ชีวประวัติของเปาลา Paola Volkova เกี่ยวกับสิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นอีก
“ Paola Dmitrievna เป็นตำนาน ตำนานที่ VGIK ที่เธอสอน ตำนานของเปเรสทรอยกาเมื่อเธอเข้าสู่วัฒนธรรมอันกว้างใหญ่ของเรา ตำนานเมื่อเธอต่อสู้เพื่อความทรงจำของ Tarkovsky ซึ่งเธอคุ้นเคยอย่างใกล้ชิดซึ่งมีการต่อสู้ที่ร้ายแรงของมรดกที่ปะทุขึ้น ”
ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์ Kirill Razlogov
“เมื่อเธอพูดถึงงานศิลปะ มันดูเหมือนกลายเป็นเพชรอะไรบางอย่าง ทุกคนรักเธอนะรู้ไหม ในทุกธุรกิจมีคนที่ดีกว่าคนอื่น เรื่องทั่วไปเรื่องนี้. เธอเป็นนายพลในสาขาของเธอ”
กำกับโดย อเล็กซานเดอร์ มิตตา
เมื่อ Paola Volkova ถูกขอให้แปลการบรรยายเป็นหนังสือ เธอกล่าวว่าการเขียนต้องใช้วิธีคิดและภาษาที่แตกต่างออกไป เธอยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่าเรื่องที่เก่งกาจ เธอยอมรับว่าเพิ่งเรียนรู้ที่จะเขียนโดยย่อและกระชับเมื่อไม่นานมานี้ แต่ในเศรษฐกิจแบบนี้ มียุคสมัยและโชคชะตามากมาย ความคิดและความรู้สึกที่เข้มข้นจนพอจะอ่านได้หลายสิบเล่ม - มีเพียงเวลาเท่านั้นที่กลับน้อยเกินไป
นักวิจารณ์ศิลปะ Paola Volkova เล่าถึงการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ คิดออกมาดังๆ โรคพิษสุราเรื้อรัง บทสนทนาเกี่ยวกับโสกราตีส Krzysztof Zanussi ในอพาร์ตเมนต์ส่วนกลางของสหภาพโซเวียต และวิธีที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรทำให้การบอกลาบ้านเกิดของคุณง่ายขึ้น
ประมาณทศวรรษ 1960
เราอาศัยอยู่ในเมืองที่ทุกคนหลั่งไหลเข้ามาหากันตลอดเวลา ทั่วทั้งมอสโกไหลลื่นทุกคนสนใจในทุกสิ่ง มีคนพาคุณไปเยี่ยมคนที่สนใจคุณและสนใจคุณเสมอ: ศิลปิน เพื่อนของพวกเขา คนรู้จักเพื่อนเหล่านั้น นักฟิสิกส์บางคนจากสถาบัน Kurchatov ซึ่งเป็นที่นิยมและทันสมัยมากในตอนนั้น นี่คือแมกมาที่มีชีวิต ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวของสังคมมอสโก สำหรับฉันดูเหมือนว่าเวลานั้นจะถูกจดจำในทางวิชาการเล็กน้อย และมันคือสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตนี้อาจเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก อย่างน้อยก็ในชีวิตของฉัน
เกี่ยวกับอพาร์ตเมนต์ของ Andrei Sergeev และ Pyatigorsky
Andrey Sergeev ซื้ออพาร์ทเมนต์บนชั้นสามในอาคารสหกรณ์ของสหภาพนักเขียนใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Pionerskaya มันไม่ใช่บ้านนักเขียนที่หรูหรา แต่เป็นบ้านบล็อกที่ไม่มีลิฟต์ Andrey Sergeev เป็นกวีที่เก่งมากและเป็นนักแปลที่ยอดเยี่ยม โดยทั่วไปแล้วพวกเขาเชื่อว่าเขาเก่งที่สุดมีความเห็นเป็นเอกฉันท์เพราะ Andrei Sergeev เป็นคนแรกที่แปลบทกวีอเมริกันและอังกฤษสมัยใหม่ซึ่งเราไม่รู้อะไรเลย ทศวรรษที่ 1960 และ 1970 เต็มไปด้วยความไม่รู้เกี่ยวกับโลกรอบตัวเรา มันยากที่จะจินตนาการตอนนี้เพราะคุณไปร้านหนังสือและไม่มีอะไรที่คุณไม่สามารถซื้อได้ แล้วสถานการณ์ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เมื่อพวกเขามารวมตัวกันที่บ้านของ Andrei Sergeev เขาก็อ่านหนังสือของเขาและการแปล และเกือบทุกวัน Sasha Pyatigorsky ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นกับ "ทันย่าภรรยาของฉัน" ลงมาจากสวรรค์จากชั้นห้า เขามักจะพูดว่า: “และทันย่าภรรยาของฉัน” แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เห็นทันย่าภรรยาของฉันเราพบเธอในภายหลัง และ Pyatigorsky ก็ฟังคำแปลทั้งหมดเหล่านี้ด้วย จากนั้นการสนทนาแบบตะวันออกก็เริ่มขึ้น - สิ่งที่เรียกว่า "การพูดคุยอย่างสร้างสรรค์" เหล่านี้คือมหาวิทยาลัยของเรา และเนื่องจาก Merab Mamardashvili ไปเยี่ยม Sasha Pyatigorsky บ่อยมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาจึงลงไปด้วยกัน
เกี่ยวกับ มามาร์ดาชวิลี
หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็มาที่แผนกจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเพื่อฟังการบรรยายของเขา สิ่งที่ฉันได้ยินทำให้ฉันประหลาดใจไม่สิ้นสุด จากนั้นฉันก็เริ่มชวนเพื่อนมาฟังการบรรยายของเขา
ท้ายที่สุดแล้ว ฉันไม่ใช่นักเรียน ฉันอายุพอๆ กับเมราบเลย ฉันอ่านมาก คุณรู้ไหมว่าคนรุ่นหนึ่งอ่านหนังสือเรื่องเดียวกัน เราเป็นคนรุ่นหนึ่งและเราอ่านหนังสือเดียวกัน ดังที่ Ogarev พูด เราก็ร้องไห้เพราะสิ่งเดียวกัน ฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องจำ จากนั้นเสียงของ Solzhenitsyn, Shalamov และ Gumilyov ก็ได้ยินแล้ว เราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ฉันไม่ใช่เด็กรุ่นใหม่แต่ฉันก็ประหลาดใจ เมราบทำให้ฉันตกใจ ฉันได้ยินวิทยากรดีๆมามากมาย ฉันกล้าคิด (อาจจะค่อนข้างหยิ่งผยอง) ว่าฉันเองก็ค่อนข้างเก่งในอาชีพนี้ แต่กับเมราบกลับมีความรู้สึกว่าคุณกำลังคิดออกมาดังๆ ด้วยกัน เขารวมผู้ฟังไว้ในกระบวนการกำเนิดความคิด ตอนนี้มันยากมากที่จะเข้าใจว่ามันคืออะไร มีคนคิดด้วยปากกาอยู่ในมือ และมีคนที่คิดในลักษณะที่คุณเห็นว่าความคิดเป็นการกระทำที่สร้างสรรค์ที่เกิดขึ้น เขารวมเราไว้ในชั้นวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์มาก เราพบว่าตัวเองอยู่ในพื้นที่ทางวัฒนธรรมทั้งหมด
นักปรัชญาคงบอกได้เป็นอย่างดีว่าปรัชญาของ Mamardashvili คืออะไร ฉันสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นผู้ถือครองโลกแห่งวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และฉันก็รู้ว่ามันสำคัญมากสำหรับนักเรียนที่จะได้ยินสิ่งนี้ และสิ่งนี้ทำให้ฉันเริ่มการเจรจากับ VGIK ที่ยากลำบากมาก เราพาเมรับไปบรรยายทุกชั่วโมง และฉันก็ไม่ผิด
เกี่ยวกับห้องของ Mamardashvili บน Donskoy
เขาอาศัยอยู่ในมอสโกบนถนน Donskaya ถัดจากสถานีรถไฟใต้ดิน Oktyabrskaya ในห้องที่ยอดเยี่ยม วันหนึ่ง Krzysztof Zanussi มาที่มอสโกว
และ Krzysztof ก็เป็นนักปรัชญาด้วยการศึกษาเบื้องต้นของเขา มันเป็นวันก่อนปีใหม่เก่า และเราไปเยี่ยมเมราบ Krzysztof หล่อ แต่งตัวสวย หนุ่มหล่อ เมื่อเขาเห็นอพาร์ตเมนต์รวมหลังนี้ซึ่งมีเพื่อนบ้านซึ่งเป็นคนร้ายที่ถูกตัดสินลงโทษ เขาก็ตกใจแทบแย่ ชีวิตของเมรับเป็นส่วนตัว เป็นนักพรต และเรียบง่ายมาก “หนังสือของคุณอยู่ที่ไหน” - ถามซานุสซี เมราบขยับมืออย่างเกียจคร้านพร้อมกับไปป์แล้วพูดว่า: “พวกมันอยู่นี่แล้ว” จากนั้นเราก็เห็นว่ามีชั้นปิดม่านปิดสนิทหลายชั้นแขวนอยู่ และชั้นบนสุดของชั้นหนึ่งเป็นผลงานที่เขาไม่เคยแยกทางด้วย “The Crucifixion” โดย Ernst the Unknown “หนังสือที่ฉันต้องการปิดไปหมดแล้ว ฉันเกลียดการดูหนังสือ” เมราบกล่าว
ภาพลักษณ์ของ Merab มีความสวยงามสมบูรณ์ เขาดูสง่างามมากและแต่งตัวได้งดงามมาก และในการเฝ้าติดตามตัวเองนี้ สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่ามีสถานการณ์หนึ่งที่ Bulgakov อธิบายได้อย่างสมบูรณ์แบบซึ่งก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเช่นกัน หลายๆ คนที่มีระเบียบภายในที่ซับซ้อนและมีเสียงรบกวนอยู่ข้างในจำนวนมากจำเป็นต้องมีแบบฟอร์ม ซึ่งมายาคอฟสกี้ให้คำจำกัดความไว้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยคำว่า “เป็นการดีเมื่อวิญญาณถูกห่อด้วยแจ็กเก็ตสีเหลืองจากการสอบ” แต่ที่นี่เราไม่ได้พูดถึงแจ็กเก็ตสีเหลือง แต่เกี่ยวกับเสื้อสเวตเตอร์สวย ๆ ที่มีแผ่นหนังที่ข้อศอกและเสื้อเชิ้ตไร้ที่ติ
เกี่ยวกับการเอาชนะภาษา
เมราบพูดไม่ง่ายนัก คำพูดของเขาไม่ใช่ทุกวัน ฉันบรรยายเหมือนป้าในครัวโดยไม่มีคำศัพท์เพื่อให้พวกเขาเข้าใจ เมราบไม่ได้อ่านเลย ฉันถามเขาว่า: “เมราบ ทำไมคุณพูดยากจัง” พระองค์ตรัสว่า “เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องพยายามเอาชนะลิ้น” เพราะภาษาโซเวียตไม่สามารถเป็นภาษาของปรัชญาได้
เขากล่าวว่าประวัติศาสตร์ทั้งหมดของปรัชญาโลกเป็นเพียงคำอธิบายเกี่ยวกับเพลโตเท่านั้น และเขาอ้างอิงเขาได้อย่างแม่นยำมาก ฉันประหลาดใจที่โบราณวัตถุมีความต่อเนื่อง มันเกิดขึ้นทุกวัน และเขาเป็นผู้วิจารณ์ เขาไม่เพียงแค่อ่านปรัชญาโบราณเท่านั้น เขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และการแก้ไขทางวัฒนธรรมจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในข้อความวิจารณ์นี้
เมรับ มามาร์ดาชวิลี
เกี่ยวกับการดื่มและพูดคุย
ไม่เคยมีการสนทนาเรื่องเงินเพราะไม่มีเรื่องเงินในชีวิตประจำวัน ฉันไม่รู้ว่าเราใช้ชีวิตอย่างไร แต่เราเป็นคนดี และแน่นอนพวกเขาก็ดื่ม โรคพิษสุราเรื้อรังเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างที่ฉันเข้าใจตอนนี้ แต่แล้วมันก็เป็นเรื่องของความเย้ายวนใจอย่างมาก Anatoly Zverev เจ้าชายที่หรูหราที่สุดคนหนึ่งของโบฮีเมียพวกเขาไปกับ Dima Plavinsky และมีตำนานทั่วมอสโกเกี่ยวกับวิธีการดื่มของพวกเขา แต่พวกเขาก็เป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เราสามารถชื่นชมได้ว่าพวกเขาเป็นศิลปินมากเพียงใด มันเป็นสไตล์ของสมัยนั้น
Ernst Neizvestny ไม่เพียงแต่ดื่มเท่านั้น เขาดื่มทุกคน และฉันจำช่วงเวลาที่ Ernst Neizvestny เดินไปรอบๆ โดยสวมกางเกงชุดนอนและมีผ้าพันคอผูกเป็นปมสี่ปมบนศีรษะ
มันเป็นวันพุธ คนเหล่านี้คือไอดอล ผู้นำในยุคนั้น และเมื่อคนเหล่านี้มารวมตัวกันไม่เคยมีการสนทนาเรื่องเงินและทรัพย์สินเลย แต่มีการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องสำคัญและพวกเขาก็เริ่มต้นจากจุดที่พวกเขาจบลงเมื่อวันก่อน
มีผู้คนมากมายในเวิร์คช็อปของเอิร์นส์ มีการสนทนาที่จริงจังและการโต้แย้งที่จริงจังที่นั่น เพราะเขาเป็นคนเจ้าอารมณ์ เป็นคนแนวหน้า เป็นทหารแนวหน้า คนที่ต่อสู้ เขามีอิสรภาพและเสรีภาพภายในที่ยอดเยี่ยมมาก เมื่อซาร์ตร์มาถึงมอสโก เขาได้พบกับเอิร์นส์ นีซเวสท์นี และหนึ่งในการสนทนาที่สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาก็คือการสนทนาเกี่ยวกับเสรีภาพ พวกเขาไม่เข้าใจกันเลย เอิร์นส์โกรธมาก ประเด็นก็คือสำหรับเอิร์นส์ อิสรภาพเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการรู้ลึกในตนเองและการแสดงออกอย่างสมบูรณ์ เขาเป็นอิสระมาก เขาสามารถบอกครุสชอฟ ใครก็ได้ และคนที่เขารักถึงสิ่งที่เขาคิดว่าจำเป็นต้องพูด แต่อิสรภาพคือความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง แล้วสิ่งเหล่านี้ก็ไม่สับสน
นอกจากนี้เรายังพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับประเทศนี้ว่าอะไรคือหนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับงานของ Mamardashvili นั่นคือประชาสังคมที่เปิดกว้างคืออะไร แต่เมราบกลับกลายเป็นว่าถูกต้องในทุกเรื่อง พวกเขาพูดถึงโสกราตีสมากมาย คุณไม่สามารถจินตนาการได้ว่ามีการสนทนาประเภทใดเกี่ยวกับโสกราตีส ทุกคนรู้จักเขาเป็นการส่วนตัวราวกับว่าเขาเพิ่งเดินไปรอบ ๆ มุมหนึ่ง โดยทั่วไปแล้ว ความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ถือเป็นความคุ้นเคยและความใกล้ชิดเป็นการส่วนตัว และเมราบก็คิดเช่นนั้นในระหว่างการบรรยายของเขา เขาพูดถึงเดส์การตส์ วิธีที่เขาไปสอนพระราชินีคริสตินา อากาศหนาวแค่ไหน และเขาไปสอนเด็กผู้หญิงคนนี้ในความมืดที่หนาวเย็นตอนห้าโมงเช้าได้อย่างไร ตอนนั้นฉันเข้าใจว่าเป็นเขาที่ตื่นนอนตอนตีห้า ซึ่งอากาศชื้นและหนาว...
จากนั้นโคลงของเช็คสเปียร์ซึ่งแปลโดย Marshak ก็เพิ่งได้รับการตีพิมพ์และหนังสือเล่มนี้ก็กลายเป็นงานสำคัญ ทุกคนเริ่มท่องโคลงของเช็คสเปียร์ด้วยใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Marshak และทุกคนสามารถผลัดกันอ่านโคลงสั้น ๆ โดยไม่หยุด โดยไม่จำเป็นต้องตกลงล่วงหน้า พวกเขาไม่เพียงแต่รู้จักหนังสือเล่มนี้เท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้อีกด้วย นี่เป็นภาพที่สำคัญมาก: คุณกลืนหนังสือเข้าไป ในตอนแรกมันจะขมขื่นแล้วก็หวานอยู่ข้างใน เวลาที่ฉันกำลังพูดถึง เนื้อเยื่อที่มีชีวิตของมัน ได้รับการเยียวยาอย่างมีเอกลักษณ์และมีความสำคัญต่อสถานที่ที่คุณและฉันอาศัยอยู่ และสำหรับภาษาที่เรายังคงพูดอยู่ นั่นก็คือสำหรับฟอร์มที่อาจกลายเป็นรัสเซียไปแล้วก็ได้ ฉันไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าผู้ถือมันเป็นโบฮีเมีย ไม่มีทาง. ไม่ว่าในกรณีใด สิ่งที่ทำในวัฒนธรรมของคนรุ่นต่อรุ่นและผู้ร่วมสมัย - ในวัฒนธรรมของเวทีละคร โรงเรียนภาพยนตร์ ในเวิร์คช็อปของศิลปิน นอกรอบของสถาบัน Kurchatov ซึ่งเราจัดนิทรรศการเปรี้ยวจี๊ดที่สอง ที่ฉันบรรยายเรื่องจีนครั้งแรก - จำเป็น มันอาจจะกลายเป็นรัสเซียก็ได้
เกี่ยวกับพระเจ้า
แน่นอนพวกเขาพูดถึงพระเจ้า สำหรับทั้ง Pyatigorsky และ Mamardashvili นี่เป็นประเด็นการอภิปรายที่สำคัญมาก
ฉันจะเห็นความใกล้ชิดระหว่างคนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่พบกันที่ Sergeev's - ระหว่าง Andrei Sinyavsky และ Merab Mamardashvili ได้ที่ไหน ดังที่ Merab กล่าว ประวัติศาสตร์ศิลปะของเราสิ้นสุดลงในปี 1914 จากนั้น พูดคร่าวๆ ก็คือ สัจนิยมสังคมนิยม ปรัชญาโซเวียต ได้เริ่มต้นขึ้น และมันก็กลายเป็นความล้มเหลว ความพยายามของชีวิต ซึ่งเป็นชีวิตสร้างสรรค์ที่ทรงพลังมาก มุ่งเป้าไปที่การเชื่อมโยงปลายทั้งสองด้านเข้าด้วยกัน โดยยกระดับแอตแลนติสแห่งยุคเงินจากด้านล่างสุด มันจำเป็น เมรับหันศีรษะไปทางด้านหลัง และโดยทั่วไปแล้วเราจะต้องหันหน้าไปทางด้านหลัง พวกเขาสร้างสะพาน และ Sinyavsky เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ เขาเขียนหนังสือที่ยอดเยี่ยมเรื่อง "Earth and Heaven in Old Russian Art" เนื่องจากในหัวข้อและปัญหาที่สำคัญมากในช่วงทศวรรษ 1960, 1970, 1980 มีประเด็นและปัญหาที่ได้รับการเลี้ยงดูในช่วงเปลี่ยนสองศตวรรษนั่นคือศิลปะรัสเซียโบราณประเด็นแห่งการฟื้นฟู
แน่นอนว่ามีการสนทนาเรื่องศาสนา เพราะสำหรับทั้ง Sasha Pyatigorsky และ Merab คำถามของพระเจ้ามีความสำคัญมาก ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1980 Merab เริ่มสนใจคุณพ่อ Alexander Men มากและสื่อสารกับเขา ออร์โธดอกซ์มีความโดดเด่นสำหรับเขา เขาพูดถึงศรัทธาที่มีต่อบุคคล เวลาพยายามส่งคืนค่าสัมบูรณ์ ค่าสัมบูรณ์ในแนวคิดเรื่องเกียรติยศและความเชื่อมโยงของบุคคลกับบางสิ่งบางอย่าง
หนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของทั้งเขา Pyatigorsky และ Andrei Sinyavsky คือการทำลายแบบแผนของจิตสำนึก ทำลายทัศนคติแบบเหมารวมเกี่ยวกับโลกที่คุณอาศัยอยู่ การทำลายแบบแผนพฤติกรรม ก้าวออกจากเวลา ก้าวออกจากรุ่น และวางแผนตั้งแต่ด้านบนจนถึงจุดนี้
เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐาน
อเล็กซานเดอร์ เปียติกอร์สกี ในสวีเดน 2549
เมื่อผู้คนเริ่มจากไป รู้สึกเหมือนเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสมัยอันแสนวิเศษ ในชีวิตที่ฉันกำลังพูดถึง หลักการสร้างคือการสื่อสาร มันไม่ใช่แค่มิตรภาพ แต่เป็นการเรียนรู้ แล้วบางสิ่งที่สำคัญในชีวิตก็จบลงมันก็ไม่มีอีกต่อไป มอสโกกำลังว่างเปล่า ไม่มี Neizvestny, Pyatigorsky, Sinyavsky อยู่ในนั้น ฉันจำได้ว่าฉันถามเมราบว่า “ทำไมคุณไม่ออกไป?” เขาพูดว่า: “Sasha จำเป็นต้องจากไป แต่ฉันต้องอยู่ที่นี่ ฉันไม่จำเป็นต้องไป”
Pyatigorsky ต้องจากไปเพราะเขาเป็นนักเขียน เขาเขียนเรื่อง "The Life of Buddha" ในซีรีส์ ZhZL แต่ไม่มีใครตีพิมพ์และสิ่งนี้มีส่วนในการจากไปของเขา เขาไม่มีผู้ฟังบรรยายมากนัก เขาเป็นนักวิจัย ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในโลกตะวันตก
มีคนจำนวนน้อยมากที่มากับเขา และโดยส่วนตัวแล้วฉันไม่ได้เห็นเขาออกไป แต่ฉันรู้ตอนหนึ่งจากทั้งเมราบและซาชา เจ้าหน้าที่รักษาชายแดนเริ่มเยาะเย้ยเขาและสาธิตการแกะกระเป๋าเดินทางของเขา Sasha มีอะไรบ้างนอกจากชุดสูทหนึ่งตัว กางเกงอีกตัว และกางเกงชั้นในที่ไม่มีแบรนด์? เจ้าหน้าที่ศุลกากรเร่งเร้าทุกอย่างด้วยความเอร็ดอร่อยโดยใส่ข้าวของอันน่าสมเพชของเขา ซาช่ายืนนิ่งเงียบ และเมื่อทั้งหมดนี้จบลง Sasha พูดกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรรักษาชายแดนคนนี้: "ขอบคุณนะหนุ่มน้อย คุณทำให้ฉันบอกลาบ้านเกิดได้ง่ายขึ้นมาก” ศักดิ์ศรีนี้ได้รับการชื่นชมอย่างมาก
นักวิจารณ์ศิลปะ Paola Volkova เล่าถึงการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ คิดออกมาดังๆ โรคพิษสุราเรื้อรัง บทสนทนาเกี่ยวกับโสกราตีส Krzysztof Zanussi ในอพาร์ตเมนต์ส่วนกลางของสหภาพโซเวียต และวิธีที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรทำให้การบอกลาบ้านเกิดของคุณง่ายขึ้น
จัดทำโดย Ksenia Luchenko
เปาลา โวลโความูลนิธิอังเดร ทาร์คอฟสกี้
ประมาณทศวรรษ 1960
เราอาศัยอยู่ในเมืองที่ทุกคนหลั่งไหลเข้ามาหากันตลอดเวลา ทั่วทั้งมอสโกไหลลื่นทุกคนสนใจในทุกสิ่ง มีคนพาคุณไปเยี่ยมคนที่สนใจคุณและสนใจคุณเสมอ: ศิลปิน เพื่อนของพวกเขา คนรู้จักเพื่อนเหล่านั้น นักฟิสิกส์บางคนจากสถาบัน Kurchatov ซึ่งเป็นที่นิยมและทันสมัยมากในตอนนั้น นี่คือแมกมาที่มีชีวิต ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวของสังคมมอสโก สำหรับฉันดูเหมือนว่าเวลานั้นจะถูกจดจำในทางวิชาการเล็กน้อย และมันคือสิ่งมีชีวิต และสิ่งมีชีวิตนี้อาจเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดเท่าที่เคยมีมา เพราะสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก อย่างน้อยก็ในชีวิตของฉัน
เกี่ยวกับอพาร์ตเมนต์ของ Andrei Sergeev และ Pyatigorsky
อันเดรย์ เซอร์เกเยฟ อันเดรย์ เซอร์เกเยฟ ( พ.ศ. 2476-2541) - กวี นักเขียนร้อยแก้ว นักแปลบทกวีภาษาอังกฤษ (Joyce, Eliot, Frost, Sandburg และอื่น ๆ )ฉันซื้ออพาร์ทเมนต์บนชั้นสามในอาคารสหกรณ์ของสหภาพนักเขียนใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Pionerskaya มันไม่ใช่บ้านนักเขียนที่หรูหรา แต่เป็นบ้านบล็อกที่ไม่มีลิฟต์ Andrey Sergeev เป็นกวีที่เก่งมากและเป็นนักแปลที่ยอดเยี่ยม โดยทั่วไปแล้วพวกเขาเชื่อว่าเขาเก่งที่สุดนี่เป็นความเห็นที่เป็นเอกฉันท์เพราะ Andrei Sergeev เป็นคนแรกที่แปลบทกวีอเมริกันและอังกฤษสมัยใหม่ซึ่งเราไม่รู้อะไรเลย ทศวรรษที่ 1960 และ 1970 เต็มไปด้วยความไม่รู้เกี่ยวกับโลกรอบตัวเรา มันยากที่จะจินตนาการตอนนี้เพราะคุณไปร้านหนังสือและไม่มีอะไรที่คุณไม่สามารถซื้อได้ แล้วสถานการณ์ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
เมื่อเรารวมตัวกันที่บ้านของ Andrei Sergeev เขาอ่านคำแปลของเขา และเกือบทุกวัน Sasha Pyatigorsky ซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นกับ "ทันย่าภรรยาของฉัน" ลงมาจากสวรรค์จากชั้นห้า เขามักจะพูดว่า: “และทันย่าภรรยาของฉัน” แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เห็นทันย่าภรรยาของฉันเราพบเธอในภายหลัง และ Pyatigorsky ก็ฟังคำแปลทั้งหมดเหล่านี้ด้วย จากนั้นการสนทนาแบบตะวันออกก็เริ่มขึ้น - สิ่งที่เรียกว่า "การพูดคุยอย่างสร้างสรรค์" เหล่านี้คือมหาวิทยาลัยของเรา และเนื่องจาก Merab Mamardashvili ไปเยี่ยม Sasha Pyatigorsky บ่อยมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาจึงลงไปด้วยกัน
เกี่ยวกับ มามาร์ดาชวิลี
หลังจากนั้นไม่นาน ฉันก็มาที่แผนกจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเพื่อฟังการบรรยายของเขา สิ่งที่ฉันได้ยินทำให้ฉันประหลาดใจไม่สิ้นสุด จากนั้นฉันก็เริ่มชวนเพื่อนมาฟังการบรรยายของเขา
ท้ายที่สุดแล้ว ฉันไม่ใช่นักเรียน ฉันอายุพอๆ กับเมราบเลย ฉันอ่านมาก คุณรู้ไหมว่าคนรุ่นหนึ่งอ่านหนังสือเรื่องเดียวกัน เราเป็นคนรุ่นหนึ่งและเราอ่านหนังสือเดียวกัน ดังที่ Ogarev พูด เราก็ร้องไห้เพราะเรื่องเดียวกัน ฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องจำ จากนั้นเสียงของ Solzhenitsyn, Shalamov และ Gumilyov ก็ได้ยินแล้ว เราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ฉันไม่ใช่เด็กรุ่นใหม่แต่ฉันก็ประหลาดใจ เมราบทำให้ฉันตกใจ ฉันได้ยินวิทยากรดีๆมามากมาย ฉันกล้าคิด (อาจจะค่อนข้างหยิ่งผยอง) ว่าฉันเองก็ค่อนข้างเก่งในอาชีพนี้ แต่กับเมราบกลับมีความรู้สึกว่าคุณกำลังคิดออกมาดังๆ ด้วยกัน เขารวมผู้ฟังไว้ในกระบวนการกำเนิดความคิด ตอนนี้มันยากมากที่จะเข้าใจว่ามันคืออะไร มีคนคิดด้วยปากกาอยู่ในมือ และมีคนที่คิดในลักษณะที่คุณเห็นว่าความคิดเป็นการกระทำที่สร้างสรรค์ที่เกิดขึ้น เขารวมเราไว้ในชั้นวัฒนธรรมที่อุดมสมบูรณ์มาก เราพบว่าตัวเองอยู่ในพื้นที่ทางวัฒนธรรมทั้งหมด
นักปรัชญาคงบอกได้เป็นอย่างดีว่าปรัชญาของ Mamardashvili คืออะไร ฉันสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นผู้ถือครองโลกแห่งวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และฉันก็รู้ว่ามันสำคัญมากสำหรับนักเรียนที่จะได้ยินสิ่งนี้ และสิ่งนี้ทำให้ฉันเริ่มการเจรจากับ VGIK ที่ยากลำบากมาก เราพาเมรับไปบรรยายทุกชั่วโมง และฉันก็ไม่ผิด
เกี่ยวกับห้องของ Mamardashvili บน Donskoy
เขาอาศัยอยู่ในมอสโกบนถนน Donskaya ถัดจากสถานีรถไฟใต้ดิน Oktyabrskaya ในห้องที่ยอดเยี่ยม วันหนึ่ง Krzysztof Zanussi มาที่มอสโกว คริสตอฟ ซานุสซี่- ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์ชาวโปแลนด์.
และ Krzysztof ก็เป็นนักปรัชญาด้วยการศึกษาเบื้องต้นของเขา มันเป็นวันก่อนปีใหม่เก่า และเราไปเยี่ยมเมราบ Krzysztof หล่อ แต่งตัวสวย หนุ่มหล่อ เมื่อเขาเห็นอพาร์ทเมนต์รวมแห่งนี้ ซึ่งมีเพื่อนบ้านซึ่งเป็นคนร้ายที่ถูกตัดสินลงโทษ เขาก็ตกใจมาก ชีวิตของ Merab นั้นเป็นส่วนตัว เป็นนักพรต และเรียบง่ายมาก “หนังสือของคุณอยู่ที่ไหน” - ถามซานุสซี เมราบขยับมืออย่างเกียจคร้านพร้อมกับไปป์แล้วพูดว่า: “พวกมันอยู่นี่แล้ว” จากนั้นเราก็เห็นว่ามีชั้นปิดม่านปิดสนิทหลายชั้นแขวนอยู่ และชั้นบนสุดของชั้นหนึ่งเป็นผลงานที่เขาไม่เคยแยกทางด้วย “The Crucifixion” โดย Ernst the Unknown “หนังสือที่ฉันต้องการปิดไปหมดแล้ว ฉันเกลียดการดูหนังสือ” เมราบกล่าว
ภาพลักษณ์ของ Merab มีความสวยงามสมบูรณ์ เขาดูสง่างามมากและแต่งตัวได้งดงามมาก และในการเฝ้าติดตามตัวเองนี้ สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่ามีสถานการณ์หนึ่งที่ Bulgakov อธิบายได้อย่างสมบูรณ์แบบซึ่งก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีเช่นกัน หลายๆ คนที่มีระเบียบภายในที่ซับซ้อนและมีเสียงรบกวนอยู่ข้างในจำนวนมากจำเป็นต้องมีแบบฟอร์ม ซึ่งมายาคอฟสกี้ให้คำจำกัดความไว้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยคำว่า “เป็นการดีเมื่อวิญญาณถูกห่อด้วยแจ็กเก็ตสีเหลืองจากการสอบ” แต่ที่นี่เราไม่ได้พูดถึงแจ็กเก็ตสีเหลือง แต่เกี่ยวกับเสื้อสเวตเตอร์สวย ๆ ที่มีแผ่นหนังที่ข้อศอกและเสื้อเชิ้ตไร้ที่ติ
เกี่ยวกับการเอาชนะภาษา
เมราบพูดไม่ง่ายนัก คำพูดของเขาไม่ใช่ทุกวัน ฉันบรรยายเหมือนป้าในครัวโดยไม่มีคำศัพท์เพื่อให้พวกเขาเข้าใจ เมราบไม่ได้อ่านเลย ฉันถามเขาว่า: “เมราบ ทำไมคุณพูดยากจัง” พระองค์ตรัสว่า “เป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องพยายามเอาชนะลิ้น” เพราะภาษาโซเวียตไม่สามารถเป็นภาษาของปรัชญาได้
เขากล่าวว่าประวัติศาสตร์ทั้งหมดของปรัชญาโลกเป็นเพียงคำอธิบายเกี่ยวกับเพลโตเท่านั้น และเขาอ้างอิงเขาได้อย่างแม่นยำมาก ฉันประหลาดใจที่โบราณวัตถุมีความต่อเนื่อง มันเกิดขึ้นทุกวัน และเขาเป็นผู้วิจารณ์ เขาไม่เพียงแค่อ่านปรัชญาโบราณเท่านั้น เขาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และการแก้ไขทางวัฒนธรรมจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในข้อความวิจารณ์นี้
เมรับ มามาร์ดาชวิลีหอสมุดรัฐสภาแห่งชาติจอร์เจีย
เกี่ยวกับการดื่มและพูดคุย
ไม่เคยมีการสนทนาเรื่องเงินเพราะไม่มีเรื่องเงินในชีวิตประจำวัน ฉันไม่รู้ว่าเราใช้ชีวิตอย่างไร แต่เราเป็นคนดี และแน่นอนพวกเขาก็ดื่ม โรคพิษสุราเรื้อรังเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างที่ฉันเข้าใจตอนนี้ แต่แล้วมันก็เป็นเรื่องของความเย้ายวนใจอย่างมาก Anatoly Zverev เจ้าชายโบฮีเมียที่หรูหราที่สุดคนหนึ่ง อนาโตลี ซเวเรฟ- ศิลปินแนวหน้าพวกเขาไปกับ Dima Plavinsky มิทรี พลาวินสกี้- ศิลปินและศิลปินกราฟิก- และมีตำนานทั่วมอสโกเกี่ยวกับวิธีการดื่มของพวกเขา แต่พวกเขาก็เป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เราสามารถชื่นชมได้ว่าพวกเขาเป็นศิลปินมากเพียงใด มันเป็นสไตล์ของสมัยนั้น
Ernst Neizvestny ไม่เพียงแต่ดื่มเท่านั้น เขาดื่มทุกคน และฉันจำช่วงเวลาที่ Ernst Neizvestny เดินไปรอบๆ โดยสวมกางเกงชุดนอนและมีผ้าพันคอผูกเป็นปมสี่ปมบนศีรษะ
มันเป็นวันพุธ คนเหล่านี้คือไอดอล ผู้นำในยุคนั้น และเมื่อคนเหล่านี้มารวมตัวกันไม่เคยมีการสนทนาเรื่องเงินและทรัพย์สินเลย แต่มีการสนทนาเกี่ยวกับเรื่องสำคัญและพวกเขาก็เริ่มต้นจากจุดที่พวกเขาจบลงเมื่อวันก่อน
มีผู้คนมากมายในเวิร์คช็อปของเอิร์นส์ มีการสนทนาที่จริงจังและการโต้แย้งที่จริงจังที่นั่น เพราะเขาเป็นคนเจ้าอารมณ์ เป็นคนแนวหน้า เป็นทหารแนวหน้า คนที่ต่อสู้ เขามีอิสรภาพและเสรีภาพภายในที่ยอดเยี่ยมมาก เมื่อซาร์ตร์มาถึงมอสโก เขาได้พบกับเอิร์นส์ นีซเวสท์นี และหนึ่งในการสนทนาที่สำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาก็คือการสนทนาเกี่ยวกับเสรีภาพ พวกเขาไม่เข้าใจกันเลย เอิร์นส์โกรธมาก ประเด็นก็คือสำหรับเอิร์นส์ อิสรภาพเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการรู้ลึกในตนเองและการแสดงออกอย่างสมบูรณ์ เขาเป็นอิสระมาก เขาสามารถบอกครุสชอฟ ใครก็ได้ และคนที่เขารักถึงสิ่งที่เขาคิดว่าจำเป็นต้องพูด แต่อิสรภาพคือความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง แล้วสิ่งเหล่านี้ก็ไม่สับสน
นอกจากนี้เรายังพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับประเทศนี้ว่าอะไรคือหนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดสำหรับงานของ Mamardashvili นั่นคือประชาสังคมที่เปิดกว้างคืออะไร แต่เมราบกลับกลายเป็นว่าถูกต้องในทุกเรื่อง พวกเขาพูดถึงโสกราตีสมากมาย คุณไม่สามารถจินตนาการได้ว่ามีการสนทนาประเภทใดเกี่ยวกับโสกราตีส ทุกคนรู้จักเขาเป็นการส่วนตัวราวกับว่าเขาเพิ่งเดินไปรอบ ๆ มุมหนึ่ง โดยทั่วไปแล้ว ความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ถือเป็นความคุ้นเคยและความใกล้ชิดเป็นการส่วนตัว และเมราบก็คิดเช่นนั้นในระหว่างการบรรยายของเขา เขาพูดถึงเดส์การตส์ วิธีที่เขาไปสอนพระราชินีคริสตินา อากาศหนาวแค่ไหน และเขาไปสอนเด็กผู้หญิงคนนี้ในความมืดที่หนาวเย็นตอนห้าโมงเช้าได้อย่างไร ตอนนั้นฉันเข้าใจว่าเป็นเขาที่ตื่นนอนตอนตีห้า ซึ่งอากาศชื้นและหนาว...
จากนั้นโคลงของเช็คสเปียร์ซึ่งแปลโดย Marshak ก็เพิ่งได้รับการตีพิมพ์และหนังสือเล่มนี้ก็กลายเป็นงานสำคัญ ทุกคนเริ่มท่องโคลงของเช็คสเปียร์ด้วยใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Marshak และทุกคนสามารถผลัดกันอ่านโคลงสั้น ๆ โดยไม่หยุด โดยไม่จำเป็นต้องตกลงล่วงหน้า พวกเขาไม่เพียงแต่รู้จักหนังสือเล่มนี้เท่านั้น แต่ยังได้เรียนรู้อีกด้วย นี่เป็นภาพที่สำคัญมาก: คุณกลืนหนังสือเข้าไป ในตอนแรกมันจะขมขื่นแล้วก็หวานอยู่ข้างใน เวลาที่ฉันกำลังพูดถึง เนื้อเยื่อที่มีชีวิตของมัน ได้รับการเยียวยาอย่างมีเอกลักษณ์และมีความสำคัญต่อสถานที่ที่คุณและฉันอาศัยอยู่ และสำหรับภาษาที่เรายังคงพูดอยู่ นั่นก็คือสำหรับฟอร์มที่อาจกลายเป็นรัสเซียไปแล้วก็ได้ ฉันไม่อยากถูกเข้าใจผิดว่าผู้ถือมันเป็นโบฮีเมีย ไม่มีทาง. แต่ไม่ว่าในกรณีใด สิ่งที่ทำในวัฒนธรรมของคนรุ่นต่อรุ่นและผู้ร่วมสมัย - ในวัฒนธรรมของเวทีละคร โรงเรียนภาพยนตร์ ในเวิร์คช็อปของศิลปิน นอกรอบของสถาบัน Kurchatov ซึ่งเราได้จัดนิทรรศการของเปรี้ยวคนที่สอง การ์ดที่ฉันบรรยายเรื่องจีนครั้งแรก - มันจำเป็น มันอาจจะกลายเป็นรัสเซียก็ได้
เกี่ยวกับพระเจ้า
แน่นอนพวกเขาพูดถึงพระเจ้า สำหรับทั้ง Pyatigorsky และ Mamardashvili นี่เป็นประเด็นการอภิปรายที่สำคัญมาก
ฉันจะเห็นความใกล้ชิดระหว่างคนที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน แต่พบกันที่ Sergeev's - ระหว่าง Andrei Sinyavsky และ Merab Mamardashvili ได้ที่ไหน ดังที่ Merab กล่าว ประวัติศาสตร์ศิลปะของเราสิ้นสุดลงในปี 1914 จากนั้น พูดคร่าวๆ ก็คือ สัจนิยมสังคมนิยม ปรัชญาโซเวียต ได้เริ่มต้นขึ้น และมันก็กลายเป็นความล้มเหลว ความพยายามของชีวิต ซึ่งเป็นชีวิตสร้างสรรค์ที่ทรงพลังมาก มุ่งเป้าไปที่การเชื่อมโยงปลายทั้งสองด้านเข้าด้วยกัน โดยยกระดับแอตแลนติสแห่งยุคเงินจากด้านล่างสุด มันจำเป็น เมรับหันศีรษะไปทางด้านหลัง และโดยทั่วไปแล้วเราจะต้องหันหน้าไปทางด้านหลัง พวกเขาสร้างสะพาน และ Sinyavsky เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ เขาเขียนหนังสือที่ยอดเยี่ยมเรื่อง "Earth and Heaven in Old Russian Art" เนื่องจากในหัวข้อและปัญหาที่สำคัญมากในช่วงทศวรรษ 1960, 1970, 1980 มีประเด็นและปัญหาที่ได้รับการเลี้ยงดูในช่วงเปลี่ยนสองศตวรรษนั่นคือศิลปะรัสเซียโบราณประเด็นแห่งการฟื้นฟู
แน่นอนว่ามีการสนทนาเรื่องศาสนา เพราะสำหรับทั้ง Sasha Pyatigorsky และ Merab คำถามของพระเจ้ามีความสำคัญมาก ต่อมาในช่วงทศวรรษ 1980 Merab เริ่มสนใจคุณพ่อ Alexander Men มากและสื่อสารกับเขา ออร์โธดอกซ์มีความโดดเด่นสำหรับเขา เขาพูดถึงศรัทธาที่มีต่อบุคคล เวลาพยายามส่งคืนค่าสัมบูรณ์ ค่าสัมบูรณ์ในแนวคิดเรื่องเกียรติยศและความเชื่อมโยงของบุคคลกับบางสิ่งบางอย่าง
หนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของทั้งเขา Pyatigorsky และ Andrei Sinyavsky คือการทำลายแบบแผนของจิตสำนึก ทำลายทัศนคติแบบเหมารวมเกี่ยวกับโลกที่คุณอาศัยอยู่ การทำลายแบบแผนพฤติกรรม ก้าวออกจากเวลา ก้าวออกจากรุ่น และวางแผนตั้งแต่ด้านบนจนถึงจุดนี้
เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐาน
อเล็กซานเดอร์ เปียติกอร์สกี ในสวีเดน ภาพถ่ายโดย Lyudmila Pyatigorskaya
2549 freedom.org
เมื่อผู้คนเริ่มจากไป รู้สึกเหมือนเป็นจุดสิ้นสุดของยุคสมัยอันแสนวิเศษ ในชีวิตที่ฉันกำลังพูดถึง หลักการสร้างคือการสื่อสาร มันไม่ใช่แค่มิตรภาพ แต่เป็นการเรียนรู้ แล้วบางสิ่งที่สำคัญในชีวิตก็จบลงมันก็ไม่มีอีกต่อไป มอสโกกำลังว่างเปล่า ไม่มี Neizvestny, Pyatigorsky, Sinyavsky อยู่ในนั้น ฉันจำได้ว่าฉันถามเมราบว่า “ทำไมคุณไม่ออกไป?” เขาพูดว่า: “Sasha จำเป็นต้องจากไป แต่ฉันต้องอยู่ที่นี่ ฉันไม่จำเป็นต้องไป”
Pyatigorsky ต้องจากไปเพราะเขาเป็นนักเขียน เขาเขียนเรื่อง "The Life of Buddha" ในซีรีส์ ZhZL แต่ไม่มีใครตีพิมพ์และสิ่งนี้มีส่วนในการจากไปของเขา เขาไม่มีผู้ฟังบรรยายมากนัก เขาเป็นนักวิจัย ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในโลกตะวันตก
มีคนจำนวนน้อยมากที่มากับเขา และโดยส่วนตัวแล้วฉันไม่ได้เห็นเขาออกไป แต่ฉันรู้ตอนหนึ่งจากทั้งเมราบและซาชา เจ้าหน้าที่รักษาชายแดนเริ่มเยาะเย้ยเขาและสาธิตการแกะกระเป๋าเดินทางของเขา Sasha มีอะไรบ้างนอกจากชุดสูทหนึ่งตัว กางเกงอีกตัว และกางเกงชั้นในที่ไม่มีแบรนด์? เจ้าหน้าที่ศุลกากรเร่งเร้าทุกอย่างด้วยความเอร็ดอร่อยโดยใส่ข้าวของอันน่าสมเพชของเขา ซาช่ายืนนิ่งเงียบ และเมื่อทั้งหมดนี้จบลง Sasha พูดกับเจ้าหน้าที่ศุลกากรรักษาชายแดนคนนี้: "ขอบคุณนะหนุ่มน้อย คุณทำให้ฉันบอกลาบ้านเกิดได้ง่ายขึ้นมาก” ศักดิ์ศรีนี้ได้รับการชื่นชมอย่างมาก
Paola Volkova นักประวัติศาสตร์ศิลป์และนักการศึกษาผู้ชาญฉลาดในยุคของเรา เสียชีวิตแล้ว หากคุณไม่เคยเห็นการบรรยายของเธอมาก่อน ลองชมการบรรยายครั้งแรกจากซีรีส์เรื่อง “Bridge over the Abyss” แล้วคุณจะต้องการฟังและฟัง มองและมอง คิดและคิดต่อไป
ดูเหมือนว่า Paola Volkova จะรู้จักผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ ทั้งศิลปิน นักแสดง ผู้กำกับ และผู้สร้างยุคนั้น ราวกับว่าเธอมีชีวิตอยู่ในเวลานั้นและเป็นรำพึงของพวกเขาเอง เธอพูดอย่างฉุนเฉียวและชัดเจนเกี่ยวกับโลกแห่งศิลปะชั่วคราวเกี่ยวกับชะตากรรมของผู้ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง และพวกเขาเชื่อเธอว่าทุกอย่างเป็นเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านการบรรยายของเธอที่ VGIK เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะ - นักเรียนต่างยึดติดกับเธอทุกคำพูด ผู้อำนวยการ Vadim Abrashitov จำชั้นเรียนเหล่านี้ไปตลอดชีวิต “เธอพูดถึงว่าศิลปะและวัฒนธรรมมีความสำคัญต่อชีวิตคนอย่างไร ว่านี่ไม่ใช่เพียงรายการหลักในการใช้จ่ายงบประมาณเท่านั้น
มันเหมือนกับว่านี่คือชีวิตนั่นเอง” ผู้กำกับ วาดิม อับดราชิตอฟ เล่า Paola Volkova ซึ่งเป็นนักเรียนของ Merab Mamardashvili และ Lev Gumilyov เองก็ก้าวขึ้นสู่ระดับเดียวกับครูในตำนานของเธอ ในฐานะนักวิจารณ์ศิลปะและนักคิด เธอได้เปลี่ยนวิธีคิดของผู้คนมากมายเกี่ยวกับโลก โปรเจ็กต์ดั้งเดิมของเธอในช่อง Culture TV "Bridge over the Abyss" เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะยุโรป กลายเป็นเรื่องที่ได้รับการเปิดเผย โลกของ Giotto, Botticelli, Durer, Rublev มีชีวิตขึ้นมาในเรื่องราวของเธอและกลายเป็นความจริง “ผู้หญิงคนนี้โดดเด่นอย่างยิ่ง เป็นคนที่มอบชีวิตทางวัฒนธรรมให้กับผู้สร้างภาพยนตร์จำนวนมาก เป็นคนที่มีความรู้และมีเสน่ห์จากสารานุกรม” ช่างภาพ นักข่าว และนักเขียน ยูริ รอสต์ กล่าว - นี่เป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับวัฒนธรรมรัสเซียโดยรวม - นั่นคือทั้งหมด แต่สำหรับเพื่อนมันเป็นแค่ความโศกเศร้า”
เธอสามารถจัดพิมพ์ "Bridge Over the Abyss" ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าหนังสือที่วางแผนไว้ และอีกครั้งที่เธอดำเนินการเสวนากับกรีกโบราณ วัฒนธรรมของเกาะครีต และนักปรัชญาของจีน Paola Volkova เรียกศตวรรษที่ 20 ว่าเป็นบทวิจารณ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ - ราวกับว่าเธอกำลังพูดถึงอดีต “Paola Dmitrievna เป็นตำนาน” ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์ Kirill Razlogov กล่าว “ ตำนานที่ VGIK ที่เธอสอน ตำนานของเปเรสทรอยกา เมื่อเธอเข้าสู่วัฒนธรรมอันกว้างใหญ่ของเรา ตำนานเมื่อเธอต่อสู้เพื่อความทรงจำของทาร์คอฟสกี้ ซึ่งเธอคุ้นเคยอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีการต่อสู้ที่ร้ายแรงของมรดกที่ปะทุขึ้น ”
ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกในผลงานของ Andrei Tarkovsky เธอรวบรวมลำดับวงศ์ตระกูลของเขา ศึกษาเอกสารสำคัญ และพบว่ามีความเหมือนกันระหว่างผู้กำกับ Tarkovsky และกวี Khlebnikov
“เมื่อเธอพูดถึงงานศิลปะ มันดูเหมือนกลายเป็นเพชรอะไรบางอย่าง ทุกคนรักเธอนะรู้ไหม” ผู้กำกับอเล็กซานเดอร์ มิตตากล่าว - ในทุกธุรกิจมีคนที่ดีกว่าคนอื่น เรื่องทั่วไปเรื่องนี้. เธอเป็นนายพลในสาขาของเธอ”
เมื่อ Paola Volkova ถูกขอให้แปลการบรรยายเป็นหนังสือ เธอกล่าวว่าการเขียนต้องใช้วิธีคิดและภาษาที่แตกต่างออกไป เธอยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่าเรื่องที่เก่งกาจ เธอยอมรับว่าเพิ่งเรียนรู้ที่จะเขียนโดยย่อและกระชับเมื่อไม่นานมานี้ แต่ในเศรษฐกิจแบบนี้ มียุคสมัยและโชคชะตามากมาย ความคิดและความรู้สึกที่เข้มข้นจนพอจะอ่านได้หลายสิบเล่ม - มีเพียงเวลาเท่านั้นที่กลับน้อยเกินไป
นักประวัติศาสตร์วัฒนธรรม ศิลปินผู้มีเกียรติของ RSFSR (1991)
ชีวประวัติ
Paola Volkova ถือเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในสาขาของ Andrei Tarkovsky เธอได้รับเชิญให้บรรยายหลายครั้งในพิธีเปิดการฉายภาพยนตร์ย้อนหลัง รวมถึงการสัมภาษณ์เกี่ยวกับงานของเขาในสื่อตะวันตก
เรื่องอื้อฉาวในตุรกุ
บรรณานุกรม
- อังเดร ทาร์คอฟสกี้. หอจดหมายเหตุ เอกสาร ความทรงจำ /คอม พี.ดี. โวลโควา - อ.: Podkova, Eksmo-Press, 2545 - 464 หน้า - 7100 เล่ม
- - ไอ 5-04-010282-8.โวลโควา พี.ดี.
- - ไอ 5-04-010282-8.อาร์เซนี ทาร์คอฟสกี้. ชีวิตครอบครัวและประวัติครอบครัว - อ.: Podkova, Eksmo-Press, 2545 - 224 หน้า - 5100 เล่ม
- - ไอ 5-04-010283-6.อาร์เซนี และอังเดร ทาร์คอฟสกี้ - อ.: ม้าลาย อี 2547 - 384 หน้า - 5,000 เล่ม
- - ไอ 5-94663-117-9. Volkova P. D. , Gerasimov A. N. , Sumenova V. I.
- - ไอ 5-04-010282-8.อาชีพ: ช่างถ่ายภาพยนตร์. - Ekaterinburg: U-Factoria, 2004. - 808 หน้า - 5,000 เล่ม
- - ไอ 5-04-010282-8.- ไอ 5-94799-432-1.
- - ไอ 5-04-010282-8.โวลโควา พี., เกร์รา แอล., เกร์รา ที.
- โตนิโน่. - อ.: ม้าลาย อี 2548 - 463 หน้า - 3,000 เล่ม- ไอ 978-5-94663-252-3.
- - ไอ 5-04-010282-8.โตนิโน่ เกร์รา. พลเมืองของโลก - อ.: Zebra E, 2010. - (ทั้งศตวรรษที่ยี่สิบ). - 3,000 เล่ม
- - ไอ 978-5-905629-83-9.
- - ไอ 5-04-010282-8.เลโอนิด ซาวัลนยุก. มิติ/สถานะอื่นๆ พี.ดี. โวลโควา - อ.: ม้าลาย อี 2555 - 532 หน้า - ไอ 978-5-905629-84-6.
- - ไอ 5-04-010282-8.ราคาของนอสโตสคือชีวิต - อ.: ม้าลาย อี 2556 - 568 หน้า - 3,000 เล่ม
- - ไอ 5-04-010282-8.- ไอ 978-5-905629-48-8.
- - ไอ 5-04-010282-8.สะพานข้ามเหว. เล่มสอง. - อ.: ม้าลาย อี 2556 - 223 น. - 15,000 เล่ม
- - ไอ 5-04-010282-8.- ไอ 978-5-906339-34-8.
สะพานข้ามเหว. เล่มสาม. - อ.: ม้าลาย อี 2014 - 240 น. - 20,000 เล่ม
- ไอ 978-5-906339-66-9.
สะพานข้ามเหว. เล่มสี่. - อ.: ม้าลาย อี 2557 - 250 น. - 20,000 เล่ม
- - ไอ 978-5-90633-987-4.
- การถ่ายภาพบุคคล ส่วนที่หนึ่ง - อ.: ม้าลาย อี 2014 - 272 หน้า - 3,000 เล่ม- ไอ 978-5-90633-993-5.
- เขียนบทวิจารณ์บทความ "Volkova, Paola Dmitrievna"หมายเหตุ
ลิงค์
Paola Volkova (อังกฤษ) บนฐานข้อมูลภาพยนตร์อินเทอร์เน็ตอันนุชกิน เอ.
// "หนังสือพิมพ์ครู". - 2545. - ลำดับที่ 37.
Frumkina R. M.
// “ตัวเลือกทรินิตี้ - วิทยาศาสตร์”. - 28 มกราคม 2557 - ลำดับที่ 146.
ข้อความที่ตัดตอนมาจาก Volkov, Paola Dmitrievna
“ Natalya!...” Marya Dmitrievna กล่าว - ฉันขอให้คุณสบายดี คุณนอนลง นอนตรงนั้น ฉันจะไม่แตะต้องคุณแล้วฟัง... ฉันจะไม่บอกคุณว่าคุณมีความผิดแค่ไหน คุณก็รู้เอง พรุ่งนี้พ่อคุณจะมา ฉันจะบอกเขายังไงดี? เอ?
ร่างกายของนาตาชาสั่นสะอื้นอีกครั้ง
Marya Dmitrievna ยังคงตักเตือนนาตาชาต่อไปอีกระยะหนึ่งและโน้มน้าวเธอว่าทั้งหมดนี้จะต้องซ่อนไว้จากการนับว่าจะไม่มีใครรู้อะไรเลยหากนาตาชาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะลืมทุกสิ่งและไม่แสดงให้ใครเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้น นาตาชาไม่ตอบ เธอไม่ร้องไห้อีกต่อไป แต่เธอเริ่มรู้สึกหนาวสั่นและตัวสั่น Marya Dmitrievna วางหมอนให้เธอคลุมด้วยผ้าห่มสองผืนแล้วนำดอกมะนาวมาให้เธอเอง แต่นาตาชาไม่ตอบสนองต่อเธอ “ เอาล่ะให้เขานอน” Marya Dmitrievna พูดขณะออกจากห้องโดยคิดว่าเธอหลับอยู่ แต่นาตาชาไม่ได้นอนและมองตรงไปข้างหน้าจากใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอด้วยดวงตาที่แน่วแน่และเปิดกว้าง ตลอดคืนนั้นนาตาชานอนไม่หลับและไม่ร้องไห้และไม่ได้พูดกับซอนย่าที่ลุกขึ้นและเข้าหาเธอหลายครั้ง
วันรุ่งขึ้น เพื่อรับประทานอาหารเช้า ตามที่เคานต์อิลยา อันเดรชสัญญาไว้ เขามาจากภูมิภาคมอสโก เขาร่าเริงมาก: ข้อตกลงกับผู้ซื้อเป็นไปด้วยดีและไม่มีอะไรทำให้เขาอยู่ในมอสโกวและแยกจากเคาน์เตสซึ่งเขาพลาดไป Marya Dmitrievna พบเขาและบอกเขาว่าเมื่อวานนี้ Natasha รู้สึกไม่สบายมาก พวกเขาได้ส่งไปหาหมอ แต่ตอนนี้เธอดีขึ้นแล้ว นาตาชาไม่ได้ออกจากห้องของเธอในเช้าวันนั้น ด้วยริมฝีปากที่เม้มแน่น ตาแห้ง จ้องจับจ้อง เธอนั่งริมหน้าต่างและมองดูผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนอย่างกระสับกระส่าย และรีบหันกลับไปมองผู้ที่เข้ามาในห้อง เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังรอข่าวเกี่ยวกับเขารอให้เขามาหรือเขียนถึงเธอ
เมื่อนับเข้ามาหาเธอ เธอก็หันกลับมาอย่างกระสับกระส่ายเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของชายคนนั้น และใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าเย็นชาและโกรธเคืองในอดีต เธอยังไม่ลุกขึ้นมาพบเขาเลย
– คุณเป็นอะไรไป นางฟ้าของฉัน คุณป่วยหรือเปล่า? - ถามการนับ นาตาชาเงียบ
“ใช่ ฉันป่วย” เธอตอบ
เพื่อตอบคำถามที่เป็นกังวลของเคานต์ว่าทำไมเธอถึงถูกฆ่าขนาดนั้น และมีอะไรเกิดขึ้นกับคู่หมั้นของเธอหรือไม่ เธอรับรองกับเขาว่าไม่มีอะไรผิดปกติและขอให้เขาไม่ต้องกังวล Marya Dmitrievna ยืนยันคำรับรองของ Natasha ต่อท่านเคานต์ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น การนับตัดสินโดยความเจ็บป่วยในจินตนาการโดยความผิดปกติของลูกสาวของเขาโดยใบหน้าที่เขินอายของ Sonya และ Marya Dmitrievna เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นเมื่อเขาไม่อยู่: แต่เขากลัวมากที่จะคิดว่ามีเรื่องน่าอับอายเกิดขึ้น สำหรับลูกสาวที่รักของเขา เขารักความสงบร่าเริงของเขามากจนเขาหลีกเลี่ยงการถามคำถามและพยายามทำให้ตัวเองมั่นใจว่าไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น และรู้สึกเสียใจเพียงเพราะสุขภาพไม่ดี พวกเขาจึงถูกเลื่อนออกไปที่หมู่บ้าน
ตั้งแต่วันที่ภรรยาของเขามาถึงมอสโกวปิแอร์ก็เตรียมที่จะไปที่ไหนสักแห่งเพื่อไม่ให้อยู่กับเธอ ไม่นานหลังจากที่ Rostovs มาถึงมอสโก ความประทับใจที่นาตาชาทำต่อเขาทำให้เขาต้องรีบทำตามความตั้งใจของเขา เขาไปที่ตเวียร์เพื่อพบภรรยาม่ายของโจเซฟอเล็กเซวิชซึ่งสัญญาไว้เมื่อนานมาแล้วว่าจะมอบเอกสารของผู้ตายให้เขา
เมื่อปิแอร์กลับไปมอสโคว์ เขาได้รับจดหมายจาก Marya Dmitrievna ซึ่งเรียกเขามาที่บ้านของเธอในเรื่องที่สำคัญมากเกี่ยวกับ Andrei Bolkonsky และคู่หมั้นของเขา ปิแอร์หลีกเลี่ยงนาตาชา สำหรับเขาดูเหมือนว่าเขามีความรู้สึกต่อเธอมากกว่าที่ผู้ชายที่แต่งงานแล้วควรมีสำหรับเจ้าสาวของเพื่อนของเขา และโชคชะตาบางอย่างก็พาเขามาพบกับเธอตลอดเวลา
"เกิดอะไรขึ้น? และพวกเขาสนใจอะไรเกี่ยวกับฉัน? เขาคิดขณะแต่งตัวเพื่อไปหา Marya Dmitrievna เจ้าชายอังเดรจะรีบมาแต่งงานกับเธอ!” คิดว่าปิแอร์กำลังเดินทางไป Akhrosimova
บนถนน Tverskoy มีคนร้องเรียกเขา
- ปิแอร์! นานแค่ไหนแล้วที่คุณมาถึง? – เสียงที่คุ้นเคยตะโกนใส่เขา ปิแอร์เงยหน้าขึ้น ในการเลื่อนคู่หนึ่งบนตีนเป็ดสีเทาสองตัวที่โปรยหิมะบนยอดเลื่อน Anatole ก็แวบวับไปพร้อมกับ Makarin สหายประจำของเขา อนาโทลนั่งตัวตรงในท่าคลาสสิกของเสื้อผ้าทหาร ปิดส่วนล่างของใบหน้าด้วยปลอกคอบีเวอร์ และก้มศีรษะเล็กน้อย ใบหน้าของเขาแดงก่ำและสดชื่น หมวกของเขาที่มีขนนกสีขาวอยู่ด้านหนึ่งเผยให้เห็นผมของเขา ม้วนงอ โพกผมและโปรยด้วยหิมะเนื้อละเอียด
“และถูกต้อง นี่คือปราชญ์ตัวจริง! ปิแอร์คิดว่าเขาไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากช่วงเวลาแห่งความสุขในปัจจุบัน ไม่มีอะไรรบกวนเขา และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงร่าเริง พอใจ และสงบอยู่เสมอ ฉันจะให้อะไรเหมือนเขา!” ปิแอร์คิดด้วยความอิจฉา
ในห้องโถงของ Akhrosimova ทหารราบซึ่งถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ของปิแอร์ออกบอกว่า Marya Dmitrievna ถูกขอให้มาที่ห้องนอนของเธอ
เมื่อเปิดประตูห้องโถง ปิแอร์เห็นนาตาชานั่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยใบหน้าที่บางซีดและโกรธ เธอมองย้อนกลับไปที่เขา ขมวดคิ้วและมีศักดิ์ศรีที่เย็นชาออกจากห้องไป
- เกิดอะไรขึ้น? - ปิแอร์ถามโดยเข้าสู่ Marya Dmitrievna
“ การทำความดี” Marya Dmitrievna ตอบ:“ ฉันมีชีวิตอยู่ในโลกนี้มาห้าสิบแปดปีแล้วฉันไม่เคยเห็นความอับอายเช่นนี้มาก่อน” - และรับคำกล่าวอันเป็นเกียรติของปิแอร์ที่จะไม่นิ่งเงียบเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขาเรียนรู้ Marya Dmitrievna บอกเขาว่านาตาชาปฏิเสธคู่หมั้นของเธอโดยที่พ่อแม่ของเธอไม่รู้ ว่าสาเหตุของการปฏิเสธนี้คือ Anatol Kuragin ซึ่งภรรยาของเขาตั้งปิแอร์ขึ้นมา และเธออยากจะหนีไปกับใครโดยไม่มีพ่อเพื่อจะได้แต่งงานกันอย่างลับๆ
ปิแอร์ยกไหล่ขึ้นและอ้าปากฟังสิ่งที่ Marya Dmitrievna กำลังบอกเขาโดยไม่เชื่อหูของเขา เจ้าสาวของเจ้าชาย Andrei ซึ่งเป็นที่รักมาก Natasha Rostova อดีตผู้แสนหวานคนนี้ควรแลกเปลี่ยน Bolkonsky กับคนโง่ Anatole ซึ่งแต่งงานแล้ว (ปิแอร์รู้ความลับของการแต่งงานของเขา) และตกหลุมรักเขามากจนตกลงที่จะหนีไป กับเขา! “ ปิแอร์ไม่เข้าใจสิ่งนี้และจินตนาการไม่ออก”
ความประทับใจอันแสนหวานของนาตาชาซึ่งเขารู้จักมาตั้งแต่เด็กไม่สามารถรวมเข้ากับความคิดใหม่เกี่ยวกับความโง่เขลาและความโหดร้ายในจิตวิญญาณของเขาได้ เขาจำภรรยาของเขาได้ “พวกเขาเหมือนกันหมด” เขาพูดกับตัวเอง โดยคิดว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่โชคร้ายที่ต้องพัวพันกับผู้หญิงน่ารังเกียจ แต่เขายังคงรู้สึกเสียใจต่อเจ้าชายอังเดรจนน้ำตาไหล เขารู้สึกเสียใจในความภาคภูมิใจของเขา และยิ่งเขารู้สึกเสียใจกับเพื่อนของเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งดูถูกและรังเกียจมากขึ้นเท่านั้นที่เขาคิดถึงนาตาชาคนนี้ซึ่งตอนนี้เดินผ่านเขาไปในห้องโถงด้วยการแสดงออกถึงศักดิ์ศรีที่เย็นชา เขาไม่รู้ว่าวิญญาณของนาตาชาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ความอับอาย ความอัปยศอดสู และไม่ใช่ความผิดของเธอที่ใบหน้าของเธอแสดงศักดิ์ศรีและความรุนแรงที่สงบโดยไม่ตั้งใจ
สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโก (พ.ศ. 2496) ด้วยปริญญาด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ ประวัติศาสตร์ศิลปะดุษฎีบัณฑิต (2543)
ในปี พ.ศ. 2503-2530 เธอได้สอนหลักสูตรประวัติศาสตร์ทั่วไปด้านศิลปะและวัฒนธรรมทางวัตถุที่ VGIK ตั้งแต่ปี 1979 เขาได้สอนวัฒนธรรมศึกษาและสาขาวิชา "การออกแบบทัศนศิลป์ภาพยนตร์" ในหลักสูตรระดับสูงสำหรับนักเขียนบทและผู้กำกับ ในช่วงทศวรรษ 1970-1980 เธอจัดบรรยายโดย Merab Mamardashvili, Nathan Eidelman, Georgy Gachev, Lev Gumilyov และนักคิดคนอื่น ๆ เขามีสิ่งพิมพ์มากกว่า 50 ฉบับในนิตยสาร หนังสือ วารสารเกี่ยวกับศิลปะร่วมสมัยและประเด็นส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับงานของ Andrei Tarkovsky
ตั้งแต่ปี 1989 ผู้อำนวยการมูลนิธิ Andrei Tarkovsky ในมอสโก (ปัจจุบันหมดอายุแล้ว) ในระหว่างการทำงาน มูลนิธิได้จัดงานเทศกาลและนิทรรศการมากกว่า 20 รายการในรัสเซียและต่างประเทศ เป็นผู้ริเริ่มและเป็นหนึ่งในผู้สร้างบ้าน Andrei Tarkovsky ในบ้านเกิดของผู้อำนวยการใน Yuryevets ติดตั้งป้ายหลุมศพบนหลุมศพของ Andrei ที่สุสานรัสเซียของ Sainte-Genevieve-des-Bois
Paola Volkova ถือเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของโลกในสาขาของ Andrei Tarkovsky เธอได้รับเชิญซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้บรรยายในพิธีเปิดการฉายภาพยนตร์ย้อนหลัง ตลอดจนการสัมภาษณ์เกี่ยวกับงานของเขากับสื่อมวลชนตะวันตก
กิจกรรมของ Volkova ในการจัดนิทรรศการครั้งหนึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาว ในฤดูร้อนปี 2552 ที่นิทรรศการศิลปะเปรี้ยวจี๊ดของรัสเซียในเมืองเตอร์กู เรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นกับภาพวาดปลอมที่อาจเกิดขึ้น ผู้ริเริ่มคือ Otto Kantokorpi นักวิจารณ์ศิลปะชาวฟินแลนด์ ออตโซ คันโตกอร์ปิ) เรียกข้อความที่เขียนโดย Paola Dmitrievna สำหรับแคตตาล็อกนิทรรศการว่า "งุ่มง่ามและไม่ชำนาญ"
บรรณานุกรม
- พี.ดี. โวลโควาอังเดร ทาร์คอฟสกี้. ความคิดถึง - ม้าลาย อี 2551 - 528 หน้า - 5,000 เล่ม - ไอ 978-5-17-051170-9
- พี.ดี. โวลโควาสะพานข้ามเหว. - ม้าลาย อี 2552 - 368 หน้า - 3,000 เล่ม - ไอ 978-5-94663-967-5
- พี.ดี. โวลโควาอาร์เซนี และอังเดร ทาร์คอฟสกี้ - ม้าลาย อี 2547 - 384 หน้า - 5,000 เล่ม - ไอ 5-94663-117-9