ประวัติโดยย่อของเฮอร์เบิร์ต เวลส์ เฮอร์เบิร์ต เวลส์ - ชีวประวัติ ข้อมูล ชีวิตส่วนตัว ชีวประวัติของ เฮอร์เบิร์ต เวลส์
วรรณคดีอังกฤษ
เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์
ชีวประวัติ
Herbert George Wells (09/21/1866 - 13/08/1946) เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2409 ที่เมือง Bromley เมืองเล็ก ๆ ใกล้ลอนดอน พ่อและแม่ของเขาเคยทำงานเป็นคนสวนและแม่บ้านในที่ดินอันมั่งคั่ง และต่อมาก็เริ่มเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องลายครามเล็กๆ อย่างไรก็ตาม การค้าขายแทบไม่มีรายได้เลย และโดยพื้นฐานแล้วครอบครัวก็ดำรงชีวิตด้วยเงินที่พ่อซึ่งเป็นนักเล่นคริกเก็ตมืออาชีพได้รับจากการเล่น เมื่อ H.G. Wells ยังเป็นวัยรุ่น พ่อของเขาขาหัก ส่งผลให้เขาสูญเสียรายได้ แม่ถูกบังคับให้ทำงานเป็นแม่บ้าน ส่วนลูกๆ ได้รับมอบหมายให้ทำงานด้านการค้าการผลิต H.G. Wells วัย 14 ปีซึ่งหวังจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ถูกบังคับให้ทำงานเป็นภารโรงและแคชเชียร์ จากนั้นเฮอร์เบิร์ตก็ทำงานเป็นผู้ช่วยห้องปฏิบัติการในร้านขายยาและทำหน้าที่เป็นครูโรงเรียนประถมศึกษา อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าใช้จ่ายในการทำงานหนัก เขาสามารถสอบผ่านเพื่อรับทุนการศึกษาให้กับสถาบันการศึกษาระดับสูงที่ฝึกอบรมครูด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์เฉพาะทางได้ เมื่ออายุได้ยี่สิบสามปี เขาได้รับปริญญาด้านชีววิทยา ในปี พ.ศ. 2436 เฮอร์เบิร์ต เวลส์ กลายเป็นนักข่าวมืออาชีพ บทความและบทความของเขาปรากฏในวารสาร บางส่วนถูกรวมอยู่ในคอลเลกชัน "การสนทนาที่เลือกกับลุง" ซึ่งตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2438 ในปีเดียวกันนั้น นวนิยายวิทยาศาสตร์ของเขา "The Time Machine" ได้รับการตีพิมพ์ และในไม่ช้าก็มีการรวบรวมเรื่องสั้น "The Stolen Bacillus และ เหตุการณ์อื่นๆ” ผลงานเหล่านี้ทำให้เวลส์มีชื่อเสียงในวงกว้าง นวนิยายที่ตีพิมพ์ในภายหลัง เช่น "The Island of Doctor Moreau", "The Invisible Man" และ "War of the Worlds" ยิ่งเพิ่มความนิยมให้กับเขาเท่านั้น นับจากนี้เป็นต้นไป Herbert Wells อุทิศตนให้กับกิจกรรมวรรณกรรมอย่างสมบูรณ์ เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งปะทุขึ้น ผู้เขียนประสบกับวิกฤตการณ์ทางความคิดสร้างสรรค์ที่รุนแรง ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม เวลส์ได้ตีพิมพ์บทความชุดหนึ่งเกี่ยวกับปัญหาในช่วงสงคราม จากนั้นพวกเขาก็ได้รับการตีพิมพ์เป็นหนังสือแยกต่างหากชื่อ "สงครามเพื่อยุติสงคราม" หนังสือเล่มนี้สะท้อนถึงความรู้สึกของกลุ่มปัญญาชนส่วนกว้าง ในบรรดาผลงานด้านนักข่าวของ Wells ในช่วงเวลานี้ เราสามารถเน้นหนังสือ "Russia in the Dark" ซึ่งเป็นบันทึกความประทับใจที่ Wells สร้างขึ้นหลังจากการเดินทางระยะสั้นสู่ Petrograd และมอสโกในฤดูใบไม้ร่วงปี 1920 ขณะอยู่ในมอสโกว วลาดิมีร์ เลนิน ต้อนรับเวลส์และพูดคุยกับเขา ช่วงเวลาแห่งวิกฤตการณ์เชิงสร้างสรรค์ของ Wells ลากยาวไปจนเกือบสิ้นทศวรรษที่ยี่สิบ ในปี 1926 นวนิยายเรื่อง "The World of William Clissold" ได้รับการตีพิมพ์ ในปี 1928 นวนิยายเรื่อง "Mr. Blettsworthy on Rampole Island" และบทความ "Open Conspiracy" ได้รับการตีพิมพ์ Wells ถือว่า "แรงงาน ความมั่งคั่ง และความสุขของเผ่าพันธุ์มนุษย์" ซึ่งตีพิมพ์ในปี 1932 เป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดงานหนึ่ง ในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ ผู้เขียนได้พูดสนับสนุนสหภาพโซเวียต H.G. Wells เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ในลอนดอน เวลส์ทิ้งมรดกทางความคิดสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลัง นวนิยายเรื่องราวและงานนักข่าวจำนวนมากของเขามีความหลากหลายมากทั้งในเนื้อหาสาระและเนื้อหาในชีวิตที่ดึงดูดความสนใจของนักเขียน
เมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2409 ในเมืองเล็ก ๆ แห่งบรอมลีย์ใกล้ลอนดอน เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์ นักเขียนชาวอังกฤษผู้โด่งดังในอนาคตเกิด พ่อแม่ทำงานเป็นคนรับใช้ในที่ดินอันมั่งคั่ง และต่อมาก็กลายเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องลายคราม การค้าขายไม่ดี ครอบครัวจึงดำรงชีวิตด้วยเงินที่พ่อได้รับจากการเล่นคริกเก็ต
เมื่อเฮอร์เบิร์ตอายุ 14 ปี หัวหน้าครอบครัวขาหักทำให้สูญเสียรายได้ วัยรุ่นรายนี้ถูกบังคับให้ทำงานในร้านค้า จากนั้นก็ทำงานในร้านขายยา และต่อมาทำงานเป็นครูในโรงเรียนประถมศึกษา หลังจากสอบผ่านได้สำเร็จเขาก็เข้ามหาวิทยาลัยและเมื่ออายุ 23 ปีได้รับปริญญาด้านชีววิทยาและเริ่มตีพิมพ์
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง H.G. Wells เริ่มประสบกับวิกฤตการณ์เชิงสร้างสรรค์ที่แท้จริงซึ่งกินเวลานานนับทศวรรษ ตลอดระยะเวลานี้ ผู้เขียนได้ตีพิมพ์บันทึกย่อเกี่ยวกับหัวข้อทางการทหารเพียงไม่กี่ข้อเท่านั้น นอกจากนี้ในปี พ.ศ. 2457 เขาได้เยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในช่วงต้นทศวรรษที่ 20 เฮอร์เบิร์ตไปเยือนรัสเซียอีกครั้ง คราวนี้เขาอยู่ในเมืองหลวงซึ่งเขาได้พบกับเลนินเป็นการส่วนตัว การประชุมครั้งนี้ทำให้เวลส์ตกใจ ดังนั้น เมื่อกลับถึงบ้าน เขาได้ตีพิมพ์หนังสือชื่อ "Russia in the Dark" เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 เวลส์ได้ไปเยือนสหภาพโซเวียตอีกครั้งและพบกับสตาลิน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้เขียนสนับสนุนสหภาพโซเวียตอย่างเปิดเผย
- เวลส์ จี.เจ. ประสบการณ์อัตชีวประวัติ: การค้นพบและบทสรุปของจิตใจที่ค่อนข้างธรรมดา (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2409)(การทดลองอัตชีวประวัติ: การค้นพบและบทสรุปของสมองที่ธรรมดามาก (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2409)) ผู้เขียน : เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์ สิ่งพิมพ์นี้จัดทำโดย Yu.I. คาการ์ลิตสกี้. บรรณาธิการบริหาร E.P. ซิโควา.
(มอสโก: สำนักพิมพ์ Ladomir, สำนักพิมพ์ Nauka, 2550 - ซีรีส์ "อนุสรณ์สถานวรรณกรรม")
สแกน ประมวลผล รูปแบบ Djv: mor, 2011; ไม่จัดพิมพ์ตามคำร้องขอของสำนักพิมพ์ "ลาโดเมียร์" - เนื้อหา:
เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์. ประสบการณ์อัตชีวประวัติ แปลโดย Yu.I. Kagarlshchkogo (เล่ม 1), N.A. เทราเบิร์ก (เล่ม II)
เล่มที่หนึ่ง
บทที่ 1 บทนำ
1. โหมโรง (1932) (7)
2. “บุคลิก” และความเป็นปัจเจกบุคคล (12)
3. คุณสมบัติทางจิตใจและร่างกายของฉัน (15)
บทที่สอง ต้นทาง
1. ไฮสตรีท, บรอมลีย์, เคนท์ (20)
2. ซาราห์ นีล (1822-1905) (22)
3. อัพ พาร์ค และโจเซฟ เวลส์ (1827-1910) (27)
4. ซาราห์ เวลส์ที่แอตลาสเฮาส์ (1855-1880) (34)
5. ขาหัก หนังสือและรูปภาพบางเล่ม (2417) (41)
บทที่ 3 เด็กนักเรียน
1. สถาบันการพาณิชย์ของนายมอร์ลีย์ (พ.ศ. 2417-2423) (45)
2. โลกในการรับรู้ของวัยรุ่น (พ.ศ. 2421-2422) (52)
3. นางเวลส์ - แม่บ้านในอัพพาร์ค (พ.ศ. 2423-2436) (60)
4. การเข้าสู่ชีวิตครั้งแรก วินด์เซอร์ (ฤดูร้อน พ.ศ. 2423) (62)
5. การเข้าสู่ชีวิตครั้งที่สอง วูคกี้ (ฤดูหนาว พ.ศ. 2423) (68)
6. สลับฉากในอัพพาร์ค (พ.ศ. 2423-2424) (72)
7. การเข้าสู่ชีวิตครั้งที่สาม มิดเฮิสต์ (1881) (75)
บทที่สี่ เยาวชนตอนต้น
1. การเข้าสู่ชีวิตครั้งที่สี่ เซาท์ซี (พ.ศ. 2424-2426) (79)
2. HAML และ “นักคิดอิสระ” นักเทศน์และห้องอ่านหนังสือ (87)
3. การเข้าสู่ชีวิตครั้งที่ห้า มิดเฮิร์สต์ (2426-2427) (93)
4. ทำความรู้จักกับเพลโตและเฮนรี่จอร์จครั้งแรก (96)
5. คำถามแห่งมโนธรรม (103)
6. เดินกับพ่อ (105)
บทที่ 5 นักเรียนโดยธรรมชาติในลอนดอน
1. ศาสตราจารย์ฮักซ์ลีย์และชีววิทยา (2427-2428) (109)
2. ศาสตราจารย์กัทรีและฟิสิกส์ (พ.ศ. 2428-2429) (113)
3. ศาสตราจารย์จัดด์และธรณีวิทยา (พ.ศ. 2429-2430) (124)
4. นักเรียนที่ไม่พอใจกำลังมองหาสถานที่ในชีวิต (พ.ศ. 2427-2430) (128)
5. สังคมนิยม (ไม่มีผู้รับที่มีความสามารถ) และการปรับโครงสร้างโลก (133)
6. ความเป็นมาของชีวิตนักศึกษา (พ.ศ. 2427-2430) (147)
7. ความหลงใหลจากใจจริง (155)
บทที่หก การต่อสู้เพื่อการดำรงอยู่
1. การเข้าสู่ชีวิตครั้งที่หกหรือรอบ ๆ (160)
2. เลือดในเสมหะ (2430) (165)
3. การจู่โจมลอนดอนครั้งที่สอง (พ.ศ. 2431) (172)
4. โรงเรียนบ้านเฮนลีย์ (พ.ศ. 2432-2433) (176)
5. วิทยาลัยสารบรรณมหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2433-2436) (186)
6. เข้าสู่วงการสื่อสารมวลชน (พ.ศ. 2436-2437) (197)
7. ตัวอย่างภาพประกอบ (210)
เล่มที่สอง
บทที่เจ็ด กำจัดตัวเอง
1. โพลีโฟนิกความทรงจำ (228)
2. สิ่งที่แนบมาครั้งแรก (230)
3. โมดัส วิเวนดี (237)
4. ฉันจะเขียนเกี่ยวกับประเด็นทางเพศได้อย่างไร (246)
5. อีกครั้งเกี่ยวกับนวนิยาย (256)
บทที่ 8 ในที่สุดฉันก็ได้ยืนอยู่บนเท้าของคุณแล้ว
1. การสนทนาที่เตาไฟ (พ.ศ. 2437-2438) (265)
2. Linton, Station Road, วอคกิ้ง (1895) (280)
3. เฮเทอร์ลีย์, วูสเตอร์ พาร์ค (2439-2440) (289)
4. นิว รอมนีย์ และแซนด์เกต (1898) (298)
5. การประชุมให้ความรู้หลายครั้ง ผู้คนและนิสัยที่แตกต่างกัน (พ.ศ. 2440-2453) (301)
6. เรากำลังสร้างบ้าน (พ.ศ. 2442-2443) (322)
บทที่เก้า แนวคิดของโลกที่มีการวางแผน
1. "การมองการณ์ไกล" (1901) และสาธารณรัฐใหม่ (323)
2. ซามูไรในยูโทเปียและในสังคมเฟเบียน (พ.ศ. 2448-2452) (330)
3. “การวางแผน” ในเดลี่เมล์ (1912) (333)
4. มหาสงครามและการวิงวอนต่อ “พระเจ้า” ของฉัน (1914-1916) (335)
5. ประสบการณ์ทางทหารของผู้ไม่สู้รบ (342)
6. รัฐโลกและสันนิบาตแห่งชาติ (350)
7. การศึกษาโลก (364)
8. การปฏิวัติโลก (372)
9. การทำงานของสมองโดยทั่วไปและจิตใจอยู่ในตำแหน่งสำคัญ (384)
10. บทสรุป (423)
เพิ่มเติม
เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์. ตกหลุมรัก กระทู้ “ประสบการณ์อัตชีวประวัติ” แปลโดย R.E. ออบลอนสกายา (427)
เจ-เอฟ. เวลส์ Wells in Love คืออะไร (427)
อารัมภบท. บทนำหนังสือของแคทเธอรีน เวลส์ (431)
บทที่ 1 เกี่ยวกับเรื่องราวความรักและผีของผู้เป็นที่รัก
1. วิญญาณของผู้เป็นที่รัก (447)
2. ผีของผู้เป็นที่รักในพิมลิโกและโซโห (451)
3. ดูซา (457)
4. ตอนกับอลิซาเบธน้อย (470)
5. รีเบคก้า เวสต์ (475)
6. จิตวิทยาและผู้ปกครอง (487)
7. การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดใน Odette Kühn (490)
8. ปล่อยวางและพยายามสร้างความมั่นใจ (507)
9. Mura - วิญญาณกว้าง (520)
10. อายุเป็นตัวตัดสิน: คิดฆ่าตัวตาย (546)
บทที่สอง ขั้นตอนสุดท้าย
1. แผ่นไดอารี่ (548)
2. รายการทำโดยอีกฝ่าย (564)
3. เกี่ยวกับการตีพิมพ์ “Postscript” (566)
4. บันทึกโชคชะตาและความเป็นเอกเทศ (568)
วิลเฟรด บี. เบตราฟ. ประวัติโดยละเอียดของการฉ้อโกงทางวรรณกรรมครั้งหนึ่ง แปลโดย V.R. ซาเครฟสกายา (569)
แอปพลิเคชัน
ยูไอ คาการ์ลชคซ. แข่งกับเวลา (581)
อี.พี. Zykova, M.I. ตูกูเชวา ก.-เจ. เวลส์กับประเพณีร้อยแก้วสารคดีของอังกฤษ (637)
หมายเหตุ เรียบเรียงโดย Yu.I. คาการ์ลิตสกี้ (655)
วันสำคัญในชีวิตและการทำงานของ G.-J. เวลส์ (695)
ดัชนีชื่อ เรียบเรียงโดย Yu.I. คาการ์ลิตสกี้, A.A. ซิฟูโรวา (698)
บทคัดย่อของผู้จัดพิมพ์:เมื่อเริ่มเขียนบันทึกความทรงจำ ผู้เขียนไม่รู้ว่าพวกเขาจะอยู่จุดใดในงานของเขา ในตอนแรกบันทึกความทรงจำประกอบด้วยสองเล่ม เมื่อเวลาผ่านไป มีการเพิ่มอีกหนึ่งรายการ "Wells in Love" เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับผู้หญิง ด้วยเหตุนี้ Experience จึงกลายเป็นหนังสือที่มีผู้อ่านกันอย่างแพร่หลายมากที่สุดเล่มหนึ่งของ Wells ซึ่งทัดเทียมกับนิยายวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดของเขาที่ได้รับความนิยม
หนังสือเล่มนี้มีการสะท้อนไม่เพียงแต่ในประเด็นทางวรรณกรรมเท่านั้น นักเขียนผู้น่าเคารพปรากฏต่อหน้าเราในฐานะนักสังคมวิทยา นักปรัชญา นักชีววิทยา นักประวัติศาสตร์ แต่ที่สำคัญที่สุด - มีบุคลิกที่ยอดเยี่ยม ยิ่งใหญ่แม้ในจุดอ่อนและข้อบกพร่องของเขา ความขมขื่นของความทรงจำบางอย่างไม่ได้ "กัดกร่อน" สติปัญญาและความเป็นมนุษย์ของพวกเขา
“ประสบการณ์อัตชีวประวัติ” เป็นหนึ่งในเอกสารวรรณกรรมที่สำคัญที่สุดของศตวรรษที่ 20
ตีพิมพ์เป็นภาษารัสเซียเป็นครั้งแรก
ประวัติโดยย่อของ Herbert Wells นำเสนอในบทความนี้
ประวัติโดยย่อของ เอช.จี. เวลส์
เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์- นักเขียนและนักประชาสัมพันธ์ชาวอังกฤษ ผู้แต่งนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดัง “The Time Machine”, “The Invisible Man”, “War of the Worlds” ฯลฯ เป็นตัวแทนของความสมจริงเชิงวิพากษ์ ผู้สนับสนุนลัทธิสังคมนิยมเฟเบียน
เกิดมา 21 กันยายน พ.ศ. 2409ในเมืองบรอมลีย์ ชานเมืองลอนดอน พ่อของเขาเป็นเจ้าของร้านและนักคริกเก็ตมืออาชีพ แม่ของเขาเป็นแม่บ้าน เขาเรียนครั้งแรกที่ Midhurst Classical School
เขาได้รับการศึกษาที่ King's College, University of London สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2431 ในปี พ.ศ. 2434 เขาได้รับตำแหน่งทางวิชาการสองตำแหน่งในสาขาชีววิทยา และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 เขาได้เป็นแพทย์สาขาชีววิทยา
หลังจากฝึกงานกับพ่อค้าสิ่งทอและทำงานในร้านขายยา เขาก็กลายเป็นครูในโรงเรียน ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และเป็นผู้ช่วยของ Thomas Huxley ในปี พ.ศ. 2436 เขาได้เป็นนักข่าวมืออาชีพ
เวลส์มีชื่อเสียงจากผลงานชิ้นแรกของเขา The Time Machine ในปี พ.ศ. 2438 ไม่นานหลังจากการตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ เวลส์เขียนเรื่องต่อไปนี้: The Island of Doctor Moreau (1895); "The Invisible Man" (1897) และผลงานที่โด่งดังที่สุดของเขา: "The War of the Worlds" (1898)
ตั้งแต่ปี 1903 ถึง 1909 Wells เป็นสมาชิกของ Fabian Society ซึ่งสนับสนุนความระมัดระวังและความค่อยเป็นค่อยไปในการเมือง วิทยาศาสตร์ และชีวิตสาธารณะ
ระหว่างปี พ.ศ. 2467 ถึง พ.ศ. 2476 เวลส์อาศัยอยู่ในฝรั่งเศสเป็นหลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2477 ถึง พ.ศ. 2489 เขาเป็นประธานระหว่างประเทศของ PEN
เวลส์อาศัยอยู่ในลอนดอนและริเวียร่า บรรยายบ่อยครั้งและเดินทางอย่างกว้างขวาง
เขาแต่งงานสองครั้ง: ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2434 ถึง พ.ศ. 2438 ถึงอิซาเบลลา แมรี เวลส์ (หย่าร้าง) และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2438 ถึง พ.ศ. 2471 - เกี่ยวกับ Amy Katherine Wells (นี Robbins เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง) การแต่งงานครั้งที่สองมีบุตรชายสองคน
ในปี 1920 Wells ได้พบกับ Maria Ignatievna Zakrevskaya-Budberg (มีเหตุผลที่จะถือว่าเธอเป็นตัวแทนของ NKVD) ซึ่งกลายเป็นเมียน้อยของเขา ความสัมพันธ์ดังกล่าวได้รับการต่ออายุในปี พ.ศ. 2476 ในลอนดอน ซึ่งเธออพยพหลังจากเลิกกับกอร์กี ความสัมพันธ์ใกล้ชิดของ M. Budberg กับ Wells ยังคงดำเนินต่อไปจนกระทั่งผู้เขียนเสียชีวิต เขาขอให้เธอแต่งงานกับเขา แต่เธอปฏิเสธข้อเสนอนี้อย่างเด็ดขาด
เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์. เกิดเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2409 ที่เมืองบรอมลีย์ สหราชอาณาจักร เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร นักเขียนและนักประชาสัมพันธ์ชาวอังกฤษ ผู้แต่งนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดัง “The Time Machine”, “The Invisible Man”, “War of the Worlds” ฯลฯ เป็นตัวแทนของความสมจริงเชิงวิพากษ์ ผู้สนับสนุนลัทธิสังคมนิยมเฟเบียน
เขาได้ไปเยือนรัสเซียสามครั้งซึ่งเขาได้พบกับและ
พ่อของเขา โจเซฟ เวลส์ และแม่ของเขา ซาราห์ นีล เคยทำงานเป็นคนสวนและแม่บ้านในที่ดินอันมั่งคั่ง และต่อมาก็กลายเป็นเจ้าของร้านเครื่องจีนเล็กๆ อย่างไรก็ตาม การค้าขายแทบไม่มีรายได้เลย และโดยพื้นฐานแล้วครอบครัวก็ดำรงชีวิตด้วยเงินที่พ่อซึ่งเป็นนักคริกเก็ตมืออาชีพได้รับจากการเล่น เมื่อเด็กชายอายุแปดขวบ เขา “โชคดี” อย่างที่ตัวเขาเองพูดไว้ว่าขาหัก ตอนนั้นเองที่เขาเริ่มติดการอ่าน ในวัยเดียวกัน เฮอร์เบิร์ต เวลส์ เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาเชิงพาณิชย์ของมิสเตอร์ โธมัส มอร์ลีย์ ซึ่งควรจะเตรียมเขาให้พร้อมสำหรับอาชีพพ่อค้า อย่างไรก็ตาม เมื่อเฮอร์เบิร์ตอายุได้ 13 ปี พ่อของเขาสะโพกหักและด้วยการเล่นคริกเก็ต ถือว่าการฝึกอบรมนี้ เสร็จสมบูรณ์และเฮอร์เบิร์ตต้องเริ่มต้นชีวิตอิสระ
เขาได้รับการศึกษาที่ King's College, University of London สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2431 ในปี พ.ศ. 2434 เขาได้รับตำแหน่งทางวิชาการสองตำแหน่งในสาขาชีววิทยา และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 เขาได้เป็นแพทย์สาขาชีววิทยา
หลังจากฝึกงานกับพ่อค้าสิ่งทอและทำงานในร้านขายยา เขาก็กลายเป็นครูในโรงเรียน ครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ และเป็นผู้ช่วยของ Thomas Huxley ในปี พ.ศ. 2436 เขาได้เป็นนักข่าวมืออาชีพ
ในปีพ.ศ. 2438 เวลส์ได้เขียนนวนิยายเรื่องแรกของเขาเรื่อง The Time Machine เกี่ยวกับการเดินทางของนักประดิษฐ์สู่อนาคตอันไกลโพ้น
ในปี 1895 10 ปีก่อน Minkowski เขาประกาศว่าความเป็นจริงของเราคืออวกาศ-เวลาสี่มิติ (“Time Machine”) ในปี พ.ศ. 2441 เขาทำนายสงครามโดยใช้ก๊าซพิษ การบิน และอุปกรณ์เช่นเลเซอร์ (“War of the Worlds” หลังจากนั้นเล็กน้อย - “When the Sleeper Awakens”, “War in the Air”) ในปี 1905 เขาได้บรรยายถึงอารยธรรมของมดที่ชาญฉลาด (“อาณาจักรแห่งมด”) นวนิยายเรื่อง The World Set Free (1914) อ้างอิงถึงสงครามโลกครั้งที่สองซึ่งเริ่มขึ้นในทศวรรษที่ 1940; นอกจากนี้ยังมี "ระเบิดปรมาณู" (นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า) ซึ่งหล่นลงมาจากเครื่องบินและขึ้นอยู่กับการแยกตัวของอะตอม
ในปี 1923 เวลส์เป็นคนแรกที่แนะนำโลกคู่ขนานในนิยายวิทยาศาสตร์ (“Men as Gods”) เวลส์ยังค้นพบแนวคิดดังกล่าว ซึ่งต่อมานักเขียนหลายร้อยคนได้จำลองขึ้นมา เช่น การต่อต้านแรงโน้มถ่วง ("มนุษย์คนแรกบนดวงจันทร์") มนุษย์ล่องหน เครื่องเร่งชีวิต และอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม แนวคิดดั้งเดิมเหล่านี้ไม่ได้จบลงในตัวเองสำหรับ Wells แต่เป็นอุปกรณ์ทางเทคนิคที่มุ่งเป้าไปที่การเน้นย้ำถึงด้านหลักที่สำคัญและสำคัญต่อสังคมของผลงานของเขาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ดังนั้นใน "The Time Machine" เขาจึงเตือนว่าการต่อสู้ทางชนชั้นที่เข้ากันไม่ได้อย่างต่อเนื่องอาจนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของสังคมโดยสิ้นเชิง ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาของงานของเขา Wells เลิกใช้นิยายวิทยาศาสตร์โดยสิ้นเชิง แต่ผลงานที่สมจริงของเขากลับได้รับความนิยมน้อยกว่ามาก
ตั้งแต่ปี 1903 ถึง 1909 Wells เป็นสมาชิกของ Fabian Society ซึ่งสนับสนุนความระมัดระวังและความค่อยเป็นค่อยไปในการเมือง วิทยาศาสตร์ และชีวิตสาธารณะ
ในปีพ.ศ. 2476 เขาได้รับเลือกเป็นประธานของ PEN Club
H.G. Wells เยือนรัสเซียสามครั้ง ครั้งแรกคือในปี พ.ศ. 2457 จากนั้นเขาพักที่โรงแรมเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแอสโตเรียบนถนนมอร์สกายาอายุ 39 ปี ครั้งที่สองในเดือนกันยายน พ.ศ. 2463 เขาได้พบปะกับเลนิน ในเวลานี้ Wells อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ของ M. Gorky ในอาคารอพาร์ตเมนต์ของ E. K. Barsova ที่ 23 Kronverksky Avenue
เวลส์เขียนหนังสือ "Russia in the Dark" เกี่ยวกับการเยือนรัฐบอลเชวิคครั้งแรก ในนั้นเขาอธิบายรายละเอียดการพบกับเลนินและสาระสำคัญของความแตกต่างในตำแหน่งของพวกเขา: “หัวข้อนี้นำเราไปสู่ความขัดแย้งหลักของเรา - ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มนักวิวัฒนาการและลัทธิมาร์กซิสต์ กับคำถามที่ว่าการปฏิวัติทางสังคมที่มีความสุดขั้วทั้งหมดนั้นมีความจำเป็นหรือไม่ หรือระบบเศรษฐกิจระบบหนึ่งจะต้องถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ก่อนที่ระบบอื่นจะเริ่มต้นขึ้นได้ ฉันเชื่อว่าผลงานด้านการศึกษาที่ยิ่งใหญ่และต่อเนื่องทำให้ระบบทุนนิยมในปัจจุบันสามารถกลายเป็น "อารยะ" และกลายเป็นระบบส่วนรวมทั่วโลกได้ ในขณะที่โลกทัศน์ของเลนินเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับหลักคำสอนของลัทธิมาร์กซิสม์เกี่ยวกับความหลีกเลี่ยงไม่ได้ของชนชั้น สงคราม ความต้องการที่จะโค่นล้มระบบทุนนิยมเพื่อเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นในการปฏิรูปสังคม เผด็จการของชนชั้นกรรมาชีพ เป็นต้น”
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2477 เวลส์ได้ไปเยือนสหภาพโซเวียตอีกครั้งและได้รับการต้อนรับจากสตาลิน Wells เขียนเกี่ยวกับการประชุมครั้งนี้: “ ฉันสารภาพว่าฉันเข้าหาสตาลินด้วยความสงสัยและอคติ ในใจของฉันภาพถูกสร้างขึ้นจากผู้คลั่งไคล้ที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นศูนย์กลางเผด็จการผู้ผูกขาดอำนาจที่น่าสงสัยและน่าสงสัย นักปีนเขาชาวจอร์เจียที่พึงพอใจในตนเองซึ่งจิตวิญญาณไม่เคยหลุดพ้นจากหุบเขาบนภูเขาบ้านเกิดของเขาเลย... ข่าวลือที่คลุมเครือทั้งหมด ความสงสัยทั้งหมดหยุดอยู่กับฉันตลอดไปหลังจากที่ฉันได้คุยกับเขาไม่กี่นาทีฉันก็ไม่เคยพบความจริงใจมากกว่านี้อีกแล้ว เป็นคนดีและซื่อสัตย์ในตัวเขา ไม่มีอะไรมืดมนและน่ากลัว และคุณสมบัติเหล่านี้เองที่ควรอธิบายอำนาจมหาศาลของเขาในรัสเซีย".
เวลส์อาศัยอยู่ในลอนดอนและริเวียร่า บรรยายบ่อยครั้งและเดินทางอย่างกว้างขวาง เขาแต่งงานสองครั้ง: จากปี 1891 ถึง 1895 ถึง Isabella Mary Wells และจากปี 1895 ถึง 1927 ถึง Amy Catherine (Jane) Robbins การแต่งงานครั้งที่สองมีลูกชายสองคน: George Philip Wells (1901-1985) และ Frank Richard Wells (1905-1982)
เสียชีวิตในลอนดอนเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2489 ในพิธีศพ John Boynton Priestley เรียก Wells ว่า "ชายผู้ซึ่งคำพูดนำแสงสว่างมาสู่มุมมืดของชีวิต" ตามพินัยกรรม หลังจากการเผาศพ ลูกชายสองคนขณะอยู่บนเกาะไวท์ ได้โปรยขี้เถ้าของนักเขียนไปทั่วช่องแคบอังกฤษ
ภาพยนตร์ที่สร้างจากผลงานของ H.G. Wells:
พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) - “มนุษย์คนแรกบนดวงจันทร์” กำกับโดยบรูซ กอร์ดอน
พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) - “เกาะแห่งวิญญาณที่สูญหาย” กำกับโดยเอิร์ลแคนตัน
พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) - “ The Invisible Man” กำกับโดย James Whale
พ.ศ. 2479 (ค.ศ. 1936) – The Shape of Things to Come กำกับโดย William Cameron Menzies
พ.ศ. 2496 (ค.ศ. 1953) - “War of the Worlds” กำกับโดย Byron Haskin
พ.ศ. 2503 (ค.ศ. 1960) - “The Time Machine” กำกับโดย George Pal
พ.ศ. 2507 (ค.ศ. 1964) - “มนุษย์คนแรกบนดวงจันทร์” กำกับโดยนาธาน จูรัน
พ.ศ. 2517 (ค.ศ. 1974) - “ A Wonderful Visit” กำกับโดย Marcel Carné
พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) - “Food of the Gods” กำกับโดยเบิร์ต เอ. กอร์ดอน
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - “ The Island of Doctor Moreau” กำกับโดยดอน เทย์เลอร์
พ.ศ. 2520 (ค.ศ. 1977) - “ Empire of the Ants” กำกับโดย Bert I. Gordon
พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) - “Journey in the Time Machine” กำกับโดยนิโคลัส เมเยอร์
2527 - "มนุษย์ล่องหน" ผู้กำกับ Alexander Zakharov
พ.ศ. 2532 (ค.ศ. 1989) - “Food of the Gods 2” กำกับโดยเดเมียน ลี
1996 - “ The Island of Doctor Moreau” กำกับโดย John Frankenheimer และ Richard Stanley
2544 - "The Fantastic Worlds of H.G. Wells" กำกับโดย Robert Young
2545 - The Time Machine กำกับโดย Simon Wells หลานชายของ H.G. Wells
2548 - ผู้กำกับ "War of the Worlds"
พ.ศ. 2548 - “ War of the Worlds” กำกับโดย Timothy Hines
2548 - "H.G. Wells' War of the Worlds" กำกับโดย David Michael Latt
2553 - “ มนุษย์คนแรกบนดวงจันทร์” กำกับโดย Mark Gatiss
วาย. โฟรลอฟ.
Herbert George Wells เป็นที่รู้จักของทุกคนในฐานะนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์เป็นหลัก แต่ในนิยายวิทยาศาสตร์และเรื่องราวของเขา เราสามารถพบคำทำนายที่แม่นยำมากมายเกี่ยวกับอนาคตของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี "รังสีความร้อน" ของชาวอังคารจาก War of the Worlds นั้นเป็นเลเซอร์ การบินไปดวงจันทร์ก็เกิดขึ้นเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ใช่ในลักษณะที่อธิบายไว้ในนวนิยายเรื่อง "The First Men on the Moon" ในนวนิยายที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักของเขา The World Set Free (1914) เวลส์ทำนายการแยกตัวของอะตอมและการสร้างระเบิดปรมาณู เรื่องราวหนึ่งของเขาพูดถึงการส่งสัญญาณโทรทัศน์จากดาวอังคาร และจริง ๆ แล้วมันถูกดำเนินการโดยยานสำรวจอวกาศเมื่อไม่นานมานี้
เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์ (พ.ศ. 2409-2489) นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ก็กังวลเกี่ยวกับอนาคตที่แท้จริงของมนุษยชาติเช่นกัน
รถยนต์ "Panhard-Levassor" พ.ศ. 2438 เวลส์ทำนายอนาคตที่ดีของรถยนต์
ทางเท้าเคลื่อนที่ในงาน Chicago World's Fair เมื่อปี 1893 เป็นสายพานลำเลียงแบบมีหลังคายาว 730 เมตร และมีม้านั่งติดตั้งอยู่
เครื่องบินฝรั่งเศส "อองตัวเนต" กำลังบิน 2452
เครื่องดูดฝุ่นเครื่องแรกไม่จำเป็นต้องมีมอเตอร์ ภาพ: “เครื่องดูดฝุ่นเท้า” ของอเมริกา ตั้งแต่ปี 1910 เพื่อให้มันทำงานได้ คุณต้องยืนบนเครื่องสูบลมและเปลี่ยนจากเท้าหนึ่งไปอีกเท้าหนึ่ง
“ครัวไฟฟ้า” จากต้นศตวรรษที่ผ่านมา ที่น่าสนใจพ่อครัวและแม่บ้านที่คุ้นเคยกับความร้อนของถ่านหินและเตาไม้ในตอนแรกเกือบจะแข็งตัวในห้องครัวที่มีเตาไฟฟ้าและเปิดเตาทั้งหมดเพื่อให้ความร้อน
หนึ่งในโทรศัพท์เครื่องแรกที่มีดิสก์ ปลายศตวรรษที่ 19
ทหารราบจักรยานอังกฤษในการซ้อมรบ พ.ศ. 2441
เรือเหาะของกองทัพเยอรมันเหนือแม่น้ำไรน์ พ.ศ. 2454
รถถัง A7V ของเยอรมันเป็นรถถังเยอรมันรุ่นเดียวที่เข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
ตามข้อมูลของ Wells เรือดำน้ำก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกเรือเป็นหลัก ไม่ใช่เรือศัตรู ในภาพ: เรือดำน้ำฝรั่งเศส Dorada พร้อมลูกเรือ พ.ศ. 2453
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่รู้ว่า Wells ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการคาดการณ์การพัฒนาเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 20 และการพัฒนานี้จะส่งผลต่อมนุษยชาติอย่างไร ผู้จัดพิมพ์ต้องประหลาดใจ เนื่องจากยอดจำหน่ายของหนังสือเล่มนี้มีมากกว่ายอดจำหน่ายนิยายวิทยาศาสตร์ยุคแรกของเวลส์ทั้งหมด หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศอังกฤษในปี พ.ศ. 2444 ไม่นานหลังจากการตีพิมพ์ ก็มีการแปลเป็นภาษารัสเซียสองครั้ง: ในมอสโก - ในปี 1902 และในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - ในปี 1903 (ต่อไปนี้จะยกคำพูดมาจากคำแปลเหล่านี้ ยกเว้นในกรณีที่การแปลแบบเก่าแย่มาก)
ในมอสโกหนังสือเล่มนี้ได้รับการตีพิมพ์ภายใต้ชื่อ "การมองการณ์ไกล" พร้อมคำบรรยาย "เกี่ยวกับผลกระทบของความก้าวหน้าของกลศาสตร์และวิทยาศาสตร์ต่อชีวิตและความคิดของมนุษย์" (นี่คือการแปลที่ตรงตามชื่อดั้งเดิม)
ผู้เขียนเริ่มต้นด้วยการขนส่ง เขาเชื่อว่าการรถไฟที่มีหัวรถจักรไอน้ำจะหมดความสำคัญไปมาก และหลีกทางให้รถยนต์ของเขา: “การทดลองรถยนต์นับไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เกิดความตื่นเต้นเร้าจินตนาการ และผู้คนจำนวนมากกำลังทำงานเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น ยากที่จะเชื่อว่าความไม่สะดวกของรถม้าเหล่านี้ - ความสั่นสะเทือน, ความซุ่มซ่าม, กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่ทิ้งไว้ - ไม่สามารถกำจัดได้ในเร็ว ๆ นี้” และเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ถนนกว้างมาก จะปรากฏขึ้น บางช่วงเป็นถนนเอกชนเก็บค่าผ่านทาง บางทีอาจมีการพัฒนาสารเคลือบพิเศษสำหรับพวกเขา การเดินทางโดยรถยนต์สะดวกกว่าการเดินทางด้วยรถไฟเพราะนักท่องเที่ยวสามารถแวะจอดได้ทุกที่ที่ต้องการจะช้าหรือเร็วกว่าก็ได้
จะมีรถตู้ที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในสำหรับการขนส่งสินค้าขนาดเล็กและจากนั้นก็มีรถโดยสารแบบใช้เครื่องยนต์ ร้านซ่อมรถจะปรากฎตามถนน ทางรถไฟจะยังคงอยู่ - อย่างน้อยก็บางส่วน - สำหรับการขนส่งสินค้าหนักและการขนส่ง "ขายส่ง" ของคน (นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น) แต่เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของรถยนต์เส้นทางจะต้องขยายให้กว้างขึ้น (แต่ สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้น)
การพัฒนารถยนต์จะทำให้สามารถเพิ่มขนาดของเมืองได้ จากข้อมูลของ Wells รัศมีของเมืองที่สะดวกต่อการอยู่อาศัยมักจะเท่ากับระยะทางที่สามารถเดินทางได้ภายในหนึ่งชั่วโมง หากผู้อยู่อาศัยเดิน เส้นผ่านศูนย์กลางของเมืองจะต้องไม่เกิน 10 กม. หากพวกเขาขี่ม้า - สองเท่า และหากพวกเขาใช้รถยนต์ที่มีความเร็วสูงถึง 45 กม./ชม. ก็อาจเป็น 90 กม. ยิ่งไปกว่านั้น Wells ไม่ต้องสงสัยเลยว่า 45 กม./ชม. ไม่ใช่ขีดจำกัดสำหรับรถยนต์แห่งอนาคต และภายในสิ้นศตวรรษที่ 20 จำนวนประชากรในลอนดอน เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเบอร์ลินจะมีมากกว่า 20 ล้านคน และนิวยอร์กและชิคาโก - 40 ล้านคน
อย่างที่เราทราบผู้เขียนคิดผิด ลอนดอนมีประชากรมากกว่า 8 ล้านคน เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - 4.5 ล้านคน เบอร์ลิน - 3.5 คน นิวยอร์กและชานเมือง - ประมาณ 19 ล้านคน ชิคาโก - เกือบ 10 คน
ภายในเมืองสำหรับคนเดินเท้า Wells มองเห็นเครือข่ายสายพานลำเลียงทางเท้าแบบเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งได้รับการจัดแสดงในนิทรรศการระดับโลกในชิคาโก (พ.ศ. 2436) และปารีส (พ.ศ. 2443) ทางที่ดีควรซ่อนไว้ในระบบอุโมงค์เพื่อไม่ให้อุปกรณ์และผู้โดยสารได้รับผลกระทบจากความผันผวนของสภาพอากาศ เวลส์ก็ผิดที่นี่เหมือนกัน ในเมืองรถยนต์มีอำนาจเหนือกว่าและ "นักเดินทาง" (ซึ่งปัจจุบันเรียกทางเท้าที่กำลังเคลื่อนที่จากการเดินทางภาษาอังกฤษ - การเดินทาง) มีให้บริการที่สนามบิน ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และในบางสถานที่ในสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อเอาชนะการเปลี่ยนเส้นทางที่ยาวนานระหว่างบรรทัด
เวลส์ทำผิดพลาดครั้งใหญ่กับการบิน เขาเชื่อว่า:“ การบินไม่น่าจะทำการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อระบบการขนส่ง... มนุษย์ไม่ใช่นกอัลบาทรอส แต่เป็นสัตว์สองเท้าทางโลก มีแนวโน้มที่จะเหนื่อยและเวียนศีรษะจากการเคลื่อนไหวเร็วเกินไปและไม่ว่าเขาจะทะยานไปไกลแค่ไหนก็ตาม ความฝัน เขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องอยู่บนโลกนี้” กระนั้น ผู้เขียนเชื่อว่าภายในปี 2000 และบางทีอาจถึงปี 1950 ด้วยซ้ำ “เครื่องบินลำหนึ่งจะถูกประดิษฐ์ขึ้นซึ่งจะบินขึ้นและกลับคืนสู่ที่เดิมอย่างปลอดภัย”
เขากล่าวถึงความแปลกใหม่ที่น่าตื่นเต้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา - วิทยุ - เพียงครั้งเดียว: เรือรบที่ค้นพบกองกำลังศัตรูที่เหนือกว่าในทะเลจะสามารถขอความช่วยเหลือผ่านทางโทรเลขไร้สายได้
ผู้เขียนอุทิศหลายหน้าเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของศตวรรษที่ 20 การปรับปรุงทางเทคนิคในบ้านจะทำให้คนรับใช้ไม่จำเป็น: “ในยุคเศรษฐกิจสมัยใหม่ คนรับใช้มีความจำเป็นหลักเนื่องจากการจัดบ้านที่ไม่เหมาะสม ในอนาคตพวกเขาอาจจะถูกสร้างขึ้นอย่างชาญฉลาดมากขึ้น การทิ้งเศษขยะและการเสียดสีของฝุ่นจะกำจัดได้ง่ายหากบ้านถูกจัดวางอย่างชาญฉลาด เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ทำความร้อนที่ดี จึงจำเป็นต้องนำถ่านหินจำนวนมากเข้ามาในบ้าน และยังมีสิ่งสกปรกซึ่งต้องกำจัดออกด้วยแรงงานจำนวนมหาศาล ในอนาคต บ้านมีแนวโน้มที่จะได้รับความร้อนจากท่อที่วิ่งเข้าไปในผนังจากแหล่งความร้อนสูงทั่วไป บ้านจะถูกระบายอากาศผ่านท่อในผนัง โดยอากาศจะถูกทำให้ร้อน ฝุ่นจะยังคงอยู่ และอากาศเสียจะถูกกำจัดออกด้วยกลไกง่ายๆ ในบ้านหลายหลัง ประเพณีการเทน้ำมันก๊าดลงในตะเกียงและขัดรองเท้าด้วยขี้ผึ้งยังคงรักษาไว้ และคนรับใช้ก็ทำเช่นนี้ เศรษฐกิจในอนาคตจะไม่มีตะเกียงน้ำมันก๊าด และสำหรับรองเท้า คนฉลาดจะรู้ว่าการสวมรองเท้าที่บ่งบอกถึงการทำงานอย่างต่อเนื่องของคนอื่นนั้นดูอึดอัดเพียงใด และจะสวมรองเท้าที่ใช้เวลาทำความสะอาดไม่เกินหนึ่งนาที
ปัจจุบันโต๊ะทำงานก็รับภาระงานที่ไม่จำเป็นมากมายเช่นกัน การล้างจานหมายถึงการล้างและบดแต่ละรายการแยกจากกัน ในขณะที่คุณสามารถใส่จานสกปรกทั้งหมดในครั้งเดียวในตัวทำละลายสำหรับทำความสะอาดเป็นเวลาหลายนาที จากนั้นสะเด็ดน้ำแล้วจึงเช็ดให้แห้ง”
“ในปัจจุบัน” Wells กล่าวต่อ “การทำธุรกิจเครื่องครัวพร้อมอุปกรณ์เสริมทั้งหมดจะยุ่งยากกว่ามาก โปรดจำไว้ว่าการทิ้งเชื้อเพลิงไว้ใต้เตา การสะสมของเถ้า ความร้อนเหลือทน ความจำเป็นในการหยิบหม้อและกระทะที่มีเขม่าดำ... และในจินตนาการของเรา เราวาดภาพพ่อครัวผู้โชคร้ายที่มีใบหน้าลุกเป็นไฟจากความร้อนและมือเปล่า มันเยิ้มและ เปื้อนเขม่า ในขณะเดียวกันด้วยความช่วยเหลือของ Tagankas อันหรูหราคู่หนึ่งซึ่งให้ความร้อนด้วยไฟฟ้าพร้อมกับเทอร์โมมิเตอร์เพื่อควบคุมอุณหภูมิ การทำอาหารจะกลายเป็นงานอดิเรกที่น่ารื่นรมย์สำหรับคนฉลาด นอกจากนี้ปล่องไฟที่น่าเกลียดจะหายไปจากหลังคา และหลังคาจะเปลี่ยนเป็นระเบียงเปิดโล่งที่สะอาดและสวยงาม”
อย่างที่คุณเห็น คาดการณ์ลักษณะของเครื่องทำความร้อนส่วนกลาง เครื่องปรับอากาศส่วนกลาง เครื่องใช้ในครัวไฟฟ้า... จริงอยู่ ยังไม่ทราบสูตรสำหรับตัวทำละลายที่จะล้างจานสกปรกภายในไม่กี่นาที แต่มีเครื่องล้างจานปรากฏขึ้น และเราใช้เวลาหนึ่งหรือสองนาทีในการทำความสะอาดรองเท้าของเรา และตามกฎแล้ว เราไม่เติมน้ำมันก๊าดลงในตะเกียง
Wells ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแพร่กระจายของโทรศัพท์ “ลองคิดดูว่าจะทำอย่างไรกับโทรศัพท์เมื่อใช้งานทั่วไป งานเดินไปรอบ ๆ ร้านค้าเกือบจะหายไป: คุณสั่งซื้อทางโทรศัพท์และผลิตภัณฑ์ใด ๆ จะถูกส่งถึงคุณอย่างน้อยหนึ่งร้อยไมล์จากลอนดอน ภายในหนึ่งวัน ทุกอย่างที่สั่งซื้อจะถูกส่งไปที่บ้านของคุณ ตรวจสอบ และส่งกลับหากไม่เหมาะสม นายหญิงประจำบ้านซึ่งมีท่อติดอาวุธและไม่ยอมย้ายออกจากบ้าน เธอจะมีซัพพลายเออร์ในท้องถิ่นและร้านค้าขนาดใหญ่ในลอนดอน โรงหนัง โรงไปรษณีย์ ที่ทำการไปรษณีย์ ร้านแลกเปลี่ยนแท็กซี่ แพทย์... ”
การใช้โทรศัพท์ของคุณจะทำให้คุณสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องออกจากบ้าน เช่น ทำข้อตกลงต่างๆ และไม่จำเป็นต้องมีสำนักงานใจกลางเมืองและเดินทางไปทำงานทุกวัน
และบ้านเรือนจะถูกสร้างขึ้นแตกต่างออกไป ท้ายที่สุดแล้ว อิฐซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในศตวรรษที่ 19 เป็นเพียงก้าวเดียวจากกระท่อมอิฐดิบของบรรพบุรุษที่อยู่ห่างไกลของเรา อิฐดูดซับความชื้นไม่ทนทานเป็นพิเศษและการก่อสร้างต้องใช้แรงงานมาก “บล็อกคอนกรีตจะมีราคาถูกกว่าและเหมาะสมกว่าอิฐ... ในอนาคต วัสดุทั้งหมดจะตกลงมาอย่างราบรื่น เคลื่อนตัวไปตามเส้นทางที่วางไว้ และผนังจะค่อยๆ ก่อตัวขึ้น สม่ำเสมอเหมือนสีที่บีบออกมา หลอดโดยศิลปิน” นี่คือวิธีที่ผู้เขียนทำนายเทคโนโลยีการสร้างบ้านจากคอนกรีตเสาหิน!
หนังสือพิมพ์จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง หากตอนนี้พวกเขาตีพิมพ์ "เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับทุกสิ่ง" เพื่อดึงดูดผู้อ่านในวงกว้างที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในศตวรรษที่ 20 หนังสือพิมพ์จะกลายเป็นหนังสือพิมพ์เฉพาะทาง - แต่ละฉบับมีหัวข้อของตัวเอง ข่าวร้อนแรงที่หลายคนต้องการ เช่น อัตราแลกเปลี่ยนหุ้น อัตราแลกเปลี่ยน ผลลอตเตอรี และข้อมูลที่คล้ายกัน จะเริ่มถึงบ้านผ่านทางสาย และจะพิมพ์ลงบนเทป เช่น เทปโทรเลข หรือบันทึกลงบนลูกกลิ้งแผ่นเสียงเพื่อให้ สมาชิกสามารถฟังได้ในเวลาที่สะดวก เครื่องเล่นแผ่นเสียงจะอยู่ในบ้านเกือบทุกหลัง เช่นเดียวกับบารอมิเตอร์ในปัจจุบัน
โฆษณาในหนังสือพิมพ์ยังคงมีอยู่มาก แต่หน้าโฆษณาจะถูกแก้ไขในลักษณะเดียวกับหน้าหนังสือพิมพ์อื่นๆ ทั้งหมด หากโฆษณารบกวนและยกย่องผลิตภัณฑ์ที่น่าสงสัยเป็นครั้งที่พัน โฆษณานั้นจะถูกปฏิเสธหรือจะเรียกเก็บเงินจำนวนมากเพื่อวางโฆษณา และถึงกับผลักโฆษณานั้นไปที่ส่วนท้ายสุดของแผนกโฆษณา
บทที่แยกออกมาจะกล่าวถึงวิธีการทำสงครามในศตวรรษที่ 20 จากข้อมูลของ Wells เครื่องจักรและผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมจะเข้ามาแทนที่ม้าและทหารเกณฑ์ในกองทัพ การปะทะกันระหว่างผู้ติดอาวุธจำนวนมากจะกลายเป็นเรื่องในอดีต สงครามจะกลายเป็นตำแหน่งที่มีการโจมตีส่วนบุคคลโดยทหารกลุ่มเล็ก ๆ (สิ่งนี้กลายเป็นเรื่องจริงเป็นส่วนใหญ่สำหรับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แต่ไม่ใช่สำหรับสงครามโลกครั้งที่สอง) . จักรยานจะมีบทบาทสำคัญ - ทหารราบจะถูกแทนที่ด้วยทหารราบจักรยาน
อาวุธขนาดเล็กกำลังได้รับการปรับปรุง ปืนที่ติดตั้ง "กล้องโทรทรรศน์ชนิดพิเศษจะทำให้สามารถเล็งไปที่จุดหนึ่งไมล์หรือมากกว่านั้นได้ จะสามารถยิงกระสุนได้ทีละนัดหรือถ้าจำเป็นก็ยิงกระสุนทั้งหมดได้ มีแนวโน้มมากที่ปืนดังกล่าวจะถูกถือโดยคนเพียงคนเดียว แต่เป็นไปได้ว่าปืนและกระสุนจะติดอยู่กับจักรยานและควบคุมโดยทหารสองคนขึ้นไป"
กองทัพอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ลูกโป่งและเรือบิน จะถูกนำไปใช้เพื่อการลาดตระเวนและเฝ้าระวังเป็นหลัก ไม่น่าเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถติดตั้งอาวุธปืนบนเครื่องบินได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันมีแรงกระตุ้นการหดตัวในแต่ละนัด
Wells มีความสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตของรถถัง (ไม่เคยมีคำพูดแบบนี้เหมือนเครื่องจักรมาก่อน) “เราสามารถคาดการณ์การทดลองด้วยเกราะเคลื่อนที่เพื่อโจมตีผู้คนในพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้ได้ ฉันยอมรับด้วยซ้ำถึงความเป็นไปได้ของเรือรบประจัญบานภาคพื้นดินซึ่งมีขั้นตอนหนึ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้วพร้อมกับการมาถึงของรถไฟหุ้มเกราะ แต่โดยส่วนตัวแล้ว ฉันไม่ชอบเครื่องจักรเทอะทะและงุ่มง่ามเหล่านี้ และไม่คิดว่าเชื่อถือได้”
ในทำนองเดียวกัน ผู้เขียนไม่เห็นประโยชน์มากนักในเรือดำน้ำ: “ฉันสารภาพ ไม่ว่าฉันจะกระตุ้นจินตนาการมากแค่ไหน แต่ก็ปฏิเสธที่จะเข้าใจว่าเรือเหล่านี้สามารถให้ประโยชน์อะไรได้บ้าง สำหรับฉันดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถทำให้ลูกเรือหายใจไม่ออกและจมน้ำได้เท่านั้น การอยู่ในสิ่งเหล่านี้เป็นเวลานานเพียงครั้งเดียวอาจทำให้สุขภาพของบุคคลเสียและทำให้ขวัญเสียได้ ร่างกายอ่อนแอลงจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซปิโตรเลียมเป็นเวลานานภายใต้ความกดดันสี่บรรยากาศ แม้ว่าคุณจะสร้างความเสียหายให้กับเรือศัตรูได้ แต่ก็มีโอกาสสี่ครั้งที่คนของเขาที่สูดอากาศบริสุทธิ์จะได้รับการช่วยเหลือ และคุณและเรือของคุณจะจมลงไปด้านล่าง”
เป็นเรื่องที่น่าสงสัยว่าในฉบับภาษาอังกฤษปี 1914 ผู้เขียนไม่ได้ลบข้อความนี้ออก ในขณะเดียวกันเพียงหนึ่งปีหลังจากเริ่มสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เรือดำน้ำของเยอรมันเริ่มสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อกองเรืออังกฤษ
เวลส์ชี้ให้เห็นว่าเยอรมนีมีแนวโน้มมากที่สุดที่จะเป็นผู้รุกรานในสงครามแห่งศตวรรษที่ 20 แต่ชัยชนะจะมาจากพันธมิตรของมหาอำนาจสำคัญอื่นๆ
ในบทพิเศษ ผู้เขียนจะตรวจสอบความเป็นไปได้ของการเกิดขึ้นของภาษากลางทั่วโลกในศตวรรษที่ 20 ในฐานะชาวอังกฤษ Wells ต้องการให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาของโลกอย่างแน่นอน แต่เขาคิดว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกยึดครองโดยชาวฝรั่งเศสเนื่องจากมีการตีพิมพ์หนังสือดีๆ มากกว่าภาษาอังกฤษ ภาษาเยอรมันเป็นภาษาดั้งเดิมเกินไป มีแนวโน้มที่จะแทนที่รากศัพท์ที่เป็นสากลและเข้าใจง่ายด้วยภาษาของตัวเอง “ภาษาสเปนและรัสเซียเป็นภาษาที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่มีความสามารถในการอ่านในที่สาธารณะมากพอที่จะเป็นภาษาที่โดดเด่น และจะมีอนาคตเช่นไรสำหรับภาษาที่ไม่มีการอ่านในที่สาธารณะ? ฉันเชื่อว่าทั้งสองภาษานี้ถูกประณามเรื่องการกดขี่แล้ว”
อย่างไรก็ตาม Wells คิดอย่างไรเกี่ยวกับอนาคตของรัสเซีย? เขาเชื่อว่าในศตวรรษที่ 20 จะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน - ตะวันตกและตะวันออก (แต่ผู้เขียนไม่ได้คาดการณ์ถึงการล่มสลายของจักรวรรดิอังกฤษ) ชนชาติสลาฟส่วนใหญ่จะหันไปทางยุโรปตะวันตก ไม่ใช่ไปทางรัสเซีย โอเดสซามีโอกาสที่จะกลายเป็น "รัสเซียชิคาโก" การเติบโตของเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไม่น่าจะดำเนินต่อไปเพราะ "ก่อตั้งโดยชายผู้ไม่สามารถมองเห็นเส้นทางการค้าและอารยธรรมอื่นใดนอกเหนือจากทะเลและในอนาคตทะเลจะมีบทบาทเพียงเล็กน้อยในเรื่องนี้ คำนึงถึง." แม้จะมีเส้นทางที่กว้างใหญ่ สถาปัตยกรรมอันงดงาม และบทบาททางการเมืองที่สำคัญ ในอนาคตเมืองนี้ซึ่งรายล้อมไปด้วยชาวนาที่ไม่ได้รับการศึกษาจำนวนมากก็มีแนวโน้มที่จะเสื่อมถอยลง และรัสเซียซึ่งปกครองโดยรัฐบาลปฏิกิริยาจะล้าหลังประเทศตะวันตกมากขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นไปได้ว่ารัสเซียจะได้รับอำนาจทางการเมืองเหนือจีนในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า” อย่างไรก็ตาม “อารยธรรมรัสเซียไม่มีคุณสมบัติที่จะส่งผลกระทบที่ยั่งยืนต่อชาวเอเชียที่กระตือรือร้นหลายล้านคนที่หลอมรวมกับวัฒนธรรมของพวกเขา”
เวลส์เป็นผู้สนับสนุนสุพันธุศาสตร์ - หลักคำสอนในการปรับปรุง "สายพันธุ์มนุษย์" โดยการสนับสนุนครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรง สวยงาม โดดเด่น มีประโยชน์ต่อสังคม และห้ามไม่ให้มีการแพร่พันธุ์สำหรับผู้ป่วย จิตใจอ่อนแอ และเลวทราม “สังคมยอมให้ดำรงอยู่ได้ท่ามกลางประชากรส่วนน้อยที่ทุกข์ทรมานจากโรคร้ายที่ถ่ายทอดสู่ลูกหลาน ตัวอย่างเช่นนี่คือความผิดปกติทางจิต ความหลงใหลในสิ่งมึนเมาที่รักษาไม่หาย... ด้วยความสงสารพวกเขาจะได้รับอนุญาตให้มีชีวิตอยู่ แต่มีเงื่อนไขว่าคนเหล่านี้จะไม่มีลูก และหากมีการใช้ความผ่อนผันนี้ในทางที่ผิด สังคมใหม่ก็จะแทบจะไม่หยุดทำลายล้างองค์ประกอบดังกล่าว”
ถ้าเราพูดถึงสังคมที่สร้างขึ้นในสามทศวรรษต่อมาในเยอรมนี Wells พูดถูก แต่แม้กระทั่งในสมัยของเขา ฝ่ายตรงข้ามของสุพันธุศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าเบโธเฟนมีพันธุกรรมที่แย่มาก - พ่อแม่ที่ป่วย พี่น้องที่ป่วย แต่ถึงกระนั้นลูกคนที่ห้าในครอบครัวกลับกลายเป็นอัจฉริยะ...
เวลส์ยังปฏิบัติต่ออาชญากรอย่างรุนแรง - เขาเป็นผู้สนับสนุนการใช้โทษประหารชีวิตอย่างกว้างขวาง หากอาชญากรรมร้ายแรงไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของแรงกระตุ้นชั่วขณะ แต่เป็นผลจากตลอดชีวิตของอาชญากร หลังจากการสอบสวนทางศาลอย่างละเอียดแล้ว เขาจะถูกตัดสินลงโทษและกำจัดออกจากชีวิต - เขาจะถูกเข้านอน ด้วยการฉีดฝิ่น “ถ้าบุคคลไม่สามารถอยู่อย่างเป็นสุขและเป็นอิสระได้โดยไม่ทำให้ชีวิตของผู้อื่นเสียหาย เขาก็ไม่มีชีวิตอยู่จะดีกว่า” นอกจากนี้ “รัฐในอนาคตแทบจะไม่ต้องการให้ผู้คุม ผู้คุม และผู้คุมเรือนจำมาจากคนดี” เพื่อช่วยชีวิตอาชญากร
ดังที่คุณทราบ มีการใช้โทษประหารชีวิตโดยการฉีดยาพิษในบางรัฐของสหรัฐอเมริกา แต่ในโลกสมัยใหม่ การใช้โทษประหารชีวิตซึ่งตรงกันข้ามกับการคาดการณ์ของผู้เขียนกลับจำกัดวงแคบลงมากขึ้น
ดังที่เวลส์เชื่อ สังคมจะเพิ่มความอดทนต่อพฤติกรรมที่ถือว่าผิดศีลธรรมในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จำนวนการหย่าร้างและการแต่งงานที่ไม่มีบุตรจะเพิ่มขึ้น
โลกจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันโดยศาสนาเดียวกัน แต่ผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็จะไม่หายไปเช่นกัน
นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกัน Paul Crabtree ซึ่งวิเคราะห์ "Foreshadowing" ของ H.G. Wells ในปี 2550 สรุปว่าเกือบ 80% ของคำทำนายของนักเขียนเป็นจริง และ 60% เป็นจริงด้วยความแม่นยำอย่างยิ่ง ในบรรดา 20% ที่ "ล้มเหลว" Crabtree รวมถึงการคาดการณ์เกี่ยวกับการสร้างรัฐโลกเดียวเกี่ยวกับการเปลี่ยนจากประชาธิปไตยไปสู่ระบอบเทคโนโลยี - พลังของชนชั้นที่มีการศึกษาเกี่ยวกับการรักษาบทบาทหลักของผู้หญิงในฐานะแม่บ้าน... ข้อผิดพลาดและความสำเร็จอื่นๆ ของผู้เขียนสามารถตัดสินได้จากการตรวจสอบโดยย่อของเรา และใครก็ตามที่พูดภาษาอังกฤษสามารถอ่านเนื้อหาเต็มของหนังสือที่น่าสนใจและให้คำแนะนำเล่มนี้ทางอินเทอร์เน็ตได้ที่