถึงกรณีของอาสาสมัครดังกล่าวที่เข้าประจำการในกองทัพแดง แทบไม่มีความไว้วางใจในตัวพวกเขาเลย เมื่อถึงกลางปี 1944 เท่านั้นที่ผู้ปกครองนาซีเริ่มตระหนักว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังเลวร้ายมากสำหรับพวกเขา ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2487 G. Himmler หัวหน้าหน่วย SS และ Gestapo ได้พบกับ Vlasov และให้การดำเนินการล่วงหน้าในการจัดตั้งหน่วยงานอิสระของรัสเซียจากกองกำลังที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 มีการจัดตั้งคณะกรรมการที่เรียกว่า "คณะกรรมการเพื่อการปลดปล่อยแห่งประชาชนรัสเซีย" (KONR) ขึ้นในกรุงปรากด้วยเงินจากจักรวรรดิไรช์ของเยอรมัน คณะกรรมการได้นำแถลงการณ์ของขบวนการต่อต้านโซเวียตมาใช้ โดยทำซ้ำข้อความโฆษณาชวนเชื่อของฮิตเลอร์เกี่ยวกับสหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาอย่างแท้จริง ต่อจากนี้ การก่อตัวของแผนก ROA เริ่มต้นจากหน่วยที่เคยมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับพรรคพวกโซเวียต ในการปราบปรามการจลาจลวอร์ซอ ในการปฏิบัติการรบในส่วนต่างๆ ของแนวรบโซเวียต-เยอรมัน เช่นเดียวกับอาสาสมัครจากฝรั่งเศส ,เดนมาร์ก,นอร์เวย์,ประเทศบอลข่าน,อิตาลีและอื่นๆ ด้วยจำนวนนักสู้มากถึง 50,000 คน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2487 ตามคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการบินของนาซีเยอรมนี G. Goering กองทัพอากาศ ROA ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ "กลุ่มอากาศรัสเซีย" ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของ Luftwaffe ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2486 (โดยรวมแล้ว มาพร้อมกับเครื่องบิน Messerschmitt และ Junkers จำนวน 28 ลำ ") หน่วย ROA สามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้กับกองทัพโซเวียตระหว่างปฏิบัติการ Vistula-Oder และเบอร์ลินในฤดูใบไม้ผลิปี 2488 รวมถึงที่ชายแดนยูโกสลาเวีย - ฮังการี
โฆษณาชวนเชื่อ
เพื่อเสริมสร้าง ROA จึงได้มีการนำคริสตจักรออร์โธดอกซ์ต่างประเทศของรัสเซียเข้ามาด้วย ซึ่งไม่สามารถให้อภัยเจ้าหน้าที่โซเวียตสำหรับการประหัตประหารทางศาสนาได้ ตัวอย่างเช่นนี่คือสิ่งที่เรียกร้องให้มีการต่อสู้ด้วยอาวุธกับทหารโซเวียต Alexander Kiselev นักบวชของคริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียในต่างประเทศเขียนไว้ในสิ่งพิมพ์ของ Vlasov ฉบับหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2487:“ พวกเราคนไหนที่ไม่ปวดใจ ความคิดที่ว่าสาเหตุที่สดใสของการกอบกู้มาตุภูมินั้นเชื่อมโยงกับความจำเป็นของสงครามที่แตกแยกซึ่งเป็นสิ่งที่เลวร้าย คำตอบคืออะไร? วิธีแก้ปัญหาคืออะไร? และตัวเขาเองตอบว่า: "สงครามเป็นสิ่งชั่วร้าย แต่บางครั้งอาจเป็นความชั่วร้ายน้อยที่สุดและดีด้วยซ้ำ"
แต่นี่คือข้อความอีกข้อความหนึ่งที่น่าขนลุกและไร้สาระเช่นกันจากหนังสือพิมพ์ Vlasov ลงวันที่แล้วในปี 1945 เท่านั้น นี่เป็นข้อความสั้น ๆ ที่มีชื่อว่า "ชาวโปแลนด์สูญเสียผู้คนไป 10 ล้านคน": "สำนักข่าวรอยเตอร์ของอังกฤษรายงานข้อความจากสำนักข้อมูลของกองทัพโปแลนด์ตามที่โปแลนด์สูญเสียผู้คนไป 10 ล้านคนในช่วงสงครามครั้งนี้ นี่เป็นผลลัพธ์อันเลวร้ายของสงครามร้ายแรงสำหรับชาวโปแลนด์ ซึ่งเกิดจากนโยบายทางอาญาของรัฐบาลวอร์ซอที่ถูกลอนดอนหลอกลวง” กล่าวอีกนัยหนึ่งชาว Vlasovites ที่ต่อสู้ร่วมกับชาวเยอรมันในโปแลนด์เชื่อว่าไม่ใช่ฮิตเลอร์และผู้ช่วยของเขาที่ต้องตำหนิสำหรับเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย แต่เป็นชาวโปแลนด์เองและพันธมิตรของพวกเขา!
ตำนานเกี่ยวกับคน VLASOV
ในสิ่งพิมพ์บางฉบับคุณจะพบข้อความว่าชาว Vlasovites ไม่ได้มีส่วนร่วมในการสู้รบกับกองทัพแดง วิทยานิพนธ์ดังกล่าวไม่ได้รับการสนับสนุนจากข้อเท็จจริง ไม่สามารถยืนหยัดต่อการวิพากษ์วิจารณ์ได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะอ้างอิงหนังสือพิมพ์ Vlasov เรื่อง "For the Motherland" ซึ่งตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 ตีพิมพ์เป็นภาษารัสเซียสัปดาห์ละสองครั้งในดินแดนที่ฮิตเลอร์ยึดครอง พล.ต. F. Trukhin หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ที่สุดของ Vlasov เองก็เปิดเผยการเคลื่อนไหวของเขาในหนังสือพิมพ์ฉบับแรกสุดที่กล่าวถึง: “ ชาวเยอรมันเชื่อมั่นว่าพวกเขามีพันธมิตรที่ภักดีในอาสาสมัครของเรา ในการสู้รบในแนวรบด้านตะวันออก ในอิตาลี ในฝรั่งเศส อาสาสมัครของเราได้แสดงความกล้าหาญ ความกล้าหาญ และความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะคว้าชัยชนะ” หรือ: “เรามีหน่วยกำลังพลของกองทัพปลดปล่อยรัสเซีย, Vizvolny Viysk ของยูเครน และกองกำลังระดับชาติอื่น ๆ ที่รวมตัวกันในการรบและผ่านโรงเรียนแห่งสงครามอันโหดร้ายในแนวรบด้านตะวันออกในคาบสมุทรบอลข่านในอิตาลีและฝรั่งเศส เรามีเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์และช่ำชอง” และเพิ่มเติม: “เราจะต่อสู้กับกองทัพแดงอย่างกล้าหาญ ไม่ใช่เพื่อชีวิต แต่เพื่อความตาย” บทความยังระบุด้วยว่ากองทหาร Vlasov จะมีกองทหารทุกประเภทที่จำเป็นในการทำสงครามสมัยใหม่และอาวุธที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด:“ ในเรื่องนี้เรา พันธมิตรเยอรมัน- บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ "เพื่อมาตุภูมิ" ลงวันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2488 พูดถึงพิธีโอนไปยังกองพันรัสเซีย Vlasovites ซึ่งยังอยู่ในส่วนหนึ่งของกองทัพเยอรมัน: "เส้นทางที่กองพันเดินผ่านนั้นรุ่งโรจน์และให้คำแนะนำ ก่อตั้งขึ้นในเบลารุสและมีความโดดเด่นในการต่อสู้กับพรรคพวก หลังจากการฝึกการต่อสู้เบื้องต้นซึ่งแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ ความกล้าหาญ และความอุตสาหะในระดับสูง กองพันก็รวมอยู่ในกองทัพเยอรมันที่ประจำการอยู่ในฝรั่งเศส เบลเยียม และฮอลแลนด์ ในช่วงวันที่น่าจดจำของการรุกรานของแองโกล - อเมริกัน ในฤดูร้อนปี 1944 กองพันได้เข้าร่วมการรบอันร้อนแรง นักสู้หลายคนได้รับรางวัลสำหรับความกล้าหาญ”
นี่คือข้อความที่ตัดตอนมาจากรายงานเมื่อมาถึง อดีตผู้บัญชาการกองพลเยอรมัน ซึ่งก่อนหน้านี้รวมกองพันรัสเซียนี้ด้วย: “เยี่ยมมาก พี่น้อง! – คำทักทายของเขาเป็นภาษารัสเซียล้วนๆ – จนถึงวันนี้คุณอยู่ในกองทัพเยอรมัน เป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งที่คุณต่อสู้เคียงข้างทหารเยอรมัน คุณต่อสู้ใกล้ Bobruisk, Smolensk ในฝรั่งเศสและเบลเยียม คุณมีโฉนดมากมาย บริษัท ที่สามมีชื่อเสียงเป็นพิเศษ ตอนนี้เราต้องสู้จนเลือดหยดสุดท้าย เราจำเป็นต้องชนะเพื่อปลดปล่อยรัสเซียที่อดกลั้นมานานจากแอก 25 ปีของชาวยิวและคอมมิวนิสต์ ยุโรปใหม่จงเจริญ! รัสเซียที่ปลดปล่อยแล้วจงเจริญ! อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำยุโรปยุคใหม่จงเจริญ! ไชโย! (ทุกคนยืนขึ้น เสียงไชโยอันทรงพลังสามครั้งเขย่าห้องโถง)”
เรายังนำเสนอ ข้อความที่ตัดตอนมาที่น่าสนใจจากจดหมายถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์จากอาสาสมัครชาวรัสเซียคนหนึ่งจากแนวหน้า: “ ฉันผ่านโรงเรียนสงครามที่ยากลำบากร่วมกับทหารของฉัน เป็นเวลาสามปีแล้วที่เราจับมือกับสหายชาวเยอรมันทางตะวันออกและทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นแนวหน้า. วีรบุรุษหลายคนล้มลงในการต่อสู้ หลายคนได้รับรางวัลจากความกล้าหาญ ฉันและอาสาสมัครตั้งตารอรายการวิทยุในเย็นวันถัดไป ทักทายนายพล Vlasov เป็นการส่วนตัว เขาเป็นผู้บัญชาการของเรา เราเป็นทหารของเขา เปี่ยมไปด้วยความรักและความทุ่มเทที่แท้จริง”
อีกข้อความหนึ่งระบุว่า “เราเป็นกลุ่มอาสาสมัครในกองพันเยอรมัน รัสเซีย 4 คน ชาวยูเครน 2 คน อาร์เมเนีย 2 คน จอร์เจีย 1 คน เมื่อได้ยินเสียงเรียกร้องของคณะกรรมการ เราก็รีบตอบสนองและต้องการโอนตำแหน่ง ROA หรือหน่วยระดับชาติโดยเร็ว”
ตำนานทั่วไปอีกประการหนึ่งคือเอกสารการรณรงค์ของ Vlasov ที่ถูกกล่าวหาว่าไม่มีถ้อยคำต่อต้านชาวยิว “พยาน” คนหนึ่งที่ปกป้องนายพลเล่าว่า “ไม่น่าเป็นไปได้ที่ฉันจะเห็นใบปลิวทั้งหมดของ Vlasov แต่ถ้าฉันเจอแม้แต่คนเดียวที่เรียกร้องให้ต่อสู้กับระบอบการปกครอง“ ยิว - บอลเชวิค” นายพล A. Vlasov ก็จะยุติการดำรงอยู่เพื่อ ฉัน. แม้แต่ร่องรอยของการต่อต้านชาวยิวก็หายไปเลย” การวิเคราะห์ประเด็นของหนังสือพิมพ์ "เพื่อมาตุภูมิ" ของเราเอง - กดออร์แกน“ คณะกรรมการเพื่อการปลดปล่อยของประชาชนแห่งรัสเซีย” - แสดงให้เห็นว่าเกือบทุกประเด็นมีการเรียกร้องให้ต่อสู้กับ“ จูเดโอ - บอลเชวิส” (ตราประทับของหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่อง) การโจมตีชาวยิวโดยตรง (แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเป็นโซเวียต) คำพูดยาวจาก สุนทรพจน์ของฮิตเลอร์ พวกนาซีอื่นๆ หรือและการพิมพ์ซ้ำจากหนังสือพิมพ์ฟาสซิสต์ “Völkischer Beobachter” ซึ่งพูดถึงหัวข้อ “จูเดโอ-คอมมิวนิสต์” ในระดับหนึ่งหรืออีกนัยหนึ่ง เราไม่ถือว่าจำเป็นต้องทำซ้ำที่นี่
สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษใน "ชีวประวัติ" ของขบวนการ Vlasov คือตอนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปรากในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2488 มีการแพร่กระจายเวอร์ชันที่ไร้สาระซึ่งพวกเขากล่าวว่าปรากได้รับการปลดปล่อยจากพวกนาซีโดยพวก Vlasovites! โดยไม่ต้องลงรายละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติการเชิงรุกของแนวรบยูเครนที่ 1, 2 และ 4 ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กลุ่มศัตรูที่แข็งแกร่งนับล้านถูกล้อมและพ่ายแพ้และด้วยเหตุนี้จึงได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ก่อความไม่สงบในปราก ให้เราดึงความสนใจไปที่สิ่งต่อไปนี้ . ก่อนเริ่มปฏิบัติการปราก Vlasov โดยตระหนักว่าจุดจบมาถึงแล้วสำหรับ Wehrmacht จึงโทรเลขไปยังสำนักงานใหญ่ของแนวรบยูเครนที่ 1: "ฉันสามารถโจมตีที่ด้านหลังของกลุ่มชาวเยอรมันในปรากได้ เงื่อนไขคือการให้อภัยสำหรับฉันและคนของฉัน” ด้วยเหตุนี้จึงเกิดการทรยศอีกครั้ง - คราวนี้เป็นปรมาจารย์ชาวเยอรมัน อย่างไรก็ตามไม่ได้รับการตอบกลับ Vlasov และสหายของเขาต้องต่อสู้ฝ่าอุปสรรคของเยอรมันในกรุงปรากเพื่อต่อสู้กับชาวอเมริกัน พวกเขาคาดว่าจะอยู่กับชาวอเมริกันจนถึงสงครามโลกครั้งที่สาม ชาว Vlasovites เชื่ออย่างจริงจังว่าหลังจากความพ่ายแพ้ของเยอรมนีสหรัฐอเมริกาและอังกฤษจะกล้าโจมตีสหภาพโซเวียต ดังนั้นระหว่างกองทหารของทั้งสามแนวรบของกองทัพแดงเคลื่อนตัวทั้งวันทั้งคืนไปตามถนนทุกสายสู่กรุงปรากที่กบฏเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 กองทหาร ROA ที่ 1 ซึ่งมีจำนวนประมาณ 10,000 คนจึงเลื่อนไปที่นั่นซึ่ง A. Vlasov เองก็เป็นเช่นนั้น แน่นอนว่ารูปแบบเล็กๆ ที่ถูกศีลธรรมเช่นนี้ไม่สามารถมีบทบาทสำคัญใดๆ ในการปลดปล่อยกรุงปรากซึ่งมีพวกนาซีมากกว่าหนึ่งล้านคนได้ ชาวกรุงปรากเข้าใจผิดว่าแผนก ROA เป็นแผนกโซเวียต ทักทายกันอย่างอบอุ่นในตอนแรก แต่ในไม่ช้าการซ้อมรบที่งุ่มง่ามของ Vlasovites ก็เข้าใจได้และการปลดอาวุธของกลุ่มต่อต้านเชโกสโลวักก็ขับไล่พวกเขาออกจากปรากเพื่อจัดการปลดอาวุธบางส่วน หลบหนีชาว Vlasovites ถูกบังคับให้ต่อสู้กับสิ่งกีดขวาง SS ที่ขัดขวางเส้นทางของพวกเขาไปยังเขตทหารอเมริกัน นี่คือจุดสิ้นสุดของ "บทบาทชี้ขาด" ของชาว Vlasovites ในการปลดปล่อยกรุงปราก
สิ้นสุดการเคลื่อนไหว
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 คำสั่งของสหภาพโซเวียตได้เรียนรู้จากการสกัดกั้นทางวิทยุว่า Vlasov อยู่ในพื้นที่ของเมือง Pilsen ของสาธารณรัฐเช็ก ปฏิบัติการเพื่อจับกุมมันดำเนินการโดยที่ 162 กองพลรถถังภายใต้คำสั่งของพันเอก I. Mashenko กองพลที่เคลื่อนไปข้างหน้าจับกุมผู้บัญชาการกองพัน ROA แห่งหนึ่งซึ่งระบุตำแหน่งที่แน่นอนของ Vlasov อย่างอื่นเป็นเรื่องของเทคนิค ต่อมานายพลถูกนำตัวไปที่สำนักงานใหญ่ของกองทัพที่ 13 ของแนวรบยูเครนที่ 1 จากนั้นจึงขึ้นเครื่องบินไปมอสโก การพิจารณาคดีของวลาซอฟและลูกน้องทั้ง 11 คนของเขาเกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม พ.ศ. 2489 จากการตัดสินใจของ Military College of the Supreme Court of RSFSR, Vlasov และผู้สมรู้ร่วมคิดที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาถูกตัดสินประหารชีวิต
ผู้ร่วมมือกันโซเวียตส่วนใหญ่เลือกที่จะยอมจำนนต่อชาวอเมริกันและอังกฤษ ตามกฎแล้วฝ่ายพันธมิตรถือว่า "Vlasovites" เป็นเชลยศึกของกลุ่มต่อต้านฮิตเลอร์ ตามข้อตกลงยัลตาของฝ่ายสัมพันธมิตรในปี พ.ศ. 2488 พลเมืองของสหภาพโซเวียตทุกคนที่ไปอยู่ต่างประเทศอันเป็นผลมาจากสงคราม รวมถึงผู้ทรยศ จะต้องถูกส่งตัวกลับประเทศ จากการตัดสินของศาล ผู้เข้าร่วมขบวนการ Vlasov ส่วนใหญ่ไปอยู่ในค่ายแรงงาน และเจ้าหน้าที่ก็ถูกประหารชีวิต
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้ร่วมมือกับนาซีทุกคนที่ถูกส่งมอบให้กับฝ่ายโซเวียต ดังนั้นส่วนที่เหลือของกองทัพแห่งชาติรัสเซียที่ 1 ของผู้อพยพผิวขาว B. Smyslovsky (ประมาณ 500 คน) สามารถหลบหนีจากเขตยึดครองของฝรั่งเศสในออสเตรีย (โฟราร์ลแบร์ก) ไปยังลิกเตนสไตน์ที่เป็นกลางในคืนวันที่ 2-3 พฤษภาคม ที่นั่นพวกเขาถูกกักกัน ชาวสมิสโลฟไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกองทัพวลาซอฟอย่างเป็นทางการ พวกเขาดำเนินการอย่างเป็นอิสระเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2484 เมื่อมีการจัดตั้งกองพันต่างประเทศรัสเซียขึ้นที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มกองทัพเยอรมันทางเหนือเพื่อรวบรวมข่าวกรอง ต่อมาได้แปรสภาพเป็นกองพันลาดตระเวนฝึกหัด ซึ่งก็คือโรงเรียนสำหรับฝึกเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและผู้ก่อวินาศกรรมเป็นหลัก ในตอนท้ายของปี 1942 Smyslovsky เป็นหัวหน้าโครงสร้างพิเศษเพื่อต่อสู้กับการเคลื่อนไหวของพรรคพวก ในปี 1945 กองทัพของ Smyslovsky มีจำนวนเกือบ 6,000 คน
ฝ่ายฝรั่งเศสและโซเวียตเรียกร้องให้ส่งชาวสมิสโลฟเป็นผู้ร้ายข้ามแดน แต่ทางการลิกเตนสไตน์ในขณะนั้นซึ่งเห็นใจฮิตเลอร์ปฏิเสธที่จะทำเช่นนี้ ในปี 1946 รัฐบาลอาร์เจนตินาตกลงที่จะยอมรับ Smyslov และผู้สมรู้ร่วมคิดของเขา ค่าใช้จ่ายในการขนส่งถูกครอบคลุมโดยเยอรมนีในเวลาต่อมา
ชาวอเมริกันตรงกันข้ามกับอังกฤษก็พยายามที่จะไม่ส่งมอบผู้ที่อาจเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขาสำหรับงานโค่นล้มสหภาพโซเวียตในอนาคต และนี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้: หลังจากการพ่ายแพ้ของเยอรมนีของฮิตเลอร์โดยสหภาพโซเวียตซึ่งพิชิตทวีปยุโรปทั้งหมด คำพูดของ F. Schiller ที่ว่ามีเพียงรัสเซียเท่านั้นที่สามารถเอาชนะรัสเซียได้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษ...
พวกเขาเป็นใคร?
ตามการประมาณการบางส่วน พลเมืองโซเวียตและผู้อพยพจากรัสเซียและสหภาพโซเวียตทั้งหมด 800,000 ถึง 2 ล้านคนต่อสู้ (หรือช่วยเหลือ) กับสหภาพโซเวียตและพันธมิตรที่อยู่เคียงข้างชาวเยอรมัน - ผู้ที่เข้าร่วมในการกระทำของผู้ก่อการร้ายของผู้ยึดครอง ยืดเยื้อและชะลอการเริ่มชัยชนะ
สำหรับคนรุ่นราวคราวเดียวกับเรา คำนามทั่วไปสำหรับพวกเขาทั้งหมด "Vlasovite" และแนวคิด "ผู้ทรยศ" หมายถึงสิ่งเดียวกัน บนอินเทอร์เน็ตเราพบบันทึกของผู้เข้าร่วมคนหนึ่งในปฏิบัติการ Vistula-Oder, K.V. Popov ซึ่งมีการประเมินลักษณะของคนกลุ่มนี้:“ เราได้พบกับ Vlasovites ในดินแดนเยอรมัน เราไม่ได้จับพวกเขาเป็นเชลย - เรายิงพวกเขาแม้ว่าจะไม่มีคำสั่งดังกล่าวก็ตาม เราเกลียดชังผู้ทรยศต่อมาตุภูมิอย่างดุเดือด - พวกเขาแย่กว่าพวกนาซี พวกเขาพบไดอารี่ ที่นั่นผู้ทรยศเล่าว่าถูกจับได้อย่างไร ถูกคุมขังอย่างไร และย้ายไปอยู่ฝ่ายศัตรูได้อย่างไร ฉันอ่านไดอารี่ของสมาชิก Vlasov ที่ถูกสังหารคนหนึ่ง Vlasovets เขียนว่าเขาต้องการกลับไปหาคนของเขาเอง แต่ชาวเยอรมันก็จับตาดูพวกเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นเมื่อมีโอกาสข้ามไปก็ชัดเจน: พวกเขาไม่เชื่อคนของตัวเอง พวกเขาจะไม่ให้อภัยพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยิงใส่คนของตัวเองจนถึงที่สุด”
ความพยายามที่จะทำให้นายพล Vlasov และสหายของเขาต่อสู้กับลัทธิสตาลิน นักสู้เพื่อประชาธิปไตยรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่อ่อนแอกับความเป็นจริง อันที่จริงคำปราศรัยของ Vlasov มีวาทศาสตร์ที่คล้ายกันมากมาย แน่นอนว่าหน่วย Vlasov รวมถึงฝ่ายตรงข้ามทางอุดมการณ์ของระบอบการปกครองโซเวียตด้วย แต่คนส่วนใหญ่อย่างล้นหลามคือผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่ยากลำบากในการถูกจองจำของชาวเยอรมัน ขวัญกำลังใจของชาว Vlasovites ผันผวนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแนวหน้า นั่นคือเหตุผลที่คำสั่งของเยอรมันถือว่าหน่วย Vlasov ไม่น่าเชื่อถือ
"อุดมการณ์" ของชาว Vlasovites ส่วนใหญ่เป็นเพียงเสื้อคลุมที่สวยงามสำหรับความปรารถนาที่จะช่วยชีวิตตนเองไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม และหากพวกเขาโชคดี ที่จะประกอบอาชีพ ร่ำรวย หรือชำระคะแนนเก่ากับผู้กระทำความผิด ด้วย "อุดมการณ์" พวกเขาเพียงแต่บรรเทาความเจ็บปวดทางจิตเนื่องจากการทรยศและการร่วมมือกับชาวเยอรมัน ไม่น่าเป็นไปได้ที่เมื่อยิงใส่ทหารและพลพรรคกองทัพแดง พวกเขาไม่เข้าใจว่าอาจยิงใส่พ่อหรือแม่ของตนเอง พี่น้อง ลูกชายหรือลูกสาวที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมของระบอบการปกครองได้ แต่ แต่เป็นเหยื่อของมัน แล้วพวกเขาแตกต่างจาก "อาชญากรบอลเชวิค" อย่างไร? ดังนั้นตามวัตถุประสงค์แล้ว ชาว Vlasovites ไม่ได้ต่อสู้กับลัทธิสตาลิน แต่ต่อสู้กับประชาชนของพวกเขาเอง และทีม Vlasov ก็เป็นเพียงฟันเฟืองที่เชื่อฟังในเครื่องจักรที่ก้าวร้าวของฮิตเลอร์ หากผู้ทำงานร่วมกันของรัสเซียต่อสู้กับลัทธิบอลเชวิสแล้วเหตุใดพวกเขาจึงต่อสู้บนชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกร่วมกับพันธมิตรในแนวร่วมต่อต้านฮิตเลอร์โดยได้รับคำขอบคุณและการเลื่อนตำแหน่งจากคำสั่งของเยอรมันในเรื่องนี้? เป็นเพียงการที่ชาว Vlasovites คำนวณผิดครั้งใหญ่โดยเดิมพันว่า Reich อยู่ยงคงกระพัน
โฆษณา