ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ความสงบแก่ข้าพระองค์ในการยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ โปรดให้ความกล้าหาญแก่ข้าพระองค์ในการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และขอทรงประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในการแยกแยะระหว่างกัน
และปัญญาแยกแยะกัน (บทสวดภาวนาเพื่อความสบายใจ)
พระเจ้า โปรดให้เหตุผลและความอุ่นใจแก่ฉันในการยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันทำได้ และสติปัญญาที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างคำอธิษฐานแห่งความสงบแห่งจิตใจ
ผู้เขียนคำอธิษฐานนี้ Karl Paul Reinhold Niebuhr (เยอรมัน: Karl Paul Reinhold Niebuhr; 1892 - 1971) เป็นนักศาสนศาสตร์นิกายโปรเตสแตนต์ชาวอเมริกันที่มีต้นกำเนิดในภาษาเยอรมัน ตามแหล่งข้อมูลบางแห่ง แหล่งที่มาของสำนวนนี้คือคำพูดของนักศาสนศาสตร์ชาวเยอรมัน คาร์ล ฟรีดริช เอทิงเงอร์ (1702-1782)
Reinhold Niebuhr บันทึกคำอธิษฐานนี้เป็นครั้งแรกในการเทศน์ในปี 1934 คำอธิษฐานนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางตั้งแต่ปี พ.ศ. 2484 เมื่อเริ่มใช้ในการประชุมของผู้ติดสุรานิรนาม และในไม่ช้า คำอธิษฐานนี้ก็รวมอยู่ในโปรแกรมสิบสองขั้นตอนซึ่งใช้ในการรักษาโรคพิษสุราเรื้อรังและการติดยา
ในปีพ.ศ. 2487 คำอธิษฐานนี้รวมอยู่ในหนังสือสวดมนต์สำหรับภาคทัณฑ์กองทัพ วลีแรกของคำอธิษฐานแขวนอยู่เหนือโต๊ะของประธานาธิบดีจอห์น ฟิตซ์เจอรัลด์ เคนเนดีแห่งสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2460 - 2506)
พระเจ้า ขอทรงให้เหตุผลและความอุ่นใจแก่ข้าพระองค์ด้วย
ยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนไม่ได้
ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันทำได้
และปัญญาที่จะแยกแยะออกจากกัน
ใช้ชีวิตทุกวันให้เต็มที่
เพลิดเพลินทุกช่วงเวลา
ยอมรับความยากลำบากเป็นหนทางสู่ความสงบสุข
ได้รับอย่างที่พระเยซูทรงกระทำ
โลกบาปนี้เป็นสิ่งที่มันเป็น
และไม่ใช่แบบที่ฉันอยากจะพบเขา
ไว้วางใจว่าคุณจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด
ถ้าฉันยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระองค์:
เพื่อจะได้ความสุขในชีวิตนี้ได้ตามสมควร
และความสุขอันล้ำเลิศจะอยู่กับคุณตลอดไปในชีวิตที่จะมาถึง
ข้อความคำอธิษฐานฉบับเต็มเป็นภาษาอังกฤษ:
พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานพระคุณแก่เราในการยอมรับอย่างสงบ
สิ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ
ที่ควรเปลี่ยน
และปัญญาที่จะแยกแยะ
อันหนึ่งจากอีกอันหนึ่ง
ใช้ชีวิตไปวันๆ
เพลิดเพลินไปชั่วขณะหนึ่ง
ยอมรับความยากลำบากเป็นหนทางสู่สันติภาพ
ยึดเอาดังที่พระเยซูทรงกระทำ
โลกบาปอย่างที่เป็นอยู่นี้
ไม่ใช่อย่างที่ฉันอยากได้
โดยวางใจว่าพระองค์จะทรงทำให้ทุกสิ่งถูกต้อง
หากข้าพระองค์ยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระองค์
เพื่อข้าพเจ้าจะได้มีความสุขตามสมควรในชาตินี้
และมีความสุขอย่างสูงสุดกับท่านตลอดไปในภายภาคหน้า
อิมาเชวา อเล็กซานดรา กริกอรีฟนา
นักจิตวิทยาที่ปรึกษา
พลังบำบัดของการอธิษฐาน
ผู้เชื่อรู้ดีว่าการอธิษฐานทำให้จิตวิญญาณของคุณดีขึ้น ดังที่พวกเขาพูดกันในภาษาสมัยใหม่ สิ่งนี้ “ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น” การศึกษาทางวิทยาศาสตร์จำนวนมาก (ดำเนินการโดยชาวคริสต์และผู้ไม่เชื่อในพระเจ้า) แสดงให้เห็นว่าผู้ที่สวดมนต์เป็นประจำและมีสมาธิจะรู้สึกดีขึ้นทั้งทางร่างกายและจิตใจการอธิษฐานคือการสนทนาของเรากับพระเจ้า หากการสื่อสารกับเพื่อนและคนที่เรารักมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเรา การสื่อสารกับพระเจ้าซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดและรักมากที่สุดของเราก็มีความสำคัญมากกว่าอย่างล้นหลาม ท้ายที่สุดแล้วความรักที่พระองค์มีต่อเรานั้นไร้ขอบเขตจริงๆ
การอธิษฐานช่วยให้เรารับมือกับความรู้สึกเหงาได้ ในความเป็นจริง พระเจ้าอยู่กับเราเสมอ (พระคัมภีร์กล่าวว่า: “เราอยู่กับคุณเสมอ แม้กระทั่งชั่วนิรันดร์”) นั่นคือโดยพื้นฐานแล้ว เราไม่เคยอยู่คนเดียวโดยปราศจากการสถิตย์ของพระองค์ แต่เรามักจะลืมเกี่ยวกับการสถิตอยู่ของพระเจ้าในชีวิตของเรา การอธิษฐานช่วยให้เรา “นำพระเจ้าเข้ามาในบ้านของเรา” มันเชื่อมโยงเรากับพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพผู้ทรงรักเราและต้องการช่วยเรา
คำอธิษฐานที่เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ส่งมาให้เราช่วยให้เรามองเห็นสิ่งดีๆ รอบตัวเรา พัฒนาทัศนคติเชิงบวกต่อชีวิต และเอาชนะความสิ้นหวัง มันพัฒนาทัศนคติที่รู้สึกขอบคุณต่อชีวิต ตรงข้ามกับทัศนคติที่ไม่พึงพอใจและเรียกร้องตลอดเวลา ซึ่งเป็นรากฐานของความทุกข์ของเรา
การอธิษฐานซึ่งเราบอกพระเจ้าเกี่ยวกับความต้องการของเรา ก็มีหน้าที่สำคัญเช่นกัน เพื่อบอกพระเจ้าเกี่ยวกับปัญหาของเรา เราต้องจัดการมัน จัดการมัน และก่อนอื่นเลย ยอมรับกับตัวเองว่ามันมีอยู่จริง ท้ายที่สุดแล้ว เราทำได้เพียงอธิษฐานเกี่ยวกับปัญหาที่เราตระหนักแล้วว่ามีอยู่เท่านั้น
การปฏิเสธปัญหาของตนเอง (หรือเปลี่ยน "จากอาการเจ็บศีรษะไปสู่ปัญหาที่ดีต่อสุขภาพ") เป็นวิธีที่แพร่หลายมาก (และเป็นหนึ่งในวิธีที่อันตรายที่สุดและไม่มีประสิทธิภาพ) ในการ "ต่อสู้กับความยากลำบาก" ตัว อย่าง เช่น คน ติด เหล้า ทั่ว ไป ปฏิเสธ เสมอ ว่า การ ดื่ม กลาย เป็น ปัญหา หลัก ใน ชีวิต ของ เขา. เขาพูดว่า: “ไม่เป็นไร ฉันสามารถหยุดดื่มได้ตลอดเวลา และฉันไม่ดื่มมากกว่าคนอื่น” (ดังที่คนขี้เมาพูดในละครยอดนิยมว่า "ฉันดื่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น") ปัญหาที่ร้ายแรงน้อยกว่าการเมาสุราก็ถูกปฏิเสธเช่นกัน คุณสามารถหาตัวอย่างการปฏิเสธปัญหามากมายในชีวิตของเพื่อนและคนที่คุณรัก หรือแม้แต่ในชีวิตของคุณเองได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเรานำปัญหาของเราไปหาพระเจ้า เราถูกบังคับให้ยอมรับเพื่อที่จะพูดถึงมัน และการรับรู้และระบุปัญหาเป็นขั้นตอนแรกในการแก้ปัญหา นี่เป็นก้าวไปสู่ความจริงด้วย การอธิษฐานทำให้เรามีความหวังและทำให้เราสงบ เรารับทราบปัญหาและ “มอบมัน” แด่พระเจ้า
ในระหว่างการอธิษฐาน เราแสดงให้องค์พระผู้เป็นเจ้าเห็นว่า “ฉัน” ของเราเอง ซึ่งเป็นบุคลิกภาพของเราตามที่เป็นอยู่ ต่อหน้าคนอื่นเราอาจพยายามแกล้งทำเป็นว่าดูดีขึ้นหรือแตกต่าง ต่อพระพักตร์พระเจ้า เราไม่จำเป็นต้องประพฤติเช่นนี้ เพราะพระองค์ทรงมองเห็นผ่านเราโดยตรง การเสแสร้งไม่มีประโยชน์อย่างยิ่งที่นี่ เราเข้าสู่การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมากับพระเจ้าในฐานะบุคคลที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำใคร ละทิ้งกลอุบายและแบบแผนทั้งหมด และเปิดเผยตัวเราเอง ที่นี่เราสามารถปล่อยให้ตัวเองมี "ความหรูหรา" ของการเป็นตัวของตัวเองอย่างสมบูรณ์ และด้วยเหตุนี้จึงเปิดโอกาสให้ตัวเราเติบโตทางจิตวิญญาณและส่วนตัว
การอธิษฐานทำให้เรามีความมั่นใจ ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นอยู่ที่ดี ความรู้สึกเข้มแข็ง ขจัดความกลัว ช่วยให้เรารับมือกับความตื่นตระหนกและความเศร้าโศก และช่วยให้เราพ้นจากความโศกเศร้า
Anthony of Sourozh แนะนำว่าผู้เริ่มต้นสวดภาวนาสั้นๆ ต่อไปนี้ (ครั้งละหนึ่งสัปดาห์):
พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้หลุดพ้นจากภาพลักษณ์ปลอมๆ ของพระองค์ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ทิ้งความกังวลทั้งหมดและมุ่งความสนใจไปที่พระองค์เพียงผู้เดียว
พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้มองเห็นบาปของข้าพระองค์ อย่าตัดสินเพื่อนบ้านของข้าพระองค์ และพระสิริจงมีแด่พระองค์!
ข้าพระองค์ขอมอบจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ ไม่ใช่ความประสงค์ของฉันที่จะทำให้สำเร็จ แต่เป็นของคุณ
คำอธิษฐานของผู้อาวุโสและบิดาแห่ง Optina
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าพบกับทุกสิ่งที่นำมาในวันนี้ด้วยความอุ่นใจ
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์ยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระองค์โดยสมบูรณ์
ข้าแต่พระเจ้า ทุกๆ ชั่วโมงของวันนี้ ทรงสั่งสอนและสนับสนุนข้าพระองค์ในทุกสิ่ง
พระเจ้า โปรดเปิดเผยน้ำพระทัยของพระองค์แก่ฉันและคนรอบข้างด้วย
ไม่ว่าข้าพเจ้าได้รับข่าวคราวใดในระหว่างวัน ขอให้ข้าพเจ้ารับไว้ด้วยจิตใจที่สงบและเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าทุกสิ่งเป็นพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และผู้ทรงเมตตา ขอทรงชี้นำความคิดและความรู้สึกของข้าพเจ้าในทุกการกระทำและคำพูด ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันทั้งหมด ขออย่าให้ข้าพเจ้าลืมว่าทุกสิ่งถูกส่งลงมาโดยพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์ประพฤติตนอย่างชาญฉลาดกับเพื่อนบ้านแต่ละคน โดยไม่ทำให้ใครไม่พอใจหรือทำให้ใครอับอาย
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ที่จะอดทนต่อความเหนื่อยล้าของวันนี้และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น นำทางเจตจำนงของฉันและสอนให้ฉันอธิษฐานและรักทุกคนอย่างไม่เสแสร้ง
คำอธิษฐานประจำวันของนักบุญพิลาเรต
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ไม่รู้จะถามพระองค์อย่างไร คุณคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าฉันต้องการอะไร คุณรักฉันมากกว่าที่ฉันรู้วิธีรักตัวเอง ให้ฉันเห็นความต้องการของฉันที่ซ่อนอยู่จากฉัน ฉันไม่กล้าขอไม้กางเขนหรือปลอบใจฉันเพียงปรากฏตัวต่อหน้าคุณเท่านั้น หัวใจของฉันเปิดให้คุณ ข้าพระองค์ฝากความหวังไว้กับความต้องการที่ข้าพระองค์ไม่ทราบ มองเห็นและทำร่วมกับข้าพระองค์ตามพระเมตตาของพระองค์ บดขยี้ฉันแล้วยกฉันขึ้น ทุบตีและรักษาฉัน ข้าพระองค์ตกตะลึงและนิ่งเงียบต่อพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ชะตากรรมของพระองค์ไม่อาจเข้าใจได้สำหรับฉัน ข้าพระองค์ไม่มีความปรารถนาใดนอกจากความปรารถนาที่จะปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ สอนให้ฉันอธิษฐาน อธิษฐานในตัวฉันเอง สาธุ
สวดมนต์เพื่อความสงบของจิตใจ
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานสติปัญญาและความอุ่นใจแก่ข้าพระองค์ในการยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันทำได้ และสติปัญญาที่จะทราบความแตกต่าง
คำอธิษฐานนี้ฉบับเต็ม:
โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ยอมรับสิ่งที่ข้าพระองค์เปลี่ยนแปลงไม่ได้ด้วยใจถ่อมใจ
ขอความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันสามารถทำได้
และปัญญาที่จะแยกความแตกต่างจากกัน
ช่วยฉันอยู่กับความกังวลในวันนี้
เพลิดเพลินทุกนาที ตระหนักถึงความไม่ยั่งยืนของมัน
ในยามยากลำบากให้มองเห็นหนทางนำไปสู่ความสมดุลทางจิตใจและความสงบสุข
ยอมรับโลกบาปนี้เช่นเดียวกับพระเยซู
เขาเป็นและไม่ใช่แบบที่ฉันอยากให้เขาเป็น
เชื่อว่าชีวิตของฉันจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีตามพระประสงค์ของพระองค์หากฉันวางใจในสิ่งนั้น
ด้วยวิธีนี้ฉันสามารถหาสถานที่ร่วมกับพระองค์ได้ชั่วนิรันดร์
สวดมนต์สงบ
“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานสติปัญญาและความอุ่นใจแก่ข้าพระองค์ในการยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันทำได้ และสติปัญญาที่จะทราบความแตกต่าง”
คำอธิษฐานนี้ฉบับเต็ม:
โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ยอมรับสิ่งที่ข้าพระองค์เปลี่ยนแปลงไม่ได้ด้วยใจถ่อมใจ
ขอความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันสามารถทำได้
และปัญญาที่จะแยกความแตกต่างจากกัน
ช่วยฉันอยู่กับความกังวลในวันนี้
เพลิดเพลินทุกนาที ตระหนักถึงความไม่ยั่งยืนของมัน
ในยามยากลำบากให้มองเห็นหนทางนำไปสู่ความสมดุลทางจิตใจและความสงบสุข
ยอมรับโลกบาปนี้อย่างที่มันเป็น
และไม่ใช่แบบที่ฉันอยากจะเจอเขา
ที่จะเชื่อว่าชีวิตของฉันจะเปลี่ยนไปเพื่อความดีตามพระประสงค์ของพระองค์
ถ้าฉันฝากตัวไว้กับเธอ
และด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงสามารถพบว่าได้อยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์”
หัวข้อบทความ:
ห้ามคัดลอกเนื้อหาโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
พระเจ้า! ให้เหตุผลกับฉัน
พระเจ้า ขอทรงให้เหตุผลและความอุ่นใจแก่ข้าพระองค์ด้วย
ยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนไม่ได้
ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันทำได้
และสติปัญญาที่จะแยกแยะสิ่งหนึ่งออกจากกัน!
ที่จะยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนไม่ได้
ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันทำได้
และปัญญาที่จะรู้ความแตกต่าง
ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษไม่มีคำว่า "เจ้าจงทำ ไม่ใช่ของฉัน" ดังนั้นคุณสามารถออกเสียงได้ตามดุลยพินิจของคุณเอง
โดยการออกเสียงคำนี้ ฉันรับทราบถึงการดำรงอยู่ของพลังที่สูงกว่า ซึ่งมีความสามารถที่ยิ่งใหญ่กว่าฉันอย่างไม่มีใครเทียบได้
คำนี้ประกอบด้วยการยอมรับว่าพลังที่สูงกว่ามีความสามารถในการมอบและนำบางสิ่งมาให้ฉันและผู้อื่น
ฉันกำลังขอเพื่อตัวเอง พระคัมภีร์ยืนยันว่าถ้าคุณขอด้วยความจริงใจก็จะให้คุณ ไม่มีข้อผิดพลาดในการขอให้ปรับปรุงคุณสมบัติภายในของคุณ หากอุปนิสัยของฉันดีขึ้น ฉันและคนรอบข้างก็จะมีความสุขมากขึ้น และความสัมพันธ์ของฉันกับโลกก็จะดีขึ้นด้วย
ฉันขอความสงบ ความพอประมาณ และความสงบในใจในชีวิตของฉัน เพื่อที่ฉันจะได้ก้าวข้ามขอบเขตของตัวเอง ใช้เหตุผลอย่างถูกต้อง และจัดการการกระทำของฉันได้อย่างเหมาะสม
ฉันตกลงกับเงื่อนไขที่มีอยู่ในชีวิตของฉันตอนนี้ ฉันมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน ฉันอยู่ที่นี่ในสถานที่เฉพาะนี้และในช่วงเวลาเฉพาะนี้
ฉันตระหนักดีว่าโศกนาฏกรรม ความตาย ความทุกข์ ความเจ็บป่วย และความเจ็บปวดใดๆ ล้วนเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฉัน เป็นส่วนหนึ่งที่ไม่เลวหรือดี เช่นเดียวกับองค์ประกอบอื่นๆ ฉันยอมรับข้อจำกัดและความผิดพลาดของตัวเอง ฉันยอมรับจำนวนมากของฉันเมื่อมันตกอยู่กับฉัน จนกว่าจะมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงส่วนที่ไม่ชอบในชีวิตก็ต้องยอมรับมันให้ได้โดยไม่เกิดความไม่พอใจใดๆ
ฉันไม่สามารถป้องกันเหตุการณ์เหล่านี้ได้หรือ
เงื่อนไขที่จะทำให้เกิดขึ้นกับฉันหรือผู้อื่น
คุณสมบัติที่ทำให้ฉันเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาและความเป็นจริงของชีวิต สามารถทำได้โดยปราศจากแอลกอฮอล์และยาเสพติด ความมุ่งมั่นไม่สั่นคลอนที่จะคงอยู่ “โดยไม่ต้องจิบแม้แต่ครั้งเดียว เผชิญกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่อาจทำให้ฉันกลับมาเมาอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณของฉันที่ช่วยให้ฉันทนต่อการชนกับอุปสรรค ความไม่เกรงกลัวในการควบคุมศรัทธา ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความซื่อสัตย์
เมื่อต้องเผชิญกับด้านลบของชีวิต ซึ่งฉันประเมินโดยตรงและเป็นกลาง ฉันขอให้ตัวฉันเองและสภาพชีวิตแตกต่างออกไป ฉันมีบทบาทอย่างแข็งขันในการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
ฉันขอให้คุณช่วยฉันในการตัดสินใจที่ถูกต้อง ฉันอยากให้ทุกสิ่งที่กวนใจฉันออกไปจากชีวิต ฉันต้องเผชิญกับความเป็นจริงอย่างต่อเนื่องและมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องเพื่อการเติบโตทางจิตวิญญาณของตัวเอง
ฉันขอให้คุณทำให้ฉันมีความแข็งแกร่งที่จะอยู่เหนือ "ฉัน" ของฉันและด้วยรูปลักษณ์ใหม่เพื่อประเมินตนเองและชีวิตของฉันอย่างยุติธรรม จากนั้น ด้วยความช่วยเหลือจากคุณสมบัติใหม่นี้ ใช้ชีวิตต่อไป ค้นหาภาษากลางร่วมกับตัวคุณเอง ผู้อื่น และพลังที่สูงกว่า
ความแตกต่างจากที่อื่น
ฉันต้องการที่จะเข้าใจสถานะที่แท้จริงของกิจการอย่างชัดเจนเสมอ ฉันต้องการที่จะสามารถแยกแยะทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับฉัน และตระหนักถึงความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันและผู้อื่นมากขึ้น ฉันต้องรู้สึกว่าการรักผู้อื่นนั้นมีค่ามากกว่าการอยู่คนเดียวเพียงลำพัง
ด้วยการกล่าวคำอธิษฐานง่ายๆ นี้ แต่ละครั้งที่เราจัดการแสดงท่าทางทางจิตวิญญาณบางอย่างที่นำเราไปสู่แนวคิดเรื่องความสามัคคี ความปลอดภัย และความหมายของการดำรงอยู่
การอธิษฐานจะได้ผลหากเป็นไปตามศีลธรรม หากเราไม่ขอให้พลังที่สูงกว่าประทานให้เรามากขึ้น แต่ช่วยให้เราดีขึ้น เราปฏิบัติตามความปรารถนาที่จะไม่มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่เพื่อให้ดีขึ้น เมื่อก่อนเราอยากจะมีชีวิตที่ดีขึ้นมาโดยตลอด เมื่อรู้สึกว่าแอลกอฮอล์ทำให้เรามีความรู้สึกมีชีวิตที่ดีขึ้น เราจึงเริ่มดื่มในปริมาณมากจนอันตรายต่อชีวิตของเรา ดังนั้นตอนนี้เราจึงมีความปรารถนาที่แตกต่างออกไป แสดงออกด้วยความเต็มใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนวิถีชีวิต อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสิ่งนี้ด้วยตัวเองหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบน เราขอความช่วยเหลือโดยหันไปหาพลังที่สูงกว่าและรับมัน
คุณต้องสามารถอธิษฐานได้ คงไม่มีใครประสบความสำเร็จในการฝึกจิตวิญญาณเช่นนี้ในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนขี้ระแวงและผู้ไม่เชื่อพระเจ้าอย่างที่เราเคยเป็น แต่ผู้รู้กล่าวว่า: ไม่มีอะไรให้ความสว่างแก่จิตวิญญาณได้มากไปกว่าการอธิษฐานอย่างมีสมาธิ คุณต้องเรียนรู้วิธีหันไปหาพระเจ้าและจะรับประกันความสำเร็จ สิ่งสำคัญควรเป็นหลักการ
“เจตจำนงของเจ้าจะเป็นไป ไม่ใช่ของฉัน”
บทความที่คุณสนใจจะถูกเน้นในรายการและแสดงก่อน!
การอภิปราย
14 ข้อความ
ขอเหตุผลและความสบายใจแก่ข้าพเจ้าด้วย
ยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนไม่ได้
ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันทำได้
และปัญญาที่จะแยกแยะสิ่งหนึ่งออกจากกัน
ขอให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จ ไม่ใช่ของฉัน
ประการแรกคือถวายเกียรติแด่พระเจ้า เสมอ.
ประการที่สอง – ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเมตตา ฉันเสียใจ. เหมือนเดิมเสมอ เพราะเราเป็นคนบาปอยู่เสมอ มีบางสิ่งให้เรากลับใจอยู่เสมอ บางสิ่งที่คู่ควรกับการกระทำของเราเป็นที่ยอมรับได้ การกลับใจทำให้เราคืนดีกับพระเจ้า ทำให้เราใกล้ชิดพระองค์มากขึ้น และทำให้เรามีความเข้มแข็ง
และประการที่สาม - พระเจ้าช่วยด้วย เหมือนเดิมเสมอ เพราะเราต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าเสมอ พระเจ้าพระองค์เองตรัสว่า “หากไม่มีเรา พวกท่านก็ทำอะไรไม่ได้เลย” (ยอห์น 15:5)
โปรดช่วยด้วย!)
“พระเจ้า โปรดให้เหตุผลและความอุ่นใจแก่ฉันในการยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันสามารถทำได้ และปัญญาที่จะแยกแยะสิ่งหนึ่งออกจากกัน”
ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานพระคุณแห่งความเข้าใจที่ไม่คู่ควรแก่ข้าพเจ้า เพื่อจะรับรู้ถึงสิ่งที่น่ายินดีสำหรับพระองค์ และสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับข้าพเจ้า และไม่เพียงแต่รับรู้เท่านั้น แต่ยังทำสิ่งนั้นด้วย เพื่อไม่ให้ถูกพัดพาไปและไม่แยกจากกัน ให้ว่างเปล่า มีความเมตตาต่อผู้ทุกข์ยาก และยอมอ่อนน้อมต่อคนบาป
ช่วยคุณพระผู้เป็นเจ้า
ถ้าฉันจำไม่ผิด
เพื่อค้นหาผู้แต่งบทกวี คำคม คำพังเพย พิมพ์บรรทัดที่ไม่ได้มาตรฐานที่สุดใน Google หรือทางไปรษณีย์ รุ คอมพิวเตอร์จะให้หน้าที่จำเป็นซึ่งคุณจะพบคำตอบ จริงอยู่ มีการทิ้งขยะมากมายระหว่างทาง ผู้ที่แสวงหาก็จะพบเสมอ! ขอให้โชคดี!
คำอธิษฐานสำหรับผู้ศรัทธาและผู้ไม่เชื่อ
ให้สติปัญญาและความอุ่นใจแก่ฉันในการยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ความเข้มแข็งและความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และสติปัญญาที่จะทราบความแตกต่าง
คำอธิษฐานนี้มีหลายรูปแบบ
“พระเจ้า โปรดให้เหตุผลและความอุ่นใจแก่ฉันในการยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันทำได้ และสติปัญญาที่จะแยกแยะระหว่างกัน”
“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีความสงบในการยอมรับสิ่งที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขอประทานความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และขอประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในการทราบความแตกต่าง”
ปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่าเรียบเรียงโดยนักเทศน์ชาวอเมริกัน ไรน์โฮลด์ นีบูร์ นักเทศน์ชาวอเมริกัน และการกล่าวถึงเรื่องนี้ครั้งแรกเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2485
คำอธิษฐานของผู้เฒ่า Optina (ฉบับเต็ม)
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์พบกับทุกสิ่งที่จะมาถึงในวันข้างหน้าด้วยความอุ่นใจ ขอให้ข้าพระองค์ยอมจำนนต่อพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อย่างสมบูรณ์ ทุกๆ ชั่วโมงของวันนี้ จงสั่งสอนและสนับสนุนข้าพเจ้าในทุกสิ่ง ไม่ว่าฉันได้รับข่าวใดก็ตามในระหว่างวัน โปรดสอนให้ฉันยอมรับด้วยจิตวิญญาณที่สงบและเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าทุกสิ่งเป็นพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า โปรดเปิดเผยพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แก่ข้าพระองค์และคนรอบข้างด้วย
ในทุกคำพูดและความคิดของฉัน จงนำทางความคิดและความรู้สึกของฉัน ในกรณีที่ไม่คาดฝันทั้งหมด อย่าให้ฉันลืมว่าทุกสิ่งถูกส่งลงมาโดยคุณ
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสอนข้าพระองค์ให้ปฏิบัติต่อทุกคนที่บ้านและคนรอบข้างอย่างถูกต้อง ง่ายดาย อย่างมีเหตุผล ทั้งผู้อาวุโส ผู้เท่าเทียมกัน รุ่นน้อง เพื่อที่ข้าพระองค์จะไม่ทำให้ใครไม่พอใจ แต่มีส่วนช่วยในความดีของทุกคน ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีกำลังที่จะอดทนต่อความเหนื่อยล้าของวันที่จะมาถึงและเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงนำทางข้าพระองค์ด้วยพระองค์เอง และสอนข้าพระองค์ให้กลับใจ อธิษฐาน เชื่อ อดทน ให้อภัย ชื่นชมยินดี รัก และขอบพระคุณ
ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงปล่อยให้ข้าพระองค์อยู่ในความเมตตาของศัตรู แต่เพื่อเห็นแก่พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ขอทรงนำและปกครองข้าพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงให้ความกระจ่างแก่จิตใจและจิตใจของข้าพระองค์ให้เข้าใจกฎอันเป็นนิรันดร์และไม่เปลี่ยนแปลงซึ่งควบคุมโลก เพื่อข้าพระองค์ผู้รับใช้ที่บาปของพระองค์สามารถรับใช้พระองค์และเพื่อนบ้านของข้าพระองค์ได้อย่างถูกต้อง
สู่คำถามพระเจ้า! ให้ฉันมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ให้ฉันอดทนที่จะยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ และให้จิตใจผู้เขียนมอบให้ฉัน คนผิวขาวคำตอบที่ดีที่สุดคือ เวอร์ชันเต็ม (มีการนำเสนอภาษารัสเซียหลายภาษาที่มีรูปแบบวากยสัมพันธ์ต่างกัน แต่ความหมายเหมือนกัน):
สวดมนต์สงบ
พระเจ้า โปรดรับและยอมรับอิสรภาพ ความทรงจำ ความเข้าใจและความตั้งใจของฉัน ทุกสิ่งที่ฉันเป็นและที่ฉันมี พระองค์ทรงมอบให้ฉัน
ข้าแต่พระเจ้า โปรดให้ความอดทนแก่ข้าพระองค์ที่จะยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ให้พลังแก่ข้าพระองค์ในการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เป็นไปได้ และให้สติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในการเรียนรู้ที่จะแยกแยะสิ่งแรกจากสิ่งที่สอง
ใช้ชีวิตทุกวัน เพลิดเพลินทุกช่วงเวลา ยอมรับความยากลำบากเป็นหนทางสู่สันติสุข มองเหมือนพระเยซู ในโลกบาปอย่างที่มันเป็น และไม่ใช่อย่างที่ฉันอยากให้เป็น
วางใจว่าพระองค์จะจัดเตรียมทุกสิ่งให้ดีขึ้นหากข้าพระองค์ยอมรับพระประสงค์ของพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์จะมีความสุขเพียงพอในชีวิตนี้และมีความสุขกับพระองค์ในชีวิตที่จะมาถึงอย่างเหนือจินตนาการ
แม้ว่าผู้เขียนบทสวดมนต์จะเชื่อกันว่าเป็นนักศาสนศาสตร์ ดร. ไรน์โฮลด์ นีเบอร์ ซึ่งอ้างว่าเขียนบทนี้เป็นบทสรุปของการเทศน์ราวปี 1930 แต่ก็มีการคาดเดามากมายว่าบทนี้เขียนไว้ก่อนหน้านี้มาก
ตอบกลับจาก 22 คำตอบ[คุรุ]
สวัสดี! นี่คือหัวข้อที่เลือกสรรพร้อมคำตอบสำหรับคำถามของคุณ: พระเจ้า! ให้พลังแก่ฉันในการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ ให้ความอดทนแก่ฉันที่จะยอมรับสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และให้สติปัญญาแก่ฉัน
ตอบกลับจาก นักรบแห่งแสง[คุรุ]
ขอบคุณ แต่นี่จากฉันถึงคุณ นี่ไม่ใช่คำอธิษฐาน แต่เป็นความปรารถนา:
ชีวิตมันสั้น!! -
แหกกฎ!! -
ลาก่อนเร็ว!! -
หัวเราะไม่ออก!! -
จูบช้าๆ!! -
เต้นแบบไม่มีใครเห็น!! -
ร้องเหมือนไม่มีใครฟัง!! -
รักเหมือนไม่มีใครทำร้ายคุณ!! -
ท้ายที่สุดชีวิตก็มอบให้คนครั้งหนึ่ง!! -
และคุณต้องใช้ชีวิตแบบนั้นบนนั้น
พวกเขาโง่และพูดว่า...
ตอนนี้ทำซ้ำ!! -
ตอบกลับจาก เซิร์ก[คุรุ]
ยืมจากศศิลา.))
ตอบกลับจาก ลักษณะเฉพาะ[คุรุ]
เพื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งความจริง
ตอบกลับจาก ภูมิปัญญา[คุรุ]
นี่คือเหตุผลที่ต้องเปิดเครื่อง!
ตอบกลับจาก อาลีบาบา[คุรุ]
สาธุ
ตอบกลับจาก สีสัน[คุรุ]
ขอให้มีแต่ความรัก การให้อภัย และความอ่อนโยน))
ตอบกลับจาก เอเลน่า[คุรุ]
ใช่!
ตอบกลับจาก วลาดิมีร์ บิราเชวิช[คุรุ]
แนวคิดนี้น่าสนใจและไม่สูญเสียพลังจากการใช้ซ้ำ อย่างไรก็ตาม เหตุใดคุณจึงตอบคำอุทธรณ์ของคุณโดยเฉพาะผ่าน "คำถามและคำตอบ" ในขณะที่พระเจ้าอาจจะออกไปเที่ยวที่ "Odnoklassniki" "มันเป็นโลกใบเล็ก" "ในแวดวงเพื่อน" หรือแหล่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตอื่นที่คล้ายคลึงกัน ?
ตอบกลับจาก เอเลน่า[คุรุ]
คำพูดนั้นโด่งดัง อาจมีคนบอกว่าถูกแฮ็ก แต่ก็ยากที่จะติดตาม
และยังมี "คำอธิษฐานของแม่" โดย E. Shustryakova
ข้าแต่พระเจ้า เส้นทางโลกนี้สั้นนัก...
ลมพัดเทียนของฉันให้ดับลง...
คุณสามารถรักษาโรคใด ๆ
ยกโทษให้ฉันและยอมรับการกลับใจ
มีเพียงคุณเท่านั้นที่รู้วิธีรักเช่นนั้น
และเข้าใจความทุกข์ทางกาย
คุณเดินไปตามเส้นทางจากรางหญ้าถึงไม้กางเขน
พระเจ้าผู้ทรงแปลงร่างเป็นมนุษย์...
ความมีน้ำใจของคุณไม่อาจเข้าใจได้
คุณเคยเป็นและเป็นและเป็นและเป็นนิรันดร์!
ให้ลูก ๆ ของฉันอยู่ท่ามกลางความทุกข์ยาก
อย่าปล่อยให้การคุกคามของการต่อสู้ของมนุษย์!
และฉันเชื่อว่ามันจะช่วยพวกเขาให้พ้นจากความชั่วร้ายได้
คำอธิษฐานทั้งน้ำตาของฉัน...
ข้าแต่พระเจ้า เส้นทางโลกนี้สั้นนัก!
ลมพยายามเป่าเทียนของฉันให้ดับ
ฉันขออธิษฐานให้คุณอย่าส่งความตายตามฉันมา
ตราบใดที่เด็กๆ ต้องการฉัน
ตอบกลับจาก อเล็กซานเดอร์ วอลคอฟ[คุรุ]
เขาจะไม่. ไม่มีอะไร. คุณทำงานเพื่อฝูงชน
พระเจ้า! ให้พลังแก่ฉันในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตที่ฉันสามารถเปลี่ยนได้ ให้ความกล้าหาญและความอุ่นใจแก่ฉันที่จะยอมรับสิ่งที่เกินกว่าอำนาจของฉันที่จะเปลี่ยนแปลง และให้สติปัญญาแก่ฉันในการแยกแยะสิ่งหนึ่งจากสิ่งอื่น
คำอธิษฐานของนักเทววิทยาชาวเยอรมัน Karl Friedrich Etinger (1702-1782)
ในหนังสืออ้างอิงคำพูดและคำพูดในประเทศแองโกล - แซ็กซอนซึ่งคำอธิษฐานนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก (ดังที่นักบันทึกความทรงจำหลายคนชี้ให้เห็นมันแขวนอยู่เหนือโต๊ะของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดีแห่งสหรัฐอเมริกา) มีสาเหตุมาจากนักเทววิทยาชาวอเมริกัน Reinhold Niebuhr ( พ.ศ. 2435-2514) ตั้งแต่ปีพ. ศ. 2483 ผู้ติดสุรานิรนามได้ใช้มัน ซึ่งมีส่วนทำให้ได้รับความนิยมเช่นกัน
คำอธิษฐานของผู้อาวุโสและบิดาแห่ง Optina
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าพบกับทุกสิ่งที่นำมาในวันนี้ด้วยความอุ่นใจ
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์ยอมจำนนต่อพระประสงค์ของพระองค์โดยสมบูรณ์
ข้าแต่พระเจ้า ทุกๆ ชั่วโมงของวันนี้ ทรงสั่งสอนและสนับสนุนข้าพระองค์ในทุกสิ่ง
พระเจ้า โปรดเปิดเผยน้ำพระทัยของพระองค์แก่ฉันและคนรอบข้างด้วย
ไม่ว่าข้าพเจ้าได้รับข่าวคราวใดในระหว่างวัน ขอให้ข้าพเจ้ารับไว้ด้วยจิตใจที่สงบและเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าทุกสิ่งเป็นพระประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ผู้ยิ่งใหญ่และผู้ทรงเมตตา ขอทรงชี้นำความคิดและความรู้สึกของข้าพเจ้าในทุกการกระทำและคำพูด ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันทั้งหมด ขออย่าให้ข้าพเจ้าลืมว่าทุกสิ่งถูกส่งลงมาโดยพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์ประพฤติตนอย่างชาญฉลาดกับเพื่อนบ้านแต่ละคน โดยไม่ทำให้ใครไม่พอใจหรือทำให้ใครอับอาย
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานกำลังแก่ข้าพระองค์ที่จะอดทนต่อความเหนื่อยล้าของวันนี้และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนั้น นำทางเจตจำนงของฉันและสอนให้ฉันอธิษฐานและรักทุกคนอย่างไม่เสแสร้ง
สาธุ
ให้ฉันมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงได้...
มีคำอธิษฐานที่ไม่เพียงแต่ได้รับการพิจารณาจากผู้ศรัทธาต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่ไม่เชื่อด้วย ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Serenity Prayer - "การอธิษฐานเพื่อความสงบแห่งจิตวิญญาณ" นี่คือหนึ่งในทางเลือกของเธอ: “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานความใจเย็นแก่ข้าพระองค์ที่จะยอมรับสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขอประทานความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ข้าพระองค์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ และขอประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในการทราบความแตกต่าง”
มีสาเหตุมาจากทุกคน - ฟรานซิสแห่งอัสซีซี, ผู้เฒ่า Optina, Hasidic Rabbi Abraham Malach และ Kurt Vonnegut วอนเนกัตชัดเจนว่าทำไม ในปี 1970 การแปลนวนิยาย Slaughterhouse-Five หรือ Children's Crusade (1968) ของเขาปรากฏใน Novy Mir เรื่องนี้อ้างอิงถึงคำอธิษฐานที่แขวนอยู่ในสำนักงานทัศนมาตรศาสตร์ของบิลลี่ พิลกริม ตัวเอกของนวนิยายเรื่องนี้ “ผู้ป่วยจำนวนมากที่เห็นคำอธิษฐานบนผนังของบิลลี่บอกเขาในภายหลังว่ามันสนับสนุนพวกเขาเช่นกัน คำอธิษฐานมีเสียงดังนี้ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานความสงบในใจแก่ข้าพระองค์เพื่อยอมรับสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ความกล้าหาญที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เราสามารถทำได้ และสติปัญญาที่จะแยกแยะความแตกต่างจากสิ่งอื่นอยู่เสมอ สิ่งที่บิลลี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้นั้นรวมถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต” (แปลโดย Rita Wright-Kovaleva) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “คำอธิษฐานเพื่อสันติสุขแห่งจิตวิญญาณ” ก็กลายเป็นคำอธิษฐานของเรา
ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 เมื่อเดอะนิวยอร์กไทมส์ตีพิมพ์จดหมายจากผู้อ่านที่ถามว่าคำอธิษฐานนี้มาจากไหน เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นที่ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย แทนที่จะ "ให้จิตใจสงบ" - "ให้ความอดทนแก่ฉัน" วันที่ 1 สิงหาคม ผู้อ่านของ New York Times อีกคนรายงานว่าคำอธิษฐานนี้เรียบเรียงโดยนักเทศน์นิกายโปรเตสแตนต์ชาวอเมริกัน Reinhold Niebuhr (1892–1971) รุ่นนี้ถือว่าได้รับการพิสูจน์แล้ว
ในรูปแบบปากเปล่า คำอธิษฐานของ Niebuhr ปรากฏในช่วงปลายทศวรรษที่ 1930 แต่แพร่หลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จากนั้นมันก็ถูกนำมาใช้โดยกลุ่มผู้ติดสุรานิรนาม
ในเยอรมนีและที่นี่ คำอธิษฐานของ Niebuhr มาจากนักศาสนศาสตร์ชาวเยอรมัน คาร์ล ฟรีดริช เอิทิงเงอร์ (K.F. Oetinger, 1702–1782) มีความเข้าใจผิดที่นี่ ความจริงก็คือการแปลเป็นภาษาเยอรมันได้รับการตีพิมพ์ในปี 2494 โดยใช้นามแฝงว่า "Friedrich Etinger" นามแฝงนี้เป็นของบาทหลวงธีโอดอร์ วิลเฮล์ม; ตัวเขาเองได้รับข้อความคำอธิษฐานจากเพื่อนชาวแคนาดาในปี พ.ศ. 2489
คำอธิษฐานของ Niebuhr ดั้งเดิมแค่ไหน? ข้าพเจ้ารับรองว่าก่อน Niebuhr ไม่เคยพบที่ไหนเลย ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือจุดเริ่มต้น ฮอเรซเขียนแล้ว: “มันยาก! แต่จะง่ายกว่าที่จะอดทน / สิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้” (“ Odes”, I, 24) เซเนกามีความคิดเห็นแบบเดียวกัน: “เป็นการดีที่สุดที่จะอดทนกับสิ่งที่คุณแก้ไขไม่ได้” (“Letters to Lucilius”, 108, 9)
ในปี 1934 บทความของ Djuna Purcell Guild เรื่อง "ทำไมคุณถึงไปทางใต้?" ปรากฏในนิตยสารของอเมริกา ข้อความดังกล่าวกล่าวว่า “ชาวใต้จำนวนมากดูเหมือนจะพยายามเพียงเล็กน้อยที่จะลบความทรงจำอันเลวร้ายของสงครามกลางเมืองออกไป ทั้งในภาคเหนือและภาคใต้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับสิ่งที่ช่วยไม่ได้
คำอธิษฐานของ Niebuhr ที่ได้รับความนิยมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนำไปสู่การดัดแปลงแบบล้อเลียน สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของสิ่งเหล่านี้คือ "คำอธิษฐานประจำสำนักงาน" ที่ค่อนข้างใหม่: "ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีความอุ่นใจที่จะยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ให้ความกล้าหาญแก่ฉันที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันไม่ชอบ และขอทรงโปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์เพื่อซ่อนศพของผู้ที่ข้าพระองค์ฆ่าในวันนี้ เพราะพวกเขามารบกวนข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ด้วยระวังอย่าไปเหยียบเท้าคนอื่น เพราะอาจมีลาอยู่เหนือพวกเขาซึ่งข้าพระองค์จะต้องจูบพรุ่งนี้”
ต่อไปนี้เป็นคำอธิษฐานที่ "ไม่เป็นที่ยอมรับ" เพิ่มเติมอีกสองสามข้อ:
“ ข้าแต่พระเจ้าขอทรงปกป้องข้าพระองค์จากความปรารถนาที่จะพูดออกมาเสมอทุกที่และเกี่ยวกับทุกสิ่ง” - สิ่งที่เรียกว่า "การอธิษฐานเพื่อวัยชรา" ซึ่งส่วนใหญ่มักมาจากนักเทศน์ชาวฝรั่งเศสผู้โด่งดังฟรานซิสเดอซาลส์ (1567–1622) และ บางครั้งถึงโธมัส อไควนัส (1226–1274) อันที่จริงมันปรากฏไม่นานมานี้แล้ว
“ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากคนที่ไม่เคยทำผิด และจากคนที่ทำผิดซ้ำสองครั้งด้วย” คำอธิษฐานนี้มาจากแพทย์ชาวอเมริกัน วิลเลียม มาโย (พ.ศ. 2404-2482)
“ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ค้นหาความจริงของพระองค์และปกป้องข้าพระองค์จากผู้ที่ได้พบมันแล้ว!” (ไม่ทราบผู้เขียน).
“โอ้พระเจ้า - ถ้าคุณมีอยู่ ช่วยประเทศของฉัน - ถ้ามันสมควรได้รับการช่วยเหลือ!” นี่คือสิ่งที่ทหารอเมริกันกล่าวไว้เมื่อเริ่มต้นสงครามกลางเมืองอเมริกา (พ.ศ. 2404)
“ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้เป็นอย่างที่สุนัขของข้าพระองค์คิดว่าข้าพระองค์เป็น!” (ไม่ทราบผู้เขียน).
โดยสรุป - คำพูดของรัสเซียจากศตวรรษที่ 17: "ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเมตตา โปรดประทานบางสิ่งแก่ข้าพระองค์ด้วย"
“ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานความอ่อนน้อมถ่อมตนแก่เราที่จะยอมรับสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ให้ความกล้าหาญแก่เราในการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง และให้สติปัญญาแก่เราในการแยกแยะระหว่างกัน” คำพูดนี้มาจากนักเขียนชาวเยอรมัน ฟรีดริช คริสตอฟ เอทิงเงอร์ (1702–1782) และนักศาสนศาสตร์ชาวอเมริกัน ไรน์โฮลด์ นีบูร์ (1892–1971)
คำพูดนี้คุ้นเคยกับหลาย ๆ คนสำหรับบางคน เช่น สมาชิกของกลุ่มผู้ติดสุรานิรนามทั่วโลก คำพูดนี้ได้รับสถานะเป็นกฎเกณฑ์ที่สำคัญที่สุดของชีวิตด้วยซ้ำ แต่อะไรอยู่เบื้องหลังคำเหล่านี้ - “สิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”? ความหวังที่ไม่สมหวัง การขาดความรัก ความทุกข์ ความอยุติธรรม ความเปราะบางของชีวิตเรา เราทุกคนต้องเผชิญกับสิ่งนี้ไม่ช้าก็เร็ว และไม่มีประโยชน์ที่จะหนีจากมัน มีเพียงความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและทัศนคติที่ถูกต้องต่อสิ่งนั้นเท่านั้นที่จะช่วยให้เราผ่านการทดสอบเหล่านี้และเรียนรู้บทเรียนชีวิตจากสิ่งเหล่านี้
การปฏิเสธที่จะต่อต้านสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ทำให้เรามีโอกาสที่จะเปิดโอกาสใหม่ๆ ผู้เชี่ยวชาญห้าคนพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถสนับสนุนเราได้
“สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังเสมอไป”
Lev Khegai นักวิเคราะห์ของจุนเกียน
ทำไมเราต้องทนทุกข์?การสัมภาษณ์จบลงไม่สำเร็จ มีคนอื่นได้รับการแต่งตั้งใหม่ ยังไม่มีลูกได้... ความรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองหลุดมือไปทำให้เกิดความรู้สึกวิตกกังวลอย่างสุดซึ้ง สิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนเป็นพิเศษในวัฒนธรรมของเรา ซึ่งแนวคิดเรื่องความสำเร็จในชีวิตนั้นแทบจะปราศจากองค์ประกอบทางจิตวิญญาณและมักจะวัดจากความเป็นอยู่ที่ดีเท่านั้น
จิตวิเคราะห์จุนเกียนมองเห็นสาเหตุของความทุกข์นี้ในความจริงที่ว่าเราไม่ได้ตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างเรากับโลก ดังนั้นเราจึงขมขื่นเป็นทวีคูณ: นอกจากความสับสนจากข้อเท็จจริงที่ว่าแผนของเราถูกละเมิดแล้ว ยังมีความรู้สึกเพิ่มเติมว่าเราถูกละทิ้งเพียงลำพัง ความรู้สึกไร้พลังนี้ฟื้นคืนชีพในจิตวิญญาณของเด็กที่สับสนที่เราเคยเป็นและผู้ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถูกปฏิเสธบางสิ่งบางอย่าง ยิ่งเราประสบกับความรู้สึกเหงาในวัยเด็กบ่อยเพียงใด มันก็ยากขึ้นสำหรับเราที่จะยอมรับทุกคำว่า "ไม่" ที่ชีวิตบอกเราในบางครั้ง ในทางตรงกันข้าม หากเราเห็นพ้องกันว่าการดำรงอยู่ของเรานั้นอยู่ภายใต้กฎของจักรวาล เราก็จะสงบความปรารถนาที่จะมีอำนาจทุกอย่างของเราได้
เมื่อเราเข้าใจว่าความคาดหวังที่ไม่บรรลุผลของเราคืออะไร เราก็สามารถคิดถึงวิธีอื่นที่จะบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้
จะยอมรับมันได้อย่างไร.ถามตัวเองว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงเพราะเหตุผลภายนอกหรือไม่ หรือได้รับอิทธิพลจากการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผลและการตัดสินใจที่ผิดของเราหรือไม่ การใคร่ครวญเช่นนี้จะช่วยให้คุณกลายเป็นตัวชูโรงในชีวิตของคุณเองอีกครั้งและมองไปสู่อนาคตด้วยความมั่นใจมากขึ้น คุณยังสามารถคิดถึงสิ่งที่เราขาดหายไปได้ แผนของเราล้มเหลว และสิ่งนี้ทำให้เราไม่มีความสุขที่จะปฏิบัติตามแผนเหล่านั้น
แต่เราคาดหวังความพึงพอใจแบบไหน? การรับรู้ทางสังคม การสนับสนุนทางอารมณ์ ความมั่งคั่งทางวัตถุ? เมื่อเราเข้าใจว่าความคาดหวังที่ไม่บรรลุผลของเราคืออะไร เราก็สามารถคิดถึงวิธีที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวด้วยวิธีอื่นได้ ด้วยการสำรวจความเชื่อมโยงระหว่างการกระทำ กิจกรรม และโอกาสของเรา ตามที่จุงเชื่อ เราจึงเปิดกว้างต่อชีวิตมากขึ้น เรียนรู้ที่จะรับรู้ข้อความและความบังเอิญที่มีความสุข ซึ่งจะช่วยให้เราตัดสินใจเลือกสิ่งที่ถูกต้องได้บ่อยขึ้น
“คนอื่นไม่ได้รักเราและซื่อสัตย์ต่อเราเสมอไป”
มาริน่า คาซาโนวา นักบำบัดที่เน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง นักบำบัดการบาดเจ็บ
ทำไมเราต้องทนทุกข์?เราต้องการความรัก การรู้สึกถึงความรัก นี่คือความรู้สึกที่เราได้รับการยอมรับ ว่าเรามีความสำคัญมากสำหรับใครบางคน แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนมีแนวโน้มจะแข็งแกร่งน้อยลงเรื่อยๆ และสิ่งนี้ทำให้เกิดความวิตกกังวลอย่างลึกซึ้งในจิตวิญญาณ โดยไม่รู้สึกถึงความรักที่จ้องมองเรา - คนที่รัก คู่สมรส เพื่อน เพื่อนร่วมงาน - ราวกับว่าเราไม่รู้สึกถึงความเป็นตัวเองอีกต่อไป
เราขาดการยอมรับ ราวกับว่าความหมายของชีวิตกำลังหลบเลี่ยงเราอยู่ เราเผชิญกับการทรยศอย่างรุนแรงยิ่งขึ้น - การทรยศทำลายข้อตกลงที่ไม่ได้พูดระหว่างผู้คน: "ฉันให้ความรักของฉันและได้รับของกำนัลที่เท่าเทียมกันในทางกลับกัน" การละเมิดข้อตกลงนี้อย่างโหดร้ายบ่อนทำลายศรัทธาไม่เพียงแต่ในบุคคลอื่นเท่านั้น แต่ยังในตัวเราด้วย: “ฉันจะมีค่าอะไรหากฉันถูกทรยศอย่างง่ายดาย?”
จะยอมรับมันได้อย่างไร.การนอกใจในความสัมพันธ์ เช่น ความรัก มิตรภาพ ครอบครัว แตกต่างจากสถานการณ์ที่ความทุ่มเทหรือความรู้สึกดีๆ ของเราต้องทนทุกข์ทรมาน เช่น การเลิกจ้างในที่ทำงาน ด้วยเหตุผลภายนอก ความสัมพันธ์มักจะสร้างสรรค์ร่วมกัน สิ่งเหล่านี้ควรค่าแก่การศึกษาอย่างรอบคอบเพื่อทำความเข้าใจว่าเราสร้างมันขึ้นมาอย่างไร อะไรในนั้นเป็นผลจากการกระทำของเรา เราลงทุนไปเท่าไหร่ เพียงพอ หรือเกินจริง? คุณคาดหวังอะไรจากอีกฝ่าย? คุณสามารถดูแลความต้องการขั้นพื้นฐานที่สุดด้วยตัวเองได้หรือไม่?
หากจำเป็นผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยดำเนินงานนี้ได้ แต่จะพบรักอีกครั้งได้อย่างไร? แม้ว่าตอนนี้เราจะไม่เห็นเธออยู่ข้างๆ เราก็ยังมีเธออยู่ในตัวเรา คุณสามารถรู้สึกได้โดยถามตัวเองว่า ฉันชอบอะไร อะไรโดนใจฉัน อะไรกระตุ้นความสนใจในตัวฉัน การค้นหาคำตอบอาจต้องใช้เวลา แต่เมื่อคุณพบสิ่งที่คุณรัก ผู้คนจะปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวคุณที่ใส่ใจในสิ่งนั้นมากพอๆ กัน และคนเหล่านี้ก็จะเป็นคนใกล้ชิดที่รักสิ่งเดียวกับเราและจะคอยสนับสนุนเราตลอดไป
“ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”
Natalya Tumashkova นักจิตบำบัดอัตถิภาวนิยม
ทำไมเราต้องทนทุกข์?การเลิกรา อุบัติเหตุ ความเจ็บป่วย... เป็นไปไม่ได้ที่จะจดจำช่วงเวลาที่เราประสบกับความเจ็บปวดเป็นครั้งแรก ตลอดชีวิตมันเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้งบางครั้งก็เตือนและปกป้องเรา แต่บ่อยครั้งมากที่ทำให้เราทรมาน พวกเขารู้สึกแย่ลงด้วยความกลัว ("มีบางอย่างผิดปกติกับฉัน") และความรู้สึกผิด ซึ่งเติบโตมาในวัฒนธรรมคริสเตียน เราเชื่อมโยงความเจ็บปวดกับการลงโทษบาปโดยไม่รู้ตัว และมองหาคำตอบในอดีตของเรา
คำถาม “ทำไมฉันถึงต้องการสิ่งนี้” ไม่ใช่ว่าไร้ประโยชน์ บางครั้งการคิดทบทวนเหตุการณ์ในชีวิตของเราก็ช่วยได้ แต่การปฏิรูปใหม่จะมีประโยชน์มากกว่า - "เพื่ออะไร" และอย่าคิดถึงเหตุผล แต่คิดถึงเป้าหมายและความสามารถของเรา
จะยอมรับมันได้อย่างไร.ความรู้สึกผิดระงับ ทำให้เราอ่อนแอ หยุดเราไว้ที่จุดที่เราอยู่ และขัดขวางไม่ให้เราก้าวไปข้างหน้า ถ้าเราถามว่า "ทำไม" "ฉันเรียนรู้อะไรได้บ้าง" เราก็จะพบกับความเจ็บปวดเป็นบททดสอบ แรงกระแทกที่รุนแรงทำให้รู้สึกถึงชีวิตมากขึ้น เราเข้าใจหรือค่อนข้างจะเริ่มรู้สึกว่าจุดแข็งของเรามีขีดจำกัด และสิ่งนี้กระตุ้นให้เราชี้แจงเป้าหมายของเราและแยกสิ่งสำคัญออกจากสิ่งที่ไม่สำคัญ
ด้วยการปล่อยให้ตัวเองเผชิญกับความโกรธอย่างเต็มที่ เราก็สามารถเผชิญกับความก้าวร้าวได้
หลายอย่างกำลังถูกคิดใหม่ในเวลานี้ แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่า ประการแรกความเจ็บปวดคือสัญญาณ และเราสามารถเข้าใจได้ว่าความเจ็บปวดนั้นนำพาไปด้วยข้อมูลอะไร ความเจ็บปวดนี้กำลังพูดถึงอะไร ผู้เชี่ยวชาญ - แพทย์หรือนักจิตอายุรเวท - สามารถช่วยได้ ข้อมูลช่วยขจัดความกลัวและช่วยให้เราประเมินตามความเป็นจริงมากขึ้นว่าสถานการณ์ที่เราพบว่าตัวเองนั้นอันตรายเพียงใด สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักถึงผลประโยชน์รองที่เราอาจได้รับจากการอดทนต่อความเจ็บปวด สิ่งเหล่านี้มักจะยอมรับได้ยาก: นี่อาจเป็นความปรารถนาที่จะลงโทษตัวเองด้วยบางสิ่งบางอย่างหรือเหตุผลที่ต้องเรียกร้องความสนใจและการดูแลเอาใจใส่จากคนที่คุณรักมากขึ้น
บางครั้งคนรอบข้างก็ทำให้เราหงุดหงิด: ทำไมพวกเขาถึงรู้สึกดีเมื่อเรารู้สึกแย่? การระคายเคืองระงับความโกรธ ด้วยการปล่อยให้ตัวเองได้สัมผัสกับมันอย่างเต็มที่ (“มันไม่ยุติธรรมเลย! ฉันควรจะเจ็บปวดไหม?”) เราปล่อยให้มันออกมาด้วยเสียงกรีดร้องหรือร้องไห้ - และนี่คือวิธีที่เราได้รับโอกาสที่จะเผชิญกับความก้าวร้าวของเรา และตรงกันข้ามกับความรู้สึกผิดและความกลัว เธอคือแหล่งพลังงานอันทรงพลัง เป็นโอกาสสำหรับเราที่จะสัมผัสกับพลังชีวิตของเราและใช้มันเพื่อก้าวไปข้างหน้า
"ทุกสิ่งมีจุดจบ"
วลาดิมีร์ บาสคาคอฟ นักจิตบำบัดด้านร่างกาย
ทำไมเราต้องทนทุกข์?ในธรรมชาติ ทุกสิ่งล้วนเป็นวัฏจักร: กลางวันและกลางคืน ฤดูหนาวและฤดูร้อนสลับกัน ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลงชั่วนิรันดร์ แต่มีใครบ้างในพวกเราที่ไม่อยากยึดติดกับช่วงเวลาที่มีความสุข! การเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นำไปสู่ความคิดเรื่องความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ - และเป็นสิ่งที่ทนไม่ได้สำหรับเรา เรารู้: เด็กๆ เติบโตขึ้น เพื่อนย้ายจากไป ร่างกายมีอายุมากขึ้น... และบางครั้งเราพยายามที่จะต่อสู้กับกฎแห่งการดำรงอยู่ รักษาภาพลวงตาของการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ตัวอย่างเช่น ด้วยความช่วยเหลือของสารต่อต้านวัย หรือการพัฒนากิจกรรมที่มีพลัง เพื่อที่จะไม่พบว่าตัวเองอยู่เพียงลำพัง...
เราทุกคนจัดการกับการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน ยิ่งพวกเขาทำให้เราเสียใจมากเมื่อตอนเป็นเด็ก เราก็ยิ่งกลัวว่าเราจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นตามพวกเขา และในทางกลับกัน หากเรามองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนที่น่าตื่นเต้นของชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย มันจะง่ายกว่าสำหรับเราไม่เพียงแต่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่บางครั้งก็ต้องพยายามดิ้นรนเพื่อมันด้วย
จะยอมรับมันได้อย่างไร.เราสามารถเรียนรู้ได้มากมายจากร่างกายหากเรามองว่ามันเป็นเพื่อนและที่ปรึกษา ไม่ใช่ในฐานะคนทรยศที่ทรยศต่อความอ่อนแอ โปรดทราบ: การหายใจเข้าและการหายใจออกเป็นไปตามกัน เราสามารถพยายามกลั้นลมหายใจได้ แต่ยิ่งเราไม่หายใจนานเท่าไร การฟื้นคืนจังหวะในภายหลังก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ระยะเวลาการนอนหลับและความตื่นตัวก็เกิดขึ้นตามมาด้วย ถ้าเรายอมรับความต้องการตามธรรมชาติของเรา เราจะสร้างความเชื่อมโยงกับร่างกายของเราและกับธรรมชาติของเราผ่านร่างกายนั้น เราเริ่มรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทั้งหมดโดยเชื่อฟังจังหวะทั่วไป
ให้เราคิดถึงความจริงที่ว่าเรามีประสบการณ์ในการเปลี่ยนแปลงมากมายจากรัฐหนึ่งไปอีกรัฐหนึ่ง เราถือกำเนิดขึ้นมา ดำรงอยู่จากการไม่มีตัวตน แล้วออกมาจากครรภ์มารดาสู่แสงสว่าง บอกลาวัยเด็กเพื่อการค้นพบความเยาว์วัย เคลื่อนผ่านกาลเวลา ทิ้งบางสิ่งไว้ข้างหลัง และค้นพบสิ่งใหม่ที่อยู่ข้างหน้า ลองทำความเข้าใจ: หากไม่เสร็จสิ้นจะไม่มีการดำเนินต่อหากไม่มีการอำลาก็จะไม่มีการประชุมใหม่
เนื่องจากชีวิตเป็นวัฏจักรตามธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่ภัยคุกคาม แต่เป็นสภาพธรรมชาติของการดำรงอยู่ของเรา ความตายเป็นสิ่งที่น่ากลัวในความไม่แน่นอน แต่ความตายยังคงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ และในความต่อเนื่องนี้ เราสามารถเปิดโอกาสใหม่ๆ และทำสิ่งที่สำคัญให้สำเร็จได้
“ชีวิตไม่ได้ยุติธรรมเสมอไป”
ปาทริซ กูร์ริเยร์ นักบวชและนักจิตวิทยา
ทำไมเราต้องทนทุกข์?การแสดงความไม่ยุติธรรมอย่างโหดร้ายเตือนเราว่าการประพฤติตนดีและถูกต้องเสมอไปเพื่อให้ความยุติธรรมต่อเรานั้นไม่เพียงพอ เหตุผลสามประการสามารถทำให้เกิดความรู้สึกรุนแรงนี้ได้
ประการแรก ความเกลียดชังการถูกกีดกัน: วัฒนธรรมตะวันตกให้ความสำคัญกับความสุขแบบสุขนิยมส่วนบุคคล และเมื่อความปรารถนาไม่สมหวัง เราก็มองว่าเป็นการดูถูกส่วนบุคคล
ประการที่สอง เราต้องทนทุกข์เพราะสิ่งที่ไม่ยุติธรรมอย่างแท้จริง เรารู้สึกสิ้นหวังอย่างขมขื่น ไม่เข้าใจความหมายของการทดสอบ ทำไมคนที่รักฉันถึงจากไปกะทันหัน? ทำไมฉันถึงถูกไล่ออกเมื่อฉันทุ่มเทให้กับงานนี้มาก? ในที่สุด ความอยุติธรรมของเราเอง (โดยไม่รู้ตัว) ต่อผู้อื่น คนที่รักหรือคนแปลกหน้า ก็อาจทำให้เราเจ็บปวดได้ ในกรณีนี้อุดมคติและค่านิยมทางศีลธรรมของเราประสบ - และดังนั้นจึงเป็นผลเสียสำหรับเราเช่นกัน
สิ่งสำคัญคือก่อนอื่นต้องระบุอารมณ์ที่ความอยุติธรรมปลุกเร้าในตัวเรา
จะยอมรับมันได้อย่างไร.ก่อนอื่นให้แทนที่คำว่า "ยอมรับ" ด้วย "ตระหนัก" แล้วถามตัวเองว่า สิ่งที่เรามองว่าไม่ยุติธรรมนั้นไม่ยุติธรรมจริงหรือ? เรากำลังพยายามกำจัดความรับผิดชอบด้วยความรู้สึกนี้หรือไม่? การสูญเสียผู้เป็นที่รักนั้นเจ็บปวดและไม่ยุติธรรมอย่างแท้จริง ไม่มีนักจิตวิทยาคนใดสามารถร่นระยะเวลาแห่งความโศกเศร้าและความโกรธได้ แต่เขาสามารถช่วยได้หากความเจ็บปวดทางจิตใจนั้นทนไม่ไหว
ในกรณีของความอยุติธรรมอื่นๆ ในชีวิตหรือในความสัมพันธ์ เราถามตัวเองว่า “ฉันจะทำอะไรได้บ้างที่ยุติธรรม และสิ่งที่ฉันถือว่าดี” วิธีนี้จะป้องกันไม่ให้คุณโดดเดี่ยวด้วยความขมขื่นหรือความปรารถนาที่จะแก้แค้น แต่สิ่งสำคัญคือการระบุอารมณ์ที่ความอยุติธรรมปลุกเร้าในตัวเราก่อน เรามักจะมองข้ามความเสียหายที่เกิดขึ้นกับความภาคภูมิใจในตนเอง
ในทางกลับกัน คนที่พบว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อ แทนที่จะปกป้องตัวเองและปกป้องสิทธิของเขา บางครั้งกลับรู้สึกผิดและละอายใจ - เพราะเขาไม่ได้มาตรฐานและได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ดี ดังนั้นความอยุติธรรมจึงต้องถูกเรียกออกมาเป็นคำพูดเสมอและต้องแก้ไขด้วย และถ้าเราเก็บความทุกข์นี้ไว้ในตัวเรา เมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะกลายเป็นผลร้ายต่อจิตวิญญาณของเราอย่างแท้จริง
มีคำอธิษฐานที่ไม่เพียงแต่ได้รับการพิจารณาจากผู้ศรัทธาต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ที่ไม่เชื่อด้วย ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Serenity Prayer - "การอธิษฐานเพื่อความอุ่นใจ" นี่คือหนึ่งในตัวเลือก:“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีความสงบในการยอมรับสิ่งที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขอประทานความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และขอประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์ในการทราบความแตกต่าง”
มีสาเหตุมาจากทุกคน - ฟรานซิสแห่งอัสซีซี, ผู้เฒ่า Optina, Hasidic Rabbi Abraham Malach และ Kurt Vonnegut
วอนเนกัตชัดเจนว่าทำไม ในปี 1970 การแปลนวนิยาย Slaughterhouse-Five หรือ Children's Crusade (1968) ของเขาปรากฏใน Novy Mir เรื่องนี้อ้างอิงถึงคำอธิษฐานที่แขวนอยู่ในสำนักงานทัศนมาตรศาสตร์ของบิลลี่ พิลกริม ตัวเอกของนวนิยายเรื่องนี้
“ผู้ป่วยจำนวนมากที่เห็นคำอธิษฐานบนผนังของบิลลี่บอกเขาในภายหลังว่ามันสนับสนุนพวกเขาเช่นกัน คำอธิษฐานฟังดังนี้:
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์มีความสงบในจิตใจที่จะยอมรับสิ่งที่ฉันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันทำได้ และสติปัญญาที่จะรู้สิ่งหนึ่งจากสิ่งอื่นเสมอ
สิ่งที่บิลลี่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้รวมถึงอดีต ปัจจุบัน และอนาคต”
(แปลโดยริต้า ไรท์-โควาเลวา)
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา “คำอธิษฐานเพื่อสันติสุขแห่งจิตวิญญาณ” ก็กลายเป็นคำอธิษฐานของเรา
ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2485 เมื่อเดอะนิวยอร์กไทมส์ตีพิมพ์จดหมายจากผู้อ่านที่ถามว่าคำอธิษฐานนี้มาจากไหน เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นที่ดูแตกต่างออกไปเล็กน้อย แทนที่จะ "ให้จิตใจสงบ" - "ให้ความอดทนแก่ฉัน" วันที่ 1 สิงหาคม ผู้อ่านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์อีกรายรายงานว่าคำอธิษฐานนี้เรียบเรียงโดยนักเทศน์นิกายโปรเตสแตนต์ชาวอเมริกัน ไรน์โฮลด์ นีบูห์ร (พ.ศ. 2435-2514) รุ่นนี้ถือว่าได้รับการพิสูจน์แล้ว
ในรูปแบบปากเปล่า คำอธิษฐานของ Niebuhr ปรากฏในช่วงปลายทศวรรษที่ 1930 แต่แพร่หลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จากนั้นมันก็ถูกนำมาใช้โดยกลุ่มผู้ติดสุรานิรนาม
ในเยอรมนีและที่นี่ คำอธิษฐานของ Niebuhr มาจากนักศาสนศาสตร์ชาวเยอรมัน Karl Friedrich Oetinger (K.F. Oetinger, 1702-1782) มีความเข้าใจผิดที่นี่ ความจริงก็คือการแปลเป็นภาษาเยอรมันได้รับการตีพิมพ์ในปี 2494 โดยใช้นามแฝงว่า "Friedrich Etinger" นามแฝงนี้เป็นของบาทหลวงธีโอดอร์ วิลเฮล์ม; ตัวเขาเองได้รับข้อความคำอธิษฐานจากเพื่อนชาวแคนาดาในปี พ.ศ. 2489
คำอธิษฐานของ Niebuhr ดั้งเดิมแค่ไหน? ข้าพเจ้ารับรองว่าก่อน Niebuhr ไม่เคยพบที่ไหนเลย ข้อยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือจุดเริ่มต้น ฮอเรซเขียนไว้แล้ว:
“มันยาก! แต่อดทนได้ง่ายกว่า /
สิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้"
(“บทกวี”, I, 24)
เซเนกามีความคิดเห็นแบบเดียวกัน:
“เป็นการดีที่สุดที่จะอดทน
สิ่งที่คุณแก้ไขไม่ได้"
(“จดหมายถึงลูซีเลียส”, 108, 9)
ในปี 1934 บทความของ Djuna Purcell Guild เรื่อง "ทำไมคุณถึงไปทางใต้?" ปรากฏในนิตยสารของอเมริกา ข้อความดังกล่าวกล่าวว่า “ชาวใต้จำนวนมากดูเหมือนจะพยายามเพียงเล็กน้อยที่จะลบความทรงจำอันเลวร้ายของสงครามกลางเมืองออกไป ทั้งในภาคเหนือและภาคใต้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับสิ่งที่ช่วยไม่ได้
คำอธิษฐานของ Niebuhr ที่ได้รับความนิยมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนำไปสู่การดัดแปลงแบบล้อเลียน สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ "The Office Prayer" ที่ค่อนข้างใหม่:
“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดประทานความอุ่นใจแก่ข้าพระองค์ที่จะยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ให้ความกล้าหาญแก่ฉันที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ฉันไม่ชอบ และขอทรงโปรดประทานสติปัญญาแก่ข้าพระองค์เพื่อซ่อนศพของผู้ที่ข้าพระองค์ฆ่าในวันนี้ เพราะพวกเขามารบกวนข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ด้วยระวังอย่าไปเหยียบเท้าคนอื่น เพราะอาจมีลาอยู่เหนือพวกเขาซึ่งข้าพระองค์จะต้องจูบพรุ่งนี้”
ต่อไปนี้เป็นคำอธิษฐานที่ "ไม่เป็นที่ยอมรับ" เพิ่มเติมอีกสองสามข้อ:
“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงปกป้องข้าพระองค์จากความปรารถนาที่จะพูดออกมาเสมอ ทุกที่ และเกี่ยวกับทุกสิ่ง”
- สิ่งที่เรียกว่า "คำอธิษฐานเพื่อวัยชรา" ซึ่งส่วนใหญ่มักมาจากนักเทศน์ชาวฝรั่งเศสชื่อดัง Francis de Sales (1567-1622) และบางครั้งก็เป็นของ Thomas Aquinas (1226-1274) อันที่จริงมันปรากฏไม่นานมานี้แล้ว
“ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากคนที่ไม่เคยทำผิด และจากคนที่ทำผิดซ้ำสองครั้งด้วย”
คำอธิษฐานนี้มาจากแพทย์ชาวอเมริกัน วิลเลียม มาโย (พ.ศ. 2404-2482)
“ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ค้นหาความจริงของพระองค์และปกป้องข้าพระองค์จากผู้ที่ได้พบมันแล้ว!”
(ไม่ทราบผู้เขียน).