Bruce Jenner กลายเป็นผู้หญิงและสร้างสถิติบน Twitter เหตุใดเรื่องราวของ Caitlyn Jenner จึงมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมสมัยใหม่บนเส้นทางสู่การเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์
เคทลิน เจนเนอร์
เกือบสองปีหลังจากที่ Bruce Jenner เริ่มกระบวนการกำหนดเพศใหม่ คดีนี้เสร็จสิ้นแล้ว: Caitlyn ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศครั้งสุดท้าย เธอพูดถึงเรื่องนี้ในบันทึกความทรงจำของเธอเรื่อง "ความลับของชีวิตฉัน" ซึ่งจะเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไปในไม่ช้า
การผ่าตัดสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ฉันรู้สึกโล่งใจ
— เจนเนอร์ วัย 67 ปี เขียนไว้ใน “The Secrets of My Life”
มีรายงานว่าอดีตแชมป์โอลิมปิกเข้ารับการศัลยกรรมพลาสติกเมื่อเดือนมกราคมของปีนี้ "รับ" อวัยวะเพศหญิง และด้วยเหตุนี้จึงเสร็จสิ้นกระบวนการกำหนดเพศใหม่
การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับแรงผลักดันจากข้อเท็จจริงที่ว่าเจนเนอร์ต้องการ "มีส่วนของร่างกายที่ถูกต้องทั้งหมด"
ตอนนี้พวกเขาจะหยุดจ้องมองมาที่ฉัน คุณอยากรู้ตอนนี้คุณก็รู้ทุกอย่างแล้ว นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันพูดถึงเรื่องการแปลงเพศ
ก่อนการผ่าตัดนี้ เจนเนอร์ยังทำศัลยกรรมใบหน้าแบบสตรีและเต้านมอีกด้วย
ตราบเท่าที่ฉันจำได้ ฉันมองในกระจกแล้วภาพผู้ชายก็มองกลับมาที่ฉัน แต่ผู้หญิงควรจะสะท้อนอยู่ที่นั่น เหมือนไม่ได้ใช้ชีวิตตามเนื้อหนังของตัวเอง ร่างกายนี้ผิด ชีวิตผิดทั้งชีวิต การดำรงอยู่คือนรกสำหรับฉัน ฉันรู้สึกเหมือนฉันต้องเป็นผู้หญิง ฉันรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงอยู่เสมอ
- Bruce Jenner ยอมรับกับอดีตภรรยาของเขา Linda Thompson เมื่อปี 1985
เจนเนอร์เป็นพ่อแม่ของลูกหกคน ในเดือนเมษายน 2558 ดาราดังออกมา และในฤดูร้อนของปีเดียวกัน เจนเนอร์บอกว่าเธอกำลังจะเปลี่ยนเพศ และยังขอให้เรียกเธอว่าเคทลินต่อไป และไม่ใช้ชื่อเก่าของเธอบรูซ
Caitlyn Jenner เป็นหนึ่งในผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ก Instagram ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเรื่องราวชีวิตของเธอน่าประหลาดใจด้วยโชคชะตาที่พลิกผันจนบางครั้งคุณอาจประหลาดใจกับความปรารถนาอันแรงกล้าของการหลอกลวงธรรมชาติของบุคคล
ชีวิตแรกของเคทลิน เจนเนอร์
Caitlyn Jenner ใช้เวลา 65 ปีแรกในฐานะชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเซ็กซี่ ชื่อจริงของเธอตั้งแต่แรกเกิดคือ William Bruce Jenner และชายหนุ่มรูปงามเกิดเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ในเมือง Mount Kisco ซึ่งตั้งอยู่ในรัฐนิวยอร์ก วัยเด็กของเด็กชายใช้เวลาอยู่ในความดูแลของพ่อและแม่ของเขา นอกจากเขาแล้วครอบครัวยังเลี้ยงดูลูกอีกสามคนด้วย คนข้ามเพศในอนาคตลังเลที่จะไปโรงเรียนมาก
เขากลัวครู เพื่อนร่วมชั้น และการเรียนรู้โดยทั่วไป ในไม่ช้าแพทย์ก็ค้นพบว่าเขาไม่สามารถเขียนและอ่านได้บางส่วน เนื่องจากเด็กชายคนนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเล่นกีฬา ครูจึงเริ่มปฏิบัติต่อเขาอย่างภักดีและให้อภัยข้อบกพร่องในวิชาต่างๆ เมื่อเข้าเรียนที่วิทยาลัยเกรซแลนด์ บรูซ เจนเนอร์เริ่มฝึกกีฬาทศกรีฑาซึ่งเขาประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ตลอดเวลานี้ แชมป์เปี้ยนเกลียดรูปร่างที่ผอมเพรียวของเขา ในส่วนลึกของจิตวิญญาณ เขามีความฝันที่จะกลายเป็นเคทลิน เจนเนอร์ผู้น่ารัก
การเปลี่ยนแปลงอันเจ็บปวดสู่ Caitlyn Jenner
หลังจากออกจากวงการกีฬาและหย่ากับภรรยาของเขาเมื่ออายุ 65 ปี อดีตแชมป์โอลิมปิกจึงตัดสินใจก้าวย่างที่สิ้นหวัง เขาตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ และก่อนช่วงเวลาสำคัญนี้ เขาได้ทรมานร่างกายที่เกลียดชังของเขามาเป็นเวลานานด้วยการผ่าตัดและขั้นตอนต่างๆ โดยพยายามเข้าใกล้ร่างผู้หญิงที่เป็นที่ปรารถนาอย่างน้อยหนึ่งก้าว
บันทึก. ด้วยเหตุผลด้านจริยธรรมและความปรารถนาอันแรงกล้าของฮีโร่เราจะเรียกเขาด้วยชื่อใหม่ของเขาว่า Caitlin และพูดคุยเกี่ยวกับเขาเฉพาะในเพศหญิงเท่านั้น
- การผ่าตัดเสริมจมูก อันดับแรกในรายการการผ่าตัดเปลี่ยนรูปร่างของ Caitlyn Jenner คือการผ่าตัดเสริมจมูก ก่อนทำจมูก Caitlyn Jenner คิดว่าใบหน้าของเธอดูแมนเกินไปและต้องดิ้นรนกับมันโดยไม่รู้ตัว การทำศัลยกรรมพลาสติกประสบความสำเร็จ จมูกลดน้ำหนักลงอย่างเห็นได้ชัดและมีโครงร่างที่ละเอียดยิ่งขึ้น
ดูเหมือนจะไม่เพียงพอ และผู้หญิงคนนั้น (ยังอยู่ในร่างผู้ชาย) ก็เสี่ยงอีกครั้ง ผลจากการทำซ้ำขั้นตอนนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก จมูกของเธอจึงกลายเป็นก้อนและเป็นสิว ราวกับว่าเหง้าของต้นโอ๊กยืนต้นที่ทรงพลังถูกเย็บไว้ใต้ผิวหนังของเธอ หลังการทำศัลยกรรมพลาสติก Caitlyn Jenner ต้องหันไปหาศัลยแพทย์อีกครั้ง แต่คราวนี้เพื่อฟื้นฟูรูปร่างของจมูกปกติในอดีตของเธอเป็นอย่างน้อย เอฟเฟกต์สุดท้ายเห็นได้ในรูปถ่ายของ Caitlyn Jenner และไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจ จมูกยังคงเคี้ยวและฉีกขาดเหมือนเดิม แม้จะผ่าตัดนับสิบครั้งก็ตาม
- กระแสไฟฟ้า ก่อนการผ่าตัดแปลงเพศ เคทลิน เจนเนอร์พยายามทำให้ดูเหมือนผู้หญิง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ฉันต้องใช้อิเล็กโทรไลซิส
ภาพถ่ายของ Caitlyn Jenner ที่ยังคงอยู่ในร่างที่สวยงามของผู้ชายเผยให้เห็นใบหน้าที่น่าดึงดูดและเป็นผู้ชายพร้อมกับตอซังที่โหดร้ายและบางเบา มันเป็นขนบนใบหน้าที่ทำให้ธรรมชาติของผู้หญิงหงุดหงิดและอิดโรยในหน้ากากผู้ชาย หลังจากทำหัตถการ ใบหน้าของ Caitlin ก็สูญเสียความเป็นชายไปโดยสิ้นเชิง และผิวของเธอก็เริ่มดูเหมือนก้นของทารก เธอชอบสิ่งนี้มาก หลังจากนั้น เธอทำอิเล็กโทรไลซิสบนพื้นผิวทั้งหมดของร่างกาย
- ดึงหน้า หลายปีผ่านไป น่าเสียดายที่แม้แต่ใบหน้าของมนุษย์ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีที่สุดก็ยังลอยอยู่ตามกาลเวลา และผิวหนังก็ยืดออกเหมือนยางเก่า ก่อนการทำศัลยกรรม ใบหน้าของ Caitlyn Jenner ค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงชั่วคราว วิธีแก้ปัญหาแรกคือการยกบางส่วน
ผิวหน้าของ Caitlyn Jenner ยืดออกอย่างเห็นได้ชัดทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด แต่มีผลน่ารังเกียจ แก้มที่อวบอ้วนปกคลุมไปด้วยผิวหนังหนาไม่สอดคล้องกับคอพับอย่างเห็นได้ชัด
ใบหน้าเริ่มบวม คิ้วลดลง และดวงตาได้รับเอฟเฟกต์มาจากเอเชีย รอยแผลเป็นจากพลาสติกหลายชนิดที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลาทำให้ผลลัพธ์ที่น่ารังเกียจแย่ลงเท่านั้น
- การผ่าตัดเอาลูกแอ๊ดของอดัมออก Caitlyn Jenner ไม่ต้องการเสียงผู้ชายที่ต่ำพร้อมกับเสียงแหบเล็กน้อยอีกต่อไป เธอไปไกลกว่าแค่เปลี่ยนเสียงของเธอโดยตั้งใจ เธอตัดสินใจถอดลูกแอปเปิ้ลของอดัมออก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ในร่างกายของผู้ชาย 100% เสียงของ Caitlyn Jenner ก่อนและหลังการทำศัลยกรรมมีความแตกต่างกันสองสามอ็อกเทฟ แต่ยังมีโน้ตของผู้ชายอยู่บ้างในเสียงต่ำ การผ่าตัดครั้งนี้เจ็บปวดมาก เธอไม่สามารถพูด กิน หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติเป็นเวลานาน
- การเสริมหน้าอก ก่อนการผ่าตัดแปลงเพศ เคทลิน เจนเนอร์ได้เริ่มเข้ารับการบำบัดด้วยฮอร์โมนเพื่อแปลงร่างเป็นผู้หญิงแล้ว จากขั้นตอนนี้ หน้าอกของฉันจึงเริ่มโตแบบก้าวกระโดด
แน่นอนว่าขนาดที่ 1 ที่อ่อนแอนั้นไม่เพียงพอ Caitlyn Jenner จ่ายค่าผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน ผลการตรวจเต้านมยังไม่เป็นที่พอใจของคุณเจนเนอร์เสมอไป รากฟันเทียมดูไม่ใหญ่พอสำหรับเธอ การผ่าตัดดำเนินไปทีละขั้นตอนส่งผลให้เต้านมมีรูปร่างผิดปกติโดยสิ้นเชิงเบลอและกลายเป็นหน้าอกของหญิงสาวหิมะที่ละลายในฤดูใบไม้ผลิ
- การผ่าตัดแปลงเพศ. ในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 นักข่าวตัดสินใจว่าหลังจากการผ่าตัดแปลงเพศของ Caitlyn Jenner สามารถประกาศต่อสาธารณะได้อย่างง่ายดายว่าเธอเป็นผู้หญิง อย่างไรก็ตาม นี่ไม่เป็นความจริงทั้งหมด หญิงสาวตัดสินใจเลื่อนการเปลี่ยนแปลงเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์แม้ว่าเธอจะตัดสินใจเปลี่ยนชื่อและเพศแม้ในหนังสือเดินทางของเธอก็ตาม หญิงข้ามเพศยังคงรักษาอวัยวะเพศของเธอไว้
ข่าวที่ว่าบรูซเป็นเคทลินแล้วได้รับประชาคมโลกอย่างคลุมเครือ ประการแรก ทุกคนเดาได้ เนื่องจาก Caitlin มักจะปรากฏตัวในหน้ากากผู้ชาย แต่ด้วยเล็บและการแต่งหน้าที่สดใส และประการที่สอง เด็กที่โตเต็มวัยจะสนับสนุนแม่คนที่สองที่เพิ่งสร้างใหม่ในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ มีความเห็นว่า Caitlyn Jenner ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มีหัวใจ แต่ยังเป็นเลสเบี้ยนด้วย ท้ายที่สุดทั้งก่อนและหลังการแปลงร่างเป็นผู้หญิง เธอก็ถูกดึงดูดให้มีเพศสัมพันธ์ที่ยุติธรรม
- แก้ไขสันคิ้ว. ในผู้ชายคนไหนก็ตาม คิ้วจะยื่นออกมาข้างหน้าเล็กน้อย ซึ่งทำให้ดูแข็งแกร่งขึ้นและใบหน้าดูเป็นชายมากขึ้น การผ่าตัดคิ้วของผู้หญิงใช้เวลา 10 ชั่วโมง ส่งผลให้แนวคิ้วสังเกตเห็นได้น้อยลง และคิ้วเองก็โค้งมากขึ้น
- เปลี่ยนกรามและคาง ใบหน้าของ Caitlyn Jenner หลังการผ่าตัดคิ้วยังคงไม่สูญเสียลักษณะความเป็นชาย หนึ่งในนั้นคือคางที่แข็งแกร่งและเอาแต่ใจ ผู้มีชื่อเสียงก็จัดการกับเขาอย่างรวดเร็วเช่นกัน ผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าทึ่งมาก จากนักกีฬาชายวัยหล่อที่หล่อเหลา ก็มีหญิงสาวเย็บซิลิโคนปรากฏตัวออกมา คางอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด มีความกลมที่เห็นได้ชัดเจนและสูญเสียความเป็นชายไปทั้งหมด
- อนาคตสำหรับอนาคต ด้วยความสูง 188 ซม. Caitlyn Jenner พยายามรักษาร่างกายของเธอให้กลมกลืนและสวยงาม เธอไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้เสมอไปเนื่องจากผลลัพธ์ของการทำศัลยกรรมพลาสติกในวัยของเธอมักจะคาดเดาไม่ได้ ผู้หญิงที่เพิ่งสร้างใหม่ได้รับการช่วยเหลือจากความล้มเหลวโดยสมบูรณ์โดยมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์จากภูมิหลังด้านกีฬาเท่านั้น กล้ามเนื้อและการแข็งตัวของโอลิมปิกช่วยให้เธอสามารถทนต่อช่วงการฟื้นฟูและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สิ่งสำคัญลำดับต่อไปของผู้หญิงคือการยกบั้นท้ายซึ่งเนื่องมาจากอายุทำให้หย่อนคล้อยและสูญเสียความกลมในอดีต แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเนื่องจากเต้านมก็อยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นกัน นอกจากนี้ มีข้อมูลปรากฏว่า เค เจนเนอร์ เปลี่ยนใจและกำลังวางแผนที่จะเป็นผู้ชายอีกครั้ง สิ่งนี้จะกลายเป็นเรื่องที่ฮือฮาและบ่อนทำลายเหตุผลทั้งหมดที่นักสู้เพื่อสิทธิคนข้ามเพศได้รับมาอย่างมาก
ชะตากรรมของ Caitlyn Jenner ก่อนและหลังการทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ไม่เหลือร่องรอยของนักกีฬาสุดหล่อ พ่อที่ห่วงใย ครอบครัวใหญ่ และสามีที่รัก แทนที่เขาด้วยหญิงสาวหน้าตาแปลก ๆ ที่มีปัญหาศีรษะ รสนิยมเลสเบี้ยน และร่างกายที่เต็มไปด้วยซิลิโคนและตะเข็บต่างๆ มากมายจนไม่อาจเข้าใจได้ Caitlyn Jenner หญิงชราผู้แปลกประหลาดจะใช้ชีวิตที่เหลือของเธอกับใคร? เราก็ได้แต่คาดเดา...
วิดีโอ: Caitlyn Jenner: ถนนหินสู่ความฝัน
บรูซ เจนเนอร์ นักกีฬากรีฑาชาวอเมริกัน เป็นที่รู้จักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้กระทั่งผู้ที่อยู่ห่างไกลจากเรื่องกีฬาและเรื่องซุบซิบในธุรกิจการแสดง สามีคนที่สองของ Kris Jenner และพ่อเลี้ยงของ Kim Kardashian ออกมาดังลั่นซึ่งทำให้สาธารณชนประหลาดใจด้วยเหตุผลหลายประการ คำถามที่พบบ่อยที่สุดที่ได้ยินในการอภิปรายทั้งหมดเกี่ยวกับประวัติของการแปลงเพศของนักกีฬาวัย 65 ปีรายนี้คือ “ทำไมตอนนี้” ทำไมตอนอายุ 65 ในเมื่อคุณแต่งงานมาแล้วสามคนและมีลูกหกคนแล้ว? เป็นไปได้ไหมที่จะรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิง "ทันใดนั้น" ทั้งหมดนี้?
เมื่อ Caitlin ยอมรับกับ ABC TV ในการสัมภาษณ์ที่มีชื่อเสียงเมื่อปลายเดือนเมษายน Bruce ก็เริ่มรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงในยุค 80 จริงอยู่ที่ในระหว่างการสัมภาษณ์เขายังคงชอบเรียกตัวเองว่า "เขา" อย่างไรก็ตาม เขาได้ประกาศทางเลือกของเขาที่จะกลายเป็นผู้หญิงอย่างมีเหตุผล โดยให้ข้อโต้แย้งที่สอดคล้องกัน: เขารู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และก่อนอื่นเขาเป็นเพียงคนคนหนึ่ง ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพจิตของผู้หญิงเลยใช่ไหม?
หลายคนเริ่มกล่าวหาอดีตหัวหน้าครอบครัว Kardashian ทันทีว่าไล่ตามชื่อเสียงราคาถูก ท้ายที่สุด ทันทีหลังจากการเปลี่ยนแปลงเพศของเธอ Caitlin ได้รับรายการเรียลลิตี้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของเธอเอง พวกเขากล่าวว่าการก้าวกระโดดอย่างบ้าคลั่งในธุรกิจการแสดงของอดีตนักกีฬากรีฑานั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการพิสูจน์ความไร้สาระของเขา แต่ในกรณีนี้ การละทิ้งเพศสัมพันธ์ของคุณอาจเป็นราคาที่สูงเกินไปอย่างที่เราคิด
เจนเนอร์ซ่อนการแปลงเพศของเธอไว้จนกระทั่งเธออายุ 65 ปี: กระบวนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ "ลีกอื่น" ของเธอปรากฏต่อสาธารณะชนเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วเท่านั้น ดูเหมือนว่าภูมิหลังด้านกีฬาของนักกีฬาเหรียญรางวัลและความอดทนของเธอทำให้ผู้หญิงมีความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมอย่างมากจนเธอไม่กล้าที่จะประกาศอย่างเปิดเผยว่าเกิดอะไรขึ้นในหัวและจิตวิญญาณของเธอ สิ่งนี้ เช่นเดียวกับความกลัวว่าจะถูกเข้าใจผิด ทำให้เธอต้องซ่อนตัวตนที่แท้จริงของเธอไว้ลึกๆ ภายใน เช่นเดียวกับที่เธอซ่อนกางเกงรัดรูปและชุดชั้นในไว้ใต้เสื้อผ้าของผู้ชาย
เรื่องราวอันยาวนานของการเปลี่ยนผ่านไปสู่สถานะของ Caitlyn ของ Bruce Jenner นั้นเป็นกระบวนการที่ยาวนานและเจ็บปวดซึ่งกินเวลาไปตลอดชีวิตของเขา เขาเริ่มสนใจการแต่งกายข้ามเพศตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และต่อมาเริ่มใช้ฮอร์โมน แต่ก็หยุดไปเกือบจะในทันที ความลังเลครั้งหนึ่งถูกกำหนดให้หยุด: หลังจาก 60 ปีบรูซตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าเขาไม่สามารถเป็นผู้ชายต่อไปได้จนกว่าจะสิ้นอายุขัย ถึงเวลาแล้วที่จะต้องเป็นคนที่เขาเป็นมาโดยตลอด
เราได้ยินมาว่าคนข้ามเพศคนหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก ในปัจจุบัน เหตุการณ์ต่างๆ กำลังเกิดขึ้นในวงกว้างและเสียงดังอย่างแท้จริง และบ่อยครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ ที่มีคำว่า "เป็นครั้งแรก" ตัวอย่างเช่น ความจริงที่ว่า Andrea Pejic เพิ่งกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ของแบรนด์เครื่องสำอาง Make Up For Ever ซึ่งเป็นผู้หญิงข้ามเพศคนแรกที่ทำเช่นนั้น Caitlyn Jenner กลายเป็นผู้หญิงข้ามเพศคนแรกบนปก Vanity Fair
ดูเหมือนว่าครอบครัว Jenner-Kardashian จะเปลี่ยนทุกสิ่งที่พวกเขาสัมผัสให้เป็นทองคำ แต่น่าประหลาดใจที่การออกมาของเจนเนอร์กลายเป็นรายการข่าวที่มีประโยชน์ที่สุดที่ครอบครัวชื่อดังมอบให้เรา ปกนิตยสาร Vanity Fair เดือนกรกฎาคม ถ่ายโดยช่างภาพ Annie Leibovitz ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ Bruce Jenner ในบท Caitlyn หลังจากนั้นจึงตั้งชื่อภาพว่า Call Me Caitlyn
แฮชแท็ก #callmecaitlyn (#callmecaitlyn) และการถ่ายภาพสำหรับงาน Vanity Fair ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จากบุคคลเพียงคนเดียวที่สามารถดึงดูดความสนใจของสาธารณชนต่อบุคคลข้ามเพศและปัญหาของพวกเขาได้ และทำในแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน
กฎแห่งความสำเร็จของ Caitlyn Jenner:
- ฉันไม่ได้ติดอยู่ในร่างของใคร ฉันคือสิ่งที่ฉันเป็น แค่ว่าจิตใจของฉันเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายมาก มันยากสำหรับคนที่จะเข้าใจ แต่จิตวิญญาณของฉันเป็นอย่างนั้น
- ฉันมองชีวิตของฉันแบบนี้: บรูซใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องโกหก เขาโกหกมาทั้งชีวิตว่าเขาเป็นใคร ฉันไม่สามารถทำเช่นนี้ได้อีกต่อไป
- ถ้าฉันเก็บความลับไว้จนตายและไม่ทำอะไรเลย ฉันคงรู้สึกเหมือนเสียชีวิตไปเปล่าๆ และฉันไม่ต้องการให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเลย
- ฉันตัดสินใจเรื่องนี้มาตลอดชีวิต มันยากมากสำหรับฉัน ฉันเป็นโรคนอนไม่หลับ เดินอยู่ในห้องนานหลายชั่วโมง ฟังเสียงหัวใจเต้นดัง แต่ฉันไม่ยอมแพ้
- เราจะเปลี่ยนแปลงโลกนี้ คนข้ามเพศหลายล้านคนทั่วโลกใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวที่จะเปิดเผยตัวตน ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงสิ่งนั้นแล้ว
เคทลิน เจนเนอร์ (วิลเลียม บรูซ เจนเนอร์) เป็นนักกีฬาชาวอเมริกัน แชมป์โอลิมปิกในทศกรีฑา ผู้เขียนสถิติโลกที่ไม่แพ้ใครมา 5 ปี ต่อมาเขามีชื่อเสียงในฐานะนักแสดงและผู้เข้าร่วมรายการเรียลลิตี้โชว์
ในปี 2558 วิลเลียม บรูซ เจนเนอร์ เปิดเผยว่าเป็นผู้หญิงข้ามเพศ ดาราทีวีใช้ชื่อใหม่ Caitlin และเริ่มปรากฏตัวในสังคมในฐานะผู้หญิงโดยเฉพาะ
วัยเด็กและเยาวชน
Caitlyn Jenner เกิดที่ William Bruce Jenner เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2492 ที่ Mount Kisco รัฐนิวยอร์ก วิลเลียม พ่อของเขารับราชการในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองในตำแหน่งผู้ดูแลต้นไม้ ส่วนแม่ของเขา เอสเธอร์ เป็นแม่บ้านที่เลี้ยงลูกสี่คน
เด็กชายเรียนที่โรงเรียนมัธยมในเมือง Mount Kisco (Sleepy Hollow) การเรียนเป็นเรื่องยากเนื่องจากเด็กชายเป็นโรคดิสเล็กเซีย แต่กำเนิดซึ่งส่งผลเสียต่อเกรดของเขา บรูซกลัวการเข้าชั้นเรียน ครู และเพื่อนร่วมชั้น เด็กต้องทนทุกข์ทรมานอย่างเงียบๆ ในช่วง 6 ปีแรกของโรงเรียน จนกระทั่งในที่สุดเขาได้รับการวินิจฉัยว่าไม่สามารถอ่านและเขียนได้ ตั้งแต่นั้นมา ครูก็ภักดีต่อเจนเนอร์มากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเริ่มสนใจกีฬาและกรีฑาซึ่งแสดงผลงานที่ดีในสาขานี้
ครอบครัวเจนเนอร์ย้ายไปคอนเนตทิคัต ซึ่งชายคนนั้นไปโรงเรียนนิวตัน ที่นั่นเขายังคงพัฒนาพรสวรรค์ด้านกีฬาและเริ่มเล่นฟุตบอล หลังจากได้รับทุนฟุตบอล บรูซเข้าเรียนที่วิทยาลัยเกรซแลนด์ในเมืองลาโมนี รัฐไอโอวา อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้ต้องลืมอาชีพนักฟุตบอลของเขา หลังจากที่เขาได้รับบาดเจ็บที่ข้อเข่าในปี 1969 โค้ชและที่ปรึกษาของเขา เวลสัน แนะนำให้เจนเนอร์ลองทศกรีฑาซึ่งบรูซประสบความสำเร็จอย่างมากหลังจากสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2516
ในวัยหนุ่มของเขา เจนเนอร์เริ่มทำธุรกิจ เขาเป็นเจ้าของ Bruce Jenner Aviation ซึ่งเป็นผู้จัดหาวัสดุสิ้นเปลืองให้กับผู้ค้าปลีกและสายการบิน นอกจากนี้เขายังทำงานเป็นรองประธานของบริษัทแอพพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ JennerNet
กีฬา
เจนเนอร์มีส่วนร่วมในกีฬาในวิทยาลัยอย่างแข็งขัน จากนั้นมุ่งความสนใจไปที่การแข่งขันทศกรีฑาซึ่งมีกรีฑา 10 ประเภท เขาลงแข่งขันกีฬาชนิดนี้ครั้งแรกในปี 1970 ที่ Drake Relays ซึ่งเขาจบอันดับที่ 5 หนึ่งปีต่อมาเขาได้อันดับที่ 1 ในการแข่งขันสมาคมกีฬาวิทยาลัยแห่งชาติ
ในปีพ.ศ. 2515 บรูซได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่มิวนิก โดยเขาได้อันดับที่ 10 โดยรวม แต่ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เพียงกระตุ้นให้ผู้ชายฝึกฝนให้หนักขึ้นเท่านั้น ในปี 1974 เขากลายเป็นแชมป์ทศกรีฑาของสหรัฐฯ ในปี 1975 เจนเนอร์สร้างสถิติโลกครั้งแรกในวินัยและอีกหนึ่งปีต่อมาก็แซงหน้า 14 คะแนน
ในปี 1976 นักกีฬาชนะการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอย่างมั่นใจสร้างสถิติโลกใหม่ บรูซนำหน้าคู่แข่งที่ใกล้ที่สุดถึง 200 แต้ม ชัยชนะครั้งนี้ทำให้นักกีฬากลายเป็นวีรบุรุษของชาติและทำให้เขาได้รับรางวัล James Sullivan Prize ซึ่งมอบให้เป็นประจำทุกปีสำหรับนักกีฬาสมัครเล่นที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ถ้วยที่มีชื่อของเขาประดับประดาหอเกียรติยศอเมริกันหลายแห่งซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตของนักกีฬาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เจนเนอร์ถือสถิติโลกจนถึงปี 1980 และบันทึกของสหรัฐอเมริกาจนถึงปี 1991 มันเป็นชัยชนะสำหรับประวัติการกีฬาของนักกีฬา
หลังจากคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกปี 1972 ซึ่งก่อนหน้านี้มีเพียงนักกีฬาโซเวียตเท่านั้นที่ชนะ Bruce Jenner ก็มีชื่อเสียง เขาเป็นที่รู้จักตามท้องถนน เขาเป็นแขกรับเชิญทางโทรทัศน์บ่อยครั้ง และเขาได้รับข้อเสนอมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากจบเกมได้ไม่นาน ใบหน้าของเขาก็มีกล่องซีเรียล Wheaties
ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2519 เขาได้รับเชิญไปงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ทำเนียบขาว ซึ่งเขาได้พบกับประธานาธิบดีคนที่ 38 ของอเมริกา
ตั้งแต่ปี 1980 Bruce มีส่วนร่วมในการแข่งรถ โดยประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมในซีรีส์ IMSA Camel GT ในปี 1986 เขาชนะการแข่งขัน 12 ชั่วโมงร่วมกับนักแข่งร่วม Scott Pruett
ภาพยนตร์และโทรทัศน์
Bruce Jenner ได้รับการพิจารณาให้รับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง "Superman" แต่ก็ตกเป็นของนักแสดง ในปี 1980 นักกีฬาได้เปิดตัวในละครเพลงเรื่อง Can't Stop the Music ภาพยนตร์เรื่องนี้ล้มเหลวในบ็อกซ์ออฟฟิศ และกลายเป็นผู้ชนะรางวัลต่อต้านรางวัล Golden Raspberry บรูซยังได้รับรางวัล Golden Raspberry สาขานักแสดงนำชายยอดแย่อีกด้วย
ตั้งแต่นั้นมา เจนเนอร์ได้หลีกเลี่ยงโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ โดยเลือกที่จะแสดงในซีรีส์ทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ที่ผลิตเพื่อโทรทัศน์โดยเฉพาะ เขาแสดงในภาพยนตร์กีฬาสองเรื่อง: Golden Moment: An Olympic Love Story และ The White Tiger Bruce เข้าร่วมในการถ่ายทำซีรีส์ตำรวจเรื่อง "CHiPs" ซึ่งเขารับบทเป็นเจ้าหน้าที่ Steve McLeish ใน 6 ตอน นอกจากนี้เขายังได้ปรากฏตัวเป็นดารารับเชิญในซีรีส์อื่นๆ บ่อยครั้ง เช่น ซิทคอมเรื่อง Silver Spoons และภาพยนตร์เพื่อการศึกษา 30 ตอนเรื่อง Learning to Read
บรูซ เจนเนอร์ ในละครโทรทัศน์เรื่อง "California Highway Patrol"
เจนเนอร์มีส่วนร่วมในรายการโทรทัศน์ต่างๆ เป็นประจำ เขาปรากฏตัวในรายการ ABC American Sportsmen พร้อมด้วยนักกีฬาชื่อดังและบุคลิกทางทีวี Grits Grisham ในปี 2545 เขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมโปรแกรมเกมยอดนิยม "The Weakest Link" ซึ่งทีมนักกีฬาโอลิมปิกมารวมตัวกัน
ชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาทางโทรทัศน์มาจากรายการเรียลลิตี "Keeping Up with the Kardashians" ทางช่อง E! รายการนี้ปรากฏบนหน้าจอในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 และได้รับการประเมินอย่างสุภาพโดยนักวิจารณ์ อย่างไรก็ตาม รายการนี้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชม ซึ่งทำให้สามารถขยายเวลาถ่ายทำไปอีก 10 ซีซั่นได้ ครอบครัว Kardashian ทั้งหมดเข้าร่วมในโครงการโทรทัศน์
Bruce Jenner (ขวา) ในรายการ "Keeping Up with the Kardashians"
ในปี 2011 บรูซพยายามกลับไปดูหนังใหญ่อีกครั้งโดยแสดงในภาพยนตร์เรื่อง "Jack and Jill" เขาปรากฏตัวในตอนร่วมกับนักแสดงชื่อดัง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ล้มเหลวและได้รับรางวัลต่อต้านรางวัล Golden Raspberry
ในปี 2558 ช่องทีวี “E!” สร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและชีวิตของเจนเนอร์ รอบปฐมทัศน์ของซีรีส์ "I Am Kate" เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2558 ในส่วนหนึ่งของการแสดง ผู้สร้างได้แสดงให้เห็นว่าโลกทัศน์และร่างกายของ Caitlin เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก่อนและหลังการแปลงเพศและการบำบัดด้วยฮอร์โมน
เคทลิน เจนเนอร์ และ คิม คาร์เดเชียน
สองปีต่อมา Caitlin ได้เปิดตัวหนังสือ "Secrets of My Life" ซึ่งเธอรายงานข้อเท็จจริงที่ไม่พึงประสงค์มากมายเกี่ยวกับอดีตภรรยาและสามีคนแรกของเธอ Robert Kardashian เจนเนอร์ยังเปิดเผยความลับของการเป็นแม่โดยพูดถึงแม่อุ้มบุญของลูกของศิลปิน หลังจากการเปิดเผยบันทึกความทรงจำของคนข้ามเพศ ความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่างเธอกับลูกสาวบุญธรรมของเธอ
การเปลี่ยนแปลงเพศ
ในเดือนเมษายน ปี 2015 ในการให้สัมภาษณ์กับรายการ 20/20 บรูซ เจนเนอร์กล่าวว่าเขาประสบปัญหาความผิดปกติทางเพศมาตั้งแต่เด็กและรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิง ครั้งหนึ่งเขาสวมชุดผู้หญิงและทำการบำบัดด้วยฮอร์โมน ซึ่งหลักสูตรนี้ต้องถูกระงับเมื่อเขาแต่งงานกับคริส คาร์ดาเชียน
ล่าสุดเขาเริ่มคิดที่จะเปลี่ยนเพศมากขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุของการหย่าร้าง เจนเนอร์กลับมารับการบำบัดด้วยฮอร์โมนและเริ่มทำศัลยกรรมความงามหลายครั้งเพื่อทำให้ร่างกายของเขาดูเป็นผู้หญิงมากขึ้น
เขาปฏิเสธการผ่าตัดแปลงเพศเป็นการชั่วคราว โดยอ้างอิงคำแนะนำจาก World Professional Association for Transgender Health ตามที่เจนเนอร์กล่าวเอง การมีลักษณะทางเพศหลักของผู้หญิงนั้นไม่สำคัญสำหรับเขา เพราะเขาไม่เคยสนใจผู้ชายเลย ก่อนที่เขาจะแปลงร่างเป็นผู้หญิงโดยสมบูรณ์ ดาราขอให้นักข่าวใช้สรรพนามว่า "เขา"
ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2558 เจนเนอร์เปลี่ยนชื่อเป็น Caitlyn และเริ่มใช้สรรพนาม "เธอ" หลังจากการทำศัลยกรรมความงามหลายครั้ง Caitlyn Jenner ได้เปิดตัวในฐานะนางแบบบนปกนิตยสารแฟชั่น Vanity Fair ซึ่งการถ่ายทำเกิดขึ้นอย่างเป็นความลับที่สุด จนถึงขณะนั้น ยังไม่มีใครเห็นลุคใหม่ของเจนเนอร์ และรูปร่างหน้าตาของเธอก็กลายเป็นที่ฮือฮาอย่างแท้จริง
ไปที่เพจของ Caitlyn Jenner "ทวิตเตอร์"มีผู้ลงทะเบียนมากกว่าล้านคนในเวลาเพียง 4 ชั่วโมง ทำลายสถิติของประธานาธิบดีอเมริกัน
ในปี 2560 การดำเนินการโอนเพศครั้งสุดท้ายเกิดขึ้น: Caitlin ยังคงเข้ารับการผ่าตัดเพื่อความสบายใจทางจิตใจ หลังการผ่าตัดเจนเนอร์ปรากฏตัวต่อหน้านักข่าวในชุดว่ายน้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก - ปาปารัสซี่ถ่ายรูปกับอดีตนักกีฬาบนชายหาดจำนวนหนึ่ง วิดีโอของช่วงเวลานี้ก็ปรากฏบนหน้าส่วนตัวของคนข้ามเพศด้วย “อินสตาแกรม”.
ชีวิตส่วนตัว
ก่อนที่เขาจะแปลงร่างเป็นผู้หญิงอย่างน่าตื่นเต้น เจนเนอร์สามารถแต่งงานได้สามครั้ง ภรรยาคนแรกของเขาคือ Christy Scott เขาอาศัยอยู่กับเธอมา 10 ปี พวกเขามีลูกสองคน เบอร์ตันและแคสแซนดรา
ในปี 1981 นักกีฬาหย่าร้างกับคริสตี้และอีกหนึ่งเดือนต่อมาได้แต่งงานกับนักแสดงหญิงลินดาทอมป์สัน ทั้งคู่มีลูกชายสองคน - แบรนดอนและโบรดี้ หลังจากนั้น 5 ปีพวกเขาก็หย่ากัน
ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2534 บรูซแต่งงานกับคริส คาร์ดาเชียน ในการแต่งงานพวกเขามีลูกสาว 2 คนและ นักกีฬายังกลายเป็นพ่อเลี้ยงของลูกสี่คนของคริสจากการแต่งงานครั้งก่อนของเธอ: คอร์ทนีย์ ซึ่งปัจจุบันคือคิมผู้โด่งดัง และ
ในปี 2013 ทั้งคู่ประกาศว่าพวกเขากำลังเตรียมหย่าเนื่องจากเลิกใช้ชีวิตร่วมกันมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว คริส เจนเนอร์เรียกเหตุผลหลักของการหย่าร้างว่า "ความแตกต่างที่เข้ากันไม่ได้" แม้ว่าภายหลังจะทราบกันดีว่าชายคนนี้ถูกบังคับให้หย่าร้างกับภรรยาของเขาเพื่อแก้ไขความแตกต่างภายในของเขาในที่สุด
ในปี 2015 ก่อนการเปลี่ยนแปลงเพศของเขา เจนเนอร์ประสบอุบัติเหตุจราจร ตามข้อมูลในสื่อ พบว่า รถยนต์ที่ชายคนนั้นกำลังเดินทางอยู่ชนเข้ากับรถคันข้างหน้าจนบินไปสี่แยก จากการชนกันระหว่างรถยนต์หลายคัน ส่งผลให้มีผู้หญิงเสียชีวิต 1 ราย และผู้เข้าร่วมในอุบัติเหตุอีก 5 คนได้รับบาดเจ็บ ขณะนั้นชายผู้นั้นปรากฏตัวในศาลเขาต้องโทษจำคุกฐานฆ่าชายคนหนึ่ง อดีตนักกีฬาเองไม่ยอมรับความผิด แต่ได้รับคำสั่งให้เจนเนอร์ขับรถด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ในปี 2560 นักข่าวเริ่มสนใจชีวิตส่วนตัวของ Caitlin อีกครั้ง อดีตแชมป์โอลิมปิกรายนี้ถูกพบเห็นในกลุ่มนางแบบที่เปลี่ยนเพศด้วย ผู้สื่อข่าวพูดคุยเกี่ยวกับสหภาพที่แข็งแกร่ง แต่ความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักก็อยู่ได้ไม่นาน
ในปี 2018 ความหลงใหลครั้งใหม่ของ Caitlin กลายเป็นที่รู้จักนั่นคือ Sophia Hutchins นางแบบข้ามเพศ เจนเนอร์และแฟนสาวของเธอเริ่มใช้ชีวิตร่วมกันไม่นานหลังจากความรักเริ่มต้นขึ้น อายุที่แตกต่างกันคือ 48 ปี ความขัดแย้งของโซเฟียกับลูก ๆ ที่เธอเลือกไม่ได้รบกวนคู่ครอง ตามข่าวลือทั้งคู่กำลังเตรียมงานแต่งงาน
ตอนนี้เคทลิน เจนเนอร์
ในเดือนพฤศจิกายน 2018 Caitlyn Jenner ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ บ้านของชายข้ามเพศถูกไฟไหม้เนื่องจากไฟป่าที่ลุกลามในแคลิฟอร์เนีย ที่อยู่อาศัยของเธอเป็นคฤหาสน์หรูหราที่มีพื้นที่ 300 ตารางเมตร ม. ไม่มีสมาชิกในครอบครัวหรือเจ้าหน้าที่คนใดได้รับบาดเจ็บ ผู้อยู่อาศัยในมาลิบูถูกอพยพล่วงหน้าหลังจากประกาศระดับเตือนภัยสีส้ม ตอนนี้อดีตแชมป์ได้รับความเสียใจจากเพื่อนร่วมงานเนื่องจากผลที่ตามมาจากความรุนแรงขององค์ประกอบต่างๆ
เคทลินพยายามไม่เสียหัวใจ เธอใช้เวลาช้อปปิ้งคริสต์มาสเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเฉลิมฉลอง ยิ่งไปกว่านั้น คนข้ามเพศไม่ได้ซ่อนการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในรูปร่างของเธอ - Caitlin ปรากฏตัวในชุดถักนิตติ้งรัดรูปซึ่งเน้นหน้าท้องที่ยื่นออกมาของเธอ
ผู้เกลียดชังได้อ้างถึงการตั้งครรภ์ของเจนเนอร์แล้ว แต่คนอื่น ๆ สงสัยว่านี่เป็นการเปรียบเทียบที่ผู้หญิงที่เพิ่งสร้างใหม่กำลังมองหาอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ Caitlin และ Sofia ได้ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าพวกเขาปรารถนาที่จะจดทะเบียนความสัมพันธ์ในฤดูใบไม้ผลิปี 2019 และสัมผัสกับความสุขของการเป็นแม่
ผลงาน
- 2523 - "ดนตรีหยุดไม่ได้"
- พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) – “ช่วงเวลาทอง: เรื่องราวความรักในโอลิมปิก”
- พ.ศ. 2524 – “เสือขาว”
- 1982 – “ชิป”
- 2525 – “ช้อนเงิน”
- 2527 - “เธอเขียนเรื่องฆาตกรรม”
- 2540 – “ราชาแห่งขุนเขา”
- 2542 – “ผู้หญิงหลวม”
- 2551 – “ครูพลศึกษา”
- 2014 – “ชัดเจน”
- 2558 – “ฉันชื่อเคท”
Bruce Jenner อดีตนักกีฬาและพ่อเลี้ยงของนางแบบ Kim Kardashian ซึ่งกลายเป็นผู้หญิงได้ปรากฏตัวบนปกนิตยสาร Vanity Fair ฉบับเดือนมิถุนายนในรูปลักษณ์ใหม่ เมื่อปลายเดือนเมษายน แชมป์โอลิมปิกวัย 65 ปี และเป็นพ่อของลูก 6 คน ยอมรับว่าเขาได้รับการผ่าตัดแปลงเพศ และในวันที่ 6 มิถุนายน นิตยสาร Vanity Fair ฉบับใหม่จะวางจำหน่าย ซึ่งผู้อ่านสามารถคาดหวังการสัมภาษณ์ครั้งใหญ่และการถ่ายภาพร่วมกับ Bruce Jenner ซึ่งตอนนี้ยืนกรานว่าจะถูกเรียกว่า Caitlyn
(ทั้งหมด 10 ภาพ)
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนปกของ Vanity Fair ฉบับใหม่ปรากฏบนอินเทอร์เน็ตซึ่งมีนางเอกคือ Caitlyn Jenner ซึ่งเป็นชื่อที่ Bruce Jenner เลือกซึ่งเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศที่ซับซ้อน
เจนเนอร์วัย 65 ปีโพสท่าให้ช่างภาพชื่อดัง Anne Leibovitz โดยปรากฏตัวบนหน้านิตยสารด้วยรูปลักษณ์ที่หรูหราและเป็นผู้หญิง ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อสิ่งพิมพ์ Caitlin ระบุว่าการตัดสินใจเปลี่ยนเพศมีสาเหตุมาจากความต้องการภายใน ไม่ใช่จากความปรารถนาที่จะดึงดูดความสนใจของสาธารณชน
Bruce Jenner เป็นแชมป์ทศกรีฑาโอลิมปิกปี 1976
ก่อนที่เขาจะแปลงเพศ Bruce Jenner กลายเป็นแชมป์ทศกรีฑาในโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1976 เขาคว้าเหรียญทองหลังจากที่นักกีฬาโซเวียตชนะการแข่งขันทศกรีฑา (รวมถึงบาสเก็ตบอลและวิ่ง 100 เมตร) ในปี 1972 การชนะอันดับหนึ่งทำให้เจนเนอร์โด่งดัง
บรูซ เจนเนอร์ ในยุค 90
หลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนักกีฬาตัดสินใจใช้ความนิยมทางโทรทัศน์และโฆษณา Bruce Jenner ได้รับการแต่งตั้งให้เข้าสู่หอเกียรติยศโอลิมปิกในปี 1986, หอเกียรติยศกีฬาบริเวณอ่าว และหอเกียรติยศกีฬาคอนเนตทิคัตในปี 1994 หลังจากจบอาชีพด้านกีฬาแล้วเขาก็ได้แสดงทางโทรทัศน์อย่างแข็งขัน
ในเดือนเมษายนของปีนี้ เจนเนอร์ วัย 65 ปี กล่าวว่าเขาประสบปัญหาเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางเพศมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องโกหกอีกต่อไป
Bruce Jenner ประกาศการเปลี่ยนแปลงเพศของเขาเมื่อปลายเดือนเมษายนนี้ โดยให้สัมภาษณ์กับ Diane Sawyer ตามที่เจนเนอร์กล่าว เขาสนใจที่จะแอบอ้างเป็นผู้หญิงมาหลายปีแล้ว แม้จะลองสวมเสื้อผ้าผู้หญิงหลายครั้งก็ตาม ดังนั้นเขาจึงกล่าวว่าเมื่ออายุเจ็ดหรือแปดปีเขาแอบเปลี่ยนชุดของแม่หรือน้องสาวของเขา และตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เขาเริ่มทำการบำบัดด้วยฮอร์โมนเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงเพศ
Caitlyn Jenner ทำลายสถิติ Twitter ของ Barack Obama
เจนเนอร์ปรากฏตัวบนหน้าปก Vanity Fair ทำลายสถิติมีผู้ติดตาม Twitter ครบ 1 ล้านคนยาวนานที่สุด โดยเธอได้รับผู้ติดตาม 1 ล้านคนใน 4 ชั่วโมง 4 นาที เธอลงทะเบียนบนโซเชียลเน็ตเวิร์กเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน หลังจากการเผยแพร่หน้าปกพร้อมรูปถ่ายของเธอ ปัจจุบัน Caitlin มีผู้ติดตามเกือบ 2 ล้านคนและทวีตสามรายการบน Twitter
Caitlyn Jenner ได้รับการสนับสนุนจากคนดังและได้รับการยอมรับว่าเป็นไอคอนสไตล์
หลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ ดาราดังหลายคนแสดงความชื่นชมและสนับสนุน Caitlyn Jenner บนโซเชียลเน็ตเวิร์ก พร้อมด้วยโพสต์ที่มีแท็ก #callmecaitlyn ในบรรดาผู้ที่แสดงความยินดีกับ Caitlyn ได้แก่ Emmy Rossum, Maria Shriver, Mia Farrow, Kerry Washington, Grant Gustin, Gigi Hadid และแน่นอนว่าเป็นสมาชิกของครอบครัว Kardashian-Jenner
Jessica Lange ยินดีกับการเปรียบเทียบกับ Caitlyn Jenner
หลังจากการตีพิมพ์หน้าปกของ Vanity Fair ฉบับเดือนมิถุนายน ผู้ใช้โซเชียลมีเดียเริ่มเปรียบเทียบ Caitlin บ่อยครั้งกับดาราในเรื่อง "American Horror Story" ซึ่งผู้หญิงเริ่มมีตำแหน่งใกล้เคียงกันในเทรนด์ Twitter แลงเองก็รู้สึกยินดีกับการเปรียบเทียบเมื่อนักข่าวอธิบายให้นักแสดงหญิงที่ไม่ได้ใช้งานอินเทอร์เน็ตฟังว่า "เทรนด์ของ Twitter" คืออะไร “วิเศษมาก. ตอนนี้เราต้องดูปกนี้” หรั่งเล่า
มีการโพสต์บทสัมภาษณ์สั้นๆ กับ Caitlyn Jenner บนเว็บไซต์ของนิตยสาร ในวิดีโอ เจนเนอร์อธิบายว่าการแปลงเพศเป็นเรื่องยากเพียงใด และต้องเข้ารับการผ่าตัดและการรักษาด้วยฮอร์โมนหลายครั้ง
“บรูซโกหกอยู่เสมอ เขาใช้ชีวิตอยู่กับคำโกหกนี้ และทุกวันในชีวิตของเขาก็กลายเป็นความลับ ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ เคทลินไม่มีความลับ ฉันหวังอย่างยิ่งว่าเคทลินจะเป็นคนที่ดีกว่าบรูซ และฉันกำลังรอคอยชีวิตใหม่ ทันทีที่ Vanity Fair ฉบับล่าสุดออกมา ฉันจะเป็นอิสระ ถ้าฉันเก็บมันไว้เป็นความลับและไม่เปิดเผยความรู้สึกของฉันต่อใคร เมื่อนั้นฉันนอนอยู่บนเตียงมรณะ ฉันจะพูดกับตัวเองว่า: "คุณแค่ไปและเสียเวลาทั้งชีวิต"