ความเร็ว 20 มัคเท่าไหร่ครับ? สมัครรับข่าวสาร
การพัฒนาระบบอาวุธขั้นสูงของรัสเซียไม่ได้หยุดนิ่ง เหตุผลก็คือแรงกดดันอย่างต่อเนื่องจากประเทศตะวันตกและภัยคุกคามของผู้ก่อการร้ายที่เพิ่มมากขึ้นในตะวันออกกลาง นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2558 เมื่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียประกาศและอนุมัติการรณรงค์ต่อต้านการก่อการร้ายในซีเรีย อาวุธหลายสิบประเภทได้รับการทดสอบในสภาพการต่อสู้ ตั้งแต่อาวุธขนาดเล็กไปจนถึงการฝึกซ้อมรบของนักสู้รุ่นที่ห้า ซึ่งถูกส่งไปยังลาตาเกีย เมื่อต้นปีนี้
ในการปราศรัยประจำปีต่อสมัชชาสหพันธรัฐเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 ปูตินได้ระบุอาวุธประเภทใหม่ที่รัสเซียมีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งประเทศอื่น ๆ ไม่มีอาวุธที่คล้ายกัน หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจที่สุดคือระบบขีปนาวุธล่องเรือความเร็วเหนือเสียง Avangard ซึ่งตัดสินโดยคำกล่าวของแหล่งข้อมูลที่มีความสามารถ สามารถเข้าถึงความเร็ว 20 มัค (24,500 กม./ชม. หรือ 408.3 กม./นาที, 6.8 กม./วินาที) ซึ่งเป็นความเร็วที่น่าประทับใจ ความเร็ว. สามารถเปรียบเทียบได้กับความเร็วหลบหนีแรกเท่านั้น
ไม่มีอะไรที่จะยิงขีปนาวุธดังกล่าวได้ เพราะขีปนาวุธต่อต้านขีปนาวุธของอเมริกาที่มีอยู่ของระบบ Aegis บินด้วยความเร็วเหนือเสียงไม่เกิน 6125 กม./ชม. หรือ 5 มัค การปรากฏตัวของ Avangard ทำให้การดำรงอยู่ของระบบป้องกันขีปนาวุธของอเมริกาไม่มีความหมาย
จรวดแนวหน้าพัฒนาความเร็ว 20 มัค ลักษณะเฉพาะ
- นักพัฒนา: สถาบันวิศวกรรมความร้อนแห่งมอสโก,- ระดับ: ขีปนาวุธนำวิถีข้ามทวีป, นำทาง, แม่นยำ,
- การวางแผนความเร็วบล็อก : ไฮเปอร์โซนิก (เกิน 20 มัค)
- เปิดตัวน้ำหนัก: 40-50 ตัน
- จำนวนขั้นตอน : น่าจะเป็น 3,
- ประเภทการเริ่มต้น: จากไซโลหรือระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินเคลื่อนที่
- ประเภทหัว
: หัวรบหลายหัวพร้อมหน่วยนำทางแยกกัน
- ประเภทเชื้อเพลิง: ของแข็งผสม
- การจำแนกประเภทของนาโต้
: เอสเอส-X-31,
- จำนวนหัวรบ
: จาก 3 ถึง 6, กำลังตั้งแต่ 150 ถึง 300 kt (ข้อมูลที่แน่นอนถูกจัดประเภทไว้)
จรวด Avangard ที่บินอยู่ในชั้นบรรยากาศหนาแน่นบินอยู่ในเมฆพลาสมา (นี่คือลักษณะโดยประมาณของแคปซูลที่มีคนอาศัยอยู่ เช่น รถส่งจรวด Soyuz เมื่อเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ) และสามารถให้ความร้อนสูงถึง 2,000 องศาเซลเซียส ซึ่งจำเป็นต้องมีการสร้าง เกราะจากวัสดุคอมโพสิตขั้นสูง และยังใช้ประสบการณ์การพัฒนาในอุตสาหกรรมอวกาศ ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่าการทดสอบการหลบหลีกที่ประสบความสำเร็จเสร็จสิ้นเมื่อปลายปีที่แล้ว
นอกจากนี้เขายังตั้งข้อสังเกตอีกว่าขีปนาวุธได้รับการทดสอบในการบินตามวิถีการบินต่ำด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า กล่าวง่ายๆ ก็คือ หน่วยขีปนาวุธนำวิถีเริ่มต้นจากพื้นดินด้วยความเร็วประมาณ 6 มัค เข้าสู่ชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นและโจมตีเป้าหมายที่กำหนดจากอวกาศ
ประเภทการปล่อยจรวด Avangard เป็นแบบภาคพื้นดิน ระยะการส่งหัวรบโดยประมาณอยู่ที่ 2,000 ถึง 6,000 กิโลเมตร ตามที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่าขีปนาวุธ Avangard ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 20 มัคนั้นสามารถทำลายระบบป้องกันขีปนาวุธใด ๆ ที่มีแนวโน้มดีได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งชื่อหมายเลขของ SM-3 (RIM-161 Standard Missile 3 ) การป้องกันขีปนาวุธที่จำเป็นในการขับไล่การโจมตีของ Avangard ไม่ว่าในกรณีใด การยิงขีปนาวุธสกัดกั้นจำนวนดังกล่าวในเวลาอันสั้นนั้นเป็นไปไม่ได้ และระบบป้องกันขีปนาวุธจะไม่สามารถบรรลุผลตามที่ต้องการได้
ตัวแปลงความยาวและระยะทาง ตัวแปลงมวล ตัวแปลงหน่วยวัดปริมาตรของผลิตภัณฑ์ปริมาณมากและผลิตภัณฑ์อาหาร ตัวแปลงพื้นที่ ตัวแปลงปริมาตรและหน่วยการวัดในสูตรอาหาร ตัวแปลงอุณหภูมิ ตัวแปลงความดัน ความเค้นเชิงกล โมดูลัสของ Young ตัวแปลงพลังงานและงาน ตัวแปลงพลังงาน ตัวแปลงแรง เครื่องแปลงเวลา เครื่องแปลงความเร็วเชิงเส้น มุมแบน เครื่องแปลงประสิทธิภาพเชิงความร้อนและประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง เครื่องแปลงตัวเลขในระบบตัวเลขต่างๆ เครื่องแปลงหน่วยวัดปริมาณข้อมูล อัตราสกุลเงิน ขนาดเสื้อผ้าและรองเท้าสตรี ขนาดเสื้อผ้าและรองเท้าของผู้ชาย ความเร็วเชิงมุมและตัวแปลงความถี่การหมุน เครื่องแปลงความเร่ง เครื่องแปลงความเร่ง ตัวแปลงความเร่งเชิงมุม ตัวแปลงความหนาแน่น ตัวแปลงปริมาตรจำเพาะ โมเมนต์ของตัวแปลงความเฉื่อย โมเมนต์ของตัวแปลงแรง ตัวแปลงแรงบิด ความร้อนจำเพาะของตัวแปลงการเผาไหม้ (โดยมวล) ความหนาแน่นของพลังงานและความร้อนจำเพาะของตัวแปลงการเผาไหม้ (โดยปริมาตร) ตัวแปลงความแตกต่างของอุณหภูมิ สัมประสิทธิ์ของตัวแปลงการขยายตัวทางความร้อน ตัวแปลงความต้านทานความร้อน ตัวแปลงค่าการนำความร้อน ตัวแปลงความจุความร้อนจำเพาะ ตัวแปลงพลังงานการสัมผัสพลังงานและการแผ่รังสีความร้อน ตัวแปลงความหนาแน่นฟลักซ์ความร้อน ตัวแปลงค่าสัมประสิทธิ์การถ่ายเทความร้อน ตัวแปลงอัตราการไหลของปริมาตร ตัวแปลงอัตราการไหลของมวล ตัวแปลงอัตราการไหลของโมลาร์ ตัวแปลงความหนาแน่นของการไหลของมวล ตัวแปลงความเข้มข้นของโมลาร์ ความเข้มข้นของมวลในตัวแปลงสารละลาย ไดนามิก (สัมบูรณ์) ตัวแปลงความหนืด ตัวแปลงความหนืดจลน์ ตัวแปลงแรงตึงผิว ตัวแปลงการซึมผ่านของไอน้ำ ตัวแปลงความหนาแน่นของการไหลของไอน้ำ ตัวแปลงระดับเสียง ตัวแปลงความไวของไมโครโฟน ตัวแปลง ระดับความดันเสียง (SPL) ตัวแปลงระดับความดันเสียงพร้อมความดันอ้างอิงที่เลือกได้ ตัวแปลงความสว่าง ตัวแปลงความเข้มของการส่องสว่าง ตัวแปลงความสว่าง คอมพิวเตอร์กราฟิก ตัวแปลงความละเอียด ความถี่และ ตัวแปลงความยาวคลื่น กำลังไดออปเตอร์และความยาวโฟกัส กำลังไดออปเตอร์และกำลังขยายเลนส์ (×) ตัวแปลงค่าไฟฟ้า ตัวแปลงความหนาแน่นประจุเชิงเส้น ตัวแปลงความหนาแน่นประจุพื้นผิว ตัวแปลงความหนาแน่นประจุปริมาตร ตัวแปลงกระแสไฟฟ้า ตัวแปลงความหนาแน่นกระแสเชิงเส้น ตัวแปลงความหนาแน่นกระแสพื้นผิว ตัวแปลงความแรงของสนามไฟฟ้า ตัวแปลงศักย์ไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้า ตัวแปลงความต้านทานไฟฟ้า ตัวแปลงความต้านทานไฟฟ้า ตัวแปลงค่าการนำไฟฟ้า ตัวแปลงค่าการนำไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า ตัวแปลงตัวเหนี่ยวนำ ตัวแปลงเกจลวดอเมริกัน ระดับในหน่วย dBm (dBm หรือ dBm), dBV (dBV), วัตต์ ฯลฯ หน่วย ตัวแปลงแรงแม่เหล็ก ตัวแปลงความแรงของสนามแม่เหล็ก ตัวแปลงฟลักซ์แม่เหล็ก ตัวแปลงการเหนี่ยวนำแม่เหล็ก การแผ่รังสี ตัวแปลงอัตราการดูดกลืนรังสีไอออไนซ์ กัมมันตภาพรังสี เครื่องแปลงสลายกัมมันตภาพรังสี ตัวแปลงปริมาณรังสีที่ได้รับรังสี ตัวแปลงปริมาณการดูดซึม ตัวแปลงคำนำหน้าทศนิยม การถ่ายโอนข้อมูล ตัวแปลงหน่วยการพิมพ์และการประมวลผลภาพ ตัวแปลงหน่วยปริมาตรไม้ การคำนวณมวลโมลาร์ ตารางธาตุของ D.I. Mendeleev
1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง [km/h] = 0.00080843357909714 เลขมัค (20°C, 1 atm)
ค่าเริ่มต้น
มูลค่าที่แปลงแล้ว
เมตรต่อวินาที เมตรต่อชั่วโมง เมตรต่อนาที กิโลเมตรต่อชั่วโมง กิโลเมตรต่อนาที กิโลเมตรต่อวินาที เซนติเมตรต่อชั่วโมง เซนติเมตรต่อนาที เซนติเมตรต่อวินาที มิลลิเมตรต่อชั่วโมง มิลลิเมตรต่อนาที มิลลิเมตรต่อวินาที ฟุตต่อชั่วโมง เท้าต่อนาที ฟุตต่อวินาที หลาต่อชั่วโมง หลาต่อ นาที หลาต่อวินาที ไมล์ต่อชั่วโมง ไมล์ต่อนาที ไมล์ต่อวินาที ปมปม (UK) ความเร็วของแสงในสุญญากาศ ความเร็วจักรวาลที่หนึ่ง ความเร็วจักรวาลที่สอง ความเร็วจักรวาลที่สาม ความเร็วการหมุนของโลก ความเร็วของเสียงในน้ำจืด ความเร็วของเสียงในน้ำทะเล (20°C ลึก 10 เมตร) เลขมัค (20°C 1 atm) เลขมัค (มาตรฐาน SI)
เพิ่มเติมเกี่ยวกับความเร็ว
ข้อมูลทั่วไป
ความเร็วคือการวัดระยะทางที่เดินทางในช่วงเวลาหนึ่ง ความเร็วอาจเป็นปริมาณสเกลาร์หรือปริมาณเวกเตอร์ - คำนึงถึงทิศทางของการเคลื่อนที่ด้วย ความเร็วของการเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงเรียกว่าเชิงเส้นและในวงกลม - เชิงมุม
การวัดความเร็ว
ความเร็วเฉลี่ย โวลต์หาได้จากการนำระยะทางที่เดินทางทั้งหมด ∆ xสำหรับเวลาทั้งหมด ∆ ที: โวลต์ = ∆x/∆ที.
ในระบบ SI ความเร็วจะวัดเป็นเมตรต่อวินาที กิโลเมตรต่อชั่วโมงในระบบเมตริก และไมล์ต่อชั่วโมงในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรก็ใช้กันอย่างแพร่หลายเช่นกัน นอกเหนือจากขนาดแล้ว ทิศทางยังถูกระบุด้วย เช่น 10 เมตรต่อวินาทีไปทางเหนือ เรากำลังพูดถึงความเร็วเวกเตอร์
ความเร็วของวัตถุที่เคลื่อนที่ด้วยความเร่งสามารถพบได้โดยใช้สูตร:
- กด้วยความเร็วเริ่มต้น คุณในช่วงระยะเวลา ∆ ที, มีความเร็วจำกัด โวลต์ = คุณ + ก×∆ ที.
- ร่างกายเคลื่อนไหวด้วยความเร่งคงที่ กด้วยความเร็วเริ่มต้น คุณและความเร็วสุดท้าย โวลต์มีความเร็วเฉลี่ย ∆ โวลต์ = (คุณ + โวลต์)/2.
ความเร็วเฉลี่ย
ความเร็วแสงและเสียง
ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพ ความเร็วแสงในสุญญากาศคือความเร็วสูงสุดที่พลังงานและข้อมูลสามารถเดินทางได้ มันเขียนแทนด้วยค่าคงที่ คและเท่ากับ ค= 299,792,458 เมตรต่อวินาที สสารไม่สามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงได้เนื่องจากต้องใช้พลังงานจำนวนอนันต์ซึ่งเป็นไปไม่ได้
โดยทั่วไปความเร็วของเสียงจะวัดในตัวกลางที่ยืดหยุ่น และมีค่าเท่ากับ 343.2 เมตรต่อวินาทีในอากาศแห้งที่อุณหภูมิ 20 °C ความเร็วของเสียงต่ำที่สุดในก๊าซและสูงที่สุดในของแข็ง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่น ความยืดหยุ่น และโมดูลัสแรงเฉือนของสาร (ซึ่งแสดงระดับการเสียรูปของสารภายใต้แรงเฉือน) หมายเลขมัค มคืออัตราส่วนของความเร็วของร่างกายในตัวกลางของเหลวหรือก๊าซต่อความเร็วของเสียงในตัวกลางนี้ สามารถคำนวณได้โดยใช้สูตร:
ม = โวลต์/ก,
ที่ไหน กคือความเร็วของเสียงในตัวกลาง และ โวลต์- ความเร็วของร่างกาย โดยทั่วไปจะใช้เลขมัคในการกำหนดความเร็วที่ใกล้เคียงกับความเร็วของเสียง เช่น ความเร็วของเครื่องบิน ค่านี้ไม่คงที่ มันขึ้นอยู่กับสถานะของตัวกลาง ซึ่งในทางกลับกันก็ขึ้นอยู่กับความดันและอุณหภูมิด้วย ความเร็วเหนือเสียงคือความเร็วที่เกิน 1 มัค
ความเร็วของยานพาหนะ
ด้านล่างนี้คือความเร็วของยานพาหนะบางส่วน
- เครื่องบินโดยสารที่มีเครื่องยนต์เทอร์โบแฟน: ความเร็วในการบินของเครื่องบินโดยสารอยู่ระหว่าง 244 ถึง 257 เมตรต่อวินาที ซึ่งสอดคล้องกับ 878–926 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือ M = 0.83–0.87
- รถไฟความเร็วสูง (เช่นชินคันเซ็นในญี่ปุ่น): รถไฟดังกล่าวมีความเร็วสูงสุดที่ 36 ถึง 122 เมตรต่อวินาที นั่นคือจาก 130 ถึง 440 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ความเร็วของสัตว์
ความเร็วสูงสุดของสัตว์บางชนิดมีค่าประมาณเท่ากับ:
ความเร็วของมนุษย์
- มนุษย์เดินด้วยความเร็วประมาณ 1.4 เมตรต่อวินาที หรือ 5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 8.3 เมตรต่อวินาที หรือ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ตัวอย่างความเร็วที่แตกต่างกัน
ความเร็วสี่มิติ
ในกลศาสตร์คลาสสิก ความเร็วเวกเตอร์วัดในปริภูมิสามมิติ ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพพิเศษ พื้นที่นั้นเป็นสี่มิติ และการวัดความเร็วยังคำนึงถึงมิติที่สี่ด้วย นั่นคือ อวกาศ-เวลา ความเร็วนี้เรียกว่าความเร็วสี่มิติ ทิศทางของมันอาจมีการเปลี่ยนแปลง แต่ขนาดของมันจะคงที่และเท่ากับ คนั่นคือความเร็วแสง ความเร็วสี่มิติถูกกำหนดให้เป็น
U = ∂x/∂τ,
ที่ไหน xแสดงถึงเส้นโลก - เส้นโค้งในอวกาศ-เวลาที่วัตถุเคลื่อนที่ และ τ คือ "เวลาที่เหมาะสม" เท่ากับช่วงเวลาตามแนวเส้นโลก
ความเร็วของกลุ่ม
ความเร็วของกลุ่มคือความเร็วของการแพร่กระจายคลื่น ซึ่งอธิบายความเร็วของการแพร่กระจายของกลุ่มคลื่นและกำหนดความเร็วของการถ่ายโอนพลังงานของคลื่น สามารถคำนวณได้เป็น ∂ ω /∂เค, ที่ไหน เคคือเลขคลื่น และ ω - ความถี่เชิงมุม เควัดเป็นเรเดียน/เมตร และความถี่สเกลาร์ของการสั่นของคลื่น ω - เป็นเรเดียนต่อวินาที
ความเร็วเหนือเสียง
ความเร็วเหนือเสียงคือความเร็วที่เกิน 3,000 เมตรต่อวินาที ซึ่งเร็วกว่าความเร็วเสียงหลายเท่า วัตถุแข็งที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วดังกล่าวจะได้คุณสมบัติของของเหลว เนื่องจากความเฉื่อยทำให้โหลดในสถานะนี้แข็งแกร่งกว่าแรงที่ยึดโมเลกุลของสารไว้ด้วยกันระหว่างการชนกับวัตถุอื่น ที่ความเร็วเหนือเสียงที่สูงเป็นพิเศษ ของแข็งสองตัวที่ชนกันจะกลายเป็นก๊าซ ในอวกาศ วัตถุเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่านี้ และวิศวกรที่ออกแบบยานอวกาศ สถานีวงโคจร และชุดอวกาศจะต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่สถานีหรือนักบินอวกาศจะชนกับเศษอวกาศและวัตถุอื่นๆ เมื่อทำงานในอวกาศ ในการชนกันดังกล่าว ผิวหนังของยานอวกาศและชุดอวกาศต้องทนทุกข์ทรมาน นักพัฒนาฮาร์ดแวร์ทำการทดลองการชนกันด้วยความเร็วเหนือเสียงในห้องปฏิบัติการพิเศษเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของชุดที่สวมใส่ต่อแรงกระแทกที่รุนแรง รวมถึงผิวหนังและส่วนอื่นๆ ของยานอวกาศ เช่น ถังเชื้อเพลิงและแผงโซลาร์เซลล์ ในการทำเช่นนี้ ชุดอวกาศและผิวหนังต้องเผชิญกับแรงกระแทกจากวัตถุต่าง ๆ จากการติดตั้งแบบพิเศษที่ความเร็วเหนือเสียงเกิน 7,500 เมตรต่อวินาที
avia-su.ru
เครื่องบินรบสองเครื่องยนต์ที่ผลิตโดยสำนักออกแบบซูคอยถูกนำมาใช้โดยกองทัพอากาศสหภาพโซเวียตในปี พ.ศ. 2528 แม้ว่าจะทำการบินครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2520 ก็ตาม
เครื่องบินลำนี้สามารถทำความเร็วเหนือเสียงสูงสุดได้ 2.35 มัค (2,500 กม./ชม.) ซึ่งมากกว่าความเร็วเสียงมากกว่าสองเท่า
Su-27 ได้รับชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในหน่วยที่มีความสามารถมากที่สุดในยุคนั้น และบางรุ่นยังคงใช้งานโดยกองทัพของรัสเซีย เบลารุส และยูเครน
www.f-16.net
เครื่องบินโจมตีทางยุทธวิธีได้รับการพัฒนาในทศวรรษ 1960 โดย General Dynamics ออกแบบมาเพื่อบรรทุกลูกเรือสองคน เครื่องบินลำแรกเข้าประจำการกับกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในปี พ.ศ. 2510 และใช้สำหรับการวางระเบิดทางยุทธศาสตร์ การลาดตระเวน และสงครามอิเล็กทรอนิกส์ F-111 สามารถเข้าถึงความเร็ว 2.5 มัค (2,655 กม./ชม.) หรือเร็วกว่าเสียง 2.5 เท่า
ช่วยให้ goflying.wordpress.com
เครื่องบินรบทางยุทธวิธีเครื่องยนต์คู่ได้รับการพัฒนาโดยแมคดอนเนลล์ ดักลาสในปี พ.ศ. 2510 เครื่องบินทุกสภาพอากาศได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ได้และรักษาความเหนือกว่าทางอากาศเหนือกองกำลังศัตรูในระหว่างการสู้รบทางอากาศ F-15 Eagle ทำการบินครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2515 และเข้าประจำการกับกองทัพอากาศสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2519
F-15 สามารถบินด้วยความเร็วเกิน 2.5 มัค (2,655 กม./ชม.) และถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา คาดว่า F-15 Eagle จะเข้าประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯ จนถึงปี 2025 ปัจจุบันเครื่องบินขับไล่ดังกล่าวถูกส่งออกไปยังต่างประเทศหลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น อิสราเอล และซาอุดีอาระเบีย
airforce.ru
เครื่องบินความเร็วเหนือเสียงเครื่องยนต์คู่ขนาดใหญ่ที่ผลิตโดยสำนักออกแบบมิโคยัน ได้รับการออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นเครื่องบินต่างประเทศด้วยความเร็วสูง เครื่องบินลำนี้ทำการบินครั้งแรกในเดือนกันยายน พ.ศ. 2518 และเข้าประจำการกับกองทัพอากาศในปี พ.ศ. 2525
มิก-31 มีความเร็วถึง 2.83 มัค (3,000 กม./ชม.) และสามารถบินด้วยความเร็วเหนือเสียงได้แม้ในระดับความสูงต่ำ MiG-31 ยังคงให้บริการกับกองทัพอากาศรัสเซียและคาซัคสถาน
XB-70 newspaceandaircraft.com
XB-70 Valkyrie หกเครื่องยนต์ได้รับการพัฒนาโดย North American Aviation ในช่วงปลายทศวรรษ 1950 เครื่องบินลำนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นต้นแบบสำหรับเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ที่มีระเบิดนิวเคลียร์
XB-70 วาลคิรีบรรลุความเร็วการออกแบบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2508 เมื่อถึงความเร็ว 3.02 มัค (3,219 กม./ชม.) ที่ระดับความสูง 21,300 เมตร เหนือฐานทัพอากาศเอ็ดเวิร์ดส์ในแคลิฟอร์เนีย
เครื่องบิน XB-70 จำนวน 2 ลำถูกสร้างขึ้นและบินบนเที่ยวบินทดสอบระหว่างปี 1964 ถึง 1969 เครื่องบินต้นแบบลำหนึ่งเกิดอุบัติเหตุตกในปี พ.ศ. 2509 หลังจากการชนกันกลางอากาศ และเครื่องบิน XB-70 อีกลำหนึ่งจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของกองทัพอากาศสหรัฐ ในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ
เบลล์ เอ็กซ์-2 สตาร์บัสเตอร์
X-2 wikipedia.org
เครื่องบินที่ขับเคลื่อนด้วยจรวดเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัท เบลล์ แอร์คราฟต์ กองทัพอากาศสหรัฐฯ และคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการบินแห่งชาติ (บรรพบุรุษของ NASA) ในปี พ.ศ. 2488 เครื่องบินลำนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อศึกษาคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ระหว่างการบินเหนือเสียงในช่วงมัค 2 และ 3
X-2 ซึ่งมีชื่อเล่นว่า Starbuster ทำการบินครั้งแรกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2498 ปีต่อมา ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2499 กัปตันมิลเบิร์นที่ถือหางเสือเรือสามารถทำความเร็วได้ถึง 3.2 มัค (3,370 กม./ชม.) ที่ระดับความสูง 1,9800 ม.
หลังจากไปถึงความเร็วสูงสุดได้ไม่นาน เครื่องบินก็ไม่สามารถควบคุมได้และตก เหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งนี้ทำให้โครงการ X-2 สิ้นสุดลง
airforce.ru
เครื่องบินดังกล่าวผลิตโดย Mikoyan-Gurevich ได้รับการออกแบบมาเพื่อสกัดกั้นเครื่องบินข้าศึกด้วยความเร็วเหนือเสียงและรวบรวมข้อมูลข่าวกรอง MiG-25 เป็นหนึ่งในเครื่องบินทหารที่เร็วที่สุดในการเข้าประจำการ MiG-25 ทำการบินครั้งแรกในปี พ.ศ. 2507 และถูกใช้ครั้งแรกโดยกองทัพอากาศโซเวียตในปี พ.ศ. 2513
MiG-25 มีความเร็วสูงสุดที่น่าทึ่งที่ 3.2 มัค (3524 กม./ชม.) เครื่องบินลำดังกล่าวยังคงประจำการอยู่กับกองทัพอากาศรัสเซีย และยังใช้งานโดยประเทศอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงกองทัพอากาศแอลจีเรียและกองทัพอากาศซีเรีย
วิกิพีเดีย.org
เครื่องบินต้นแบบที่พัฒนาโดย Lockheed ในช่วงปลายทศวรรษที่ 50 และต้นทศวรรษที่ 60 เครื่องบินลำนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสกัดกั้นเครื่องบินข้าศึกด้วยความเร็ว 3 มัค
การทดสอบวายเอฟ-12 เกิดขึ้นที่แอเรีย 51 ซึ่งเป็นสถานที่ทดสอบลับสุดยอดของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งนักระบบขับถ่ายปัสสาวะเชื่อมโยงกับมนุษย์ต่างดาว YF-12 ทำการบินครั้งแรกในปี พ.ศ. 2506 และทำการบินด้วยความเร็วสูงสุดที่ 3.2 มัค (3,330 กม./ชม.) ที่ระดับความสูง 24,400 ม. ในที่สุดกองทัพอากาศสหรัฐฯ ก็ยกเลิกโครงการนี้ แต่ YF-12 ยังคงทำการบินวิจัยอยู่หลายครั้ง สำหรับกองทัพอากาศและ NASA ในที่สุดเครื่องบินก็หยุดบินในปี 1978
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม วลาดิมีร์ ปูติน กล่าวปราศรัยต่อรัฐสภาพร้อมที่อยู่ พิธีประกาศจัดขึ้นในกรุงมอสโก ที่ Manege Central Exhibition Hall ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ ประธานาธิบดีรัสเซียได้นำเสนออาวุธเชิงกลยุทธ์รุ่นใหม่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อกิจกรรมเชิงรุกของสหรัฐอเมริกา โดยปรับใช้ระบบป้องกันภัยทางอากาศทั่วโลก แน่นอนว่าการอภิปรายและการวิเคราะห์สิ่งที่พูดกันมากมายปรากฏบนอินเทอร์เน็ตทันที เราจะไม่พูดถึงองค์ประกอบทางการเมืองของที่อยู่ แต่เราจะพูดสองสามคำเกี่ยวกับด้านเทคนิค ขีปนาวุธชนิดใดที่ประธานาธิบดีอุทิศให้ (ตามการคำนวณอย่างพิถีพิถันของนักวิเคราะห์) มากกว่า 40 นาทีในการกล่าวสุนทรพจน์ของเขา?
จรวด "ซาร์มัต"
มีสามประเด็นหลัก เน้นเป็นพิเศษไปที่ระบบขีปนาวุธด้วยขีปนาวุธข้ามทวีปแบบหนัก อาร์เอส-28"ซาร์มัต" ซึ่งแทนที่คอมเพล็กซ์ Voevoda ซึ่งสร้างขึ้นในสหภาพโซเวียต Sarmat ที่ใช้เชื้อเพลิงเหลวแตกต่างจากรุ่นก่อนมีส่วนการบินที่สั้นลงและมีน้ำหนักมากกว่า 200 ตันซึ่งทำให้ยากต่อการสกัดกั้นด้วยระบบป้องกันขีปนาวุธ แทนที่จะ ขีปนาวุธดังกล่าวบินไปตามส่วนโค้งของขีปนาวุธเดี่ยว โดยแต่ละหัวจะมีพฤติกรรมเหมือนขีปนาวุธนำวิถี นอกจากนี้ ตามที่วลาดิมีร์ ปูติน ระบุว่า Sarmat ไม่เพียงได้รับประโยชน์จากระยะการบินที่เพิ่มขึ้น จำนวน และพลังของหัวรบเท่านั้น แต่ยังเนื่องมาจาก ไปจนถึง “อาวุธนิวเคลียร์ที่มีกำลังสูงหลากหลายประเภท รวมถึงอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียง”
เป็นเรื่องตลกที่มีการใช้ภาพจากภาพยนตร์ช่อง One ปี 2550 ซึ่งบันทึกการบินของขีปนาวุธซาตานเพื่อสาธิตความสามารถในการต่อสู้ของอาคารใหม่ สิ่งนี้อาจทำเพื่อจุดประสงค์ในการรักษาความลับ - ในคำปราศรัยของเขา ประธานาธิบดีเน้นย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเขาไม่สามารถแสดงภาพการทดสอบภาคสนามจริงเพื่อรักษาความลับได้ นอกจากนี้ การปรากฏตัวของซาร์มัต (สิ่งที่ดูเหมือนจรวดไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป) นั้นชวนให้นึกถึงซาตานอย่างมาก ดังนั้นจึงสามารถนำวิดีโอนี้กลับมาใช้ซ้ำได้ แม้ตามการจำแนกประเภทของ NATO "Sarmat" ก็เรียกว่า SS-X-30 Satan 2
โดยทั่วไปตอนนี้รู้จัก Sarmat ค่อนข้างมากแล้วและเว็บไซต์ของเราได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้หลายครั้ง (เช่นที่นี่หรือที่นี่)
จรวดพลังนิวเคลียร์
หลังจากการนำเสนอของ Sarmat วลาดิมีร์ ปูตินตั้งข้อสังเกตว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเลี่ยงผ่านระบบป้องกันขีปนาวุธคือการสร้างขีปนาวุธที่ไม่ใช้วิถีการบินแบบขีปนาวุธเลยเมื่อเคลื่อนที่ไปยังเป้าหมาย เมื่อต้องการทำเช่นนี้ วิศวกรชาวรัสเซียได้พัฒนาขีปนาวุธล่องเรือซึ่งมีคุณลักษณะที่น่าสนใจประการหนึ่ง ร่างกายของจรวดดังกล่าวมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ระยะการบิน “แทบไม่จำกัด” ผลก็คือ ขีปนาวุธล่องหนที่บรรทุกหัวรบนิวเคลียร์แทบจะมองไม่เห็นบนเรดาร์ และสามารถหลบหนีระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีอยู่ทั้งหมดได้ เนื่องจากเส้นทางบินที่คาดเดาไม่ได้
ต้องบอกว่าไม่มีใครพูดถึง "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์" ก่อนคำปราศรัยของประธานาธิบดี: จรวด X-101 ที่มีอยู่แล้วซึ่งเห็นได้ชัดว่ากลายเป็นระบบฐานสำหรับจรวดรุ่นใหม่นั้น มีเครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ทธรรมดาอย่าง TRDD-50 เป็นที่ทราบกันดีว่ามีขีปนาวุธสองรุ่น - X-101 (ไม่ใช่นิวเคลียร์) ซึ่งใช้ในซีเรียตั้งแต่ปี 2558 และ X-102 พร้อมหัวรบนิวเคลียร์ซึ่งขอบคุณพระเจ้าที่ยังไม่ได้ถูกนำมาใช้ที่ไหนเลย .
ขีปนาวุธใหม่นี้ยังไม่มีชื่อ และกระทรวงกลาโหมถึงกับประกาศการแข่งขันเพื่อชิง "ชื่อยอดนิยม" ผู้คนเสนอชื่อที่ตลกมาก - "Barsik", "การลงโทษ", "Kondraty", "Parity", "ครู", "มาตุภูมิ", "เอกอัครราชทูต", "เมลโดเนียม" และ "เสาเข็มแอสเพน"
คอมเพล็กซ์ขีปนาวุธเครื่องบิน "กริช"
มีการกล่าวถึงอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงซ้ำแล้วซ้ำอีกในคำปราศรัยของประธานาธิบดีรัสเซีย ดังที่คุณทราบ หมายเลขมัคใช้เพื่อระบุความเร็วสูง โดย 1 มัคเท่ากับ 1,062 กม./ชม. ที่ระดับความสูง 11 กิโลเมตร ไฮเปอร์ซาวด์มีความเร็วตั้งแต่ 5 มัคขึ้นไป ทุกวันนี้ ไม่มีระบบป้องกันขีปนาวุธหรือระบบป้องกันทางอากาศสักระบบเดียวที่สามารถยิงขีปนาวุธที่บินด้วยความเร็วขนาดนั้นได้ วลาดิมีร์ ปูตินเน้นย้ำว่าอาวุธดังกล่าวเข้าประจำการในกองทัพรัสเซียแล้ว “การทดสอบเสร็จสมบูรณ์ และยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมปีที่แล้ว อาคารดังกล่าวได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่การต่อสู้ทดลองที่สนามบินของเขตทหารภาคใต้” เรากำลังพูดถึงระบบขีปนาวุธเครื่องบิน Kinzhal ซึ่งเป็นเครื่องบินความเร็วสูงที่สามารถส่งขีปนาวุธไปยังจุดปล่อยด้วยความเร็วเหนือเสียง คอมเพล็กซ์นี้สามารถโจมตีเป้าหมายในระยะทางมากกว่า 2,000 กม. ด้วยหัวรบธรรมดาหรือนิวเคลียร์ในขณะที่ขีปนาวุธเองก็ทำการซ้อมรบในทุกระยะของการบิน
อาวุธเลเซอร์
ประธานาธิบดีตั้งข้อสังเกตว่ารัสเซียบรรลุ "ผลลัพธ์ที่สำคัญ" ในการสร้างอาวุธเลเซอร์ เราไม่ได้พูดถึงต้นแบบทดลอง แต่เกี่ยวกับอาวุธมาตรฐานอย่างสมบูรณ์: ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา ระบบเลเซอร์ต่อสู้ได้ถูกส่งไปยังกองทัพแล้ว ประธานาธิบดียังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียด: ในวิดีโอสาธิตสั้นๆ คุณจะเห็นว่าระบบอาวุธเลเซอร์ได้รับการติดตั้งบนผู้ให้บริการรถหุ้มเกราะ ซึ่งภายในนั้นมีระบบควบคุมการติดตั้งอยู่
น่าเสียดายที่ทุกสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับอาวุธนี้มีอยู่ในวิดีโอจากกระทรวงกลาโหม:
ยานพาหนะใต้น้ำไร้คนขับ
ทั่วโลก จำนวนโดรนบินขนาดเล็กที่ใช้ในการลาดตระเวนทางทหาร สนับสนุนทหารในสนามรบ และแม้กระทั่งการวางระเบิด มีเพิ่มมากขึ้นทุกปี เทคโนโลยีไร้คนขับของรัสเซียกลับมุ่งความสนใจไปที่การปฏิบัติการทางน้ำแทน โดยรัสเซียได้พัฒนายานพาหนะใต้น้ำไร้คนขับที่สามารถโจมตีข้ามทวีปได้ “ในระดับความลึกที่สูงมาก” ตามคำกล่าวของวลาดิมีร์ ปูติน ด้วยความเร็วมหาศาล โดรนดังกล่าวไม่เพียงแต่สามารถไล่ตามเรือดำน้ำได้สำเร็จเท่านั้น แต่ยังหลบเลี่ยงตอร์ปิโดที่ทันสมัยที่สุดได้อีกด้วย กระสุนรวมทั้งอาวุธธรรมดาและอาวุธนิวเคลียร์ เนื่องจากโดรนสามารถทำลายเรือบรรทุกเครื่องบิน ป้อมปราการชายฝั่ง และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประธานให้คำมั่นกับผู้ฟังว่าเสียงรบกวนต่ำควบคู่ไปกับความคล่องตัวสูงทำให้พวกเขาคงกระพันในทางปฏิบัติ “ไม่มีทางใดในโลกทุกวันนี้ที่จะตอบโต้พวกมันได้” เขากล่าว ยานพาหนะใต้น้ำไร้คนขับ เช่น ขีปนาวุธ จะได้รับการติดตั้งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการใช้พลังงานได้ ปูตินตั้งข้อสังเกตว่าด้วยปริมาณที่น้อย (น้อยกว่าการติดตั้งเรือดำน้ำนิวเคลียร์สมัยใหม่ 100 เท่า) ระบบจึงต้องใช้เวลาในการกู้คืนน้อยกว่า 200 เท่าในการสลับไปใช้โหมดการต่อสู้ด้วยกำลังสูงสุด
Winged block “Vanguard”: 20 มัคไม่ใช่ขีดจำกัด
คลังแสงอาวุธความเร็วเหนือเสียงของรัสเซียไม่ได้จำกัดอยู่เพียงคอมเพล็กซ์เครื่องบินและขีปนาวุธเท่านั้น วลาดิมีร์ ปูติน ยังพูดถึงระบบขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ที่มีอนาคตอีกระบบหนึ่งที่เรียกว่า Avangard ตัวคอมเพล็กซ์เองก็เป็น "บล็อกปีกร่อน" ระบบนี้แตกต่างจากอุปกรณ์การต่อสู้ประเภทที่มีอยู่ตรงที่ความสามารถในการบินในชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นในช่วงระหว่างทวีปด้วยความเร็วเหนือเสียงเกินเลขมัคมากกว่า 20 เท่า ในระหว่างการบินด้วยความเร็วดังกล่าว ผิวหนังจะร้อนเนื่องจากการเสียดสีกับอากาศอย่างรุนแรง และจรวดก็สามารถเผาไหม้ในอากาศได้ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ หน่วยนี้จึงได้ติดตั้ง "เกราะ" เพิ่มเติมที่ทำจากวัสดุคอมโพสิต ตามที่ประธานกล่าวไว้ การทดสอบที่ประสบความสำเร็จได้พิสูจน์แล้วว่าระบบได้รับการควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ในขณะที่ได้รับความร้อนถึง 1600 - 2000 °C
หากคุณยังไม่ได้อ่าน โปรดอ่านคำปราศรัยแบบเต็มของปูตินต่อรัฐสภา สิ่งที่ทำให้ฉันและคนอื่นๆ ตะลึงคือระบบอาวุธใหม่ที่ปูตินประกาศ
ประการแรกเขายืนยันว่า Sarmat ICBM จะมาแทนที่ SS-18 Satan เก่า แต่ยังคงน่าเกรงขาม ["Voevoda"] จากนั้นเขาก็หันไปใช้ระบบอาวุธใหม่:
1. ขีปนาวุธร่อนนิวเคลียร์ที่มีระยะยิงไม่จำกัด
2. โดรนใต้น้ำนิวเคลียร์ที่มีพิสัยข้ามทวีป ความเร็วสูงมาก เงียบ และสามารถเคลื่อนที่ในระดับความลึกได้มาก
3. ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงด้วยความเร็ว 10 มัค และระยะ 2,000 กิโลเมตร (“กริช”)
3. ขีปนาวุธเชิงกลยุทธ์ใหม่ที่สามารถทำความเร็วได้ถึง 20 มัค (“กองหน้า”)
ระบบทั้งหมดเหล่านี้สามารถติดอาวุธได้ทั้งหัวรบธรรมดาและหัวรบนิวเคลียร์ คิดถึงผลที่ตามมา! นี่ไม่เพียงแต่หมายความว่าความพยายามในการป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในปัจจุบันนั้นอ่อนแอและไร้ประโยชน์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มรบเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐฯ ที่สามารถใช้ได้กับประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีการป้องกันเท่านั้น! [ต่อไปนี้จะเน้นโดยผู้แปล]
ตอนนี้ฉันไม่มีเวลาเขียนบทวิเคราะห์ฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับผลกระทบทางเปลือกโลกที่น่าทึ่งและแท้จริงของการประกาศนี้ ดังนั้นฉันจะหันไปหาผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธทางเรือของฉัน Andrey Martyanov และแจ้งปฏิกิริยาเบื้องต้นของเขาต่อระบบใดระบบหนึ่งเหล่านี้:
นี่คือจุดสิ้นสุด!
“ในขณะที่สื่อตะวันตกทั้งหมด... กำลังกระโดดโลดเต้นเกี่ยวกับคำปราศรัยของวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใด เขาได้สาธิตขีปนาวุธนำวิถี RS-28 Sarmat ใหม่ และระบบการปฏิวัตินี้ได้บดบังทุกสิ่งทุกอย่างใน สื่อ .... การเปิดเผยที่น่าตกใจที่สุด (แม้ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้) ก็คือการติดตั้งขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง "กริช" ... ในหน่วยกองกำลังการบินและอวกาศในเขตทหารภาคใต้ อาวุธนี้ถือโดย MiG-31 แต่ฉัน ฉันแน่ใจว่า SU-35 ไม่ว่าจะเป็น SU-30SM หรือ SU-34 จะสามารถทำได้ นี่คือวิดีโอ:
จรวดนี่...ก็...จาก -หากขาดคำที่แรงกว่านี้ สมมติว่าน่าทึ่ง นี่คือมัค 10 + คล่องตัวสูงและมีระยะ 2,000 กิโลเมตร สงครามทางเรืออย่างที่เราทราบกันดีว่ามันจบลงแล้ว- ฉันจะพูดโดยไม่ต้องเน้นย้ำมากเกินไป: เราได้เข้าสู่ยุคใหม่อย่างเป็นทางการแล้ว ไม่ ฉันขอย้ำอีกครั้งว่าไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัยหรือมีแนวโน้มดีที่ใช้ในปัจจุบันโดยกองเรือของ NATO ใด ๆ ที่สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธที่มีลักษณะดังกล่าวได้แม้แต่ลูกเดียว การยิงขีปนาวุธดังกล่าว 5-6 ลูกรับประกันการทำลายเรือรบทุกกลุ่ม
วิธีการใช้อาวุธดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรารู้ว่าพวกมันถูกประจำการ (ในตอนนี้) ในเขตทหารภาคใต้นั้นง่ายมาก สถานที่ที่มีแนวโน้มมากที่สุดที่ขีปนาวุธจาก MiG-31 จะตกคือน่านน้ำสากลของทะเลดำ ซึ่งปิดไม่ให้ขีปนาวุธจากมิก-31 ตกไปยังเรือภาคพื้นดินหรือกลุ่มเรือใดๆ นอกจากนี้ยังสร้างเขตปลอดการจราจรขนาดใหญ่ในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยที่ MiG-31 จาก Yelizovo จะสามารถลาดตระเวนในระยะทางอันกว้างใหญ่เหนือมหาสมุทรได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แพลตฟอร์มปัจจุบันสำหรับ Kinzhal คือ MiG-31 ซึ่งเป็นเครื่องสกัดกั้นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เห็นได้ชัดว่าความสามารถของ MiG-31 ในการทำความเร็วเหนือเสียงที่สูงมาก (เกิน M=3) เป็นปัจจัยสำคัญในการปล่อยจรวด แต่ไม่ว่าขั้นตอนการยิงอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวนี้จะเป็นอย่างไร ข้อสรุปก็ง่ายๆ:
1. ย้ายเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าสู่ช่อง "การฉายพลัง" เฉพาะกับคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอและไม่มีการป้องกันเท่านั้น
2. สิ่งนี้ทำให้ CBG แบบคลาสสิกเป็นกำลังหลักในการต่อต้านศัตรูที่เทียบเท่า ทั้งไร้ประโยชน์และล้าสมัย และยังทำให้เรือรบภาคพื้นดินใดๆ ไม่มีการป้องกัน โดยไม่คำนึงถึงความสามารถในการป้องกันทางอากาศ
3. ....... ผู้ที่มีอาวุธดังกล่าวเพียงแค่เป็นเจ้าของทะเลอันกว้างใหญ่ซึ่งถูกจำกัดโดยพื้นที่ของ "กริช" และพาหะของมัน
ฉันไม่ต้องการที่จะฟังดูดราม่า และฉันรู้ว่ายังมีความประหลาดใจในอาวุธโซเวียต/รัสเซีย แต่ การเปิดเผยของวันนี้จากแท่นที่สูงที่สุดในรัสเซียเกี่ยวกับ "กริช" เป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างแท้จริง ความสมดุลของอำนาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก สงครามที่เรารู้ไม่มีอีกแล้ว มันจบแล้ว!
ฉันบอกได้แค่ว่าฉันเห็นด้วยกับเขาอย่างสมบูรณ์ นี่เป็นฉาก การแข่งขัน และการเล่นสำหรับจักรวรรดิอย่างแท้จริง: ไม่มีทางเลือกทางทหารในการต่อต้านรัสเซียอีกต่อไป