เกมบนการ์ด E25 ที่แตกต่างกัน อุปกรณ์อะไรที่จะติดตั้งบน E25 ใน WOT
ชื่ออย่างเป็นทางการ: E-25
การกำหนดทางเลือก: Panzerjagerwagen E-25
ปีที่ก่อสร้างต้นแบบแรก: ไม่ได้สร้าง
ขั้นที่ความสำเร็จของงาน: มีการสร้างตัวถังหุ้มเกราะหลายลำเพื่อการทดสอบ
แทงค์กลายเป็นประเภทน้ำหนักที่สามของโปรแกรมเอนต์วิคลุง E-25- คือมีน้ำหนักประมาณ 25 ตัน ยานรบแบบครบวงจรเหล่านี้ได้รับการวางแผนที่จะแทนที่กาแล็กซีทั้งหมดที่ประสบความสำเร็จ แต่รถถังขับเคลื่อนด้วยตัวเองที่ล้าสมัยไปแล้วซึ่งสร้างขึ้นบนพื้นฐานของแชสซีของรถถังกลาง Pz.Kpfw.III และ Pz.Kpfw.IV เช่นกัน ในฐานะ "Hetzer" อันโด่งดัง
งานในโครงการ E-25 เริ่มต้นค่อนข้างเร็วกว่างานอื่นๆ - ในปลายปี พ.ศ. 2486 พวกเขานำโดยกรมทดสอบอาวุธที่ 6 (Waffenprufamt 6 หรือ WaPruAmt 6) ซึ่งมีหัวหน้าคือ General H.E. Kniepkamp บริษัท Adler จากแฟรงก์เฟิร์ตมีส่วนร่วมในการพัฒนาปืนอัตตาจรรูปแบบใหม่ ซึ่งก็คือการออกแบบยานพิฆาตรถถังที่มีความคล่องตัวสูงโดยมีโครงร่างต่ำ และมีน้ำหนักประมาณ 25-30 ตัน นอกจากนี้ ปอร์เช่และอาร์กัสยังได้เข้าร่วมโครงการ E-25 นอกเหนือจากคุณสมบัติข้างต้นแล้ว "จุดเด่น" หลักของปืนอัตตาจรก็ควรจะเป็นอาวุธ
ตามแหล่งข้อมูลสมัยใหม่หลายแห่ง ในขั้นตอนของการสร้างข้อกำหนด มีการวางแผนที่จะติดตั้งปืนประเภท 7.5cm PaK 42 L/70 (นั่นคือ ด้วยลำกล้องยาว 70 คาลิเปอร์) ในเวลาเดียวกันมีข้อมูลที่ถูกเสนอให้ใช้ปืนใหญ่ขนาด 75 มม. 7.5 ซม. KwK 43 L/70 ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วอย่างดีเป็นระบบอาวุธหลัก แต่มีความเป็นไปได้ที่จะแทนที่ด้วยปืนใหญ่ 7.5 ซม. KwK 44 ที่ทรงพลังกว่าด้วย มีจินตนาการถึงความยาวลำกล้องเดียวกัน เดิมทีปืนนี้ได้รับการพัฒนาโดย Krupp และ Skoda สำหรับการติดตั้งในป้อมปืนประเภท Schmalturm ซึ่งมีไว้สำหรับรถถัง Panther II แต่ก็เหมาะสำหรับปืนอัตตาจรเช่นกัน คุณสมบัติที่โดดเด่นของ KwK 44 คือการมีกลไกการหดตัวแบบศูนย์กลางซึ่งต่อมาพวกเขาวางแผนที่จะเพิ่มเครื่องชาร์จอัตโนมัติของ Skoda สิ่งนี้จะทำให้อัตราการยิงคงอยู่ที่ 40 รอบต่อนาที(!) น่าเสียดายสำหรับชาวเยอรมัน (และโชคดีสำหรับฝ่ายสัมพันธมิตร) เมื่อสิ้นสุดสงคราม มีการประกอบและทดสอบต้นแบบเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อัตราการยิงที่สูงเช่นนี้มีข้อเสียเปรียบอย่างมาก - พลปืนก็ไม่มีเวลาเล็งปืนไปที่เป้าหมาย
นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ แต่เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับคุณสมบัติของพวกเขา ดังนั้น "โครงการทางเลือก E-25" ที่ท่วมท้นซึ่งปรากฏบ่อยครั้งบนอินเทอร์เน็ตจึงต้องได้รับการปฏิบัติด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น คุณมักจะพบ "ภาพร่าง" ด้วยการติดตั้งปืน KwK 43 ขนาด 88 มม. 8.8 ซม. ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น ยานเกราะวาเกน E-25 “จากัวร์”ซึ่งทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาบ้างแล้ว อีกโครงการหนึ่งดูเหมือนจะรวมปืนครก 105 มม. 10.5 ซม. StuH 42 เข้าไปด้วย แต่จะไม่มีการรายงานวิธีการติดตั้งอาวุธขนาดใหญ่เช่นนี้ในห้องต่อสู้ที่แคบมากของ E-25 ตัวเลือกที่มีปืนต่อต้านรถถังเรียบ 10 ซม. PAW 1000 (10H64) ซึ่งการพัฒนาซึ่งได้รับความไว้วางใจจากบริษัท Krupp นั้นดูสมจริงยิ่งขึ้น ในแง่ของขนาด มันสามารถใส่เข้ากับตัวถังของ E-25 ได้อย่างง่ายดาย และจากข้อมูลของผู้พัฒนา กระสุนเจาะเกราะของมันสามารถเจาะแผ่นเกราะขนาด 200 มม. ที่ติดตั้งในมุม 60° ที่ระยะห่างด้านบนได้ ถึง 1,000 เมตร
ไม่มีการเก็บรักษาข้อมูลที่แน่นอนเกี่ยวกับอาวุธเพิ่มเติม ตอนนี้สันนิษฐานว่าปืนใหญ่อัตโนมัติขนาด 20-30 มม. มีวัตถุประสงค์เพื่อต่อสู้กับทหารราบของศัตรูและยานเกราะเบาซึ่งได้รับการวางแผนว่าจะติดตั้งในป้อมปืนแยกต่างหากบนหลังคาของห้องต่อสู้ ในความเป็นจริง องค์ประกอบการออกแบบนี้หายไปจากภาพร่าง E-25 ของ Adler
รูปร่างของตัวถังของ E-25 มีลักษณะคล้ายกับ Hetzer อย่างมาก ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยเมื่อพิจารณาจากความสูงของปืนอัตตาจรที่ต้องการ คุณลักษณะที่น่าสนใจคือการติดตั้งแผ่นเกราะแนวตั้งทั้งหมด (ยกเว้นด้านล่าง) ที่มุมเอียงที่สูงมาก ตัวอย่างเช่น แผ่นเกราะด้านหน้าและด้านหลังด้านบนถูกติดตั้งที่มุม 45°; ในแง่ของขนาด E-25 นั้นใกล้เคียงกับ Jagdpanzer IV แต่ตัวถังสั้นกว่า 20 ซม. ในขณะที่ความกว้างและความสูงโดยรวมเพิ่มขึ้น 20 ซม. เท่าเดิม
รูปแบบของ E-25 แตกต่างเล็กน้อยจากปืนอัตตาจรต่อเนื่องบนตัวถังรถถัง ที่ส่วนหน้าของตัวถัง เกือบจะตามแนวแกนกลางพอดี มีการติดตั้งปืนใหญ่ซึ่งได้รับการปกป้องด้วยหน้ากากประเภท "หัวหมูป่า" ด้านซ้ายเป็นที่นั่งคนขับและส่วนควบคุมรถ ห้องต่อสู้ถูกรวมเข้ากับห้องควบคุม: มีสถานที่สำหรับผู้บังคับการมือปืนและผู้บรรจุ ป้อมปืนที่มีปืนใหญ่อัตโนมัติซึ่งอยู่บนหลังคาถูกย้ายไปทางซ้าย ห้องเครื่องยนต์และห้องเกียร์ครอบครองส่วนหลังของตัวถัง
ยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับเครื่องยนต์สำหรับ E-25 จากข้อมูลบางส่วน เดิมทีมีแผนที่จะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินระบายความร้อนด้วยอากาศ Argus ที่ติดตั้งในแนวขวางซึ่งมีกำลัง 350 แรงม้า (อ้างอิงจากแหล่งอื่น - 400 หรือ 600 แรงม้า) รวมถึงกระปุกเกียร์ 8 สปีดและชุดบังคับเลี้ยวพลังน้ำ ระบบส่งกำลังได้รับการพัฒนาโดย ZF ตามแหล่งข้อมูลอื่นแผนรวมตัวเลือกสำหรับเครื่องยนต์ Maybach HL100 และ Maybach HL101 ที่ผลิต 400 และ 550 แรงม้า ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงเครื่องยนต์ Maybach HL 230 P30 12 สูบ 700 แรงม้า ที่ 3,000 รอบต่อนาที ซึ่งติดตั้งบน “Panther” และ “Tiger” Ausf.B. ในรุ่นหลัง คาดว่าจะมีความเร็วสูงสุดถึง 65 กม./ชม.
เมื่อออกแบบแชสซีจะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านการผลิตและความเร็วของการผลิตด้วย ข้อดีทั้งหมดของระบบกันสะเทือนทอร์ชั่นบาร์นั้นใช้แรงงานมากและหนักเกินไป แทนที่จะใช้ทอร์ชั่นบาร์ ได้มีการเสนอระบบกันสะเทือนแบบภายนอกอีกแบบหนึ่ง ประกอบด้วยคันโยกที่มีสปริงและโช้คอัพ และมีการเคลื่อนไหวบนเพลาที่ติดตั้งอยู่ที่ด้านนอกของตัวเครื่อง สปริงต้องอยู่ภายในตัวเรือนบล็อกกันสะเทือนและมีโช้คอัพไฮดรอลิกส่วนกลาง บล็อกกันสะเทือนแต่ละอันถูกสลักไว้ที่ด้านข้างและด้านล่างของตัวถัง ดังนั้นหากบล็อกได้รับความเสียหาย การถอดและการติดตั้งจะไม่ก่อให้เกิดปัญหามากนัก และไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ ด้านละ 5 บล็อก แต่ละบล็อกมีลูกกลิ้งรองรับคู่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,000 มม. หนึ่งบล็อก ซึ่งยืมมาจากโครงการ E-10 ล้อได้รับการติดตั้งในรูปแบบกระดานหมากรุกทางซ้ายและขวาของฟันแถวเดี่ยวของห่วงโซ่และรางและติดตั้งยางยาง โซ่หนอนผีเสื้อแต่ละตัวประกอบด้วยรางเหล็กลิงค์เล็กที่มีความกว้าง 660 มม. (อ้างอิงจากแหล่งอื่น - 700 มม.) ตามโครงสร้างแล้ว มันคล้ายกับโซ่ของรถถัง Panther II แต่ในกรณีนี้ มีฟันเพียงแถวเดียวที่ผ่านระหว่างล้อที่ทับซ้อนกัน ความยาวของพื้นรองรับ 2.96 เมตร ความกว้างของราง 2.74 เมตร รัศมีวงเลี้ยวต่ำสุดของ E-25 อยู่ที่ประมาณ 1.08 เมตร
โครงการปืนอัตตาจร Adler E-25 เป็นโครงการเดียวที่สามารถนำเข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนา "เหล็ก" ได้ มีการกล่าวหาว่า ณ วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2488 มีการผลิตตัวถังหลายลำ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตั้งอยู่ใน Kattowitz และพร้อมที่จะส่งไปยังสถานที่ทดสอบ อย่างไรก็ตาม ไม่เคยมีการสร้างต้นแบบของยานพิฆาตรถถัง E-25 แม้แต่คันเดียว สำหรับโครงการที่เหลือ มีข้อมูลดังต่อไปนี้ พัฒนาการของปอร์เช่ซึ่งมีชื่ออื่น สตวร์มเกชุตซ์ 27tและ ปอร์เช่ อี-25 จาดแพนเซอร์มีพื้นฐานมาจากโครงการรถถังเบา Typ 245 และยังคงอยู่ในรูปแบบของภาพร่างและแบบจำลองเท่านั้น ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับโครงการอาร์กัส
แหล่งที่มา:
Thomas L.Jentz, Hilary L.Doyle "Panzer Tracts No.9–2 - Jagdpanzer IV, Panzer IV/70 (V) และ Panzer IV/70 (A) การพัฒนาและการผลิตตั้งแต่ปี 1943 ถึง 1945", 2012
เอฟ.เอ็ม. von Senger und Etterlin "รถถังเยอรมันแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง: ประวัติศาสตร์ภาพประกอบที่สมบูรณ์ของยานเกราะต่อสู้ของเยอรมัน พ.ศ. 2469-2488") แปลโดย J.Lucas) หนังสือ Galahad นิวยอร์ก ไอ 0-88365-051-7 1969
Walter J. Spielberger และ Hilary L. Doyle “สายพันธุ์ยานเกราะพิเศษ: การพัฒนา” การผลิต. การดำเนินงาน". สำนักพิมพ์ชิฟเฟอร์. แอตเกลน พี.เอ. ไอ 978-0-7643-2622-6. 2550
เทอร์รี่ แกนเดอร์, ปีเตอร์ แชมเบอร์เลน "อาวุธแห่งไรช์ที่สาม: การสำรวจสารานุกรมเกี่ยวกับอาวุธขนาดเล็ก ปืนใหญ่ และอาวุธพิเศษของกองทัพบกเยอรมัน พ.ศ. 2482-2488" นิวยอร์ก. ดับเบิ้ลเดย์ ไอ 0-385-15090-3. 1979
การรวบรวมอาวุธ: Series E ของรถถัง Wehrmacht
Warspot: ยานพิฆาตรถถัง Yuri Pasholok "Paper" ในรุ่นมิดเดิลเวต
Warspot: Alexey Statsenko “Series E”: นักฆ่า Tanko ที่ยังไม่เกิด
ออกแบบลักษณะทางยุทธวิธีและทางเทคนิคของยานพิฆาตรถถัง
E-25 รุ่น พ.ศ. 2487 (รุ่นพื้นฐาน)
น้ำหนักการต่อสู้ | ~25,000 กก |
ลูกเรือผู้คน | 3 |
ขนาดโดยรวม | |
ความยาว มม | 5660 (ตามตัว) |
ความกว้าง มม | 3410 |
ความสูง, มม | 2030 |
ระยะห่างจากพื้นดิน mm | 510 |
อาวุธ | ปืนใหญ่ 75 มม. 7.5 ซม. KwK44 L/70 หนึ่งกระบอก หรือ 7.5 ซม. PaK42 L/70 ในตัวถัง |
กระสุน | ? |
อุปกรณ์เล็ง | ? |
การจอง | หน้าผากของร่างกาย (ด้านบน) - 50 มม. \ 50° หน้าผากของร่างกาย (ด้านล่าง) - 50 มม. \ 55° ฝั่งลำตัว (ด้านบน) - 30 มม. \ 52° ด้านข้างตัวถัง (ด้านล่าง) - 30 มม. \ 0° ตัวถังด้านหลัง (บน) - 30 มม. \ 40° ตัวถังด้านหลัง (ด้านล่าง) - 30 มม. \ 50° หลังคา - 20 มม. \ 90° ด้านล่าง - 20 มม. \ 90° |
เครื่องยนต์ | ตัวเลือกที่ 1: Argus ระบายความร้อนด้วยอากาศ 350 แรงม้า ตัวเลือก 2:มายบัค ระบายความร้อนด้วยน้ำ 400 แรงม้า ตัวเลือก 3: Maybach HL 230 P30 ระบายความร้อนด้วยของเหลว 700 แรงม้า ที่ 3,000 รอบต่อนาที |
การแพร่เชื้อ | แบบผสม พร้อมกระปุกเกียร์ 8 สปีด และชุดพวงมาลัยไฟฟ้าพลังน้ำ |
แชสซี | (ด้านหนึ่ง) ลูกกลิ้งรองรับ 5 ตัวเรียงกันเป็นลายตารางหมากรุก, รางนำด้านหน้าและล้อขับเคลื่อนด้านหลัง, รางตีนตะขาบทำจากรางเหล็กกว้าง 660 (700) มม. |
ความเร็ว | 65 กม./ชม |
ช่วงทางหลวง | ? |
อุปสรรคที่จะเอาชนะ | |
มุมเงย องศา | ? |
ความสูงของผนังม | ? |
ความลึกในการลุย, ม | ? |
ความกว้างของร่อง ม | ? |
การสื่อสาร | ? |
E 25 เป็นยานพิฆาตรถถังเยอรมันระดับพรีเมียม ซึ่งอยู่ที่ระดับที่เจ็ด
การแนะนำ.
รถค่อนข้างน่าสนใจและสนุก แต่ต้องใช้ทักษะสูงของผู้เล่น คุณมักจะเห็นว่าผู้เริ่มต้นที่ไม่มีประสบการณ์ซึ่งเล่นบน E 25 ไปที่โรงเก็บเครื่องบินในนาทีแรกของการต่อสู้ได้อย่างไร คุณสามารถซื้อ E 25 ได้ในราคาประมาณ 900 รูเบิล แต่ควรรอส่วนลดดีกว่าราคาจะอยู่ที่ประมาณ 600 รูเบิลอาวุธ.
ข้อได้เปรียบหลักของยานพิฆาตรถถังเกือบทุกคันคือปืน เมื่อมองแวบแรก E 25 ก็มีปัญหาร้ายแรงกับมัน ในความเป็นจริง E 25 ติดตั้งปืนจาก ซึ่งมีอัตราการยิงเพิ่มขึ้น (มากถึง 20 รอบต่อนาทีพร้อมเครื่องกระทุ้งมากยิ่งขึ้น) ความแม่นยำ (การแพร่กระจายลดลงเหลือ 0.3) และความเร็วในการเล็ง (เพียง 1.5 วินาที) แต่การเจาะ (150 มม. สำหรับกระสุนปืนธรรมดา, 194 มม. สำหรับ) และ (รวม 135 มม.) ยังคงเหมือนเดิมยิ่งไปกว่านั้น E 25 ยังสามารถพบกับศัตรูระดับแปดซึ่งการเจาะเกราะ 150 มม. นั้นไม่เพียงพอจริงๆ ตัวอย่างเช่น เกราะที่ด้านข้างของ KV-4 มีขนาด 150 มม. พอดี ถ้ามันมีรูปร่างเป็นเพชรขนาดเล็ก คุณก็ไม่น่าจะมีความสามารถย่อยด้วยซ้ำ แม้แต่ศัตรูระดับ 7 จำนวนมากก็ยังประสบปัญหาในการเจาะหน้าผากด้วยกระสุนปืนธรรมดา
กลยุทธ์ของเกม
กลยุทธ์คลาสสิกของยานพิฆาตรถถัง เมื่อคุณยืนในตำแหน่งเดียวตลอดการรบและโจมตีศัตรูแบบตัวต่อตัว ไม่ค่อยได้ผลดีกับ E 25 มันมีผลกับรถถังระดับล่างเท่านั้น คู่ต่อสู้ระดับเดียวกันส่วนใหญ่จำเป็นต้องถูกยิงจากด้านข้างสำหรับสิ่งนี้ คุณต้องมีไดนามิกที่ดี แต่ด้วยเหตุนี้ E 25 จึงทำงานได้ดี: ความเร็วสูงสุดคือ 65 กม./ชม. กำลังเครื่องยนต์เฉพาะมีมากกว่า 26 แรงม้า ต่อตัน โดยพื้นฐานแล้ว นี่คือคุณลักษณะของรถถังเบา ไดนามิกที่โดดเด่นดังกล่าวควรใช้ให้สูงสุด: คุณควรหยุดเพียงเพื่อยิงเท่านั้น หากศัตรูซ่อนตัวอยู่หลังบ้านหรือสิ่งกีดขวางอื่น ๆ เคลื่อนที่ เปลี่ยนตำแหน่ง คุณสามารถไปที่ปีกอีกด้านแล้วกลับมาในนาทีต่อมาได้
ลายพรางและแสง
E 25 นั้นคล้ายกับรถถังเบาไม่เพียงแต่ในด้านไดนามิกเท่านั้น แต่ยังมีขนาดด้วย: มันเป็นหนึ่งในพาหนะที่เล็กที่สุดในเกม น่าทึ่งมากที่มีเรือบรรทุกน้ำมัน 4 ลำมารวมกันอยู่ที่นั่น ในระยะทางเฉลี่ย เป็นเรื่องยากมากที่จะชน E 25 ที่วิ่งเต็มความเร็วได้ มีข้อดีอีกอย่างหนึ่ง: ปัจจัยการลักลอบสูง หากคุณยืนอยู่หลังพุ่มไม้และไม่ยิง ศัตรูจะสามารถตรวจจับคุณได้ด้วย "เอ็กซ์เรย์" จากระยะ 50 เมตรเท่านั้นE 25 ก็เยี่ยมได้ บทบาทนี้จำเป็นต้องเล่นเป็นพิเศษในการต่อสู้กับระดับที่แปด ทัศนวิสัยเพียง 360 เมตร จึงต้องปรับปรุงท่อสเตอริโออย่างแน่นอน ตาข่ายลายพรางจะไม่ฟุ่มเฟือยเช่นกัน แม้ว่าจะสามารถเปลี่ยนลายพรางและลายพรางที่อัปเกรดแล้วได้ เช่น ด้วยการระบายอากาศที่ดีขึ้น โมดูลที่สามจะต้องติดตั้งเครื่องป้อนกระสุนปืน
E 25 มีเลเวลที่สูงมาก (มากกว่า 3,000 พร้อมลูกเรือและโมดูลที่อัปเกรดแล้ว) ดังนั้นในการรบในระดับที่ 6 และ 7 คุณจะต้องมีสมาธิกับการสร้างความเสียหาย ในการรบที่มีระดับที่ 8 จะเป็นการดีกว่าถ้าฉายแววอย่างเฉิดฉายในช่วงครึ่งแรกของการต่อสู้ จากนั้นจึงมุ่งความสนใจไปที่การสร้างความเสียหายด้วย แม้ว่าทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะก็ตาม
ไดนามิกส์
ไดนามิกสูงช่วยให้คุณเข้ายึดตำแหน่งที่ได้เปรียบได้อย่างรวดเร็ว และ เช่น ยิงไปที่ด้านที่อ่อนแอของรถถังหนักศัตรูที่เดินทางไปยังตำแหน่งต่างๆ ถึงกระนั้น แม้แต่ระดับที่แปดก็ถูกโจมตีได้อย่างง่ายดาย แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นได้เฉพาะกับรถถังที่มีเกราะอย่างดีเท่านั้น เช่น กับ KV-4 แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักต้องบอกว่าพลวัตสูงมักจะนำไปสู่การส่งผู้มาใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ไปที่โรงเก็บเครื่องบินอย่างรวดเร็ว: พวกเขาบินไปที่ศัตรูก่อนจัดการยิงได้ห้านัด (อย่างดีที่สุด) และตาย หากคุณประสบปัญหาเดียวกัน อย่าเพิ่งรีบ ใช้ลายพราง E 25 ที่ดีให้สูงสุด
แม้ว่าพวกเขาจะมีประสิทธิภาพมาก แต่ก็ต้องใช้ทักษะที่ยอดเยี่ยม หากคุณเริ่มเล่น World of Tanks เมื่อเร็ว ๆ นี้ คุณควรปฏิบัติตามกลยุทธ์คลาสสิกสำหรับยานพิฆาตรถถังในช่วงเริ่มต้นของการรบ: ยืนในระยะไกล ยิงใส่แสงของคนอื่น และคุณสามารถเริ่มแสดงท่าทีก้าวร้าวมากขึ้นในช่วงท้ายของการต่อสู้ได้ วิธีนี้จะทำให้คุณสร้างความเสียหายน้อยลง ได้รับประสบการณ์น้อยลง แต่การตายในช่วงเริ่มต้นของการต่อสู้นั้นแย่ยิ่งกว่านั้นอีก
ลูกทีม.
สำหรับทักษะและความสามารถของลูกเรือ ทุกอย่างที่นี่เป็นมาตรฐานสำหรับยานพิฆาตรถถังแบบซุ่มโจมตี: ลายพรางและสัมผัสที่หกของผู้บังคับบัญชามีความสำคัญอย่างยิ่ง และภราดรภาพการต่อสู้สามารถใช้เป็นทักษะที่สองได้ ลูกเรือประกอบด้วยลูกเรือสี่ถัง (ไม่มีเจ้าหน้าที่วิทยุซึ่งมีหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา) ซึ่งเหมือนกับองค์ประกอบของลูกเรือเช่น StuG III (แม้ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ของผู้ควบคุมวิทยุก็ตาม โดยตัวโหลด)ใน E 25 จะดีกว่าถ้าถ่ายโอนลูกเรือจากยานพิฆาตรถถังเยอรมันระดับต่ำ สำหรับพาหนะระดับสูง ลายพรางที่อัปเกรดแล้วนั้นมีประโยชน์เพียงเล็กน้อย และลูกเรือก็ประกอบด้วยเรือบรรทุกน้ำมันห้าหรือหกลำ (โดยปกติแล้วจะมีเจ้าหน้าที่วิทยุและตัวบรรจุอื่นเพิ่มเข้ามา)
บรรทัดล่าง
โดยรวมแล้ว E 25 เป็นหนึ่งในพาหนะพรีเมี่ยมที่สนุกที่สุด ต้องขอบคุณความเร็ว การซ่อนตัว ความแม่นยำที่ยอดเยี่ยม และอัตราการยิง มันคุ้มค่าเงินอย่างแน่นอน (โดยเฉพาะถ้าคุณซื้อในราคาลด) หากคุณสนใจในการทำฟาร์มมากกว่าก็จะดีกว่าถ้าลองดูรถยนต์ระดับพรีเมียมระดับที่ 8 อย่างใกล้ชิด แต่ไม่น่าเป็นไปได้ที่คุณจะเล่นกับพวกมันได้สนุกเท่า E 25 .รีวิววิดีโอแนะนำรถถัง E-25 World of Tanks
รถถัง E-25 ซึ่งเป็นตัวแทนในเกมนั้นอยู่ที่ระดับ 7 ของสายการพัฒนาและมีคุณสมบัติ สำหรับ E-25 คำแนะนำที่จะนำเสนอในบทความนี้เป็นเพียงเชิงทฤษฎีและให้ความรู้เท่านั้น ไม่ใช่เชิงปฏิบัติ สำหรับรถต้นแบบจริง โมเดลนี้ไม่ได้ผลิตและคงอยู่ในภาพวาดเท่านั้น รถคันนี้ไม่จำเป็นต้องปั๊มเนื่องจากมีพื้นฐานระดับพรีเมียมดังนั้นจึงเป็นเครื่องจักรระดับบนและไม่มีความต่อเนื่อง
สำหรับ E-25 นั้น World of Tanks เป็นโอกาสที่ดีเยี่ยมในการขายยานพาหนะที่หายากและเป็นความลับเช่นนี้ เมื่อพิจารณาถึงพื้นฐานระดับพรีเมียม เครื่องจักรนี้มีค่าสัมประสิทธิ์ในการรับสินเชื่อเพิ่มขึ้น หากไม่มีบัญชีพรีเมียม ความสามารถในการทำกำไรจะสูงถึง 22,000 เครดิต และด้วยบัญชีพรีเมียม ความสามารถในการทำกำไรจะสูงถึง
ข้อมูลทั่วไป
สำหรับ WoT นั้น E-25 เป็นรถถังที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง โดยเฉพาะการออกแบบซึ่งมีขนาดกะทัดรัดเกินไป เทคนิคนี้มีความเร็วและไดนามิกที่ยอดเยี่ยม แถมยังมีอาวุธที่แม่นยำอีกด้วย แต่อาวุธนี้มีอัตราความเสียหายต่ำ และความกะทัดรัดทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงบ่อยครั้ง อำนาจการยิงหลักนั้นมาจากปืน 75 มม. ที่มีการเจาะเกราะ 150 มม. และพลังโจมตี 135 HP อัตราการยิงถึง 20 นัดต่อนาที
กำลังเครื่องยนต์ 700 แรงม้า สามารถรองรับน้ำหนักถัง 29 ตันได้ดี ความเร็วสูงสุดที่เป็นไปได้คือ 65 กม./ชม. และรีวิวทะลุขีดจำกัด 360 เมตร
เกราะของรถถังคือ:
ร่างกาย: หน้าผาก - 50 มม., ด้านข้าง - 30 มม., กระเป๋า - 30 มม.
อุปกรณ์เพิ่มเติมที่เลือกอย่างถูกต้องช่วยให้คุณได้รับความได้เปรียบที่จับต้องได้ในระหว่างการต่อสู้:
- Rammer – ให้คุณเพิ่มอัตราการยิง
- หลอดสเตอริโอ – เพิ่มทัศนวิสัยพื้นฐานเมื่ออยู่ในสถานะไม่โต้ตอบ
- Camouflage Network – เพิ่มอัตราการพรางตัวเมื่ออยู่ในสถานะไม่โต้ตอบ
- ชุดซ่อม;
- เครื่องดับเพลิง;
- ชุดปฐมพยาบาล
ลูกทีม
ทักษะลูกเรือที่เลือกมาเป็นพิเศษจะเพิ่มโอกาสของผลลัพธ์เชิงบวกของการรบ
- ผู้บัญชาการ: การปลอมตัว, ภราดรภาพ, หลอดไฟ, ตานกอินทรี;
- ผู้ขับขี่: การปลอมตัว, ความเป็นพี่น้อง, การขับขี่ที่ราบรื่น, ราชาแห่งออฟโรด
- พลปืน: ลายพราง, บีบี, สไนเปอร์, การหมุนป้อมปืนที่ราบรื่น;
- ตัวบรรจุ: ลายพราง, BB, ชั้นวางกระสุนแบบไม่สัมผัส, หมดหวัง
จุดอ่อน
เมื่อพิจารณาถึงระดับเกราะที่อ่อนแอ การเจาะเกราะพาหนะนี้จึงไม่ใช่เรื่องยาก ปัญหาเดียวอาจเป็นได้ว่า E-25 มีรูปทรงที่ต่ำมาก ซึ่งอาจทำให้แฉลบและพลาดได้ ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุดที่จะตั้งเป้าให้ดียิ่งขึ้นและรับประกันการเจาะเกราะ
เปรียบเทียบอุปกรณ์
แต่เมื่อเป็นเรื่องของการเปรียบเทียบอุปกรณ์ E-25 ครองอันดับหนึ่งในการจัดอันดับยานพิฆาตรถถังพรีเมี่ยมเทียร์ 7 ตำแหน่งที่สองเป็นของอังกฤษ และตำแหน่งที่สามเป็นของโซเวียต
กลยุทธ์การต่อสู้
หากเราคำนึงถึงการใช้ยุทธวิธี สิ่งนี้ก็ยอดเยี่ยมสำหรับการสนับสนุนพันธมิตร ยานพิฆาตรถถังขนาดเล็กที่ว่องไวนี้ ต้องขอบคุณความเร็วที่สามารถรองรับแนวรบใดๆ บนแผนที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ E-25 ยังสามารถใช้เป็นพาหนะยิงสไนเปอร์ได้ด้วย เนื่องจากความแม่นยำของปืนเป็นเลิศ จึงสามารถสร้างความเสียหายร้ายแรงได้แม้ในระยะไกลมาก
สวัสดีนักขับรถถังที่รัก! เรายังคงดูเทคโนโลยีต่อไป และวันนี้ เรามีเครื่องจักรที่น่าสนใจและน่าทึ่งมาก นี่คือรถที่ปรากฏใน 0.8.7 เครื่องที่สามารถโค้งงอได้ เครื่องจักรที่ฉีกศัตรูเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและแทะจนตายด้วยกระสุนฝน รถยนต์ในเวอร์ชันดั้งเดิมตามทัน T-50-2 และเสียชีวิตขณะเดินทาง พบกับ Stug หรือ E-25 ที่รก:
นี่คือยานพิฆาตรถถังระดับพรีเมียมในระดับเยอรมัน เนื่องจากรถมีความพรีเมียม จึงมีคุณสมบัติบางประการดังนี้:
ราคาของปาฏิหาริย์นี้คือ 6,700 ทอง ใช่ ไม่มีวิธีอื่นในการซื้อรถคันนี้ ยกเว้นการชนะโปรโมชัน อย่างไรก็ตาม เราไม่จำเป็นต้องเลื่อนระดับไปจนถึงระดับ 7 สะสมประสบการณ์และอัปเกรดโมดูลเพื่อนำรถขึ้นสู่จุดสูงสุด นี่คือข้อดีของเทคโนโลยีระดับพรีเมียม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าค่าใช้จ่ายของเราอาจจบลงด้วยเงิน แต่ก็ไม่ใช่เงินกู้ คุณต้องติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมบนยานพาหนะ นั่งลูกเรือ และใช้ลายพราง หากเราจะพูดถึงอุปกรณ์เพิ่มเติมในภายหลัง เราจะพิจารณาทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับลูกเรือในตอนนี้ เนื่องจากลูกเรือมีอิทธิพลอย่างมากต่อคุณลักษณะของรถ การนั่งขับกับลูกเรือ 50% จึงเป็นเรื่องโง่และมองการณ์ไกลไม่ได้ โดยส่วนตัวแล้ว ฉันแนะนำให้วางทีมงานที่มีระดับความเชี่ยวชาญหลัก 90 - 100% คุณสามารถทำได้หลายวิธี:
- เพียงซื้อลูกเรือใหม่ด้วยทองคำ วิธีนี้ค่อนข้างง่ายและมีประสิทธิภาพ - เราได้รับลูกเรือ 100% ราคา 200 * 4 = 800 ทอง
- ฝึกฝนลูกเรือของคุณเพื่อเงิน หากคุณไม่มีเรือรบเยอรมันลำอื่นและรู้สึกเสียใจกับเงินของลูกเรือ บางทีนี่อาจเป็นตัวเลือกเดียวที่เหมาะสมสำหรับคุณ จะมีราคา 20,000 * 4 = 80,000 เครดิต อย่างไรก็ตาม เราจะได้ลูกเรือ 75% ซึ่งน่าเศร้า แต่โดยหลักการแล้วไม่สำคัญ
- วิธีการสำหรับผู้ที่มีลูกเรือที่ดีพอสมควรที่ผ่านการฝึกฝนใน PT เยอรมันอื่นๆ ที่นี่เราสามารถโอนลูกเรือนี้ไปยัง PT นี้แล้วขี่ไปพร้อมกับมันได้ ไม่มีค่าปรับสำหรับลูกเรือในพาหนะพรีเมี่ยม นี่เป็นบริการฟรีอย่างแน่นอน และจะทำให้เราได้มีโอกาสนั่งลูกเรือได้ 3 - 4 คนโดยไม่มีการสูญเสียใดๆ ใน E-25 สำหรับผู้ที่มีรถถังระดับบน
อีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือลายพราง เนื่องจากเราเป็นยานพิฆาตรถถัง ยานพิฆาตรถถังที่ค่อนข้างเล็ก ทัศนวิสัยของเราจึงค่อนข้างต่ำ และการพรางตัวจะยิ่งเพิ่มการลักลอบของเรามากยิ่งขึ้น ดังนั้นเราจึงใช้ลายพรางกับรถและอย่าคิดซ้ำอีก จะมีราคา 3 * 70,000 = 210,000 เครดิต
อุปกรณ์
เนื่องจากอุปกรณ์ระดับพรีเมียมไม่มีโมดูลที่สามารถอัปเกรดได้ จึงไม่มีประโยชน์ในการพิจารณาสาขาการวิจัย แค่ดีใจที่คุณอยู่ด้านบนแล้ว อย่างไรก็ตาม เราจะยังคงพิจารณาแต่ละโมดูลโดยละเอียดเพิ่มเติม:
ปืนของ AT นี้แม่นยำมากและมีอัตราการยิงที่สูงมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับอย่างหลัง เราจ่ายด้วยความเสียหายแบบครั้งเดียว ด้านหนึ่งนี่เป็นสิ่งที่ดี อีกด้านหนึ่งก็แย่ อาวุธนี้มีอัตราการเจาะต่ำด้วยกระสุนพื้นฐาน สิ่งนี้ได้รับการชดเชยบางส่วนด้วยกระสุนย่อยลำกล้องเจาะเกราะ ซึ่งสามารถซื้อได้ในราคาที่สูงกว่าหรือด้วยทองคำ ฉันจะทราบด้วยว่าความเร็วในการเล็งของปืนนั้นยอดเยี่ยมเช่นกัน
เครื่องยนต์ของ PT นี้ก็ค่อนข้างทรงพลังซึ่งทำให้เราสามารถเข้าถึงความเร็วสูงได้ เอ๊ะ ฉันจำได้ว่าในการทดสอบ 0.8.6 ฉันขับ T-50-2 ได้อย่างไร ซึ่งถูกถอดออกไปแล้ว และ PT ก็ถูกตัดออกไปเล็กน้อย... ฉันจะสังเกตโอกาสมาตรฐานที่เครื่องยนต์จะติดไฟ - 20% ซึ่งหมายความว่าควรพกถังดับเพลิงติดตัวไปด้วย ไม่ใช่น้ำมันเบนซิน อย่างไรก็ตาม ด้วยไดนามิกที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เราไม่ต้องการมัน
สถานีวิทยุค่อนข้างทรงพลัง ดังนั้นเราจึงไม่น่าจะรู้สึกว่าขาดช่วงการสื่อสาร ไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเธออีกต่อไป
แชสซีมีความสามารถข้ามประเทศได้ดีบนดินต่างๆ และความเร็วในการเลี้ยว ความสามารถในการรองรับเพียงพอสำหรับดวงตา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
ข้อดีและข้อเสียของเครื่อง
ข้อดี
- ตัวเล็กและเตี้ยมาก
- ปืนแม่น
- ไดนามิกที่ยอดเยี่ยม
ข้อเสีย
- ความเสียหายเพียงครั้งเดียวที่อ่อนแอ
- การเจาะที่อ่อนแอด้วยกระสุน AP พื้นฐาน
- ไม่มีเกราะธรรมดา
น้ำหนักที่สมดุล
รถมีการต่อสู้ถึงระดับ 7 - 8 ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ต้องกังวลกับความสะดวกสบายของเกม
การทำกำไร
ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เนื่องจากอุปกรณ์ระดับพรีเมียมมีอัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรที่ดี ในระหว่างเกมปกติ เราจะฟาร์มเล็กน้อยแม้ว่าจะไม่มี PA ก็ตาม อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้เปลือกทองและยุทธปัจจัย มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเช่นกัน
กลยุทธ์
รถไม่มีเกราะที่ดี แต่เรามีความเร็ว ความคล่องตัว และการซ่อนตัวที่ยอดเยี่ยม จากทั้งหมดนี้ คุณสามารถดำเนินการได้หลายวิธี ไม่ว่าในกรณีใด นี่คือรถถังสนับสนุนจากระยะไกลหรือรถถังที่จะหมุนเป็นวงกลม ทะลุไปทางด้านหลังและยังส่องแสงอย่างแข็งขัน PT นี้ช่วยให้คุณยืดแขนได้และไม่เป็นตัวประกันกับความเร็วต่ำ เราสามารถทำทุกอย่างที่เราต้องการ ยืนและส่องแสงในพุ่มไม้ ต่อต้านหิ่งห้อย ยึดตำแหน่งสำคัญบนแผนที่อย่างรวดเร็วและยึดไว้จนกว่ากองกำลังหลักจะมาถึง อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถมั่นใจมากเกินไปได้ ใช่ เราทำได้ทั้งหมดนี้ แต่เราต้องทำหลังจากคิด 3 ครั้ง โดยคำนวณตัวเลือกทั้งหมดสำหรับการพัฒนาเหตุการณ์และเส้นทางหลบหนี หากมีบางอย่างไม่เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้ คุณสามารถเล่นได้ทั้งแบบ PT และแบบ ST สิ่งสำคัญคือการคิด PT นี้จะไม่นำประสบการณ์และเครดิตมามากนักหากคุณเล่นแบบปานกลาง ใน Su 122-44 สามารถสร้างความเสียหายได้เพียงเพราะปืนที่ดี ที่นี่เราจะต้องพยายามอย่างหนักเพื่อยิงความเสียหายแบบเดียวกัน เครื่องมีความซับซ้อนเครื่องต้องใช้มือและการกระทำที่รอบคอบ แต่จะดีกว่าและสามารถโค้งงอ Su 122-44 แบบเดิมได้หากเล่นอย่างถูกต้อง คุณไม่รู้ว่าเราต่อสู้แบบไหนด้วยหมวดรถถัง 3 คันแบบนี้ เราได้รับความสนุกสนาน เงิน และความสุขมากแค่ไหน ใช่ เครื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับทุกคน ดังนั้นฉันขอแนะนำให้ไปที่เซิร์ฟเวอร์ทดสอบและทดลองใช้ก่อนซื้อ
อุปกรณ์เพิ่มเติม
- แรมเมอร์
- แอคชูเอเตอร์/วาล์ว
- เลนส์/วีนิล/กล่อง
ขึ้นอยู่กับสไตล์การเล่นและสิ่งที่สำคัญสำหรับคุณคือ 1.5 วินาที หรือ 1.35 วิ
อุปกรณ์
- ชุดซ่อม
- ชุดปฐมพยาบาล
- เครื่องดับเพลิง
ฉันไม่แนะนำให้พกน้ำมันเพราะจะไม่มีการเพิ่มขึ้นพิเศษและเราไม่ต้องการมัน แต่เราก็สามารถเผาไหม้ได้เพราะโอกาสเกิดเพลิงไหม้ของเราเป็นมาตรฐานและอยู่ที่ 20%
สิทธิพิเศษลูกเรือ
ผู้บัญชาการ
- สัมผัสที่หก
- BB (ภราดรภาพการต่อสู้)
- ปลอม
มือปืน
- ปลอม
- ทางเลือก (ฉันจะอัพเกรดสไนเปอร์)
ขน. คนขับ
- ปลอม
- ไม่จำเป็น
กำลังชาร์จ
- ปลอม
- หมดหวัง
ช่องโหว่ของเครื่อง:
ออเรนจ์ - ผู้บัญชาการ, พลปืน, พลบรรจุ
สีแดง - เครื่องยนต์ รถถัง ระบบเกียร์
สีเขียว - พื้นที่ทะลุผ่านได้ง่าย
สีขาว - ชั้นวางกระสุน
สีน้ำเงิน - ช่างคนขับ
มีรีวิววิดีโอดีๆ มากมาย
ปืนอัตตาจรต่อต้านรถถังเยอรมัน E-25 (ระบุอย่างเป็นทางการในเอกสารว่า Panzerjagerwagen E-25)
ยานพิฆาตรถถัง E-25 เป็นหนึ่งในกาแล็กซีที่มีปืนอัตตาจรต่อต้านรถถังที่ประสบความสำเร็จและไม่สำเร็จ ซึ่งถูกยึดอย่างหนาแน่นโดยใช้พื้นฐานของรถถังกลาง Pz III และ Pz IV นี่เป็นโปรแกรมน้ำหนักครั้งที่ 3 ของ Entwicklung ซึ่งแสดงโดยรถถังมาตรฐานของซีรีย์ "E" ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 25 ตัน ในความเป็นจริง ยานพิฆาตรถถัง E-25 ไม่เคยถูกสร้างขึ้นในรูปแบบสำเร็จรูป แม้ว่าจะอยู่ในรูปแบบต้นแบบก็ตาม อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสัมพันธมิตรได้ค้นพบตัวถังหุ้มเกราะสำเร็จรูปหลายลำสำหรับการทดสอบและเอกสารจำนวนมาก
เบื้องหลังการสร้างยานพิฆาตรถถัง E-25 มีดังนี้: เนื่องจากสหภาพโซเวียตมีการใช้งานรถถังกลางและหนักจำนวนมาก ชาวเยอรมันจึงต้องการยานพาหนะเคลื่อนที่ที่มีเกราะและอาวุธทรงพลัง อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างถูกจำกัดด้วยน้ำหนักสูงสุด Jagdpanthers และ Jagdtigers จะมาในภายหลังเล็กน้อย ปืนอัตตาจรจำนวนหนึ่งปฏิบัติการได้สำเร็จในแนวรบด้านตะวันออก ซึ่งแสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในการต่อสู้กับรถถังของกองทัพแดง ปืนอัตตาจร Getzer อันโด่งดัง เช่นเดียวกับปืนอัตตาจรขนาดกลางอื่นๆ ค่อนข้างล้าสมัยในสมัยนั้น
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2486 กรมทดสอบอาวุธที่ 6 นำโดย Kniepkamp เริ่มทำงานเกี่ยวกับการสร้างปืนอัตตาจร E-25 จุดเด่นของปืนอัตตาจรแบบใหม่คือเกราะที่ทรงพลัง ความคล่องตัวสูง รูปทรงพาหนะที่ต่ำ และอาวุธที่ดี บริษัท Adler ในแฟรงก์เฟิร์ต รวมถึง Argus และรถปอร์เช่ชื่อดัง มีส่วนร่วมในการออกแบบและพัฒนา E-25 ระบบปืนใหญ่เป็นแบบเก่าที่ดี ปืนใหญ่ 75 มม. 7.5 ซม. KwK 43 ที่ผ่านการทดสอบการรบแล้ว (ความยาวลำกล้อง 70 ลำกล้อง) ในอนาคตมีการวางแผนที่จะติดตั้งปืนใหญ่ 7.5 ซม. KwK 44 (ปืนใหญ่แบบเดียวกับที่พวกเขาต้องการใส่ใน Schmalturm ป้อมปืน (สำหรับรถถัง Panther 2) ซึ่งเป็นสถิติในเวลานั้น แต่แผนเหล่านี้ไม่สามารถแปลให้เป็นจริงได้; ปืนที่มีระบบป้อนกระสุนอัตโนมัติไม่เคยถูกทดสอบจนกระทั่งสิ้นสุดสงคราม แม้ว่าต้นแบบจะพร้อมก็ตาม การยิงของปืนอัตตาจรหมายความว่าพลปืนจะไม่มีเวลาเล็งปืนไปที่เป้าหมาย เนื่องจากการหมุนปืนในระนาบแนวนอนจำเป็นต้องหมุนตัวปืนอัตตาจร นอกเหนือจาก KwK44 ปืน หนึ่งในทางเลือกอื่นสำหรับการติดตั้งปืนครก StuH42 ขนาด 105 มม. บนปืนอัตตาจร E-25 ถูกเสนอ ซึ่งเมื่อหลายปีก่อนได้รับการติดตั้งบนปืนอัตตาจรที่ใช้รถถัง Pz III ได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะติดตั้งปืนใหญ่ KwK43 ขนาด 88 มม. ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งดูเหมือนมีแนวโน้มที่ดีต่อกองทัพและนักออกแบบ และยังได้รับฉายาว่า Panzerjagerwagen E-25 "Jaguar" อีกด้วย
สำหรับอาวุธระยะประชิดนั้น พวกเขาวางแผนที่จะติดตั้งปืนใหญ่ขนาด 20-30 มม. ใน E-25 บนป้อมปืนบนหลังคาห้องต่อสู้ ซึ่งสามารถต่อสู้กับทหารราบและยานเกราะของศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อสร้างรูปร่างของปืนอัตตาจร E-25 ประสบการณ์การต่อสู้ทั้งหมดจะถูกนำมาพิจารณาด้วยเหตุนี้แผ่นเกราะทั้งหมดจึงอยู่ในมุมเอียงที่แตกต่างกัน (คล้ายกับ T-34) ซึ่งก็คือ วิธีการที่ยอดเยี่ยมในการแฉลบเกราะเมื่อกระสุนปืนโดนมัน นอกจากนี้ปืนที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองยังได้รับภาพเงาที่ค่อนข้างต่ำซึ่งทำให้ความอยู่รอดในสนามรบเพิ่มขึ้นหลายเท่า ในแง่ของรูปร่างของตัวถังปืนอัตตาจร E-25 ค่อนข้างคล้ายกับปืนอัตตาจรของ Getzer ซึ่งไม่น่าแปลกใจเนื่องจากความต้องการของกองทัพ
สำหรับโครงร่างของปืนอัตตาจร E-25 นั้นแตกต่างจากปืนอัตตาจรแบบอนุกรมที่สร้างบนตัวถังรถถัง ปืนที่มีหน้ากากป้องกันประเภท "หัวหมูป่า/จมูกหมู" ตั้งอยู่เกือบตลอดแนวแกนกลางในส่วนหน้าของตัวปืนอัตตาจร ทางด้านซ้ายของปืนคือส่วนควบคุมและที่นั่งคนขับ ส่วนควบคุมถูกรวมเข้ากับส่วนการต่อสู้ ในช่องเหล่านี้ประกอบด้วย: รถตักดิน, มือปืนและผู้บังคับปืนอัตตาจร ตามที่ผู้ออกแบบวางแผนไว้ เครื่องยนต์เบนซิน Argus ขนาด 350 แรงม้าจะถูกติดตั้งในแนวขวางที่ด้านหลังของปืนอัตตาจร พร้อมระบบเกียร์ 8 สปีด และพวงมาลัยไฟฟ้าพลังน้ำ ต่อมาผู้ออกแบบต้องการติดตั้งเครื่องยนต์มายบัคที่มีกำลัง 400 แรงม้า และทางเลือกอื่นๆ ของโรงไฟฟ้า ตามข้อมูลที่คำนวณ ปืนอัตตาจร E-25 ควรจะเข้าถึงความเร็วบนทางหลวงได้สูงถึง 65 กม./ชม.
ผู้ออกแบบไม่เห็นด้วยกับแชสซี บางคนแนะนำให้ติดตั้งระบบกันสะเทือนทอร์ชั่นบาร์ บางคนแนะนำให้ติดตั้งระบบแบบภายนอก หลังจากการพูดคุยกันมาก ทอร์ชั่นบาร์ก็ถูกละทิ้งไปเนื่องจากมีน้ำหนักมากเกินไปและต้องใช้แรงงานในการผลิตมาก ระบบกันสะเทือนแบบภายนอกเป็นแบบคันโยกซึ่งประกอบด้วยโช้คอัพและสปริงซึ่งมีการเคลื่อนที่บนเพลาที่ติดตั้งไว้ที่ด้านนอกของตัวถัง มีการวางแผนที่จะติดตั้งสปริงภายในตัวเรือนบล็อกกันสะเทือนและควรมีโช้คอัพไฮดรอลิกส่วนกลาง การติดตั้งและถอดบล็อกระบบกันสะเทือนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากแต่ละบล็อกได้รับการติดตั้งที่ด้านข้างและด้านล่างของตัวถังปืนที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองโดยใช้การเชื่อมต่อแบบสลักเกลียว แต่โดยทั่วไป ระบบกันสะเทือนประกอบด้วย (บนเรือ) ห้าบล็อก โดยแต่ละบล็อกมีลูกกลิ้งรองรับคู่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,000 มม. มีแถบยางแบบ "หุ้ม" ล้อช่วงล่างทั้งหมดได้รับการติดตั้งตามประเพณีในรูปแบบกระดานหมากรุก โซ่ตัวหนอนประกอบจากรางลิงค์เล็กกว้าง 66 ซม.